LOGINร่างของผู้คุมสอบดิ้นไปมาบนพื้นอย่างน่าสมเพช แขนขาของเขาชักกระตุกไปมาเหมือนสัตว์ที่ตกอยู่ในความทรมาน สายตาของผู้คนรอบๆ ทุกคนที่มาถึงสถานที่สอบต่างก็ยืนจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตะลึง พวกเขามองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้คุมสอบที่เคยเต็มไปด้วยอำนาจกลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด เสียงหายใจหอบถี่เหมือนจะหายใจไม่ออก ทำให้ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดจากฝีมือของเด็กสาวคนหนึ่งและเธอก็เป็นหนึ่งในผู้ทดสอบ
เธอยืนอยู่ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงนั้น ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธออายุไม่เกิน 18 ปี แต่พลังของเธอกลับไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ ความล้ำเลิศของพลังที่เธอแสดงออกมาเพียงแค่ครู่เดียว กลับทำให้ผู้คุมสอบผู้ที่แข็งแกร่งต้องตกอยู่ในสภาพอับอายและเจ็บปวด
"รีบช่วยเขาเถอะ!" เสียงตะโกนของผู้เข้าสอบคนหนึ่งดังขึ้น เมื่อเห็นว่าผู้คุมสอบกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเขารีบพุ่งเข้าไปเพื่อช่วยชีวิตเขาก่อนที่จะเสียชีวิตไปในกองเลือด
ขณะที่ทุกคนต่างพยายามทำความเข้าใจในเหตุการณ์นี้ ชายผู้ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าผู้คุมสอบเดินเข้ามา เขาจ้องมองไปที่เด็กสาวอย่างไม่แสดงท่าทีโกรธเคืองอะไร "เจ้าผ่านการทดสอบไปได้ การทดสอบที่เหลือไม่จำเป็น"
คำตัดสินจากหัวหน้าผู้คุมสอบทำให้ผู้คนรอบข้างตื่นตะลึงอย่างสุดขีด พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครกล้าโต้แย้ง เพราะพวกเขาเห็นแล้วว่า พลังที่เด็กสาวคนนี้แสดงออกมาเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ ผู้คุมสอบที่เคยเป็นผู้มีอำนาจกลับตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพช นั่นยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่า พลังของเด็กสาวคนนี้มันเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าใจ
"ขอบคุณ" เสียงของนางดังขึ้นในความเงียบของห้องสอบ น้ำเสียงของนางเย็นชาดุจน้ำแข็ง ไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆ เลย แม้จะได้รับคำตัดสินจากหัวหน้าผู้คุมสอบที่อนุมัติให้ผ่านการทดสอบ นางไม่ได้รู้สึกยินดีหรือกระตือรือร้นแม้แต่น้อย มันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีความตื่นเต้นใดๆ ที่จะต้องแสดงออก
นางเดินจากไปอย่างเงียบสงบ เส้นทางที่เดินผ่านดูเหมือนจะไม่หันกลับมามอง ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างยังคงจับจ้องไปที่หลังของนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง บางคนมองตามด้วยความเคารพ บางคนมองด้วยความกลัว และบางคนก็ยังคงไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่นางกลับไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น
การเดินจากไปของนางไม่ได้เป็นแค่การจบการทดสอบ แต่มันเหมือนเป็นการเริ่มต้นบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ ผู้คนรอบข้างยังคงรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นจากพลังของนาง พวกเขารู้ว่า นี่ไม่ใช่แค่การทดสอบธรรมดา
สำหรับ เยี่ยจิงหลิน นางนับว่าได้ผ่านการทดสอบไปแล้ว ส่วนผู้ที่เหลือนั้นอาจต้องใช้เวลาอีก 2-3 วันเพื่อทำการทดสอบให้เสร็จสิ้น แต่เยี่ยจิงหลินกลับเป็นคนแรกที่ได้เข้าพักในเรือนนอนของโรงเรียนฝึกตน ภายในห้องของผู้คุมสอบ ความตึงเครียดแผ่ซ่านไปทั่ว ผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังการกระทำของนางด้วยความไม่พอใจ
"หัวหน้าการกระทำของนางนั้นหยามเกียรติพวกเรามากจนเกินไป ข้าไม่สามารถที่จะยอมรับได้อย่างเด็ดขาด" ผู้คุมสอบคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความโกรธและไม่พอใจอย่างชัดเจน การที่เด็กสาวเพียงแค่คนเดียวสามารถทำให้ผู้คุมสอบต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เขารู้สึกว่ามันเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี
