เข้าสู่ระบบในสายตาของ เยี่ยจิงหลิน คนที่อยู่รอบตัวในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากขยะเปียกที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่ารบกวนโลก ความคิดของพวกมันเต็มไปด้วยความสกปรกและโสมมจนไม่น่าให้อภัย การดำรงอยู่ของพวกมันไม่ได้มีประโยชน์อันใด นอกจากสร้างความรำคาญและทำให้โลกนี้ดูต่ำต้อยลง
ความเย็นชาในดวงตาของนางราวกับน้ำแข็งที่ไม่อาจละลาย และไอสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของเยี่ยจิงหลินนั้นหนักหน่วงเสียจนบรรยากาศโดยรอบกลายเป็นเย็นยะเยือกทันที ความกดดันที่นางส่งผ่านเพียงแค่ยืนอยู่นิ่งๆ ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยภูเขา
ร่างของผู้คุมสอบชายผู้มีจิตใจที่คับแคบและเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะจ้องมองไปยังนาง ราวกับว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนภัยจากสัญชาตญาณดั้งเดิมที่หวาดกลัวสัตว์นักล่าผู้เหนือชั้น
เยี่ยจิงหลิน ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแค่มองตรงไปด้วยสายตาที่เย็นชาไร้ความปรานี แต่เพียงเท่านั้นกลับทำให้ผู้คนรอบข้างสัมผัสได้ว่านางเป็นบุคคลที่ไม่ควรล่วงเกินเป็นอันขาด ความอันตรายที่แฝงอยู่ในตัวนางไม่ได้มาจากคำพูดหรือการกระทำใดๆ แต่มันแสดงออกมาในรูปแบบของความนิ่งเงียบและการแผ่รังสีอันน่าสะพรึงกลัว
ในใจของผู้คุมสอบ เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าการตั้งตนเป็นศัตรูกับสตรีนางนี้มีแต่จะนำหายนะมาสู่ตัวเอง สัญญาณเตือนที่ส่งผ่านจิตใต้สำนึกบอกให้เขาระวังตัวและไม่คิดทำอะไรโง่ๆ ที่จะไปกระตุ้นสัตว์ร้ายที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวของนาง
ความคิดที่จะหลีกเลี่ยงความตายของพวกมันดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว ร่างของ เยี่ยจิงหลิน เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วจนเหล่าคนทั้งสามที่หมายมาดดับชีวิตของนางแทบไม่ทันได้ตอบสนอง
“บ้าเอ้ย! ทำไมนางถึงได้รวดเร็วนักวะ พวกเราก็เป็นถึงผู้ฝึกปราณขั้นต้นเชียวนะ!” หนึ่งในพวกมันตะโกนออกมาด้วยความหัวเสีย ทว่าคำพูดเหล่านั้นก็กลายเป็นประโยคสุดท้ายของมันก่อนที่สายเลือดจะสาดกระเซ็น พร้อมกับร่างที่ล้มลงไร้ชีวิตโดยไม่รู้ตัว
กลุ่มคนที่เหลือทำได้แค่ยืนนิ่งอย่างตกตะลึง ความคิดที่พวกเขาจะจัดการนางกลับกลายเป็นฝันร้าย พวกเขาตกเป็นเหยื่อของนางแทน ไม่มีเวลาให้หยุดพักหรือแม้แต่ตั้งตัว การโจมตีของเยี่ยจิงหลินดำเนินไปด้วยความดุดันและรุนแรง ทุกการเคลื่อนไหวของนางแม่นยำราวกับนักล่าที่ไร้ซึ่งความเมตตา แต่ละการโจมตีทำให้กระดูกของเหยื่อแหลกละเอียด ร่างของพวกมันล้มลงกับพื้นอย่างไร้หนทางสู้
ในตอนนี้ คนสุดท้ายที่ยังเหลือรอดอยู่คือชายที่นางตั้งใจไว้ เขาคือคนที่นางเคยเข้าร่วมทดสอบด้วยเมื่อกลางวัน สภาพของเขาในตอนนี้ช่างน่าสมเพช แขนข้างหนึ่งของมันถูกตัดจนด้วนไปแล้วก่อนหน้านี้
"อย่าทำข้า! ข้ากลัวแล้ว!" ชายผู้นั้นตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับคนที่หมดสิ้นศักดิ์ศรี ความหวาดกลัวแผ่ซ่านจนทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน แข้งขาอ่อนแรงจนถึงกับปัสสาวะรดออกมา
ฉั่ว! ฉั่ว! เสียงการเคลื่อนไหวของเยี่ยจิงหลินรวดเร็วเหมือนแสงวาบ เมื่อเขารู้ตัวอีกที แขนและขาที่เหลือของเขาก็ขาดสะบั้นกระเด็นไปหมดแล้ว ร่างของชายผู้นี้นอนดิ้นอยู่บนพื้น ไม่ต่างอะไรจากดักแด้ที่สิ้นไร้หนทาง นางไม่ได้ให้เขาตายในทันที แต่ใช้ทักษะลับเฉพาะห้ามเลือด เพื่อทำให้เขายังคงมีชีวิตต่อไป
