LOGINภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องทั่ววังหลวง องค์ชาย ฟู่เทียนเฉิง คือบุรุษที่ผู้คนพากันยกย่อง นับถือเสมือนแสงแห่งปัญญาแห่งราชวงศ์ พระองค์เป็นบุรุษรูปงาม ผู้มีใบหน้าขาวสะอาด รอยยิ้มละมุนละไม และดวงตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทุกการเคลื่อนไหวล้วนสำรวม สง่างามราวเทพเซียน บุคลิกอันนอบน้อมอ่อนโยนทำให้ผู้คนต่างหลงใหล บัณฑิตพากันสรรเสริญ ขุนนางพากันเทิดทูน แม้แต่องค์ฮ่องเต้เองก็ทรงโปรดปรานโอรสผู้นี้มิใช่น้อย
ทว่า… หากสวรรค์มีแสง ย่อมต้องมีเงา หากมนุษย์มีศีลธรรม ก็ย่อมมีราคะ องค์ชายฟู่เทียนเฉิงเองก็มิใช่ข้อยกเว้น
ภายใต้ใบหน้าที่แสนอ่อนโยนนั้น มีแต่ความดำมืดที่ค่อยๆ กลืนกินจิตใจของเขา
ภายในห้องลับของวังหลัง หรือแม้แต่ในเงามืดของป่าภูเขาห่างไกล มีเพียงไม่กี่ผู้คนที่ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงขององค์ชาย หน้ากากสุภาพบุรุษที่เขาสวมใส่เป็นเพียงฉากบังตา หากแต่ตัวตนที่แท้จริงของเขากลับเต็มไปด้วยความเลวทรามต่ำช้า
เขาคือจอมมารในคราบนักปราชญ์
ในค่ำคืนที่จันทร์ส่องแสงเพียงเลือนราง มีกองโจรกลุ่มหนึ่งที่ออกปล้นฆ่ากระทำอาชญากรรมโหดร้าย น้อยคนนักจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว มันคือกองกำลังลับขององค์ชายฟู่เทียนเฉิง พวกมันมิใช่โจรกระจอก หากแต่เป็นนักฆ่าและทหารฝีมือดีที่เขาเก็บเกี่ยวมาจากเงามืดของแผ่นดิน บุรุษในชุดดำเหล่านี้จงรักภักดีต่อเขาราวกับเทพเจ้าที่ตนบูชา มิใช่เพียงแค่รับใช้ แต่พวกมันต่างกระหายที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการอันโหดเหี้ยมขององค์ชาย
เสียงร่ำไห้ของหญิงสาวที่ถูกฉุดคร่า เสียงกรีดร้องของผู้คนที่ถูกสังหาร ล้วนเป็นเสียงที่ทำให้องค์ชายรู้สึกเป็นสุขราวกับเสียงดนตรี เส้นทางแห่งอำนาจและความมืดมิดของเขาถูกย้อมด้วยเลือดและน้ำตา แต่ยิ่งอำนาจของเขาเพิ่มพูน ผู้คนกลับยิ่งสรรเสริญบารมีของเขามากขึ้น
ผู้คนบูชาเขาในฐานะนักปราชญ์ แต่แท้จริงแล้วเขาคือปีศาจร้ายที่สวมหน้ากากเท่านั้น
เขาสะสมเงินทอง ขยายอำนาจ และปลูกฝังความจงรักภักดีในใจเหล่าลูกน้องด้วยความโหดเหี้ยม ยิ่งใครทำให้เขาพอใจ คนผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จอย่างงาม ทรัพย์สิน ขุนนางหญิง หรือแม้แต่ตำแหน่งในราชสำนัก ล้วนเป็นสิ่งที่เขาสามารถหยิบยื่นให้ได้
โลกภายนอกเห็นเขาเป็นสุภาพบุรุษผู้สูงศักดิ์ โลกภายในเห็นเขาเป็นราชันย์แห่งความมืด
หากวันใดม่านหน้าฉากถูกฉีกกระชาก โลกทั้งใบจะต้องสั่นสะเทือน… เพราะแท้จริงแล้ว องค์ชายฟู่เทียนเฉิง นั้นมิใช่เพียงแค่ชายหนุ่มอ่อนโยนแห่งวังหลวง หากแต่เป็น จอมมารในคราบเทพเซียน ที่แท้จริง!
ถึงแม้เขาจะเกิดมาปราศจากวรยุทธ์ ไร้ซึ่งพลังฝีมือใดๆ ในยุคที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ ทว่าชาติกำเนิดของเขากลับมิใช่สามัญเขาคือบุตรแห่งจักรพรรดิ เลือดในกายเป็นเลือดของราชวงศ์ ผู้ใดเล่าจะกล้าดูแคลน?
