“เมื่อไหร่น้องมึงจะกลับจากไทยจะครบปีแล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงปิดประตูดังสะเทือนไปทั้งห้อง ตามมาด้วยคำถามห้วน ๆ ของผู้มาเยือนทำให้เมสันตวัดสายตาขึ้นมองแบบไม่พอใจนักที่ถูกบุกรุกจากคนที่เขาไม่ยอมรับสายมันเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา
“มารยาทไม่มีหรือไงเห็นหรือเปล่าว่ากูทำงานอยู่” เสียงเข้มถามแบบไม่รักษาน้ำใจ
“กูไม่อยากมีมารยาทกับมึง เมื่อไหร่น้องมึงจะกลับ” ลูคัส ถามย้ำในสิ่งที่อยากรู้
“กูไม่รู้”
“มึงเป็นพี่ประสาอะไรไม่รู้ว่าน้องตัวเองจะไปจะมาเมื่อไหร่ ถ้าไมร่าตกอยู่ในอันตรายมึงจะทำยังไง”
“กูเป็นพี่ แล้วมึงเป็นอะไรถึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกู ไมร่าโตแล้วไม่จำเป็นต้องติดตามทุกฝีก้าว” สายตาคมเหลือบมองเพื่อนซี้ที่พยายามอยากเสนอตัวมาเป็นน้องเขยพร้อมพูดแบบไม่สะทกสะท้าน ยั่วให้ลูคัสอารมณ์กรุ่นมากยิ่งขึ้น
“แต่น้องมึงเป็นผู้หญิง ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนั้นเป็นปีโดยไม่มีคนคอยคุมก็ว่าเสี่ยงแล้ว นี่มึงยังจะละเลยไม่สนใจทั้งที่ใกล้ถึงเวลาที่ไมร่าต้องกลับเนี่ยนะ”
“เหลือเวลาอีกเป็นเดือนมึงจะโวยวายอะไร ธุรกิจอสังหาของมึงทั้งอเมริกามันล่มสลายแล้วหรือไงถึงมีเวลามายุ่งเรื่องน้องสาวกู” เมสันเริ่มอารมณ์เสียที่ลูคัสโวยวายไม่เลิก
“มึงอย่าทำเป็นไม่รู้อะไร มึงก็รู้ว่ากูเป็นห่วงไมร่า”
“มึงเป็นแค่เพื่อนของพี่ไมร่า ไม่ต้องแสดงท่าทางห่วงจนเกินหน้าเกินตากูที่เป็นพี่หรอก” เมสันสวนเพื่อนอย่างหมั่นไส้
“มึงก็รู้ว่ากูอยากเป็นมากกว่านั้น”
“มึงเคลียร์ตัวเองได้เมื่อไหร่คอยมาพูด กูไม่มีทางให้ไมร่าไปอยู่กับผู้ชายสกปรกอย่างมึง”
“มึงสะอาดตายล่ะไอ้เมสัน ถ้าเลวน้อยกว่ากูกูยอมให้ถีบ” ลูคัสสวนทันควัน ทั้งสองจึงหันมามองกันแบบต่างฝ่ายต่างไม่สบอารมณ์นักแต่ก็เป็นสิ่งที่ชินตาสำหรับบรรดาลูกน้องทั้งของเมสันและลูคัสไปแล้ว ถึงแม้จะชอบงัดข้อกันบ่อย ๆ แต่ความจริงใจที่สองหนุ่มมีให้กันนั้นก็ยากที่ใครจะเทียบได้
--------------------------------------------------
เมสันอนุมัติทุนเรียนต่อให้ไพลินโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ หลังจากที่ได้คุยกับหญิงสาวผ่านทางวิดีโอคอล และยังออกค่าใช้จ่ายทุกอย่างสำหรับใช้ในการเตรียมเอกสารเดินทางของ หญิงสาวด้วย โดยให้เจเดนผู้ช่วยเลขาของตนเองเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อคอยดูแลและช่วยเหลืออีกแรง พร้อมกับสั่ง เจเดนให้พาไมร่าและไพลินเดินทางไปอเมริกาพร้อมกัน
“อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะเดินทางแล้วนะลิน” ไมร่าพูดท่าทางตื่นเต้น
