LOGINเยี่ยจิงหลิน แม้ว่าตัวของนางจะเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา ผู้มีชื่อเสียงและอำนาจในสนามรบ แต่สถานะของนางและมารดากลับต่ำต้อยไร้ความหมายในสายตาของตระกูลใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและการแบ่งชั้นวรรณะ สองแม่ลูกถูกทอดทิ้งราวกับสิ่งไร้ค่า ถูกผลักไสให้อยู่อาศัยในเรือนรับใช้เก่าที่เสื่อมโทรม บรรยากาศภายในเรือนนั้นอึมครึมและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเศร้าโศก คล้ายสะท้อนความทุกข์ที่ฝังลึกในหัวใจของผู้คนที่อาศัยอยู่
มารดาของเยี่ยจิงหลิน แม้จะเป็นสตรีผู้เคยได้รับความโปรดปรานจากแม่ทัพ แต่สถานะของนางกลับไม่ต่างจากสาวใช้ทั่วไป สิ่งที่ทำให้นางอยู่ในสายตาของแม่ทัพในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็คือความงามที่เคยรุ่งโรจน์ และบทบาทอันต่ำต้อยในฐานะ สาวอุ่นเตียง ที่ทำหน้าที่บำเรอความสุขให้กับผู้มีอำนาจเพียงชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไป ความโปรดปรานนั้นหายลับไปดั่งสายหมอก และสิ่งที่เหลือไว้กลับกลายเป็นความเหยียดหยามจากคนรอบข้าง
สำหรับเยี่ยจิงหลิน ชีวิตของนางช่างขมขื่นตั้งแต่เยาว์วัย แม้ว่านางจะเป็นสายเลือดของแม่ทัพผู้ทรงอำนาจ แต่นางกลับถูกมองว่าเป็นเพียง ตัวนอกคอก ในตระกูล ความเป็นลูกนอกสมรสได้กลายเป็นตราบาปที่ติดตัวนางตั้งแต่เกิด เสียงซุบซิบนินทาและสายตาดูถูกจากผู้คนในตระกูล ทำให้นางต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและซ่อนน้ำตาไว้เบื้องหลังใบหน้าที่สงบนิ่ง
เยี่ยจิงหลินซุกตัวแน่นในอ้อมกอดของมารดา ราวกับหวังจะหาความอบอุ่นและปลอบประโลมใจจากโลกที่โหดร้าย น้ำเสียงออดอ้อนของนางสั่นไหว เปี่ยมไปด้วยความทุกข์ที่สะสมอยู่ในใจ
"ท่านแม่... พวกเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ" นางกล่าวด้วยเสียงเบาและอ่อนโยน "ข้าไม่อยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ข้าไม่อยากเป็นคนไร้ศักดิ์ศรีในสถานที่ที่ไม่มีใครต้องการเรา"
มารดาของนางยิ้มเศร้าพลางลูบหลังนางเบา ๆ ท่าทางของนางแฝงไว้ด้วยความอดทนที่ถูกหล่อหลอมมาจากการทนทุกข์มานานหลายปี แม้ว่าใจของนางจะบอบช้ำ แต่นางยังคงรักษาความสงบในน้ำเสียงของตนเอง
"จิงหลิน... ลูกแม่ หัวใจของเจ้าบริสุทธิ์เกินไปสำหรับโลกใบนี้" มารดากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าหนักแน่น ดวงตาของนางจับจ้องไปยังความมืดนอกหน้าต่างราวกับกำลังคิดถึงบางสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม "แม่รักพ่อของเจ้า... ข้ารู้ว่ามันฟังดูโง่เขลาในสายตาของใครหลายคน แต่หัวใจของข้ายังคงเป็นของท่านแม่ทัพ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเหลียวแลข้าหรือเจ้าเลยก็ตาม"
เยี่ยจิงหลินเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ "ท่านแม่... ท่านยังรักเขาอยู่อีกหรือ? ทั้งที่เขาทำให้ชีวิตพวกเราต้องเป็นแบบนี้..."
