ภูริอยากจะเกาหัวจนหนังหัวหลุดออกมาเพราะคำพูดคำจาของท่านประธาน แต่ทำแบบนั้นไม่ได้ เดี๋ยวโดนหาว่าไม่มีมารยาทและทำตัวน่าเกลียดอีก แต่เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านประธานต้องมาดุเขาแบบนั้นด้วยน่ะ เขาทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? ครั้นจะถามก็ไม่กล้าเช่นเดิม ท่าทางน่ากลัวแบบนั้นใครจะกล้าพูดอะไรเล่า นอกจาก...ครับ
ขานรับไปแล้วก็ยังต้องนั่งตัวลีบ หางลู่หูตกไปอีกพักหนึ่งเพราะอีธานยังจ้องเขาไม่ไปได้ ทำอย่างกับจ้องมากๆ แล้วเขาจะหายไปจากตรงนี้ อันที่จริง ให้เขาไปทำงานซะมันก็จบเรื่องแล้วแท้ๆ ช่างเถอะ พออีธานเดินกลับไปนั่งโต๊ะ คงสบายใจที่ได้ใส่อารมณ์กับตนแล้วมั้ง ภูริก็หยิบเอาเอกสารมานั่งอ่าน
โอ้...ภูริเป็นคนขยัน!
เปล่า กูไม่มีไรทำ
ภูริคิดแล้วก้เถียงกับตัวเองขำๆ ระหว่างนั่งอ่านกฎการปฏิบัติตัวของโอเมก้าในที่ทำงานแห่งนี้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจจะอ่านมันหรอก เขาเป็นเบต้า ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์อันมากมายของเหล่าโอเมก้า ตอนนี้มันกลายร่างแล้วไง ต้องมาใส่ใจนิดหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ยากเกินจะทำความเข้าใจ อ่านไปได้ราวครึ่งชั่วโมงเขาก็ไม่มีอะไรทำอีก นั่งพิงโซฟาตัวนุ่มนิ่มเอาไว้ แอร์เย็น...ทุกอย่างมันช่างชักชวนให้หลับใหลเสียจริงๆ
แล้ว...ภูริก็หลับจริง
โคตรท้าทายอำนาจของท่านประธานบริษัทมาก อีธานเห็นทุกอย่างผ่านหน้าต่างโปรแกรมเล็กๆ ในคอม แม้ว่าเขาจะยังคงทำงานของตัวเองอยู่ก็ตาม อลันเข้ามาในห้องบ้างบางครั้ง เขาต้องเอางานมาให้และมารายงานถึงตารางงานในวันนี้ อีธานปฏิเสธงานที่ต้องออกไปข้างนอก ขอเคลียร์งานที่สามารถนั่งทำอยู่ที่โต๊ะได้อย่างเดียว
เข้ามารอบแรกอลันก็เห็นภูรินั่งหลับ เข้ามารอบสองร่างโปร่งของภูริเริ่มเอนเล็กน้อย ทว่าพอรอบที่สามเป็นเวลาเที่ยงวัน ร่างของภูริก็เอนกายนอนขดอยู่บนโซฟารับแขกในห้องท่านประธานไปแล้วเรียบร้อย ดีที่วันนี้ไม่มีลูกค้าเข้าพบ เกิดลูกค้าเข้ามาเห็นแบบนี้ภาพลักษณ์ของอีธานคงเสียหายไม่ใช่น้อย แล้วคนพวกนั้นก็ต้องรู้โดยสัญชาตญาณแน่ๆ ที่ว่าภูริเป็นโอเมก้า
อีธานสั่งอาการสำหรับสองที่เข้ามาในห้อง ตอนสั่งไม่ได้คิดหรอก มาสะดุดตอนเห็นถาดอาหารนี่แหละว่า...เราสั่งเผื่อมันด้วยงั้นเหรอ อลันทำหน้าที่เอาอาหารมาวางเท่านั้น อีธานมองไปยังร่างของภูริ เสียงประตูห้องปิดลงแผ่วเบา ทั้งหมดจึงตกอยู่ในความเงียบเหมือนที่มันเป็นมาทั้งวัน
“จะนอนไปถึงเมื่อไหร่ ที่บ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือยังไงคุณ” อีธานส่งเสียงต่อว่า
“งืม...” แล้วนี่คือเสียงตอบกลับของพนักงานฝ่ายขายนามว่าภูริ อีธานกำหมัดแน่น หมั่นไส้มัน...อยากจะตบหัวสักทีแต่คงไม่ดีต่อภาพลักษณ์
“คุณภูริ!” เขาส่งเสียงเรียกให้ดังขึ้น ร่างโปร่งขยับเล็กน้อย คิดว่าจะลุก เปล่าเลย...แค่เปลี่ยนท่านอน
ความอดทนน่ะมี แต่อีธานไม่ใช้ เขาคว้าถาดอาหารถาดใหญ่มาวางไว้ที่โต๊ะกระจกเล็กหน้าโซฟา สายตาคมดุจ้องมองไปยังร่างของภูริ มองสำรวจและคิดว่าจะปลุกไอ้ลูกน้องขี้เซาคนนี้ขึ้นยังไงดี แต่หนึ่งในความคิดนั้นก็ยังวนเวียนอยู่กับคำว่าต้องมีมันเป็นคู่แท้จริงดิ บ้าเอ้ย...คู่นอนของเขาไม่เคยมีใครดูไม่ได้เรื่องเท่านี้มาก่อน จริงที่กับภูริเป็นเซ็กส์ที่ดีที่สุดของเขา แต่...ดูสภาพมันสิ!
