วันต่อมาเสี่ยวเผ่ยมาหาซูมี่ที่เรือนเพื่อดูว่านางเป็นเช่นใดบ้างก็เล่าเรื่องเหตุการณ์หลังจากที่ซูมี่นางกลับไปแล้วให้ฟัง
คำพูดของซูมี่ทำให้ชาวบ้านรู้ว่าถิงถิงนางกำลังตั้งครรภ์และบุตรในท้องเป็นลูกของชิงฉาง เสี่ยวเจียเมื่อรู้เรื่องก็ตรงเข้าไปทำร้ายถิงถิงที่รถม้าแต่ถูกชิงฉางกับชาวบ้านช่วยกันจับตัวไว้เสียก่อน
ชิงฉางจึงได้รีบขึ้นรถม้าไปนั่งกับถิงถิงแล้วรีบออกจากหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว ภายในรถม้าเสี่ยวเผ่ยไม่ได้เห็นใบหน้าของถิงถิงแต่รู้ได้ว่าทั้งคู่กำลังมีปากเสียงกันอยู่และมีเสียงร้องไห้ของถิงถิงดังออกมาจากด้านในด้วย
ซูมี่ที่นั่งทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีมิได้เอ่ยขัดก็ยิ้มน้อยๆขึ้นมา
"เห้อ เห็นใจก็แต่เสี่ยวเจียไม่รู้ว่าตอนนี้นางเป็นเช่นใดบ้าง" ซูมี่เอ่ยออกมาจากใจจริง
หากนางยังไม่ถอนหมั้นกับชิงฉางและไม่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมด นางในตอนนี้คงมีสภาพไม่ต่างจากเสี่ยวเจีย
เพราะการที่ได้ไปเกิดในยุคใหม่ทำให้นางได้รู้ว่าชาตินี้ทั้งชาติไม่ต้องพึ่งบุรุษนางก็อยู่ได้ แต่อาจจะได้รับเสียงนินทาจากชาวบ้านมากเสียหน่อย
เสี่ยวเผ่ยอยู่คุยเล่นต่ออีกครู่นางก็ขอตัวกลับเรือนไปช่วยมารดาของนางทำงาน ซูมี่นางจึงได้ออกไปเดินเล่นดูที่ดินที่บิดากับคนงานกำลังทำแปลงปลูกกันอยู่
ต้าหลางใช้รูปแบบแปลงเช่นเดียวกับในมิติของซูมี่ เพราะเขาคิดว่ามันสะดวกเวลาเดินเก็บผลผลิต และการยกร่องด้านข้างเพื่อปล่อยน้ำเข้าไปก็สะดวกสบายสำหรับคนงานด้วย
ซูมี่นางยังเพาะต้นกล้าของต้นข้าวไว้แทนการหว่านอีกด้วย ต้าหลางก็ไม่ขัดใจบุตรสาวเพราะรู้ว่านางมีความสามารถมากกว่าเขา
ตัวซูมี่นางรู้เพียงจากหนังสือที่นำมาด้วย หากจะให้นางลงมือทำด้วยตนเองนั่นยังไม่เคยและเห็นทีจะเป็นไปได้ยาก เพียงต้นไม้ที่นางซื้อมาปลูกที่หอพักยังตายเลย
"นายหญิงท่านมีน้ำวิเศษจะกลัวอันใดเจ้าค่ะ" เป่าเปาที่ล่วงรู้ความคิดของซูมี่ก็เอ่ยขึ้น
"ข้าไม่ได้กลัวว่าน้ำวิเศษจะใช้การไม่ได้ ข้าขี้เกียจเท่านั้น" เป่าเปาเบ้ปากเมื่อได้ยินสิ่งที่นายหญิงพูดออกมาอย่างดูแคลน
ก็จริงอย่างที่ซูมี่นางคิด ในเมื่อเสียเงินซื้อตัวคนงานมามากถึงสามสิบกว่าคน แล้วเหตุใดนางต้องมาลงมือเพาะปลูกเองด้วยเล่า
ต้าหลางพาคนงานปรับหน้าดินอยู่สามวัน ตอนแรกซูมี่นางจะใส่ปุ๋ยบำรุงดินด้วย แต่เป่าเปานางบอกว่าน้ำในบึงก็เหมือนเป็นปุ๋ยบำรุงดินแล้วไม่ต้องใส่ เพียงใช้น้ำในบึงผสมน้ำในแม่น้ำก็ใช้ได้แล้ว
ระหว่างที่รอต้นกล้าผักและต้นข้าวที่เพาะไว้ ซูมี่นางก็หางานมาให้ทุกคนได้ทำ ดอกบัวภายในมิติที่มีอยู่มากมายภายในบึงและมีตลอดทั้งปี ต่อให้นางเก็บไปมากเพียงใดดอกบัวในบึงก็จะเติบโตเข้ามาแทนที่มากเท่านั้น
