"ส้มรู้สึกดีขึ้นมากแล้วค่ะพี่เบส ไม่ต้องให้หมอมาตรวจหรอก" ส้มบอกกล่าวกับผู้เป็นพี่ชายที่นั่งอยู่ริมเตียงข้าง ๆ เธอพลางหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงหลังจากได้นอนพัก และได้ยาดมมาดมจนรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว
"ตรวจดูนั่นแหละดีแล้วจะได้รู้ว่าเป็นอะไร หากป่วยจะได้รักษาทัน" ไม่ทันที่เบสจะได้ตอบอะไรอัปสรที่ยืนอยู่ริมเตียงอีกฝั่งกับสามีก็เอ่ยแทรกขึ้น สายตาจ้องมองหน้าบุตรสาวด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดาได้ "พี่ก็เห็นด้วยกับแม่นะ เกิดเป็นขึ้นมาอีกจะทำยังไง" ข้อนี้เบสเห็นด้วยกับผู้เป็นแม่ถึงแม้น้องสาวจะบอกว่าดีขึ้นแล้วแต่เขาก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ให้หมอตรวจดูจะได้รู้ชัดเจนไปเลยว่าเป็นอะไร "ก็ได้ค่ะ" ส้มพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายไม่คิดเอะใจสักนิดถึงความผิดปกติในร่างกาย คิดว่าอาจเป็นเพราะตัวเองชอบนอนดึก และไม่ค่อยทานข้าวจึงเกิดอาการแบบนี้ เพื่อความสบายใจของทุกคนตรวจดูหน่อยก็ไม่เสียหาย ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีหมอประจำตระกูลก็เดินทางมาถึง "ช่วยตรวจดูลูกสาวฉันให้หน่อยค่ะว่าเป็นอะไร เมื่อกี้พอได้กลิ่นอาหารก็เหม็นจนต้องวิ่งไปอาเจียน ช่วยตรวจดูหน่อยค่ะว่าเป็นอะไร" ทันทีที่หมอหญิงวัยสามสิบแปดปีเดินเข้ามาถึงในห้องอัปสรก็บอกกล่าว มองสบสายตาหมออย่างสื่อความหมาย ซึ่งแน่นอนว่าหมอพอจะเข้าใจว่าอัปสรต้องการสื่ออะไรเพียงฟังอาการคร่าว ๆ เธอก็พอเดาได้บ้างแล้ว "ได้ค่ะ" เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วเดินไปยืนริมเตียงข้าง ๆ หญิงสาว เริ่มทำการถามไถ่อาการเบื้องต้น "อาการเกิดขึ้นมานานหรือยังคะ" "เพิ่งสองสามวันนี้เองค่ะ" ส้มตอบไปตามความจริง "นอกจากอาการเหม็นอาหาร และอาเจียนแล้วมีอาการอื่นร่วมด้วยอีกไหมคะ เช่นวิงเวียนศีรษะ เหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย" "มีแค่ปัสสาวะบ่อยค่ะ แล้วก็วิงเวียนศีรษะเป็นบางครั้งค่ะ" "แล้วประจำเดือนมาปกติไหมคะ" "ก็ปกตินะคะ แต่เดือนนี้ยังไม่มาเลยน่าจะมาก่อนสิ้นเดือนเพราะชอบมาแบบนั้นตลอด" เธอยังคงตอบคำถามหมอตามปกติเรื่องประจำเดือนก็ไม่คิดเอะใจสักนิดเพราะประจำเดือนเธอมักมาปลาย ๆ เดือน ซึ่งนี่ก็ยังเหลือเวาอีกตั้งสี่ห้าวัน ทว่าอีกใจก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าทำไมหมอถึงถามเรื่องนี้ มันเกี่ยวกับอาการที่เธอเป็นอยู่ยังไงกัน "หมอถามทำไมเหรอคะ" "จากอาการเบื้องต้นที่บอกมาหมอคิดว่า คุณหนูส้มน่าจะตั้งครรภ์ค่ะ ถ้าให้มั่นใจต้องซื้อที่ตรวจครรภ์มาทำการตรวจ หรือไม่ก็ตรวจเลือดค่ะ" "วะ..ว่ายังไงนะคะ" ราวกับฟ้าผ่าลงกลางศีรษะของส้มกับคำบอกกล่าวจากปากหมอ ใบหน้าเรียวสั่นส่ายไปมาเบา ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พยายามเค้นเสียงสั่นระริกถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ มันจะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อเธอมีอะไรกับเพื่อนชายอย่างแบงค์แค่ครั้งเดียว แล้วเธอก็ซื้อยาคุมกำเนิดทานแล้วด้วยถึงแม้จะทานช้าไปหน่อยก็ตาม ไม่ใช่แค่ส้มที่ช็อกทั้งพ่อแม่ และพี่ชายก็พากันช็อกไม่ต่างกัน ทุกสายตาจับจ้องใบหน้าเรียวด้วยความสงสัยระคนตกใจ "หมอคิดว่าคุณหนูส้มน่าจะท้องค่ะ" หมอวัยกลางคนย้ำเสียงดังฟังชัด "อาการที่คุณหนูส้มเป็นคืออาการของคนแพ้ท้องค่ะ" "ท้องงั้นเหรอ" อภิสิทธิ์ถึงกับกัดกรามกรอดจ้องหน้าบุตรสาวด้วยแววตาวาวโรจน์บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขาโกรธบุตรสาวมากแค่ไหน