“คุณภูริ ถ้าคุณไม่ตื่น...ผมจะกินคุณก่อนกินมื้อเที่ยง” คิดว่าภูริคงได้ยินและดีดตัวลุกขึ้นมา
ก็ถ้าเป็นนิยายใสๆ คงเป็นแบบนั้นใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวนายเอกก็ต้องดีดตัวลุกขึ้นมาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน เพราะได้ยินแต่แอบหลับต่อ แกล้งกวนประสาทเจ้าของห้องทำงานแห่งนี้ ทว่านั่นไม่ใช่ภูริ เจ้าตัวไม่ได้แกล้งอะไรใคร เขาไม่กล้าหืออยู่แล้วนะอย่าลืมสิ ที่เขาปลุกไม่ตื่นก็เพราะเขาหลับลึกจริงๆ
ขนาดอีธานจับร่างโปร่งนอนราบดีๆ เพื่อจะคร่อมทับ ภูริยังไม่รู้สึกตัวเลย แค่ครางงึมงำอะไรไม่รู้อยู่ในคอ อีธานว่าจะแกล้งทำแรงๆ ให้ตื่น แต่พอคร่อมตัวเองลงไปแล้ว โน้มหน้าเข้าไปใกล้ สูดดมกลิ่นกายและมองใบหน้าของอีกฝ่าย...
ความหมั่นไส้ก่อนหน้านี้ก็ได้กลายเป็นความหมั่นเขี้ยวแทน...
“แฮ่ก..อื้อ...อะ!” มีอะไรกันมาหลายครั้งแล้ว อีธานยังคงหลงใหลส่วนคอเป็นพิเศษ อาจจะเพราะสัญชาตญาณก็ได้ที่ทำให้เขาอยากจะฝังฟันลงไป เก็บคนคนนี้เอาไว้เป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว แต่อีธานยังอยู่เหนือสัญชาตญาณ ถ้าเขากัดมันลงไป...ต่อให้มียาแก้คู่แท้แต่โอเมก้าอย่างภูริคงมีใครอีกไม่ได้อยู่ดี
สำหรับอัลฟ่าและโอเมก้า การกัดหลังคอก็ไม่ต่างอะไรกับการแต่งงาน เราจะเป็นของกันและกัน เป็นคู่กันตลอดไป อะไรเถือกนั้น อีธานไม่ต้องการ เขาไม่อยากมีโอเมก้าเป็นคู่ เซ็กส์ดีแค่ไหนก็ปล่อยให้มันเป็นแค่เรื่องของเซ็กส์ก็พอแล้ว
“อ่า...อื้อ” ร่างกายด้านใต้ขยับไหวไปมาน้อยๆ ยิ่งอีธานลงลิ้นและใช้ริมฝีปากเม้มผิวคอมากเท่าไหร่ ภูริก็ยิ่งกระสับกระส่าย
ชายเสื้อเชิ้ตหลุดจากกางเกงเป็นครั้งที่สองของวัน สัมผัสของเรียวนิ้วไม่ชวนสะดุ้งเท่ากับนาฬิกาเรือนหรูโดนกาย มันเย็นและมันก็ฉุดให้ภูริตื่นจากฝันแสนหวาน ภูริเริ่มรู้สึกตัว เขาเห็นหัวอีกฝ่ายรางๆ กะว่าจะผลักร่างใหญ่ออกไปให้พ้นตัว ทว่า...ความกระหายมันมีมากกว่าความต้องการหยุด
ฮื่อ...นายเอกที่ดีต้องรักกนวลวสงวนตัวไม่ใช่เหรอ เขาต้องร้องหวีดโวยวายให้อีกฝ่ายออกไปร่างกายของตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้เขาเอาแต่โลมเลียไปทั่วแบบนี้ เสื้อผ้าหลุดหลุ่ยเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่บนกายไหมตอบ? บ้าเถอะ...เอามันออกไป ภูริรู้สึกว่ารำคาญเสื้อผ้าตัวเองและท่านประธานเต็มที แถมยังเอาสองแขนคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้ด้วย
กลิ่นฟีโรโมนฟุ้งเต็มห้อง เป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เขาสองคนพัวพันกันไม่ยอมห่าง แม้กระทั่งตอนถอดเสื้อผ้า อีธานยังไม่ยอมปล่อยให้ภูริหลุดมือตัวเองเลยแม้แต่ปลายนิ้ว ใช่ว่าอีธานเป็นฝ่ายเดียว ภูริเองก็เช่นกัน มาขนาดนี้แล้ว...อลันอย่าเข้ามาขัดนะเว้ย!
“เวร!” ผมต้องสบถครับท่านประธาน ภูริมองเสื้อผ้าที่กระจายไปรอบโซฟา อื้อหือ กุงเกงลิงคาโต๊ะเชียว เจ้าตัวแอบกลืนน้ำลายคออึกใหญ่ ไม่ใช่ความผิดเรานะเว้ย! คนผิดคือท่านประธานที่มาคร่อมเขาแล้วก้ทำให้เขาอยาก
ใช่แล้ว...ท่านประธานแหละผิด!