ตอนนี้ลานเรือนใต้ต้นไม้ใหญ่มีคนงานนั่งล้อมรอบดอกบัวที่กองเต็มไปหมด สีหน้าของแต่ละคนตอนนี้เรียบเฉยเสียแล้วไม่มีอาการแตกตื่นตกใจเช่นตอนแรก
หากซูมี่นางจะเอาของในมิติออกมาต่อหน้าพวกเขาก็คงไม่มีใครที่ตกใจแล้ว หรือถ้านางหายตัวเข้าไปในมิติก็คงเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนไปแล้ว
ซูมี่นางให้แยกกลีบดอก เกสรดอกออกเพื่อนำไปตากแห้งจะได้ทำเป็นชาไว้ดื่ม และนางยังคิดที่จะนำไปขายอีกด้วย
"คุณหนูดอกบัวกินได้หรือขอรับ" สือเอ้อวัยแปดหนาวถามนางด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
"กินได้สิ สือเอ้อก็จะได้กินด้วยนะ" ซูมี่บีบแก้มของสือเอ้อที่ตอนนี้เริ่มเป็นซาลาเปาลูกน้อยๆแล้ว
ซูมี่จึงได้บอกสรรพคุณทางยาของดอกบัวและเกสรบัวหลวงคือใช้บำรุงหัวใจ แก้ไข้ตัวร้อน แก้อ่อนเพลีย ขับโลหิต ขับเสมหะ แก้จุกเสียด และแก้ท้องเสียให้ทุกคนได้รู้ เพื่อให้เขาแบ่งไว้ดื่มกินกันทุกวัน
ยิ่งเป็นดอกบัวที่เกิดในบึงภายในมิติสรรพคุณที่ได้ย่อมดีกว่าดอกบัวที่เกิดด้านนอกแน่
ซูมี่นางให้โม่ลี่น้ำเกสรดอกบัวสดที่เพิ่งนำออกมาจากดอกต้มให้ทุกคนได้ลองดื่ม เมื่อทุกคนได้ดื่มจึงได้รู้ว่าสิ่งนี้เป็นของดีกว่าชาราคาชั่งละพันตำลึงทองเสียอีก
"คุณหนูหากท่านนำออกไปขายจะเกิดเรื่องหรือไม่ขอรับ" พ่อบ้านกวงเอ่ยถามอย่างกังวล
เพราะเขาเป็นพ่อบ้านของขุนนางมาก่อน ชาที่ดีภายในจวนเขาย่อมต้องเคยได้ลิ้มลอง แต่ชาของซูมี่เพียงแค่จิบเล็กน้อยร่างกายที่ปวดเหมื่อยยังหายเป็นปลิดทิ้ง หากมีโรคเรื้อรังเขาเชื่อว่าดื่มเป็นประจำต้องหายแน่นอน
แล้วเช่นนี้หากนำไปขายจะไม่เกิดคลื่นใต้น้ำหรือ ยิ่งซูมี่ที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาไม่มีคนหนุนหลังอาจจะเกิดอันตรายกับนางได้
"ไว้มีหนทางต้องได้วางขายแน่นอน" ซูมี่เมื่อคิดตามสิ่งที่พ่อบ้านกวงกังวลนางจึงได้เอ่ยขึ้นอย่างไม่ร้อนใจ
ของที่ทำเสร็จแล้วนางเก็บไว้ในมิติก็ได้ ถึงอย่างไรของภายในก็สดใหม่อยู่เสมอ คนอื่นเมื่อเห็นซูมี่มิได้กังวลเท่าใดต่างก็หันมาสนใจงานตรงหน้ากันต่อ
เกือบเจ็ดวันที่ทุกคนต้องทำชาดอกบัว ต้นกล้าผัก สมุนไพรและข้าวก็พร้อมลงปลูกได้แล้ว ชาดอกบัวทุกคนในเรือนต่างก็ได้รับคนละกล่องหากหมดเมื่อใดก็ให้มาขอเพิ่มได้
ตอนนี้ทุกคนในเรือนจึงไปอยู่ที่แปลงผัก เพื่อลงต้นกล้า ซูมี่นางก็เช่นกัน แต่นางเพียงเดินดูและช่วยงานเล็กน้อยเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่นางลงมือปลูกต้นกล้าในมือก็แทบจะแหลกคามือ
ซูมี่มองต้นกล้าต้นที่สิบที่นางทำหักอย่างไม่เข้าใจ เมื่อก่อนตอนที่เป็นนักศึกษาแพทย์ฝึกงาน มือนางออกจะเบาเวลาที่เย็บแผล เพียงแค่ปลูกต้นไม้เหตุใดถึงหักได้