ยิ่งไปกว่านั้น รูปโฉมของเขาราวกับเทพเซียนบนสรวงสวรรค์ ผิวพรรณขาวผ่องราวหยกต้องแสง ดวงตาดุจทะเลลึกที่ยากจะหยั่งถึง เพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็มีกลิ่นอายแห่งความสง่างามปกคลุมรอบกาย คำพูดทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยปัญญา แม้แต่ขุนนางอาวุโสยังต้องพินอบพิเทา เมื่อรวมกับบุคลิกอ่อนโยนและสติปัญญาเฉียบแหลม ผู้คนจึงหลงใหลในตัวเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
แม้มือจะไร้กระบี่ แม้กายจะไร้พลังยุทธ์ ทว่า สิ่งที่เขามีคืออำนาจแห่งปัญญาและเสน่ห์ที่มิอาจต้านทาน
ไม่จำเป็นต้องจับอาวุธเอง เพราะมีเหล่าผู้กล้ามากมายต่างยินดีถวายชีวิตเพื่อเขา ขุนศึกผู้แข็งแกร่ง อัจฉริยะผู้ชาญฉลาด มือสังหารไร้เงา เพียงคำสั่งเดียวจากเขา ขุนพลแห่งสนามรบพร้อมนำทัพบุกทะลวง เพียงพยักหน้าครั้งเดียว มือสังหารสามารถปลิดชีพศัตรูโดยไร้ร่องรอย
เขาไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ลงมือเองเพราะโลกทั้งใบอยู่ในกำมือของเขาแล้ว!
สำหรับเยี่ยจิงหลินแล้ว การจัดการกับองค์ชายฟู่เทียนเฉิงผู้ต่ำช้านั้น ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยแม้แต่น้อย พลังฝีมือของเขาอยู่ในระดับพื้นๆ เท่านั้น หากนางต้องการ นางสามารถปลิดชีพเขาได้ภายในพริบตาเดียว
แต่… การฆ่าเขาตรงนี้มันง่ายเกินไป
สิ่งที่นางต้องการมิใช่เพียงการสังหาร แต่เป็นการฉีกกระชากหน้ากากขององค์ชายหน้าอ่อนผู้นี้ให้ขาดสะบั้น เปิดโปงให้ทุกคนได้รับรู้ว่าชนชั้นสูงของเมืองหลวงมิได้สูงส่งอะไรไปกว่าพวกเดรัจฉานที่พวกเขาดูแคลนเลย
เมืองหลวงเต็มไปด้วยความสกปรกไม่ใช่เพียงมุมมืดของตรอกซอย แต่รวมถึงวังหลวงอันโอ่อ่า ที่ซึ่งผู้คนสวมหน้ากากและใช้คำพูดอันสละสลวยปิดบังความต่ำช้าของตนเอง
ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ เสียงใบไม้เสียดสีไปตามแรงลมราตรี เยี่ยจิงหลิน ยืนนิ่ง ปกปิดตัวตนของนางภายใต้ความมืด ดวงตาเย็นชาเปล่งประกายวาบหนึ่ง ขณะจ้องมองภาพอันน่าสะอิดสะเอียนเบื้องหน้า
เสียงหัวเราะอย่างสำราญขององค์ชาย ฟู่เทียนเฉิง และเหล่าลูกน้องดังก้องในค่ำคืน พวกมันล้วนยืนท่ามกลางผลงานของตนหญิงสาวชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายไร้ลมหายใจ สายลมพัดผ่าน แต่สิ่งที่อบอวลอยู่ในอากาศกลับมิใช่เพียงกลิ่นดอกไม้ ทว่าเป็นกลิ่นคาวเลือดที่ฉุนกึก
เยี่ยจิงหลินกุมดาบแน่น ในใจเดือดพล่าน ทว่าร่างกายยังคงสงบนิ่งราวเงาในความมืด
"หากความสุขของเจ้าคือการเหยียบย่ำชีวิตของคนอื่น... ความสุขของข้าคือการได้เห็นชีวิตของเจ้าย่อยยับ"
นางพึมพำกับตนเอง ดวงตาเปล่งประกายราวเปลวไฟแห่งความอาฆาต ดั่งดวงตาของนักล่าที่กำลังจ้องเหยื่อ
องค์ชายฟู่เทียนเฉิง… สุภาพบุรุษจอมปลอมผู้นี้ ผู้ได้รับการยกย่องว่าสูงส่งเหนือผู้คน แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงอสูรที่ห่มคลุมด้วยผ้าไหมหรูหรา
เยี่ยจิงหลินไม่ได้รีบร้อน นางไม่ควรเล่นงานด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน หากต้องการโค่นอสูรร้ายผู้นี้ ต้องใช้เวลาสร้างขุมนรกที่เหมาะสมให้เขาตกลงไปเอง
"ข้าจะเป็นเงามืดที่หลอกหลอนเจ้า จนกว่าเจ้าจะล้มลงจมกองเลือดของตัวเอง"
แม้คืนนี้จะมิใช่ค่ำคืนแห่งการลงมือ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของการล้างแค้นที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป!
เยี่ยจิงหลิน นางมิใช่เทพธิดาผู้เมตตา มิใช่นักพรตผู้ศรัทธาในคุณธรรม แต่นางคือเงามืดที่ไร้พันธนาการ คือดาบแห่งความยุติธรรมที่มิยึดติดกับกฎเกณฑ์ใด นางไม่สนใจว่าคนผู้นั้นจะสูงศักดิ์เพียงใด ไม่สนใจว่าผู้นั้นจะเป็นขุนนาง ขุนศึก หรือแม้แต่องค์ราชันย์ ขอเพียงบุคคลนั้น สลักผลงานแห่งความชั่วที่โดดเด่นก็นับว่าเป็นเป้าหมายของนาง
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