“ใส่เสื้อผ้าดิ จะนั่งมองมันอีกนานไหม มองไปมันก็ไม่ลอยไปอยู่บนร่างคุณหรอกนะ” อีธานคว้าเอาอันเดอร์แวร์ของตัวเองมาสวม อวดร่างกายที่แสนจะเพอร์เฟ็ก ใบหน้าภูริแดงก่ำ มันไม่ใช่เขินนะ...มันออกกำลังมาไง หน้าเลยแดง
แต่ว่า...หุ่นท่าประธานนี่ดูกี่ทีก็แซ่บเนอะ มันแบบ หูยยยยย แล้วกลืนน้ำลาย เกิดเป็นชายก็อยากจะมีหุ่นแบบนี้กะเขาเหมือนกัน ได้แค่ฝัน น่าเศร้ายิ่งนัก แค่คิดถึงค่าเข้าฟิตเน็ต ภูริก้ถอนหายใจแล้วล่ะ
“ผมให้คุณใส่เสื้อผ้าไม่ใช่มานั่งถอนหายใจ ผมเรียกคุณตั้งเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น ที่บ้านไม่ที่นอนหรือไง...” เอาเขาเองก็มาหัวเสียใส่เขา ไม่เป็นไร ภูริไม่เข้าใจหรอกแต่ก็ทำใจยอมรับได้ หัวหน้าเขาก็เป็นแบบนี้ ทำอะไรไม่ดีหรือทำผิดเองก็โทษเขา โทษลูกน้องคนอื่นเอาไว้ก่อน ไม่ยอมรับความผิดเอง เหมือนการยอมรับความผิดจะทำให้ตัวเองตายงั้นแหละ
“!!!” ทันทีที่ลุกจะไปเอาเสื้อผ้ามาสวม ภูริชะงัก ฮื่อ...ร้องไห้ อยากร้องไห้ตอนนี้เลย น้ำนั่นมันไหลพราก น้ำมึงเยอะไปไอ้ประธาน!
“เป็นอะไรไปอีก”
“น้ำไหล...” คำนี้น่าเกลียดปะวะ ไม่รู้เว้ยพูดไปแล้ว
“ก็ไปเข้าห้องน้ำ ตรงนู้น เอาเสื้อผ้าเข้าไปด้วย ผมเหลือเวลาพักไม่มากแล้ว ไม่มีเวลว่ามานั่งเล่นแบบคุณทั้งวันหรอกนะ” กรอกตาเป็นอินฟินิตี้แป๊บ กูก็ไม่ว่าท่านปรธาน กูก็มีงานแต่คุณมึงไม่ให้กูไปไง!
เกรี้ยวกราดๆ ภูริจะพ่นไฟแล้วนะเว้ย!
“ครับ” พ่นไฟในจินตนาการเท่านั้นแหละ
กว่าจะเรียบร้อยมานั่งทานมื้อเที่ยงกันได้เข็มสั้นก็ชี้ไปที่เลขหนึ่งแล้ว อีธานนั่งทานแบบเร่งรีบ ยังมีงานรออยู่ไม่ใช่น้อยๆ ส่วนภูรินั่งมองอาหารตาเป็นมันวาว ปกติกินแค่ข้าวแกงจานละสี่สิบบาท ได้กับข้าวอย่างเดียว แล้วข้าวพูนๆ น้ำอีกขวด...ตีเป็นมื้อละห้าสิบบาทถ้วน ตรงหน้านี่สิ อยากรู้จังเลยว่ามื้อนี้เท่าไหร่ ฮื่อ...เป็นบุญของชีวิตจริงๆ ที่ได้กินดีๆ กับเขาบ้าง
ก็นะ...ภูริก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่อยากจะใช้ชีวิตหรูๆ แบบที่อีธานใช้ อยากมีเงินเยอะๆ อยากสุขสบายไม่ต้องเหนื่อยแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาละทิ้งความคิดด้านลบออก เลิกคิดถึงปัญหาต่างๆ นาๆ ที่ตัวเองต้องเผชิญแล้วก็หันมาซึมซับความเอร็ดอร่อยของมื้อนี้
“ขอบคุณที่เลี้ยงครับ” หลังจากทานทั้งหมดเสร็จ ภูริก็ยกมือไหว้อีกฝ่ายเพื่อกล่าวคำขอบคุณ
ท่าทีแบบนี้อีธานเจอมาเยอะแล้วล่ะ ใครๆ ก็มักแสดงออกถึงความนอบน้อมต่อเขา ด้วยเงิน ด้วยอำนาจและสายพันธุ์ แต่ท่าทีของภูริแตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะว่า...มันจริงใจ
“ไม่เป็นไร เอาออกไปให้อลันหน้าห้องแล้วกลับมานั่งโง่ๆ อยู่นี่” อีธานลุกขึ้น จัดเสื้อผ้าเล็กน้อยก่อนกลับไปนั่งทำงาน
นั่งโง่ๆ ภูริชอบคำนี้จริงๆ เดี๋ยวจะแสดงให้ท่านประธานได้เห็นว่า เขานั้นเชี่ยวชาญด้านการนั่งโง่ๆ มากแค่ไหน ดูอย่างเมื่อช่วงเช้าเป็นตัวอย่าง นั่งจนหลับกันไปข้างเลยทีเดียวเชียว โห...ลองมาอยู่ในนี้ดิ ลองมานั่งโซฟานิ่มๆ แบบนี้ดิ บรรกาศสลัวๆ ของแสงไฟที่ไม่มากเกินไป แอร์เย็นกำลังดี ใครไม่หลับให้บาทหนึ่งเลยอะ!
