เข้าสู่ระบบเยี่ยจิงหลิน เด็กสาวผู้มีชาติกำเนิดที่ไม่สมบูรณ์แบบในสายตาของผู้อื่น แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีอำนาจล้นฟ้า แต่ชาติกำเนิดของนางกลับกลายเป็นเหมือนตราบาปที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด มารดาของเยี่ยจิงหลินเป็นเพียงหญิงรับใช้คนหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นที่ต้องตาต้องใจของแม่ทัพในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ความรักที่นางได้รับนั้นสั้นนัก และจบลงท่ามกลางความริษยาและชิงชังจากฮูหยินใหญ่อันเหยาเหวิน
อันเหยาเหวินไม่เคยยอมรับเยี่ยจิงหลินในฐานะสมาชิกของตระกูล นางมองเด็กสาวผู้นี้เป็นดั่งเงาสะท้อนของความอัปยศและภัยคุกคามต่ออำนาจของตนเอง การปรากฏตัวของเยี่ยจิงหลินในจวนของแม่ทัพซุนเทา ทำให้อันเหยาเหวินรู้สึกราวกับหนามยอกอกที่ไม่อาจถอนออกได้
แม้เยี่ยจิงหลินจะมีรูปลักษณ์ที่งดงาม อ่อนหวาน และเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนของวัยเยาว์ แต่เนื้อตัวของนางกลับเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งรอยฟกช้ำและร่องรอยที่เกิดจากการถูกทำร้าย อันเหยาเหวินไม่เคยยั้งมือหรือเมตตา เด็กสาวต้องทนทุกข์ทรมานจากความโหดร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ นางถูกลงโทษจากสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง เพียงเพราะมารดาของนางเคยเป็นคู่แข่งทางหัวใจของฮูหยินใหญ่
อันเหยาเหวิน สตรีผู้สง่างามในสายตาของผู้คน แต่ภายในเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและความคับแคบที่กัดกินจิตใจของนางอย่างช้าๆ นางเก็บซ่อนความเกลียดชังไว้ในแววตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา และส่งต่อความโกรธแค้นทั้งหมดมายังเยี่ยจิงหลิน เด็กสาวผู้บริสุทธิ์
เยี่ยจิงหลินจึงเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความเจ็บปวด ทั้งจากการถูกทำร้ายโดยตรงและจากการถูกเมินเฉยจากบิดาผู้ซึ่งเงียบงันต่อชะตากรรมของนาง
“เยี่ยจิงหลิน...ชะตากรรมของเจ้ามันช่างน่าสงสารยิ่งนัก” ภาพอดีตที่ถาโถมเข้าสู่จิตใจของนาง ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของร่างเดิม ความทรงจำแห่งความเจ็บปวดของเยี่ยจิงหลินสะท้อนอยู่ในใจของนาง ดั่งเงาสะท้อนที่กรีดแทงความรู้สึกของผู้มาเยือน นางสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ความเหงา และความทุกข์ที่เด็กสาวคนนี้ต้องเผชิญ แต่น่าแปลกที่ในความเห็นใจนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความอิจฉาเล็กๆ
แม้ว่าเยี่ยจิงหลินจะมีชะตากรรมอันน่าสลด ทว่ามารดาผู้รักใคร่และคอยอยู่เคียงข้าง กลายเป็นสิ่งที่ทำให้นาง ผู้เข้ามาอยู่ในร่างนี้ รู้สึกปวดร้าวในใจตนเอง ผู้ที่เคยมีชีวิตที่ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ครอบครัวให้เรียกหาหรือพึ่งพิง ในสายตาของนาง ความรักจากมารดาของเยี่ยจิงหลินนั้นเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและหายาก แม้มันจะไม่สามารถปกป้องเด็กสาวจากความโหดร้ายที่อันเหยาเหวินมอบให้ แต่ความรักนั้นก็เป็นเสมือนเกราะป้องกันทางใจที่เธอเองไม่เคยได้รับมาก่อน
ตอนนี้ นางได้มารดาคนหนึ่งมาโดยไม่คาดฝัน มารดาที่แม้จะอ่อนแอและถูกกดขี่ แต่กลับรักและห่วงใยลูกสาวของตนจนสุดหัวใจ ความปรารถนาอันแรงกล้าผุดขึ้นในจิตใจของนางอย่างฉับพลัน นางอยากปกป้องผู้หญิงคนนี้ มารดาของเยี่ยจิงหลิน ที่ตอนนี้เป็นมารดาของนางด้วย อยากยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้หญิงผู้อ่อนโยนนี้ได้มีชีวิตที่ปลอดภัยและสงบสุข
ในความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามานั้น นางสัมผัสได้ถึงทั้งความสงสารและความอิจฉาที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว แต่นั่นไม่ได้ทำให้นางอ่อนแอ กลับกัน มันทำให้นางรู้ว่า การอยู่ในร่างของเยี่ยจิงหลินนี้อาจเป็นโอกาสที่นางจะได้สร้างความหมายให้กับชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ตัวนางเองไม่เคยมีโอกาสทำมาก่อน นางจะไม่ยอมให้ชะตากรรมของเยี่ยจิงหลินจบลงอย่างน่าเศร้าอีกต่อไป...