นางต้องการให้คนผู้นี้ได้รับความทรมานเหมือนกับคนที่ตายทั้งเป็น ราวกับว่าความตายยังง่ายดายเกินไปสำหรับเขา หลังจากนั้น เยี่ยจิงหลินจับร่างที่แทบจะไร้สภาพโยนออกไปนอกรั้วเรือนนอนของนาง
"พรุ่งนี้ เจ้าจงสารภาพบาปของเจ้ากับทุกคนเสีย หากเจ้าไม่ทำ ข้าจะดับลมหายใจของเจ้าให้สิ้นในทันที" คำพูดของนางเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ราวกับคมมีดที่บาดลึกเข้าไปในหัวใจของชายผู้นั้น
หลังจากกล่าวจบ ร่างของเยี่ยจิงหลินก็เคลื่อนหายเข้าไปในเรือนนอนของนาง ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและความหวาดกลัวที่แผ่ปกคลุมพื้นที่
รุ่งเช้าของวันใหม่ โรงเรียนฝึกตนแห่งนี้ตกอยู่ในความโกลาหล ข่าวการเสียชีวิตของผู้คุมสอบสองคน และหนึ่งคนที่รอดชีวิตแต่ในสภาพอเนจอนาถ กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพากันมุงดูร่างชายที่ถูกเยี่ยจิงหลินจัดการ เขาไม่มีทั้งแขนและขา เหลือเพียงลำตัวที่บิดเบี้ยวอยู่บนพื้น เสียงซุบซิบปะปนกับความหวาดหวั่น ทำให้บรรยากาศยิ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด
หัวหน้าผู้คุมสอบผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในกลุ่มของพวกมันไม่อาจนิ่งเฉยต่อสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไป เขาปรากฏตัวพร้อมกับสีหน้าขุ่นเคือง ขณะเดินตรงมาหาเยี่ยจิงหลินซึ่งกำลังยืนสูดอากาศยามเช้า
"สาวน้อย เจ้าทำแบบนี้ มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?" เสียงของเขาหนักแน่นแต่แฝงด้วยความไม่พอใจ
เยี่ยจิงหลินหันไปมองเขา ดวงตาของนางยังคงเย็นชาไร้อารมณ์ และเมื่อกล่าวตอบ เสียงของนางก็สงบนิ่งดุจผิวน้ำที่ไร้ระลอกคลื่น
"เจ้าคนพวกนี้มันทำตัวเหมือนสุนัขที่ไม่เคยได้รับการสั่งสอน" นางเอ่ยพลางจ้องมองหัวหน้าผู้คุมสอบตรงๆ "ชายผู้ที่ข้าตัดแขนไปข้างหนึ่งเมื่อวานตอนกลางวัน มันพยายามที่จะลวนลามข้า ข้าก็เพียงแค่ตัดมือของมันเพื่อหยุดการกระทำที่สกปรกนั้นเท่านั้นเอง"
นางหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่แฝงด้วยความเสียดสี "ส่วนเรื่องเมื่อคืน มันคงผูกใจเจ็บ และชวนพวกชั้นต่ำที่เหลือมารุมข้า หวังจะแก้แค้น แต่ดูสภาพของพวกมันในตอนนี้สิ...ท่านเป็นหัวหน้ามัน ประสาอะไรถึงปล่อยให้ลูกน้องของตัวเองเป็นได้แค่กากเดนเช่นนี้? แล้วความปลอดภัยของโรงเรียนแห่งนี้เล่า? ข้าควรจะคาดหวังอะไรได้จากที่นี่อีกหรือ?"
คำพูดของเยี่ยจิงหลินราวกับคมมีดที่ฟันเข้าสู่จิตใจของหัวหน้าผู้คุมสอบ เขาอ้าปากเหมือนจะโต้เถียงแต่กลับไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เพราะสิ่งที่นางพูดมานั้นไม่ผิด หากเป็นฝ่ายนางถูกรังแก เขาก็คงเลือกที่จะนิ่งเฉย
เขาถอนหายใจยาวด้วยความอึดอัดและลำบากใจ ก่อนจะกล่าวว่า "เห้อ...เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ปล่อยผ่านมันไปเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง"
จากนั้นเขาหันไปสั่งลูกน้องให้เคลื่อนย้ายซากร่างของคนพวกนั้นออกไป บรรยากาศอันตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลง แต่แววตาของผู้คนที่มองเยี่ยจิงหลินเต็มไปด้วยความยำเกรงปะปนกับความหวาดกลัว นางไม่ได้แค่แสดงให้เห็นถึงพลังของตนเอง แต่ยังสร้างคำถามต่อความยุติธรรมในโรงเรียนฝึกตนแห่งนี้ที่ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามมาก่อน
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







