LOGINซุนฮ่าว ในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความละโมบที่ไม่มีวันสิ้นสุด ความโลภของเขามิได้จำกัดเพียงแค่สมบัติหรือทองคำ แต่ยังขยายไปถึงชีวิตของผู้คนและความรู้สึกของผู้หญิงที่เคยอยู่เคียงข้างพ่อของเขา แม่ทัพซุนเทา พวกนางผู้เคยเป็นสตรีของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีลูกในท้องหรือไม่ก็ตาม ถูกซุนฮ่าวยึดครองมาเป็นผู้หญิงของตัวเอง
ซุนฮ่าวให้เหตุผลที่น่ารังเกียจแก่ตนเองและคนอื่นๆ ว่าเขาทำไปเพราะเกรงกลัวว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะลำบากหากขาดการสนับสนุนจากเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความกระหายทางเพศและความต้องการตอบสนองอารมณ์ของตัวเองเท่านั้นที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่แท้จริง
เขาไม่สนใจเลยว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะมีความรู้สึกอย่างไร หรือแม้กระทั่งมีลูกของพ่อเขาอยู่ในท้อง เขามองพวกนางเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเติมเต็มความพึงพอใจของตัวเองเท่านั้น ความไร้ความรับผิดชอบและการขาดความเห็นใจทำให้การกระทำของเขากลายเป็นสิ่งที่ทั้งรังเกียจและน่าหวาดกลัวสำหรับทุกคนที่ต้องมาพบเห็น
"ผู้หญิงเหล่านี้ไม่ใช่ของพ่อแล้ว ตอนนี้พวกนางเป็นของข้า..." ซุนฮ่าวกล่าวในใจ ขณะที่เขาทำการยึดครองพวกนางโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา
ท่าทางการกระทำของเขาทำให้หลายคนในตระกูลซุนเริ่มรู้สึกไม่พอใจและกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เมื่อผู้นำตระกูลแห่งนี้กลายเป็นคนที่ไม่สามารถแยกแยะ
เยี่ยจิงหลิน นางมองซุนฮ่าวด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะพูดออกมาในที่สุดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเหยียดหยาม "เจ้าช่างเป็นคนไร้ยางอายเหมือนท่านพ่อไม่มีผิด" คำพูดของนางนั้นเต็มไปด้วยความชิงชัง เพราะนิสัยของซุนฮ่าวนั้นไม่มีความแตกต่างจาก แม่ทัพซุนเทา ผู้เป็นบิดาในเรื่องของความโลภและการแย่งชิงสตรีคนรักของผู้อื่น
ซุนฮ่าวในขณะนั้น ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจหลังจากได้ยินคำชมจากน้องสาว แม้จะเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แต่เขากลับไม่รู้สึกผิดหรือสะทกสะท้านแต่อย่างใด เขายังคงโอบกอดผู้หญิงเหล่านั้นต่อไป ราวกับว่าการกระทำของตนนั้นชาชินและเป็นเรื่องปกติ เขาไม่รู้สึกอับอายแม้แต่น้อย กลับพึงพอใจกับสิ่งที่เขาทำ ราวกับว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่สามารถขัดขวางความต้องการของเขาได้
สำหรับ เยี่ยจิงหลิน นางไม่ได้รู้สึกถึงความเกลียดชังหรือความโกรธแต่อย่างใด แต่นางรู้ดีว่า ซุนฮ่าวนั้นไม่ได้มีความสามารถที่จะนำตระกูลซุนไปข้างหน้าได้เลย การกระทำของซุนฮ่าวทำให้ตระกูลนี้เริ่มเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่มีทางกลับคืน
"เจ้าช่างไร้ค่า...เหมือนท่านพ่อไม่มีผิด" เยี่ยจิงหลินคิดในใจ ขณะที่ยังคงยืนมองซุนฮ่าวที่ทำตัวเหมือนไม่มีสติ ปล่อยให้ความละโมบและอำนาจครอบงำจิตใจของเขาจนไม่สามารถควบคุมได้
ซุนฮ่าวในช่วงเวลานี้ได้หลงใหลในอำนาจที่ตนเองได้มาครอบครองอย่างเต็มที่ ใช้ชีวิตราวกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างภายในตระกูลซุน ตั้งแต่สมบัติที่สะสมมาหลายชั่วอายุคน ไปจนถึงชีวิตของทุกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถขัดขืนหรือต่อต้านการกระทำของเขาได้
แม้ว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ทางการทหารหรือความเฉลียวฉลาดอย่างที่พ่อของเขา แม่ทัพซุนเทา เคยมี แต่ซุนฮ่าวก็ยังสามารถขึ้นมายืนอยู่บนตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ ด้วยการที่เขารู้จักการใช้เล่ห์กลและอำนาจที่เขามีในมือ มันเหมือนกับการเอาชนะโชคชะตาและพลิกผันความล้มเหลวให้กลายเป็นชัยชนะ
