Masuk“ผมต้องการเป็นพ่อของลูก อยากจะมาขอใช้สิทธิ์ความเป็นพ่อ ให้ผมช่วยคุณเลี้ยงลูกนะเกรซี”
กุลนิดานิ่งอึ้งคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา เมื่อเขาพยายามจะรุกล้ำแบบละมุนละม่อมปราศจากความรุนแรง แล้วเธอจะตอบโต้เขายังไง จะหอบลูกย้ายโรงเรียนหนีก็ไม่ไหว ลงทุนจ่ายค่าเทอมไปจนหมดตัว
เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ ไรอันเพิ่งเข้าใจวันนี้ ผู้หญิงไม่ได้หิวเงินไปเสียทุกราย ถ้าเกรซีต้องการเงิน เธอบอกเขานานแล้วเรื่องคืนนั้น เขามันคนฉลาด เจ้าแผนการอยู่แล้ว ในเมื่อลูกก็อยากได้ แม่ของลูกก็คิดจะเอากลับไป งานนี้คงต้องขนความจริงใจมาเอาชนะสองแม่ลูก
“ถ้าฉันตอบว่าไม่อนุญาตล่ะคะ คุณจะทำยังไง”
“ผมคิดว่าคุณต้องเปลี่ยนใจถ้าได้รู้จักคนอย่างผมดีพอ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง เห็นประกายความจริงใจในดวงตาสีฟ้าอย่างประหลาด
แต่กุลนิดาเรียกมันว่าคำขู่ เธอเผลอมองจ้องดวงตาเขาอยู่ยังต้องเบนหลบ
“ฉันอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝัน ผู้ชายรวยๆ อย่างคุณจะพอใจผู้หญิงธรรมดาอย่างฉันหรือคะ ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันอยู่กับลูกไป จะมาเป็นพ่อให้ลูก ของผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งทำไม ทั้งที่คุณแทบจะไม่รู้จักฉันเลย” เธอเชิดหน้าถาม
“รู้ได้ไงว่าผมไม่รู้จักคุณ ผมว่าคุณมีอคตินะเกรซี ผมไม่ได้บอกให้คุณเชื่อผมว่าผมจะเป็นพ่อที่ดีได้ตอนนี้แต่ให้โอกาสผมได้ทำหน้าที่พ่อก่อนสิ แล้วคุณค่อยตัดสินผมตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
คำพูดมีเหตุผลของผู้ชายตัวสูงตรงหน้าที่เธอคิดว่าเขาคงเป็นพวกเพลย์บอยไร้หัวใจทำให้กุลนิดาต้องทบทวนใหม่แต่ยังไม่ทันได้คิด มือเรียวบางก็ถูกมือเล็กป้อมสะกิดยิกๆ
“มามี้ขา น้ำอิงเมื่อยแล้วค่ะ คุยอะไรกันอยู่คะ”
ไรอันเป็นฝ่ายพูดขึ้นทันที “ถ้าอย่างนั้นเราไปคุยกันต่อที่บ้านมามี้นะครับ นี่คุณเห็นไหมว่าน้ำอิงเมื่อยแล้ว ยังไม่รีบพาพวกเรากลับบ้านอีก”
เราอีกแล้ว
กุลนิดาถลึงตาใส่คนที่มั่วนิ่มได้เก่งสุดๆ เธอไม่อยากยืนเถียงกับเขาตรงนี้ต่อหน้าลูก และรู้ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องตามเธอไปบ้านจนได้
หรือบางทีเธอควรจะเลิกหนีและหันมาเผชิญหน้ากับความจริง
“ถ้าอย่างนั้นก็ขับรถตามฉันมา น้ำอิงคะ ไปกับมามี้ค่ะ” เธอพูดจบก็จูงมือลูกสาวตรงไปที่รถ ขณะที่ไรอันยิ้มด้วยความพอใจ อย่างน้อยด่านแรกคือการเข้าบ้านสาวก็ผ่านไปได้สวย
ไรอันเอาแต่เพ่งพินิจรูปร่างงดงามของกุลนิดาจนแทบจะลืมรับน้ำที่หญิงสาวยื่นมาตรงหน้า
กุลนิดาบอกกับตัวเองว่าเธอไม่ใช่คนที่ถูกใครชักจูงหว่านล้อมได้ง่าย ถึงเขาจะเป็นผู้ชายที่ดูมีอิทธิพลและทรงเสน่ห์มากก็ตาม หากเลือกเดินหนี พรุ่งนี้ กุลนิดาเชื่อว่าจะเจอไรอันที่โรงเรียนของลูกอีก เธอหนีมาพอแล้ว และไม่คิดจะหนีอีก เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเขา เธอเพิ่งจะเห็นอย่างเต็มตาก็วันนี้เอง ไหนจะดวงตาสีฟ้าที่มองมาแล้วทำให้เธอจิตใจว้าวุ่นได้อย่างประหลาด แต่ไม่นะ หวั่นไหวไม่ได้เด็ดขาด
อีตานี่อาจมีเมียทิ้งไว้ทุกประเทศที่ขยายการลงทุนไปที่นั่น