มารดาของนางพยักหน้าเบา ๆ น้ำตาคลอหน่วย แต่ยังคงยิ้มด้วยความเจ็บปวด "บางครั้งหัวใจก็ไม่ได้ฟังเหตุผล ข้าเพียงต้องการดูแลเขา แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการข้าแล้วก็ตาม ข้าเคยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะมองเห็นข้าและเจ้าด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม"
คำพูดเหล่านั้นทำให้เยี่ยจิงหลินรู้สึกถึงความสิ้นหวังของมารดา ความรักของนางที่แม้จะงดงามและบริสุทธิ์ แต่กลับถูกแช่แข็งไว้ในความเย็นชาของผู้เป็นแม่ทัพ เยี่ยจิงหลินรู้ดีว่าการเปลี่ยนใจของมารดาคงเป็นเรื่องยาก แต่ในหัวใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะฝ่าฟันชะตากรรมนี้และเปลี่ยนอนาคตของตนเองให้ต่างออกไป
ยามที่ความมืดปกคลุมท้องฟ้า และหมู่ดาวเล็ก ๆ เปล่งแสงระยิบระยับ เสียงฝีเท้าที่เบาแผ่วดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของเรือนรับใช้ เสียงนั้นแทบจะกลมกลืนไปกับสายลมที่พัดผ่าน แต่กลับสร้างแรงสะเทือนในหัวใจของผู้ที่อาศัยอยู่ในเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้
"ซูหลินของข้า... ได้โปรดเปิดประตูให้ข้าหน่อย"
เสียงเรียกนั้นเบาราวกระซิบ แต่กลับมีอำนาจแฝงอยู่ในทุกถ้อยคำ ราวกับผู้กล่าวไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครกล้าที่จะขัดคำสั่งนั้น ด้านหลังประตูไม้เก่าคร่ำ ซูหลินชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อรับรู้ถึงน้ำเสียงที่คุ้นเคย ใบหน้าของนางกลับปรากฏรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี
"ท่านแม่ทัพ... อย่างนั้นหรือ?" นางกล่าวเสียงแผ่ว ราวกับไม่อยากเชื่อว่าชายผู้เย็นชาที่สุดในชีวิตของนางจะมาปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ในยามค่ำคืน
ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย ซูหลินเปิดประตูออกเบา ๆ เผยให้เห็นร่างสูงสง่าของท่านแม่ทัพซุนเทาในเงามืด ดวงตาคมกริบของเขามองนางราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง ความเย็นชาที่แฝงอยู่ในแววตาของเขาเหมือนดังเคย แต่ในคืนนี้ กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ขณะเดียวกัน ภายในห้องรับใช้ที่อยู่ติดกัน เยี่ยจิงหลินสะดุ้งตื่น ดวงตาของนางลืมขึ้นทันทีเมื่อเสียงฝีเท้าและเสียงสนทนาอันแผ่วเบาเล็ดลอดเข้ามา ประสาทสัมผัสของนางตื่นตัวในทันที นางรับรู้ได้ว่าใครคือแขกที่มาเยือนมารดาของนางในยามค่ำคืนเช่นนี้
แม้ใจของนางจะเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นและขมขื่น แต่นางก็รู้ดีว่านี่เป็นสิ่งที่มารดาเลือกเอง สายตาของนางจับจ้องเพดานห้องที่แตกร้าวก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ร่างกายของนางแข็งค้างอยู่ในความเงียบ ราวกับกำลังสะกดกลั้นความรู้สึกภายใน
"หากนี่คือสิ่งที่ท่านแม่เลือก... ข้าก็ไม่มีสิทธิ์จะห้าม" นางพึมพำในใจ ความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในถ้อยคำนี้หนักแน่นเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมา
ในห้องข้าง ๆ เสียงพูดคุยอันแผ่วเบายังคงดำเนินต่อไป แม่ทัพซุนเทา และซูหลิน ต่างมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าผู้ใดจะเข้าใจ ทว่า สำหรับเยี่ยจิงหลิน เด็กสาวผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากมุมมืด นี่ไม่ใช่คืนแห่งความสุข แต่เป็นอีกค่ำคืนที่ย้ำเตือนถึงความขมขื่นที่ไม่อาจเลือนหายจากชีวิตของนาง
เวลาผ่านไปหลายชั่วอึดใจ ความเงียบภายในเรือนรับใช้กลับคืนมาอีกครั้ง ทว่าเสียงประตูไม้ที่เปิดออกเบา ๆ ก็ทำให้เยี่ยจิงหลินลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบงัน ราวกับเฝ้ารอสิ่งนี้มาโดยตลอด
ร่างสูงของท่านแม่ทัพซุนเทาก้าวออกมาจากห้องด้วยสีหน้าอันผ่อนคลายและสบายอารมณ์ ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยความพึงพอใจที่เด่นชัด ราวกับชายผู้ได้ปลดปล่อยความปรารถนาภายในใจออกมาโดยปราศจากสิ่งใดติดค้าง ท่ามกลางแสงสลัวจากโคมไฟที่ตั้งอยู่ไกลออกไป เงาของเขาขยับเคลื่อนไหวอย่างสง่างาม แต่สำหรับเยี่ยจิงหลิน แสงเงานั้นกลับดูน่าหวาดหวั่น
"สตรีนางนี้..." ท่านแม่ทัพพึมพำกับตนเองเบา ๆ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก "นางยังคงทำหน้าที่ของตนได้ดีไม่เปลี่ยนแปลง... เหมือนเมื่อก่อน"
เสียงฝีเท้าของเขาค่อย ๆ หายลับไปในความเงียบของราตรี ทิ้งไว้เพียงบรรยากาศที่อึมครึมและหนาวเย็น
เยี่ยจิงหลินที่เฝ้าฟังอยู่ในห้องของตนเอง กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้ากับฝ่ามือ ใจของนางปะทุไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเจ็บแค้น ความรู้สึกที่เหมือนถูกหยามเหยียดลุกลามในหัวใจของนาง ความรักที่มารดามีให้แม่ทัพผู้เย็นชานั้นดูเหมือนจะไร้ค่ามากเกินกว่าจะทนรับได้
"นี่หรือ... สิ่งที่ท่านแม่ยอมแลก..." นางพึมพำเบา ๆ ในความมืด ราวกับพูดกับตัวเอง ความโกรธและความเศร้าเคล้าคละกันจนยากจะแยกแยะ ดวงตาของนางมองไปยังเพดานเก่า ๆ ราวกับกำลังคิดถึงสิ่งที่รอคอยอยู่ในวันพรุ่งนี้ หรือบางทีอาจเป็นหนทางที่หลุดพ้นจากวังวนอันแสนเจ็บปวดนี้
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