ภูริทำตามที่อีธานสั่งอย่างเคร่งครัด นั่.โง่ๆ นั่งนิ่งๆ ข่มตาไว้แม้ใจบอกว่ามันน่าหลับมากแค่ไหนก็ตาม คือ...ตื่นมาแล้วโดนเสียบนี้ไม่ใช่เรื่องดีนะเฟ้ย ไอ้ที่ตั้งใจทำตามเนี่ยก็เพราะกลัวจะโดนปลุกด้วยตอปิโดอีกอะดิ
ปวดเอวเลย ท่านประธานมีกอเอี๊ยะให้เขาแปะไหมวะ? กะขอสักสี่ห้าแผ่น แปะแม่มให้ทั่วสะโพกเลย เล่นท่าอาจไม่มาก แต่กระแทกป้าบๆ นี่หนักมากอยากจะบอก ภูริลอบมองไปทางอีธานเล็กน้อย ดูว่าอีกฝ่ายทำอะไรอยู่ พอเห็นว่าก้มหน้าก้มตาทำงานเขาก็เลย...แอบนวดเอวตัวเอง
ต้องนั่งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะมองทีวีจอยักษ์เบื้อหน้าที่มันกำลังสะท้อนเงาของตัวเองอยู่ เห็นรอยอะไรจางๆ ตรงคอ แน่นอนว่าไม่ใช่มดกัด ผมก็กระเซิงกระเซิงหน่อยๆ ดีที่เสื้อผ้าเรียบร้อย ว่าแต่ว่า เปิดทีวีได้ไหมนะ ให้นั่งนิ่งแบบนี้จนเลิกงานจริงดิ กี่โมงแล้วนะ...บ่ายโมงครึ่ง โฮ้ก เลิกงานหกโมง!
“เอ่อ...ท่านประธานครับ”
“ผมชื่ออีธาน” อี...ไอ้อีได้ไหม ไม่นะไม่ ภูริอย่าหยาบคาย เราเป็นสุภาพชน เราต้องไม่หยาบคาย โอเค...ตั้งสติ คุณอีธาน
“ผมเรียกท่านประธานดีกว่าครับ” ทำใจไม่ได้ คำว่าอีของไทยนี่มันชวนคิดเป็นคำด่าจริงๆ
อีธานเงยหน้าจากเอกสารในมือขึ้นมองสบตากับภูริ คิ้วได้รูปขมวดเป็นปมเล็กๆ ไม่มากแต่ก็ชัดว่าไม่พอใจ ทำไมภูริต้องขัดใจเขา ตอนโดนเอาก็เรียกแต่ประธาน เออ เขาเป็นประธานบริษัทอะรู้ แต่มีชื่อนะ ต้องเรียกกันปะ ไม่ใช่ประธานๆ ฟังแล้วขัดหูจริงๆ
“เรียกผมคุณอีธาน ห้ามขัดเพราะผมสั่ง ไม่ได้บอกไปลอยๆ ให้เข้าหูคุณ” อะจ้า!
“ครับคุณอีธาน”
“เรียกอีธานเฉยๆ ก็ดี” เจ้าของชื่อก้มหน้าลงอ่านเอกสารต่อ พร้อมกับความคิดในหัวภูริว่า...จะเอายังไงของคุณ!
“ครับๆ ว่าแต่มีอะไรให้ผมทำไหมครับ” นั่งโง่ๆ มันน่าเบื่ออะ
“นั่งมองเงาตัวเองไป” จบ...ไม่น่าเลย ไม่น่าจริงๆ
หันไปมองเงาตัวเองในหน้าจอทีวี ทำหน้ายิ้ม แลบลิ้น ถลึงตา แยกเขี้ยว แบร่! นี่กูทำอะไรของกูวะ? ภูริหันไปมองอีธานอีกหน เห็นอีกฝ่ายยิ้มนิดๆ เอกสารในนั้นสนุกเหรอ หรือเขาเปิดคลิปตลกเอาไว้ในคอม ก็เลยนั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าแบบนั้น
เอาเถอะ...แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ทีวีอย่างเขาคงไม่มีหน้าไปว่าอีธานหรอกมั้ง
กว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึงช่วงเลิกงาน ภูรินี่เหี่ยวแล้วเหี่ยวอีก ด้วยความที่ไม่ได้หยิบมือถือมาเนี่ยแหละ ก็เลยไม่มีออะไรทำ เป็นการมาทำงานที่นั่งโง่ๆ ทั้งวันจริงๆ ยอมใจตัวเองเลย ผ่านพ้นมันมาได้ยังไงก็ไม่รู้
คนอาจจะบอกว่าเฮ้ย ก็ดีออก นั่งเล่น นั่งชิลทั้งวัน อยากท้าให้คุณทำ ไปนั่งในห้องแอร์ เบานิ่มๆ ไฟสลัวๆ และ...ไม่มีอะไรทำ ดูซิ คุณจะบอกว่าการนั่.โง่ๆ โดยไม่หลับนั้นเป็นสิ่งที่ยังชิลอยู่ไหม
อีธานสั่งให้ภูริกลับกับตนเอง ที่ภูริช้าคำว่าสั่ง อีกฝ่ายไม่ได้มีตัวเลือกอะไรให้ การไม่มีตัวเลือกคือการทำตามอย่างไร้ข้อแม้ และนั่นตีความได้ว่าสั่งนั่นเอง หลังจากสั่งเสียเรียบร้อย อีธานก็บอกจะไปรอข้างล่าง ให้ภูริไปเก็บข้าวเก็บของตรงโต๊ะตัวเองแล้วรีบตามไป ภูริก็ปฏิบัติตัวตามอย่างเคร่งครัด
เรียกว่ารีบเพื่อไม่ต้องทักทายใครคงจะถูกต้องที่สุด!