หัวหน้าผู้คุมสอบที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้หันมามองลูกน้องของตนอย่างหนักแน่น ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คำตัดสินของข้านั้นถือว่าเป็นที่สุด เด็กสาวคนนี้นั้นมีความสามารถ หากเจ้าจะโทษก็จงโทษตัวเองที่เป็นคนไร้ความสามารถ"
คำพูดของหัวหน้าผู้คุมสอบทำให้ห้องนั้นตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ ผู้คุมสอบคนอื่นทำได้แต่เพียงสงบปากสงบคำเพียงชั่วคราวแต่ประกายความแค้นภายในสายตานั้นยังคงอยู่
ยามค่ำคืนตกลงมาอย่างเงียบสงัด แต่ภายในห้องพักของผู้คุมสอบกลับเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและความคิดที่ร้อนรุ่ม ชายคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุมสอบให้กับ เยี่ยจิงหลิน กำแขนที่ถูกตัดขาดด้วยความโกรธแค้น สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธที่ไม่อาจยับยั้งได้
"พวกข้าจะแก้แค้นให้เจ้าตัวเจ้าเอาด้วยไหม?" ผู้คุมสอบคนหนึ่งพูดออกมาอย่างแค้นเคืองการที่สหายรักของเขาถูกจัดการมันทำให้ตัวของเขานั้นรู้สึกเจ็บแค้นแล้วขายหน้าไปด้วย
"ขอบคุณพี่น้องของข้าที่ยินดีช่วยเหลือสตรีนางนี้" เขากล่าวต่อ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ "นางช่างชั่วช้านัก ข้าหมายที่จะย่ำยีนางแล้วดับลมหายใจของนางให้สิ้น" เขาพูดจาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่รุนแรง หัวใจของเขาคับแค้นจนแทบจะระเบิดออกมา
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ชายผู้คุมสอบทั้งสามคนก็เริ่มทำการเดินไปยังเรือนนอนของเยี่ยจิงหลินอย่างรวดเร็ว พวกเขามาด้วยกันสามคน มือของพวกเขาถูกกำแน่น สายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะล้างแค้นให้ได้ พวกเขาจะไม่ยอมให้การที่เยี่ยจิงหลินทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในความอับอายเกิดขึ้นอีก แม้ว่าในใจลึกๆ พวกเขาจะรู้ดีว่า นางมีพลังที่น่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ แต่นั่นก็ไม่สามารถยับยั้งความโกรธที่พวกเขารู้สึกได้
พวกเขาเดินไปอย่างรวดเร็วในยามค่ำคืนที่มืดมิด ปากของแต่ละคนไม่พูดอะไรอีกแล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องของการแก้แค้นเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีที่ไม่อาจโดนดูถูกเหยียดหยามได้
เยี่ยจิงหลิน นั้นมีประสาทรับรู้ที่ไวมาก นางสามารถสัมผัสได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติในรอบๆ ตัว เมื่อความเงียบสงัดของยามค่ำคืนถูกทำลายลงด้วยการเคลื่อนไหวที่มุ่งตรงมาที่เรือนนอนของนาง นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดสนิทที่คลุมเรือนนอน ทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของนางได้
ทันทีที่นางพบเจอกับคนที่แอบเข้ามาในเรือนนอน สายตาของเยี่ยจิงหลินเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและดูถูก เธอไม่รู้สึกตกใจหรือกลัวเลยแม้แต่น้อย สถานการณ์นี้กลายเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถควบคุมแต่เป็นพวกเขาที่รนหาที่ตายเอง
"เมื่อตอนกลางวันเจ้าเสียแขนไป แต่ตอนนี้กลางคืน เจ้าอยากจะเสียชีวิตเลยหรือ?" เสียงของนางแฝงไปด้วยความเหยียดหยามและไม่แยแส ต่อหน้าผู้บุกรุกที่กล้าคิดจะทำลายชีวิตของนาง
"นางสารเลว! เจ้าช่างปากดีนัก!" เขาร้องออกมาเสียงต่ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ความโกรธจากการที่ถูกทำร้ายในตอนกลางวันยังคงตราตรึงในใจของเขาไม่มีวันลืม "ค่ำคืนนี้... ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าจะดับลมหายใจของเจ้าให้จงได้!"
แต่ก่อนที่เขาจะถึงจุดนั้น เขากล่าวออกมาด้วยท่าทางที่เหยียดหยาม "ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะย่ำยีเรือนร่างของเจ้าแล้วข้าจะยัดเยียดความเป็นสามีให้กับเจ้า" คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความหยาบคายและความหื่นกระหายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวันนั้นไม่ได้เป็นบทเรียนอะไรให้กับชายผู้นี้เลย
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