“ขอบคุณนะครับเกรซีที่อนุญาตให้ผมเข้าบ้านของเราได้”
“ของฉัน ไม่ใช่ ของเรา”
“อ่อ เหรอ” ไรอันอมยิ้มพยายามรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ ทว่าสายตาของเขากวาดมองบ้านหลังเล็กไม่ได้หรูหราอะไรนัก แต่เครื่องใช้ทุกชิ้นดูสะอาดสะอ้าน ทุกอย่างจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ไม่เหมือนบ้านที่มีเด็กเล็กสักนิด
ลูกสาวของเขายังมีระเบียบวินัยอีกต่างหาก นี่เป็นจังหวะดีสำหรับการเจรจา เขาชอบความมีระเบียบและท่าทางไม่ฟุ้งเฟ้อของกุลนิดา เธอเป็นแม่ที่ดีของลูกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้มีเงินหมื่นล้านถ้าไม่รู้จักใช้ก็หมดได้
“รีบพูดธุระของคุณมาแล้วรีบกลับได้แล้วค่ะ อย่าหาว่าฉันไล่ แต่หลังเลิกเรียนน้ำอิงอาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้วฉันต้องสอนการบ้านแก”
สิ่งที่กุลนิดาบอกเล่า ไรอันพยักหน้ารับรู้เห็นด้วย เมื่อเห็นกุลนิดานั่งฝั่งตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว ไรอันยืดลำตัวขึ้นเขาพร้อมแล้วสำหรับการเปิดประเด็นเจรจา
“เอาละเกรซี งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ ระหว่างเราคืนนั้น ผมรู้เรื่องหมดแล้ว ผมตามหาคุณกับลูกอยู่นานมาก พอจะเจอคุณก็เหมือนรู้ตัวหอบลูกหนี”
กุลนิดาไม่อยากถามว่าเขารู้มาจากใคร ถ้าเขารู้แบบนี้แสดงว่าคงไปสืบอะไรมามากพอควร จะโกหกว่าไม่ใช่ลูกเขาคงไม่ได้ พลางนึกถึงอินทิรา ฝ่ายนั้นไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย
“ช่างมันเถอะค่ะ ที่ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะคืนนั้นฉันรู้ว่าคุณไม่รู้ว่าคนที่คุณ เอ่อ...เป็นฉันไม่ใช่พี่อิน”
ไรอันสายตาแหลมคมเสมอ เขาลอบเห็นสีหน้าขัดเขินของอีกฝ่ายแวบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เขาเสียดายเป็นบ้า เขาไม่น่าเมามากขนาดนั้นเลยจะได้จดจำรสสัมผัสหวานล้ำนั้นได้ทุกวินาที แต่จำได้ว่าคืนนั้นเขาขยันถี่ยิบถึงว่าน้ำอิงเบ้าหน้าพ่อเป๊ะมาก
ผิดกับกุลนิดาเธอไม่อยากมองหน้าคนเจ้าเล่ห์ พอคิดไปถึงคืนนั้น ภาพเหตุการณ์เก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัว ท่ามกลางความมืดสลัว ไรอันเมามาก เขาเข้าใจว่าเธอคืออินทิราคู่ขาที่นัดกันไว้ แล้วบอกมีเซอร์ไพรส์ให้เขารีบเข้าไปหา
คืนนั้นพอผลักเธอล้มบนเตียงเขาจับขาของเธอแยกออก กดมือของเธอเอาไว้ทั้งสองข้างแล้วสลัดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกาย เขากำลังต้องการปลดปล่อยอย่างเต็มที่แม้ได้ยินเสียงอู้อี้แปลกๆ อยู่บ้าง แต่ยอมรับกับตัวเองว่าเขาจำเสียงร้องอินทิราไม่ได้หรอก เขาไม่เคยใส่ใจเสียงร้องขอผู้หญิงคนไหน แต่จำได้ว่าคืนนั้นเธอพยายามทัดทานแล้วส่งเสียงร้องอู้อี้
แต่เขาดันเอาลิ้นไปอุดปากของเธอไว้เสียก่อนเลยได้ยินเสียงนั้นแค่ครู่เดียว ดวงตาลุ่มลึกร้อนแรงเผลอตัวจ้องมองหน้าหวานๆ ของกุลนิดา เขาจำได้ว่าลำคอระหงหอมกรุ่นเพียงใด เขาจำหน้าอกเต็มไม้เต็มมือนั่นได้ดี เป็นความอวบหยุ่นแบบธรรมชาติไม่ได้เสริมซิลิโคนแบบอินทิรา ทำไมคืนนั้นไม่เฉลียวใจ