"ท่านแม่...ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายท่านอย่างเด็ดขาด!"
น้ำเสียงของหญิงสาวหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น นางเอ่ยคำมั่นสัญญาโดยไม่ลังเล สายตาของนางจ้องมองซูหลิน ผู้เป็นมารดาด้วยแววตาที่แน่วแน่ แต่ลึกล้ำไปด้วยความอ่อนโยน ซูหลิน สตรีที่อ่อนแอและบอบบาง ทว่าในสายตาของนาง มารดาผู้นี้กลับกลายเป็นรากฐานเดียวของทุกสิ่งในโลกที่แปลกแยกและโดดเดี่ยว
ซูหลินเป็นทั้งจุดยึดเหนี่ยวและความหมายในชีวิตที่นางได้รับมาใหม่ ความรักอันลึกซึ้งของมารดา แม้จะเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยจากการถูกกดขี่และทอดทิ้งจากคนรอบข้าง แต่ในดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใยของซูหลิน หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่เหมือนเปลวไฟเล็กๆ ในพายุใหญ่ แม้จะริบหรี่ แต่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด
หญิงสาวกำมือแน่น และหัวใจของนางก็เต้นแรงราวกับสะท้อนความตั้งใจที่ท่วมท้น "ท่านแม่ ข้าจะไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องท่านอีก ไม่ว่าจะเป็นอันเหยาเหวิน หรืออำนาจใดๆ ในบ้านหลังนี้" นางกล่าวในใจ มองร่างของมารดาที่เหนื่อยล้าและหม่นหมอง นางรู้ว่าสตรีผู้นี้ได้เสียสละทุกสิ่งเพื่อปกป้องลูกของตน แม้จะต้องเผชิญกับการดูหมิ่นและความไม่เป็นธรรม
ในโลกที่เคยว่างเปล่าและโดดเดี่ยวนี้ ซูหลินได้กลายเป็นจุดยึดเหนี่ยวที่สำคัญที่สุด นางไม่ใช่เพียงมารดาของเยี่ยจิงหลิน แต่เป็นคนเดียวที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีความหมาย สิ่งที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้คือปกป้องและดูแลมารดาของนาง ให้สตรีผู้แสนอ่อนแอผู้นี้ได้พบกับความสงบสุขที่นางคู่ควร
"อือ..."
เสียงตอบรับเบาๆ ของซูหลินดังขึ้น พร้อมกับแววตาที่ฉายความอบอุ่นและซาบซึ้งใจ นางมองบุตรสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ความเหน็ดเหนื่อยและความทุกข์ยากที่เคยเกาะกุมใจของนางมานานกลับดูเบาบางลงในชั่วขณะนี้
มือที่เคยสั่นเทาของซูหลินยกขึ้นลูบศีรษะของบุตรสาวเบาๆ ความรู้สึกที่เอ่อล้นในใจทำให้นางไม่สามารถหาคำพูดใดๆ มาตอบแทนความตั้งใจและความรักที่บุตรสาวแสดงออกได้ นางได้แต่มองดูเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
ในสายตาของซูหลิน เยี่ยจิงหลินไม่ใช่เพียงบุตรสาวผู้ที่นางเลี้ยงดูมา แต่คือตัวแทนแห่งความหวังเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของนาง บุตรสาวของนางเติบโตขึ้นมาในโลกที่โหดร้าย แต่ยังคงมีจิตใจที่อบอุ่นและความรักอันบริสุทธิ์ นี่ทำให้นางรู้สึกว่าความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมานั้นไม่ได้สูญเปล่า
"เจ้าช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน..." ซูหลินกล่าวออกมาเบาๆ แม้เสียงของนางจะสั่นเครือ แต่แฝงไปด้วยความรักและความซาบซึ้ง น้ำตาเริ่มคลอเบ้า แต่เป็นน้ำตาที่มาจากความตื้นตัน นางไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอเพียงมีบุตรสาวที่รักนางด้วยหัวใจทั้งหมดเช่นนี้ โลกที่เคยโหดร้ายกลับดูอ่อนโยนขึ้นในสายตาของนาง
สองแม่ลูกโอบกอดกันแน่น ซูหลินประคองบุตรสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวว่านางจะหลุดลอยไป เยี่ยจิงหลินซบหน้าลงบนไหล่ของมารดา น้ำตาแห่งความสุขไหลออกมาโดยไม่อาจห้ามได้ นางสะอื้นเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นในใจ
"ในที่สุด...ในที่สุดข้าก็มีแม่กับเขาแล้ว..." เยี่ยจิงหลินพึมพำเบาๆ ท่ามกลางเสียงสะอื้นของตัวเอง น้ำเสียงของนางสั่นเครือ แต่แฝงไว้ด้วยความโล่งใจ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของซูหลินไหลซึมเข้าสู่หัวใจของนางอย่างช้าๆ เติมเต็มช่องว่างในจิตใจที่เคยมีแต่ความว่างเปล่าและความเจ็บปวดช่วงชีวิตที่ผ่านมา นางไม่เคยมีครอบครัวที่แท้จริง ความมืดมิดและความเหงาเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของนาง
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"





![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