"นายหญิงต้นไม้กับเข็มจะเหมือนกันได้อย่างไรเจ้าค่ะ" เป่าเปาหัวเราะอย่างขบขัน
"ช่างเถิดข้าให้กำลังใจก็คงพอ" ซูมี่ล้มเลิกความคิดแล้วพาสือเอ้อไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำแทน
ซูมี่นางส่งฮ่องเต้และฮองเฮาลงแช่น้ำโดยให้ มามาและหยางกงกงคอยดูแลแล้วก็พาองค์รัชทายาทไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋"เพราะพระองค์เห็นหม่อมฉันเป็นน้องสาว และหม่อมฉันก็เห็นพระองค์เป็นพี่ชาย จึงได้พามาที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋" ซูมี่นางอธิบายเรื่องการเปลี่ยนไขกระดูกและการฝึกวรยุทธให้องค์รัชทายาทได้เข้าใจอย่างน้อยองค์รัชทายาทก็ต้องมีวรยุทธไว้ปกป้องพระองค์เอง เพื่อเกิดเหตุการณ์เช่นกบฏองค์ชายรองอีกครั้ง"มี่เออร์ เปิ่นหวางไม่เสียทีที่รักเจ้าเหมือนดั่งน้องสาว" องค์รัชทายาทเอ่ยออกมาจากใจ เพราะเขารักนางเหมือนน้องสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่นางช่วยเสด็จพ่อของตนไว้ ไม่คิดว่านางจะไว้ใจตนจนมอบเรื่องวิเศษเช่นนี้ให้"พระองค์อดทนให้ได้นะเพคะ" ซูมี่บอกองค์รัชทายาทเมื่อมาถึงด้านในถ้ำของเสี่ยวไป๋"เปิ่นหวางจะอดทน" ซูมี่พยักหน้าให้ฮุ่ยหมิ่นคอยดูแลองค์รัชทายาท ส่วนนางจะกลับไปดูทางฮ่องเต้ ฮองเฮาก่อนเสียงกรีดร้องขององค์รัชทายาทดังออกมาจากนอกถ้ำ เสี่ยวไป๋ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน"ร้องดังกว่าเจ้าในยามนั้นเสียอีก" ซูมี่อดจะหัวเราะเสียงดังออกมามิได้เมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวไป๋เมื่อกลับมาถึงถ้ำของเสี่ยวเฮย ฮ่องเต้ก็ขึ้นจากน้ำมาเรี
นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตรงหน้าของตนได้เปลี่ยนไป แปลงสมุนไพรที่มีสมุนไพรหายากมากมาย ผัก ผลไม้ที่ขึ้นเต็มไปหมดเสี่ยวไป๋ในยามนี้ตัวใหญ่จนน่าตกตะลึง แล้วไหนจะหมาป่าสี่ตัวกับหมีควายที่กำลังวิ่งมาทางนี้อีก ฮูหยินไป๋เกือบจะเป็นลมแต่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองไว้เสียก่อนเป่าเปาที่ปรากฏกายด้วยรูปร่างที่แท้จริงบินไปตรงหน้าของนายท่านไป๋ เขาจ้องมองทุกสิ่งอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แม้จะผ่านเรื่องน่าเหลือเชื่อมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้นับว่าเกินเขาจะรับไว้"มี่เออร์นี่เรื่องอันใด" เขาเอ่ยเสียงที่แทบหาไม่เจอออกมาอย่างอยากเย็นซูมี่เล่าเรื่องภายในมิติของนางให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ได้ฟัง นางพาทั้งคู่ไปที่ถ้ำของเสี่ยวเฮย เพื่อให้พวกเขาลงไปแช่ในน้ำ เพราะทั้งคู่ไม่ต้องเปลี่ยนไขกระดูกเช่นนางกับฮุ่ยหมิ่นจึงไม่ต้องไปที่ถ้ำของเสี่ยวไป๋เมื่อทั้งสองลงไปแช่ในน้ำ เพียงหนึ่งชั่วยามเมื่อขึ้นมาจากน้ำต่างก็พบความเปลี่ยนแปลงของตน นายท่านไป๋ที่มีโรคปวดตามข้อตามอายุของตนก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้ก่อนหน้านี้จะกินผักผลไม้ของตระกูลซูแต่ก็ต้องกินเป็นระยะเวลานานถึงจะเห็นผลรูปลักษณ์ของทั้งคู่ก็ดูจะอ่อนเยาว์ขึ้นอ