แต่กระนั้นก็พยายามข่มอารมณ์เอาไว้เพราะอยู่ต่อหน้าหมอ กำหมัดแน่นหลับตาพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ ระบายความคุกรุ่นในกาย ก่อนปรือตาขึ้นเอ่ยกับหมอประจำตระกูลอย่างใจเย็นที่สุด "เรื่องวันนี้หมอช่วยเก็บไว้เป็นความลับด้วยนะครับ" เขาจะให้เรื่องที่บุตรสาวท้องเพ่งพรายออกไปสู่หูคนภายนอกไม่ได้ เขากับภรรยาเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม และที่ผ่านมาก็เอาบุตรสาวไปเยินยอให้เพื่อนฝูงฟังว่าบุตรสาวดีอย่างนู่นดีอย่างนี่ตลอด หากคนเหล่านั้นรู้ว่าบุตรสาวของเขาท้องป่องทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานคงถูกหัวเราะเยาะ และเป็นที่ติฉินนินทาในแวดวงไฮโซสนุกปากแน่ ๆ เพราะฉะนั้นเขาจะเสียหน้ากับเรื่องนี้ไม่ได้ "ค่ะ ฉันไม่เอาไปเพ่งพรายแน่นอน" หมอวัยกลางคนยืนยันเสียงหนักแน่น จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างรู้งาน ทันทีที่แน่ใจว่าหมอไปแล้วอภิสิทธิ์ก็หันกลับมาจ้องหน้าบุตรสาวอย่างเอาเรื่อง กดเสียงถามจนเอ็นคอขึ้นด้วยความโกรธจัด "แกท้องกับใครส้ม บอกพ่อมาเดี๋ยวนี้" ส้มที่ยังอยู่ในอาการช็อกได้แต่สั่นส่ายหน้าไปมาเพราะพูดอะไรไม่ออก แววตาไหวระริกเคลือบไปด้วยน้ำสีใส เธอตั้งรับไม่ทันจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ความรู้สึกมันตีกันมั่วไปหมดในสมองเต็มไปด้วยคำถามมากมาย "ส่ายหน้าหมายความยังไงห๊ะ แกตอบฉันมาสิยัยส้ม" การนิ่งเงียบของบุตรสาวยิ่งทำให้อภิสิทธิ์มีน้ำโหมากกว่าเดิม เดินเข้าไปจับไหล่บุตรสาวแล้วใช้มือเขย่าตัวเธออย่างแรง ๆ จนศีรษะเล็กสั่นคลอน "ทำไมแกทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้ แบบนี้ฉันกับแม่แกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนห๊ะ" "ฮึก!..ส้มขอโทษ ๆ" ส้มที่พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ใบหน้าที่เจิ่งนองด้วยสายธารน้ำตาสั่นส่ายไปมาพัลวัน พร่ำขอโทษซ้ำ ๆ ด้วยความรู้สึกผิด ต่อให้รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองท้องกับใครเธอก็ไม่สามารถบอกได้จริง ๆ เพราะถ้าบอกทั้งพ่อ และแม่ของเธอคงจะไม่ยอม และตามไปเอาเรื่องแบงค์แน่ ๆ ต้องบังคับให้เขารับผิดชอบ ซึ่งเธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาจะตอบกลับมายังไง "ขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแกท้องกับใคร" "พอเถอะครับพ่อ แค่นี้น้องก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว และบางทีน้องอาจจะไม่ท้องก็ได้ครับเรายังไม่ได้ตรวจกันเลย แค่หมอสันนิฐานเอง" เบสทนดูไม่ได้อีกต่อไปเอ่ยขึ้นพร้อมกับแกะมือผู้เป็นพ่อออกจากไหล่มน แล้วรั้งน้องสาวเข้ามากอดปลอบประโลม "ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร" "จะไม่ท้องได้ยังไงกันอาการที่น้องสาวแกแสดงออกมาเหมือนตอนที่ฉันท้องแกสองคนไม่มีผิด" อัปสรที่ยืนเงียบเพราะกำลังตั้งสติกับเรื่องที่เกิดขึ้นแย้งเสียงแข็งพลางมองหน้าบุตรสาวด้วยความโกรธระคนผิดหวัง ก่อนอภิสิทธิ์จะชี้หน้าต่อว่าต่อเมื่อคนเป็นภรรยาพูดจบ "มันจะรู้สึกแย่อะไร คนที่ต้องรู้สึกแย่มันต้องเป็นฉันกับแม่แกต่างหาก ถ้าคนอื่นรู้พวกฉันสองคนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน" "ฮึก! ฮื่อ!" ส้มได้แต่ร้องไห้ออกมาจนตัวโยนซบหน้ากับบ่าแกร่ง โอบกอดผู้เป็นพี่ชายไว้แน่นทั้งรู้สึกผิดต่อพ่อแม่ทั้งกดดันทั้งเครียดไม่รู้เลยว่าเธอควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี มันอัดอั้นอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านความรู้สึก "บอกแม่มาเดี๋ยวนี้ส้ม ลูกท้องกับใคร" อัปสรเค้นเสียงถามบุตรสาวอย่างใจเย็นที่สุดทั้งที่ในใจลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ อีกทั้งยังกลัวกลัวว่าบุตรสาวจะท้องกับผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า "..." "หรือที่บอกไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้องห๊ะ" อภิสิทธิ์ตวาดอย่างเหลืออดเมื่อบุตรสาวเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ส่ายหน้าแทนคำตอบพ่นคำพูดร้ายกาจออกไปโดยไม่คิดสักนิดว่าบุตรสาวจะรู้สึกยังไง ส้มเสียใจเป็นที่สุดกับคำพูดของผู้เป็นพ่อยิ่งร้องไห้ออกมาหนักกว่าเดิมไม่คิดว่าท่านจะห่วงแต่หน้าตาตัวเองจนไม่สนใจความรู้สึกของคนเป็นลูกอย่างเธอขนาดนี้ สำหรับพวกท่านแล้วเกียรติยศ และชื่อเสียงคงสำคัญกว่าลูกสินะ "แกเลิกร้องไห้สักทียัยส้ม ตอนทำไม่ร้องตอนนี้จะมาร้องทำไม" อภิสิทธิ์ยังคงพ่นคำพูดร้ายกาจใส่บุตรสาวไม่หยุดหย่อน ยิ่งบุตรสาวร้องไห้ออกมาหนักเท่าไรก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด และหัวเสียมากขึ้นเท่านั้น "งามไส้สิ้นดี แทนที่จะรักนวลสงวนตัวกลับท้องไม่มีพ่อ" "พอเถอะค่ะคุณ" อัปสรรีบใช้มือลูบไหล่คนเป็นสามีเบา ๆ หวังให้เขาใจเย็นลงเพราะเริ่มรู้สึกว่าเรื่องมันจะบานปลาย ต่อให้เธอโกรธบุตรสาวยังไงแต่ก็คิดว่าคำพูดของสามีที่พูดกับบุตรสาวแรงเกินไป "ฉันว่าคุณออกไปสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่าค่ะ ฉันจะคุยกับลูกต่อเอง" อภิสิทธิ์ไม่ตอบอะไรเพียงพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะหันหลังเดินผลุนผลันออกไปจากห้องด้วยอารมณ์คุกรุ่น ขืนอยูต่อเขาคงได้ทะเลาะกับบุตรสาวมากกว่านี้แน่ ๆ "คราวนี้พ่อออกไปแล้ว ลูกจะบอกแม่ได้รึยังว่าท้องกับใคร" อัปสรเอ่ยถามบุตรสาวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลหลังจากผู้เป็นสามีเดินออกไปพ้นห้องแล้ว เลือกเอาน้ำเย็นเข้าลูบหวังว่าบุตรสาวจะยอมปริปากบอก และเหมือนมันจะได้ผลทำให้ส้มผงกหน้าขึ้นจากบ่าแกร่งมองผู้เป็นแม่ด้วยแววตาไหวระริก พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกลวก ๆ แล้วเค้นเสียงบอกผู้เป็นแม่ไปอย่างหนักแน่น "หนูขอจัดการเรื่องนี้เองนะคะแม่ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำให้พ่อกับแม่อับอายขายหน้าใคร" "ได้ แม่จะให้โอกาสลูกจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ภายในเวลาสามวันลูกต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเพราะไม่อย่างนั้นแม่กับพ่อจะจัดการเอง" อัปสรยอมรับคำขอของบุตรสาวโดยง่ายเพราะรู้ว่าบุตรสาวคงจะไม่ยอมปริปากบอกแน่นอนถ้าพูดออกมาแบบนี้แล้ว ต่อให้เอาปืนมาขู่ก็คงไม่สามารถง้างปากได้ "ขอบคุณมากนะคะแม่" ส้มมองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยความซาบซึ้งอย่างน้อยในตอนนี้ท่านก็ยังใจดีกับเธออยู่บ้างไม่เหมือนที่คิดไว้ ทว่าเธอกลับไม่รู้เลยว่าอัปสรเพียงรับปากสง ๆ เท่านั้นเพราะจริง ๆ แล้วเธอจะแอบตามสืบเรื่องนี้เงียบ ๆ ต่างหาก ต่อให้บุตรสาวบอกว่าขอจัดการเองก็ตามเถอะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอไม่ปล่อยไปแน่ ๆ หากรู้ว่าพ่อของลูกในท้องบุตรสาวเป็นใครมาจากไหนจะได้จัดการถูก ถ้าผู้ชายคนนั้นฐานะยากจน หรือไม่มีหัวนอนปลายเท้าเธอก็ไม่ยอมรับมาเป็นลูกเขยหรอกต่อให้ลูกของเขาจะคาท้องบุตรสาวอยู่ก็ตาม@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