รถท่านประธานหรูมาก หรูแบบที่ไม่คิดว่าชาติหนึ่งจะได้นั่งมาก่อนเลย ภูริสำรวจตรวจตราไปทั่วรถ ถ้าจำไม่ผิด เจ้านี่ราคาหลายล้านทีเดียว แหม คนรวยอะเนอะ จะใช้จ่ายก็ได้ ลองเป็นเขาสิ...จะใช้เงินซื้อกับข้าวสักอย่างสองอย่างยังคิดแล้วคิดอีก เดินดูแล้วเดินดูอีกอยู่นั่นแหละ บางทียังต้องเลือกร้านที่ขายถูกหน่อย ทั้งที่รู้ว่ามันทำมาจากของที่คุณภาพต่ำอะนะ ก็เพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า
ภูริไม่เพียงเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา แต่เป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีภาระท่วมหัวอีกต่างหาก
“บ้าน?” พอมาถึงที่หมายซึ่งภูริไม่ได้บอก อีธานสืบมาเองว่าที่อยู่ของคนคนนี้อยู่ที่ไหน ดันมาเป็ฯคู่แท้กันก็ต้องรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของอีกฝ่ายสิ แม้ภูริจะไม่รู้อะไรของอีธานเลยก็ตาม
“ครับ?” ทำไม มันไม่เหมือนบ้านตรงไหน? หลังเล็กเหรอ ก็ไม่นะ ขนาดนี้แหละกำลังพอดี...พอดีมีเงินคว้ามาได้แค่เท่านี้น่ะ
“สกปรกจริงๆ ซอมซ่อไปหมดแบบนี้ยังเรียกว่าบ้านเหรอ? นึกว่าบ้านร้าง”
“บ้านร้างก็อยู่ได้” ภูริบอกออกไปตรงๆ ซื่อๆ บ้านร้างก็บ้านนะ คนอาศัยบ้านร้างเยอะเยอะจะตาย ไม่เชื่อไปดูตามหมู่บ้านเก่าๆ สิ
“อายบ้างไหมที่ต้องมาอยู่อะไรอย่างนี้” อีธานหันกลับมามองสบตากับคนข้างกาย ภูริหันไปสบตาพอดี
แล้ว...กลิ่นฟุ้งๆ อันร้ายกาจนั้นก็เริ่มอบอวลอยู่ในรถ!
อย่านะเว้ย ทำอีกนี่รอบที่สามของวันเลยนะเว้ย! ไม่ใช่อีธานที่คิด แต่เป็นภูริต่างหาก ภูริควบคุฒฟีโรโมนไม่ได้ ควบคุมการฮีตของตัวเองก็ไม่ได้ แม้ว่าตัวเองจะทานยามาแล้วหลายเม็ดก็ตาม เกิดมันจะวูบวาบขึ้นมันก็ตู้มมมม กลายเป็นนมสดคั้น ไม่ใช่โกโก้ครั้นช์นะ เพราะมันสีขาว มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจนับจำนวณได้ออกมากมาย ยิ่งรวมกันสองคน โอ้โห น่าจะเยอะกว่าเงินในชีท่านประธาน
“ต้องอายเหรอครับ พ่อแม่ผมซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงนะ ไม่ได้โกงใครเขามาเสียหน่อย...บ้านก็สวยออก” ภูริรู้ว่าอีธานแดกดันตัวเอง ใครไม่รู้ก็โง่เป็นควาย...ไม่ดีๆ อย่าเทียบกับควาย เอาเป็นแค่โง่ก็พอ แต่ที่ภูริไม่เกรี้ยวกราด เพราะ...ภูริอยากปะทะ!
“ปากดีนักนะ...” อีธานคว้าต้นคอของภูริ ปากบดปากแนบแน่นและรุนแรงเอาการ
เป๊ง! ยกที่สามเริ่มได้!!!