เสี่ยวซานก็จัดการหาฤกษ์มงคล พร้อมทั้งหาแม่สื่อไปพูดคุยกับซูถัง ป้าอวี้ บิดามารดาของโม่ลี่เพื่อสุ่ขอนางตามธรรมเนียม เรื่องสินสอดและสินเดิมซูมี่นางก็จัดการให้อย่างใจกว้างจนบ่าวในเรือนที่ชอบพอกันมาบอกกล่าวนางว่าตนอยากจะแต่งกับคนนั้น คนนี้ ซูมี่ก็ไม่ขัดข้องพร้อมทั้งจัดการให้ทุกคน เพราะทุกคนที่กล้ามาพูดกับนางล้วนอยู่กับนางมาตั้งแต่ที่เมืองเจียงซวนงานมงคลของบ่าวในจวนแม่ทัพจัดขึ้นภายในเรือน แม้แต่จวนอื่นก็ไม่อยากจะเชื่อว่า แม่ทัพไป๋กับฮูหยินจะใจกว้างถึงกับจัดงานในบ่าวของตนด้วยเพียงวันเดียวก็มีคู่แต่งงานในจวนถึงห้าคู่ ซูมี่แบกท้องที่ใหญ่โตของนางไปร่วมงานด้วย ทั้งยังอยู่ร่วมรับประทานอาหารกับทุกคน ต้าหลาง จางกุ้ยก็พาบ่าวในจวนของเขามาร่วมงานด้วยเช่นกัน"ท่านพี่ ข้าคิดว่าข้าจะคลอดแล้วเจ้าค่ะ"ซูมี่ดึงแขนเสื้อของฮุ่ยหมิ่นที่ร่วมดื่มเหล้ามงคล"ตามหมอตำแยประเดี๋ยวนี้" ฮุ่ยหมิ่นตกตะลึง เมื่อดึงสติมาได้ เขาก็ตะโกนเสียงดังภายในจวนจึงได้วุ่นวายไปหมด โม่ลี่ที่อยู่ในห้องหอก็อยากจะออกมาดูนายหญิงของตนใจแทบขาด แต่ก็โดนสั่งห้ามไว้ เพราะมีคนอยู่ในจวนมากมายให้นางวางใจได้ แต่นางก็มิยอมฟังยังออกจากห้องหอมาที่เ
คุณหนูหานร้องอย่างตกใจ พร้อมทั้งกระโดดไปที่ฮุ่ยหมิ่น แต่มีหรือที่คนอย่างฮุ่ยหมิ่นจะยอมให้สตรีนางอื่นมาโดนตัว เขาพุ่งหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะดึงซูมี่ออกห่างมาด้วยคุณหนูหานจึงล้มลงไปกองที่พื้นเสียงดัง สาวใช้ของนางต้องรีบเข้ามาประคองนายของตนอย่างเสียขวัญไหนจะมีเสือขาวที่นอนหมอบจ้องมาทางพวกนางเหมือนจ้องตะครุบเหยื่อ แต่ก็ไม่กล้าที่จะทิ้งนายตนเองมิเช่นนั้นเมื่อกลับจวนไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษเช่นใด"ไล่มันออกไปสิเจ้าค่ะ" นางร้องสั่งฮุ่ยหมิ่นให้ไล่เสือขาว"เป็นเจ้าที่ต้องออกไป เสี่ยวไป๋เป็นสัตว์เลี้ยงของมี่มี่" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยเสียงเย็นอย่างไม่ไว้หน้าคุณหนูหานไม่คิดว่าฮุ่ยหมิ่นไม่รับตัวนางไว้ แล้วยังออกปากไล่นางออกจากจวนอีก นางจึงร้องไห้รีบร้อนออกจากจวนท่านแม่ทัพไปอย่างอับอาย"นางเข้ามาได้อย่างไร" ฮุ่ยหมิ่นเอ่ยถามบ่าวเสียงเข้ม"ข้าให้นางเข้ามาเองเจ้าค่ะ อยากรู้ว่านางมาด้วยเรื่องอันใด" ซูมี่ถูกฮุ่ยหมิ่นประคองมายังที่นั่ง"แล้วรู้หรือยังว่านางเข้ามาด้วยเรื่องอันใด" เขาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขากับตระกูลหานไม่ได้สนิทถึงขั้นต้องไปมาหาสู่กัน อีกอย่างฮูหยินรองก็ไม่ถูกกับมารดาของตนอีกด้
