เข้าสู่ระบบในขณะที่องค์ชายฟู่ซิวเหิงและตัวแทนยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ราวกับว่าตนเองนั้นจะชนะการเดิมพันในครั้งนี้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นประลองฝีมือกันเลยด้วยซ้ำ แต่ในอีกมุมหนึ่งของห้อง เทพพนัน จางหยูซิน ผู้เป็นตัวแทนของเยี่ยจิงหลิน ยืนอยู่ในความเงียบสงบ ท่าทางของเขาไม่ได้แสดงออกถึงความตื่นเต้นหรือความวิตกกังวลใดๆ เขากลับยิ้มเล็กน้อย ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกเยือกเย็นและความมั่นใจที่ไม่มีใครสามารถทำให้เขาเคลือบแคลงได้
รอยยิ้มของเขานั้นเต็มไปด้วยความร้ายกาจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทั้งสองฝ่ายเหมือนกับผู้ล่าที่กำลังมองเหยื่อของตน ราวกับว่าเขารู้ดีว่าเกมนี้จะจบลงอย่างไร แม้ว่าองค์ชายฟู่ซิวเหิงและลูกน้องจะรู้สึกว่าตนเองกำลังจะชนะ แต่ในความจริงแล้ว เทพพนันเห็นพวกเขาเหมือน หมูในอวย
เยี่ยจิงหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นรอยยิ้มของเทพพนันและท่าทีที่มั่นใจเกินไปเล็กน้อย จึงหันไปถามเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้ามั่นใจอย่างนั้นเหรอ?” คำถามของนางไม่ได้แสดงความสงสัยออกมาเพียงแต่ การเดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่แค่เกมที่เล่นกันเพื่อความสนุก แต่มันคือการตัดสินชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่
จางหยูซินยิ้มอีกครั้ง “ไว้เจ้ารอชมผลงานด้วยสายตาของตัวเองจะดีกว่า” จางหยูซินไม่ใช่คนที่ชอบพูดโอ้อวดหรือทำตัวเด่นสะดุดตา เขาเชื่อว่าโชคชะตาของคนไม่เคยถูกตัดสินจากคำพูด แต่มันจากการกระทำที่เหนือชั้นยิ่งกว่า
เกมที่ทั้งสองฝ่ายจะลงเดิมพันในวันนี้คือ เกมลูกเต๋า ซึ่งเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่ไม่อาจคาดเดาได้ ทุกฝ่ายต่างต้องวางเดิมพันลงในช่องที่ตนเองมั่นใจ แล้วโยนลูกเต๋าเพื่อตัดสินผลลัพธ์ บางครั้งโชคก็อาจเข้าข้าง หรือบางครั้งก็อาจจะตกเป็นของผู้ที่สามารถคำนวณหรือคาดการณ์ได้ดีที่สุด
เยี่ยจิงหลิน นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางสงบ น้ำเสียงของนางเย็นชาดังขึ้นเมื่อพูดถึงเดิมพัน “ข้าเดิมพันทองคำหนึ่งร้อยหีบ” ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ทองคำที่นางนำมาวางเดิมพัน
องค์ชายฟู่ซิวเหิงมองไปที่ลูกเต๋าที่จะเป็นตัวตัดสินการเดิมพัน เขาไม่ลังเลที่จะเดิมพันด้วย ตระกูลซุน
เกมเริ่มต้นขึ้น ลูกเต๋าถูกโยนลงบนโต๊ะ เสียงของมันที่กระทบกับพื้นดังขึ้นอย่างก้องกังวาน ทุกคนจับตาดูความเคลื่อนไหวของลูกเต๋าอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อมันหยุดลง เสียงในห้องกลับเงียบลงไปทั้งหมด ทุกคนหายใจไม่ทั่วท้อง พวกเขาต่างรอคอยผลลัพธ์ที่สำคัญนี้อย่างใจระทึก
ลูกเต๋าหยุดลง และตัวเลขที่ปรากฏออกมาคือ 5 และ 6 ซึ่งรวมกันได้ 11 แต้ม ที่น่าตกใจคือผลลัพธ์นี้ตรงตามการคาดการณ์ของเทพพนัน ในขณะที่ตัวแทนขององค์ชายฟู่ซิวเหิงกลับเห็นว่าเป็นแต้มที่ไม่คาดคิด ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดนิ่งในความรู้สึกตกใจ
“ข้าชนะ” น้ำเสียงของเทพพนันดังขึ้นอย่างมั่นใจ โดยไม่ได้แสดงความดีใจออกมาอย่างชัดเจน แต่มันแฝงไปด้วยความเยือกเย็นและความเหนือชั้นที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ในขณะที่ผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้องค์ชายฟู่ซิวเหิงรู้สึกถึงความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้ เขาหันไปตบใบหน้าของตัวแทนของตนอย่างรุนแรง “ไหนเจ้าบอกว่าเจ้ามั่นใจในฝีมือ? แล้วนี่มันอะไรกัน!” เสียงตบหน้าดังไปทั่ว ใบหน้าของตัวแทนถึงกับสั่นสะท้านไปมาด้วยแรงตบ
ตัวของมันนั้นหอบหายใจอย่างหนัก แต่มันก็ยังพยายามรวบรวมสติและพูดออกมาเสียงสั่น “ข้า… ครั้งหน้าข้าไม่พลาดแน่องค์ชาย” น้ำเสียงของมันในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความมั่นใจที่เคยมีเริ่มจางหายไป