เป็นยกที่สามกลางแจ้ง หน้าบ้านตัวเองด้วย ดีนะน้องยังไม่กลับ แม่ก็น่าจะดูทีวีอยู่ในบ้านไม่ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงนี้ ครั้นจะบอกว่าให้ไปรบกันบนห้องก็แบบ...ห้องตัวเองอนาถกว่าห้องทำงานท่านประธานอีก เห็นแค่หน้าบ้านเขายังว่า เกิดเข้าไปเห็นข้างในด้วยคงมีด่าจนหูชาแน่นอน
เบาะโดนเอนลงจนราบไป ฟิล์มเป็นสีดำรอบด้าน มองจากด้านนอกเข้ามาไม่เห็น เว้นแต่จ้างในจะมองออกไป ความัวเมาเริ่มขึ้นแล้ว...ไม่มีใครคิดว่าควรอายอีกต่อไป จะมีก็แต่คำด่าเบาๆ เสียดสีอีกนิดๆ ข้างหูภูริ มันมาจากอีธาน
ภูริไม่อยากจะสนใจ อยู่ด้วยกันก็ว่าเขาตลอดเวลานั่นแหละ มีกี่ครั้งกันที่อีธานจะพูดดีๆ ไม่เสียดแทง การเป็นโอเมก้ามันอาจแปลกๆ ไปหน่อย แต่การเป็นคนจนที่โดนด่าโดนดูถูกไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับภูริ อัลฟ่ามักมองชนชั้นอื่นต่ำอยู่แล้ว ยิ่งมีสายเลือดเข้มข้นอย่างอีธานก็ยิ่งเหยียดหยันชนชั้นอื่นเข้าไปใหญ่ ภูริรู้ดีแก่ใจอย่างหนึ่งว่า...สังคมหล่อหลอมคน
รอบนี้ไม่ยาวนานและเหนื่อยอ่อนเท่าไหร่ นอกจากเมื่อย เสื้อผ้ายังคงอยู่ดี ไม่ได้ถูกพรากไปแบบตอนอยู่ในห้องท่านประธาน แค่ดึงมันขึ้นมาแล้วรูดซิบก้เป็นอันจบ หึ...เรื่องราวฟิวกู๊ดไม่ควรหื่นสิ เอะอะจับกดแบบนี้ไม่มันถูกต้องตามธรรมเนียมนะ
เฮ้อ...มันไม่ถูกไม่ควรมาตั้งแต่เปิดเรื่องแล้วโดนซั่มแล้วไหม!!!
“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” หน้าทั้งคู่ยังแดงเรื่อจากการออกกำลังอย่างหนักหน่วง อีธานสะบัดหนาหนีไปอีกฝั่ง กลิ่นหอมหวานชวนลงลิ้นยังอยู่ไม่ยอมจากไปไหน
“กองไว้ตรงนั้นแหละ”
“ครับ งั้นผมขอตัว”
“เชิญ ไปไหนก็ไป ไม่ได้อยากให้อยู่ในรถของผมนานๆ อยู่แล้ว” อีธานทำเป็นเหลือบตามองไปทางอื่น แต่ก็เห็นแหละว่าภูริเกาหัวตัวเองเบาๆ สีหน้าเอ๋อๆ
“คุณนี่แปลกเนอะ เดี๋ยวให้อยู่ด้วย เดี๋ยวไล่ให้ไป บางทีคุณอีธานคงป่วย ไปหาหมอบ้างนะครับ” ภูริพูดไปอย่างใจคิด เขาไม่ได้แดกดันอีธานเลยแม้แต่นิด น้ำเสียงยังติดความเป้ฯห่วงด้วย แต่ด้วยความที่กลัวว่าจะมียกที่สี่ เจ้าตัวเลยรีบพาร่างตัวเองออกไปจากรถคันนี้
อีธานหันขวับไปมอง คิ้วขมวดเป็นปมในตอนที่ภูริปิดประตูรถเบาๆ อย่างถนอม เขามองหน้าตาซื่อๆ นั่นด้วยควาหมั่นไส้ บางที เจ้านี่ก็ชอบพูดอะไรที่มันน่าขยี้ปากจริงๆ ภูริก้มหัวให้นิดหน่อยเหมือนทำความเคารพ แต่อีธานหงุดหงิดเลยรีบบึ่งรถออกมาจากที่นั่น
ทว่า...เมื่อทั้งคู่ห่างกัน พวกเขากลับคิดถึงกันแม้ว่าจะไม่มีฟีโรโมนฟุ้งๆ มาปั่นป่วนสติ
.
.
.