ฮุ่ยหมิ่นก็ตั้งใจทำเช่นที่เขาพูดจริง นับตั้งแต่วันนั้นมา ฮุ่ยหมิ่นก็เหมือนจะเร่งมือเรื่องทำบุตรทุกค่ำคืน เพราะซูมี่นางกลับไปที่จวนโหวทุกวันเพื่อดูน้องชายบ้างวันฮุ่ยหมิ่นกลับมาจากค่ายทหารยังหาภรรยารักไม่พบ จนต้องตามไปที่จวนท่านพ่อตาเพื่อรับนางกลับจวน"เกิดอันใดขึ้น" ฮุ่ยหมิ่นที่เพิ่งกลับมาถึงเรือน ก็เห็นบ่าววิ่งกันให้วุ่น"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินนางกินอันใดมิได้ขอรับ บ่าวในเรือนจึงต้องไปทำใหม่เสียหลายรอบ" พ่อบ้านซานรีบบอกฮุ่ยหมิ่น"ตามหมอหรือยัง" ฮุ่ยหมิ่นเหมือนจะลืมไปว่าซูมี่นางรู้วิชาแพทย์"ฮูหยินมิได้ตามขอรับ" พ่อบ้านซานหลบสายตาของฮุ่ยหมิ่น"ประเสริฐ" เขารีบร้อนเดินไปที่เรือนของตนเพื่อดูอาการของซูมี่ และอยากจะตำหนินางที่ไม่ยอมตามหมอ"มี่มี่ เหตุใด เจ้าถึงไม่ตามหมอ" ฮุ่ยหมิ่นเข้ามาถึงก็เอ่ยถามทันทีแต่เมื่อเห็นโม่ลี่ประคองกระโถนในมือเพื่อให้ซูมี่นางอาเจียนก็รีบร้อนเข้ามานั่งข้างนางทันที"ท่านยังมิรู้อีกหรือว่าข้าเป็นอันใด" ซูมี่เอ่ยถามอย่างอ่อนแรง เสี่ยวไป๋ก็เข้ามาซุกอยู่ที่ท้องของนางอย่างห่วงใย"ดื่มก่อนเจ้าค่ะนายหญิง" เป่าเปาส่งถ้วยน้ำในมือของนางให้ซูมี่ เมื่อนางดื่มเข้าไปอาการอยากอาเจี
ภายในห้องโถงเรือนหลักของจวนแม่ทัพ ในยามนี้มีเพียงบิดามารดาของฮุ่ยหมิ่นเท่านั้น เพราะเขาแยกจวนมาอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพแล้ว วันนี้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋เพียงมาพักช่วงรับตัวเจ้าสาวเข้าจวน"คารวะท่านพ่อ ท่านแม่เจ้าค่ะ" ซูมี่ยกน้ำชาขึ้นเหนือคิ้วของนาง ส่งให้นายท่านไป๋กับฮูหยินไป๋"นับจากนี้เจ้าเป็นบุตรสาวของข้าอีกคนแล้ว" ฮูหยินไป๋จินชาเล็กน้อย ก่อนจะวางโฉนดที่ดินนอกเมืองให้ซูมี่ห้าร้อยหมู่เพื่อรับขวัญลูกสะใภ้"หากมีเรื่องอันใดที่จัดการไม่ได้ ก็บอกแม่สามีของเจ้าแล้วกัน" นายท่านไป๋ก็ชาขึ้นดื่มเล็กน้อยพร้อมทั้งโบ้ยให้ทางฮูหยินไป๋รับเรื่องไว้ฮุ่ยหมิ่นส่ายหัว เมื่อเห็นมารดาทำหน้าเหมือนอยากจะทุบบิดาของตน ซูมี่นำของที่นางเตรียมไว้มอบให้นายท่านไป๋และฮูหยินไป๋ เมื่อทั้งคู่เปิดดูก็ต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เพราะนางให้โสมที่นางปลูกไว้ให้ทั้งสองถึงห้าหัวแต่ถ้าทั้งคู่รู้ว่าโสมของนางมีเป็นพันหัวไม่รู้จะแสดงสีหน้าเช่นไร แม้โสมทั้งห้าหัวจะไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นที่เสี่ยวเฮยนำมาให้ซูมี่ แต่ถ้าเทียบกับที่จวนอื่นมี ในมือของทั้งคู่ตอนนี้ก็ถือว่าใหญ่ที่สุด ฮูหยินไป๋กอดกล่องไม้ไม่ยอมส่งให้สาวใช้ถือ เมื่อทานอาหารเช