“ลินคงคิดถึงบ้านมากแน่ ๆ เลย” ไพลินเสียงอ่อย ยิ่งใกล้ถึงวันเดินทางยิ่งรู้สึกเหมือนคนที่เป็นโฮมซิกตั้งแต่ยังไม่ได้ไป
“คิดเสียว่าไปอยู่หอพักก็แล้วกัน ช่วงปิดภาคเรียนลินก็บินกลับมาเยี่ยมบ้านก็ได้ เดี๋ยวนี้การเดินทางอะไรก็ง่ายไปหมด ลินโทรหาพี่สาวทุกวันยังได้เลย” ไมร่ายังคงให้กำลังใจทุกเรื่องกับไพลิน
“ลินขอบใจไมร่าที่ช่วยเป็นสื่อกลางคุยกับคุณเมสันให้ลินนะ คุณเมสันคงไม่ค่อยชอบหน้าลินเท่าไหร่เพราะนอกจากจะต้องให้ทุนแล้วยังต้องเป็นธุระคอยหาที่เรียนให้ลินอีก”
“ลินนี่ชอบคิดมากและขี้เกรงใจจริง ๆ เลยนะ ที่ลินพูดมาน่ะพี่เมสันไม่ได้ทำหรอกแค่สั่งลูกน้องเท่านั้น อีกอย่างพี่ เมสันเป็นนักธุรกิจที่มีคนรู้จักไปทั่ว แค่เอ่ยปากนิดเดียวอะไรที่ว่ายากมันก็ง่ายไปหมดแหละอย่าคิดมากเลย เอาเวลาที่คิดมากมาเตรียมแพ็คกระเป๋ากันดีกว่า จริง ๆ ก็ไม่ต้องขนอะไรไปมากหรอกนะเดี๋ยวค่อยไปหาซื้อที่โน่น” ไมร่าแนะนำเพื่อนสาว
“ถ้าลินไปถึงที่นั่นไมร่าพอจะมีงานอะไรแนะนำให้ลินทำบ้างหรือเปล่า งานเด็กเสริ์ฟร้านอาหารอะไรก็ได้ลินอยากหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวจะได้ไม่ต้องรบกวนคุณเมสัน แค่พี่ชาย ไมร่าให้ทุนเรียนกับลินมันก็มากพอแล้ว” ไพลินเกริ่นในสิ่งที่คิดไว้ เธอตั้งใจว่าเมื่อไปถึงอเมริกาจะรบกวนเมสันเฉพาะค่าเรียนเท่านั้น ส่วนค่าที่พัก ค่ากินค่าอยู่ เธอจะขอคำแนะนำจากไมร่าเพื่อหางานทำ เพราะเคยได้ยินมาว่าเด็กไทยที่ไปเรียนเมืองนอกส่วนใหญ่ใช้เวลาว่างหางานทำที่ร้านอาหารเพื่อแบ่งเบาค่าใช้จ่ายของทางครอบครัว ไพลินจึงคิดว่าเธอก็น่าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน
“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันตอนไปถึงอเมริกาดีกว่านะลิน เพราะถึงไมร่าบอกไปตอนนี้ลินก็ไมเห็นภาพอยู่ดี ถ้าอยากจะทำจริง ๆ ไมร่าก็พอแนะนำได้ แต่ไมร่าอยากให้ลินไปพักอยู่ด้วยกันที่บ้านไมร่า เอาไว้ลินไปถึงค่อยตัดสินใจอีกทีก็แล้วกันเผื่อว่าพี่เมสันจะมีงานให้ลินทำ จะได้ไม่ต้องออกไปตะลอนหางานอื่น” ไมร่าพูดอย่างมีเหตุมีผล ไพลินจึงพยักหน้าเห็นด้วยในคำแนะนำของเพื่อน
ไพลินได้เอกสารสำหรับเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกามาอย่างครบถ้วนจากการช่วยเหลือของเจเดนที่เมสันส่งมาให้คอยช่วยอำนวยความสะดวก บางอย่างที่ดูเหมือนจะยากและมีปัญหาพอเจเดนเข้าไปคุยกลับผ่านง่ายดายจนไพลินแปลกใจแต่ไมร่ากลับเฉย ๆ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าคนที่พี่ชายส่งมาจะสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้ ไพลินได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถามอะไรมากนัก
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธอ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