ชีวิตที่เขาเคยต้องอยู่ในเงาของพ่อ ทำให้ซุนฮ่าวต้องการที่จะฉายแสงและมีอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง เขารู้สึกว่าตอนนี้เมื่อได้ขึ้นมายืนในจุดสูงสุดแล้ว เขาควรจะได้รับการยอมรับและได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งผู้คนในตระกูลที่เคยเคารพในพ่อของเขา
ทุกการกระทำของเขาในตอนนี้เปรียบเสมือนการสะสมอำนาจเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานที่เขาเก็บซ่อนมาตลอดหลายปี ซุนฮ่าวไม่เคยรู้สึกถึงความรับผิดชอบที่แท้จริงของผู้นำตระกูล แต่กลับหลงใหลในความยิ่งใหญ่ของตัวเองจนไม่เห็นความเป็นจริง และไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการกระทำที่เต็มไปด้วยความทารุณและโหดร้าย
"ข้าเป็นผู้นำแล้ว ข้าได้ทุกสิ่งที่ต้องการ!" ซุนฮ่าวมักจะพูดกับตนเองในใจ ความมืดบอดจากอำนาจทำให้เขาลืมคิดถึงจริยธรรมและผลที่ตามมาจากการกระทำของตนเอง ความยิ่งใหญ่ที่เขารู้สึกในตอนนี้อาจเป็นเพียงแค่ฟองสบู่ที่รอวันแตก และสิ่งที่เขาทำได้เพียงรอเวลาเท่านั้น
“ซุนฮ่าวข้าและคนของข้าตั้งใจที่จะออกไปจากที่นี่” เยี่ยจิงหลินนางคิดที่จะสร้างสถานที่ของนางเอง
ซุนฮ่าว รู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันเมื่อเห็น เยี่ยจิงหลิน เตรียมที่จะออกจากตระกูลซุน พร้อมกับลูกสมุนของนางที่ดูเหมือนจะไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของเขา สายตาของเขาฉายแววของความพึงพอใจ เขารู้ดีว่าน้องสาวที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นอุปสรรคในการครองอำนาจในตระกูลซุน กำลังจะหายไปจากชีวิตของเขา โดยไม่ต้องเสียเวลาในการขับเคี่ยว
"ดีแล้ว...ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี... ตระกูลซุนจะต้องอยู่ภายใต้การนำของข้าแต่เพียงผู้เดียว..." เขาคิดในใจ ขณะที่ทำท่าทางเป็นห่วงและแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "น้องพี่ หากเจ้าขาดเหลืออะไร บอกพี่ได้เลยนะ อย่างไรพวกเราก็พี่น้องกัน"
ทว่า เยี่ยจิงหลิน กลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่เต็มไปด้วยความไม่แยแส "ไม่จำเป็น ข้าจัดการเองได้" คำตอบนั้นยิ่งทำให้ซุนฮ่าวรู้สึกดีใจ เพราะมันยิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถที่จะควบคุมทุกอย่างได้โดยไม่ต้องกังวลถึงการตัดสินใจหรือการกระทำของเยี่ยจิงหลินที่อาจคุกคามอำนาจของตน
เยี่ยจิงหลินไม่มีความคิดที่จะร่วมมือหรือพึ่งพาใครในตระกูลนี้ ไม่แม้แต่พี่ชายของเธอที่ตอนนี้นั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำตระกูล เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าเธอจะสร้างทางเดินของตัวเอง โดยไม่ต้องการให้ใครมาขวาง หรือมาเป็นอุปสรรคในเส้นทางที่เธอกำหนดการแยกตัวออกไปจากตระกูลซุนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้เธอหลีกหนีจากพี่ชายที่ไร้ความสามารถมั่วสุมแต่สุรานารี แต่ยังทำให้เธอมีอิสระในการดำเนินชีวิตในแบบที่เธอต้องการ และไม่ต้องเกรงกลัวต่อคนที่ไร้ความซื่อสัตย์เช่นซุนฮ่าวอีกต่อไป
“นายหญิงท่านจะทิ้งตะกูลซุนไปจริงๆเหรอ หากไอ้ลูกชู้นั้นอยู่เพียงลำพังคนอีกไม่นานตระกูลซุนได้ล่มสลายแน่”
อดีตทหารเอกของแม่ทัพซุนเทาที่กลายมาเป็นลูกสมุนของนางกล่าวออกมาด้วยความกังวล
เยี่ยจิงหลิน หันไปมองลูกสมุนของตนที่ถามออกมาด้วยความกังวล ก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา "เหอะ... ก็ปล่อยให้มันล่มสลายไปซะ เพราะตัวข้าจะสร้างสถานที่ที่ยิ่งใหญ่กว่า และมีเกียรติมากกว่า"
ดวงตาของลูกสมุนที่ยืนอยู่รอบข้างนางเริ่มเปล่งประกายด้วยความหวังและความตื่นเต้น ทุกคำพูดของนางเหมือนจะเสกความเชื่อมั่นและพลังให้พวกเขาได้เห็นภาพที่สดใสในอนาคตใหม่ที่ไม่มีคำว่า "ล้มเหลว"
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