บริษัทยายักษ์ใหญ่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์เรื่องการบริหารจัดการกับเหล่าผู้คนที่แตกต่างด้านเพศสภาพ อีธานถูกยกย่องให้เป็นผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงที่มีทัศนะคติดี มองการไกลและให้ความเท่าเทียมกับอัลฟ่า เบต้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นที่ต่ำสุดอย่างโอเมก้า ชื่อของบริษัทถุกยกย่องให้เป็นบริษัทต้นแบบในการบริหารผู้คนที่แตกต่าง และจัดการกับการเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในสังคมในหน้าสัมภาษณ์ อีธานกล่าวว่า...ทุกชนชั้นล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ละคนมีความสามารถที่อาจจะด้อยกว่ากันบ้างในบางเรื่อง แต่มีเรื่องด้อยก็ต้องมีเรื่องเด่น เพราะงั้นจะแค่มุมด้อยของเขามาตัดสินมันทั้งชนชั้นไม่ได้ คุณต้องมองมันให้เป็นรายบุคคลและเข้าใจถึงธรรชาติของชนชั้นนั้นๆด้วยความเป็นอัลฟ่าระดับสูง รูปร่าง หน้าตาและฐานะ อีธานกลายเป็นที่จับตามองของสาวน้อยสาวใหญ่ ความสุขุมและเบดกายของเขากลบคำที่ว่าผู้บริหารบริษัทยามันต้องเนิร์ด สวมแว่นและดูแก่หงำเหงือกไปอย่างสิ้นเชิงหญิงสาวหรือแม้แต่ชายหนุ่มที่อ่านข่าวนล้วนจับตามองถึงเรื่องคู่ครอง อีธานกล่าวว่าตัวเขานั้นยังไม่มีใคร ยังไม่เจอคู่แท้ และยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆ ตอนนี้
เรื่องราวระหว่างคนสองคนที่เกิดขึ้นด้วยความไม่ได้ตั้งใจเดินทางมาถึงจุดสุดท้าย...แรกเริ่มเดิมทีอีธานก็ไม่ได้ต้องการมีคู่แห่งโชคชะตาอยู่แล้ว การตัดสินใจมันเริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาสั่งให้ทีมวิจัยค้นคว้าตัวยาเพื่อแก้คู่แท้ วันที่รู้ว่าตัวเองจะมีคู่ครอง...เขาไม่โอเคกับมันจริงๆ ที่ผ่านมาภูริแสดงให้เห็นแล้วว่าตัวเองไม่ได้แย่ถึงขนาดเป็นคู่ครองของใครไม่ได้ แต่อีธานก็ไม่คิดจะล้มเลิกความตั้งใจของตัวเองอยู่ดีอุดมการณ์เขามั่นคงพอๆ กับการซื่อสัตย์ต่อตัวเอง อีธานไม่ได้รักภูริ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมเตียง มีเซ็กซ์กัน ไปทำงานด้วยกัน กินข้าวเช้า กลางวันเย็นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน การดูแลเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างเรามันเป็นเพียงไมตรีจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งเมื่อหนังผีเรื่องนั้นจบลง อีธานและภูริก้เดินออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป ภูริน่ะตื่นเต้นกับหนัง ดูก็รู้ว่าเขาแฮปปี้กับช่วงเวลาชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมามากแค่ไหน เขาไม่ค่อยได้มาดูหนังนี่นะ พอเจอหนังดีโดนใจก็เลยปลื้มปริ่ม แต่คนที่คิดว่าจะพามาตกใจเล่นกลับเอาแต่นั่งกอดเขานิ่ง ไม่สะดุ้งกับหนังเลยแม้แต่นิดเดียว...อีธานมองหน้าภูร
“วันนี้เงินเดือนออกหนิ” อีธานเอ่ยขึ้นขณะต่างคนต่างลงจากรถหลังการปรับเปลี่ยนกฎและโยกย้ายตำแหน่งพนักงานได้ไม่กี่วัน ภูริก็กลับมาทำงานทั้งที่ยังไม่หายดี เขามีรอยช้ำอยู่ตามตัวแต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร การนอนอยู่ห้องอีธานเฉยๆ คอยทำความสะอาด จัดนู้นจัดนี่แล้วก็ดูทีวีไปวันๆ มันก็ดี แต่เขาก็กลัวว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้เลยรีบกลับมาทำงานอีธานไม่พอใจใหญ่เลย ไม่พอใจที่เขาดื้อไม่ฟัง อีธานบอกให้เขารักษาตัวเองให้หายดีก่อน เขาไม่หายดีตรงไหน? ขึ้นโยกได้นี่ก็ถือว่าร่างกายแข็งแรงสุดๆ แล้ว เพราะงั้นคำบ่นอีธานจึงตกไปเมื่อภูริมีเป้าหมายที่ชัดเจนพอกลับมาทำงาน ด้วยไม่มีใครมาขัดขวางเหมือนเมื่อก่อน ภูริจึงออกงานนอกเยอะขึ้น เขาสามารถทำยอดได้เกินเป้าในทุกๆ การขาย ด้วยรอยยิ้ม ด้วยไมตรี เมื่อก่อนภูริขายของเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ได้โชว์ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ขึ้นไปอีก ไม่แปลกเลยที่ผลการทำงานในเดือนนี้ของเขาจะดีเกิดคาดไปไกลอีธานยังแปลกใจเลยคิดดูเถอะ ไอ้กระจอกคนนี้ไม่กระจอกนะเว้ย เพื่อปากท้องทั้งสาม ของตัวเอง แม่และน้อง ทำให้ภูริเป็นคนขยัน อืม...เขาขยันเป็นเรื่องปกตินะ เมื่อก่อนก็ขยัน ตอนน