เยี่ยจิงหลินหันมามองอย่างเย็นชา และพูดอย่างตรงไปตรงมา “องค์ชายไหนล่ะตระกูลซุนของข้า?” น้ำเสียงของนางเย็นชาเล็กน้อยพร้อมทั้งเรียกร้องสิ่งวางเดิมพันที่ตัวของนางสมควรจะได้ในทันที
องค์ชายฟู่ซิวเหิงกัดฟันกรอด เขาลงนามในกระดาษแผ่นหนึ่งอย่างขุ่นเคืองและส่งไปให้เยี่ยจิงหลิน “บัดนี้ตระกูลซุนกลับเป็นของเจ้าแล้ว” เสียงขององค์ชายแฝงไปด้วยความขัดใจ ที่ตนเองแพ้การเดิมพันตั้งแต่เริ่ม
อ๋องฟู่หยางเซิน ได้ตระกูลซุนมาอย่างง่ายดาย เมื่อ ซุนฮ่าว บุตรชายของแม่ทัพ ซุนเทา ติดการพนันจนหมดตัว การที่ซุนฮ่าวพ่ายแพ้ในการเสี่ยงโชค ทำให้ อ๋องฟู่หยางเซิน ในฐานะเจ้าของบ่อนการพนันใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงสามารถครอบครองตระกูลนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น อ๋องฟู่หยางเซินไม่ต้องทำอะไรมาก เพียงแค่โชคชะตาช่วยให้เขาได้รับตระกูลซุนมาไว้ในมือ
แต่ใครจะคาดคิดว่าโชคชะตาจะพลิกผันอีกครั้ง เมื่อ บุตรชายสุดที่รัก ของท่านอ๋องผู้ซึ่งเคยเป็นความภาคภูมิใจ กลับเป็นผู้ทำให้ ตระกูลซุน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการขยายอำนาจและความยิ่งใหญ่ ต้องหลุดมือไปอย่างง่ายดาย การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เพียงแค่ทรัพย์สมบัติหายไป แต่ยังทำให้ชื่อเสียงและอำนาจที่เคยมีถูกสะเทือนและสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว
ยิ่งเวลาไหลผ่านไป องค์ชายฟู่ซิวเหิง ก็ยิ่งจมอยู่ในห้วงของความพ่ายแพ้ ทุกครั้งที่เสียเงินเดิมพัน ร่างกายของฟู่ซิวเหิงก็ยิ่งสั่นสะท้านกับความโกรธและความผิดหวังที่ไม่อาจระงับได้ มือของเขากำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดออกมา เขาทุบตีตัวแทนของตนไม่ยั้งราวกับมันเป็นเพียงสุนัขที่ทำให้เขาผิดหวัง ใบหน้าของตัวแทนบวมเป่งและแดงก่ำไปจากแรงตบ ท่าทางของมันบัดนี้ดูเหมือนคนที่เกือบจะยอมแพ้ต่อโชคชะตา ร่างกายสั่นระริกจากความเจ็บปวด ความสมเพชในตัวเองนั้นชัดเจนราวกับคนที่ถูกทิ้งขว้าง
แต่ไม่ว่าเขาจะทุ่มเทไปเท่าไร ทุกการหมุนของลูกเต๋า ทุกการโยนของไพ่ กลับกลายเป็นการพ่ายแพ้ที่ตามมาอย่างไม่หยุดหย่อน ตัวแทนขององค์ชายยิ่งรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่สะท้อนออกมาจากองค์ชาย ฟู่ซิวเหิงได้แต่กัดฟันแน่น พยายามอย่างสุดชีวิต แต่การสูญเสียก็ยังคงเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่เหมือนกับกำลังจมลึกลงไปในหลุมดำของความพ่ายแพ้ไม่มีที่สิ้นสุด
เหงื่อเย็น เริ่มไหลลงตามใบหน้าขององค์ชาย ฟู่ซิวเหิงจนชุ่มโชก ร่างกายเขารู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว หัวใจของฟู่ซิวเหิง กำลังเต้นรัวอย่างเร็ว ราวกับว่าทุกการสูญเสียที่เกิดขึ้นมันกำลังจะทำให้เขาหมดลมหายใจไป ในห้วงความคิดที่เต็มไปด้วยความมืดมน เขาเริ่มรู้สึกเหมือนลมหายใจของตัวเองจะหายไปกับเสียงของลูกเต๋าที่กลิ้งไปอย่างไร้ทางออก
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอึดอัด ทุกสายตาจับจ้องไปที่การพ่ายแพ้ขององค์ชาย ฟู่ซิวเหิง ในขณะที่ เหล่าสักขีพยาน ที่ยืนดูอยู่ต่างก็เริ่มสัมผัสถึงความหวาดกลัวและความตกใจที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งห้อง เหงื่อของพวกเขาไหลราวกับฝนตก พวกเขารู้ดีว่าการเดิมพันในครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การทดสอบโชคชะตา แต่มันคือการทดสอบอำนาจ ความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นนี้จะกลายเป็นบทเรียนอันแสนเจ็บปวดสำหรับองค์ชาย ฟู่ซิวเหิงและทุกคนที่มองอยู่
เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นความพ่ายแพ้ขององค์ชาย ฟู่ซิวเหิง ทุกสิ่งในห้องก็กลายเป็นความเงียบงันที่แสนจะน่าสยดสยอง ไม่มีเสียงใดๆ นอกจากเสียงหายใจของคนที่ยืนอยู่รอบๆ และเสียงเคาะลูกเต๋าที่ทิ้งตัวลงบนโต๊ะ มันเหมือนกับเสียงคำตัดสินที่สะท้อนกลับมาอย่างชัดเจน การพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาแค่สูญเสียเงิน แต่ทำให้ อำนาจของเขา และ ชีวิตของเขา กำลังตกอยู่ในอันตราย
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