ภูริอุ่นอาหาร เทมันใส่จานแล้วก็เอามาเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำเปล่าเย็นๆ เป็นการปิดท้ายก่อนเดินมานั่งข้างๆ แล้วเริ่มทานมื้อเที่ยง ภูริไม่ได้ถาม ไม่ได้ชวนคุยอะไร ต่างคนต่างกินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันหมดบอกความจริงให้หนึ่งอย่าง...ภูริไม่ได้มารยาทดีแต่โคตรหิว!คือเมื่อเช้ามันตื่นไมไหวก็เลยนอนลากยาวมานี่แหละเที่ยงวัน น้ำท่าก็ไม่อาบ แค่ล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย กินยาก่อนอาหาร ยาระงับฟีโรโมนแล้วถึงมาอุ่นข้าว ท้องเขาแม่งถือป้ายร้องประท้วงกันเย้วๆ ตอนที่กลิ่นอาหารแม่งลอยออกมาจากตู้อบ อารมณ์แบบ...กินเลยไม่รอร้อนได้ไหมวะ แต่จะให้กินอาหารเย็นๆ มันก็ไม่อร่อย ดังนั้นเพื่อรสชาติที่ดีเขาต้องรออีกนิสสสสแล้วพอกำลังจะอิ่มหนำสำราญใจกับอาหารเที่ยงควบมื้อเช้าอีธานก็ดันโพล่มา ด้วยการเป็นคนดีโลกจดจำ ภูริก็เลยต้องบริการอุ่นและเสิร์ฟอาหารให้เจ้าของห้อง เคยได้ยินไหม อยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะ แค่อีธานไม่มีลูก ภูริเลยไม่ได้โชว์สกิวปั้นดินที่แสนจะห่วยแตกสมัยเรียนอาจารย์วิชาศิลปะนี่กุมขมับเลยนะ เพราะให้ทำอะไรก็เละเทะไม่มีชิ้นดี
เช้าวันนี้อีธานตื่นเร็วกว่าปกติ เขามีการประชุมใหญ่รออยู่ในช่วงเช้าเพราะหัวหน้าของหลายแผนกถูกจับ โดยเฉพาะหัวหน้าแผนกที่มีความสำคัญมากอย่างเซลล์ ซีอีโอบางคนก็หลุดออกจากตำแหน่งไปเตรียมตัวขึ้นศาลข้อหาฉ้อโกงเรียบร้อย เรียกว่าวันนี้งานอีธานค่อนข้างจะเยอะเลยทีเดียว เพราะงั้นจึงสายไม่ได้ร่างสูงค่อยๆ ลุกจากที่นอนเพื่อไม่ให้ภูริตื่น ที่จริงแล้วภูรินอนพื้นนั่นแหละ แต่อีธานอุ้มขึ้นมานอนด้วยกันตอนอีกฝ่ายหลับสนิทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภูริบาดเจ็บอยู่ เขาอยากให้ภูรินอนอย่างสบายบ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆไม่ได้ชอบการนอนกอดภูริเลยแม้แต่นิดเดียว!ก็นะ...นั่นเป็นข้ออ้างที่เขาพยายามยัดมันใส่หัวตัวเอง เพื่อปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริง ภูริทำให้อีธานได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมันก็ใช่ แต่ความตั้งใจเดิมของอีธานไม่ได้เปลี่ยนไป เขายังไม่อยากมีคู่เป็นโอเมก้าอยู่ดีนี่มันอยู่คนละส่วนกับการดูถูกชนชั้นอื่น เป็นแค่ความต้องการส่วนตัวที่ฝังรากลึกมานานเป็นสิบปี ระยะเวลาเหล่านั้นมันพังครืนลงไม่ได้ง่ายนัก ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้โอเมก้าแต่กำเนิดก็ตามที“เหวย...วันนี้ตื่นก
ปลายกระบอกมือสีเงินแวววาวจรดลงที่ขมับของอัลฟ่าผู้คร่อมทับร่างภูริ อีธานโพล่มาถึงตรงนี้ได้โดยที่คนอื่นไม่รับรู้เลยแม้แต่น้อย เขาปล่อยให้พวกนี้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้ก็ตอนที่เอาปืนจ่อหัวพวกเรียบร้อยพลังควบคุมคนตามธรรมที่อีธานมีนั้นเขาสามารถควบคุมมันได้ จะใช้มากใช้น้อยหรือไม่ใช้เลยเขาก็ทำได้ อย่างตอนเดินเข้ามาก็ไม่ใช้...ค่อยๆ ย่องประชิดเพื่อไม่ให้ใครไหวตัวทัน และตอนนี้เขาก็เริ่มที่จะใช้ความสามารพิเศษทางสายเลือดของตัวเองกดดันพวกปลายแถวเหล่านี้ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบคอเอาไว้ อัลฟ่าชั้นล่างทั้งสี่ต่างไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้ว่าจะยังไม่เห็นปืนกระบอกงามในมือของอีธานด้วยซ้ำ ความหวาดกลัวที่เอ่อท้นขึ้นมานี่คงไม่ต่างอะไรกับการยืนเผชิญหน้าจ่าฝูงผู้แข่งแกร่งเท่าไหร่นัก“ลุกออกมา” อีธานเอาปลายกระบอกปืนดันหัวคนที่คร่อมภูริอยู่ มันค่อยๆ ขยับแล้วออกมาคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างโปร่งพอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นอีธาน ภูริก้รีบลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ เข้งขาไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ทั้งยังขวัญหนีดีฟ่อจากการที่โดนจู่โจม นัยน์สีดำคู่นั้นเคลือบไปด้วยหยาดน้ำ...ภูริดึงผ้าที่อุดปากตัวเองออกแล้ว