ถ้าเฉลียวใจคืนนั้น เขาจะลุกขึ้นมาเปิดไฟแล้วค่อยทำต่อ จะได้เห็นความงามของกุลนิดาได้อย่างเต็มตา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ร่างกายของเขากำลังเรียกร้องอยากให้เกิดอุบัติเหตุเนื้อชนเนื้อแบบคืนนั้นอีกเหรอ แถมคนถูกชนยังไม่แจ้งเคลมประกัน ไม่ยอมเรียกร้องค่าทำขวัญใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่คนชนที่รู้ว่าตัวเองทำผิด แล้วอยากจะชดใช้ค่าเสียหาย
กระแสความร้อนประหลาดขุมหนึ่งวิ่งไปทั่วร่างกายกำยำอย่างรวดเร็ว
“ร้อนเหรอคะมิสเตอร์คาเตอร์ หน้าคุณแดง” เธอเห็นเขาหน้าแดง มองหน้าเธอแล้วกระสับกระส่ายแปลกๆ คงเพราะห้องรับแขกไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศกระมัง มีเพียงพัดลมโคมไฟติดเพดานหนึ่งตัว อะไรประหยัดได้เธอต้องประหยัดเพราะเด็กเล็กมีค่าใช้จ่ายหยุมหยิม
เขาตอบยิ้มๆ ดวงตาเป็นประกาย “ร้อนนิดหน่อย”
เขาไม่กล้าตอบตามจริง กลัวกวางน้อยจะเตลิดว่าเครื่องเขาร้อนพร้อมเดินหน้าแล้ว
“ผีอยากมาแอบดูคนพลอดรักกันก็เอาสิ เกรซีกลัวผีเหรอ ผมเคยสอนวิชาไล่ผีให้แล้วไง ผีจะกลัวคนแก้ผ้า ถ้าเกรซีที่รักไม่อยากถูกผีหลอก เดี๋ยวผมช่วยถอดเสื้อผ้าให้คุณเอง”กุลนิดาอับอายจนวางหน้าไม่ถูก “ถอดอีกแล้วเหรอคะ ฉันเพิ่งใส่กลับเข้าไปเมื่อกี้นี้เอง”กุลนิดาถูกเขาผลักให้นอนราบลงบนเตียง จากนั้นความขาวโพลนพร้อมกลิ่นหอมอ่อนของน้ำยาปรับผ้านุ่มก็ลอยลงมาปกคลุมสองร่างเอาไว้ อ้อมกอดของคนที่นอนทับอยู่บนตัวทั้งหอมและมีกลิ่นกายเฉพาะตัวชวนให้พาใบหน้าเข้าไปเคลียคลอกับแผงอกนั้น“กลัวผีใช่ไหม เดี๋ยวผมลงคาถากันผีให้ รับรองว่าเกรซีจะไม่ถูกผีหลอกไปตลอดชีวิต”“บ้า ฉันไม่เชื่อ คุณหลอกฉัน”“ไม่เชื่อ ก็ต้องให้ผมลงคาถาอยู่ดี”ดวงตาสีฟ้าภายใต้ผ้าห่มนวมผืนใหญ่เจิดจรัสเต็มไปด้วยไฟพิศวาสลุกโชน มันพร้อมจะแผดเผาเธอด้วยความรักที่เร่าร้อนเพียงพริบตาเดียว เสื้อผ้าทุกชิ้นที่ห่อหุ้มร่างบางงดงามไร้ที่ติกลับปลิดปลิวออกจากร่าง แต่ละชิ้นถูกไรอันโยนออกมาอย่างไม่ไยดีเสื้อและกระโปรงร่วงหล่นลงไปตามแรงเหวี่ยง ส่วนแพนตี้ตัวน้อยถูกเขาถอดและหล่นไปกองอยู่ข้างเตียง จนกระทั่งเหลือบราเซียร์สีชมพูหวานเป็นปราการด่านสุดท้ายที่ถูกเขาลอกคราบออก
กุลนิดาบอกเขาหมดเปลือก บอกจากก้นบึ้งหัวใจ เธอทั้งคิดถึง โหยหา แต่ก็หมั่นไส้พ่อตัวร้ายจอมเจ้าเล่ห์ในเวลาเดียวกันไรอันทนความน่ารักของเมียไม่ไหว มือแกร่งรวบร่างบอบบางของเมียไปนั่งทับบนตัก แล้วกระซิบเสียงแหบพร่าข้างใบหูขาวผ่อง“เรามาทำลูกกันอีกสักคนดีไหม ผมอยากให้น้ำอิงมีน้องไว้เป็นเพื่อนเล่น”กุลนิดาหน้าแดง ยกมือทุบอกเขาดังปั้กไรอันจับมือเล็กไว้ แล้วขบเม้มใบหูขาวอย่างรักใคร่ “อยากทุบก็ทุบให้เต็มที่ ผมไม่ทุบคืนด้วยหมัดแน่ๆ เพราะผมกลัวเมียเจ็บ แต่ผมจะชกคุณคืนถึงเช้าด้วยอวัยวะที่นุ่มนวลที่สุด”“ไรอัน คนหื่น ฉันรู้นะคุณหมายถึงอะไร”แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อร่างเล็กถูกเขาผลักลงไปบนเตียงเหมือนในคืนนั้น ร่างสูงกระชากผ้าเช็ดตัวสีขาวที่พันไว้รอบเอวอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่นี้ เขานอนแช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจ แล้วคิดเล่นๆ ว่าถ้ามีลูกอีกคนจะให้ชื่ออะไรดี เขาคิดออกแล้ว และเวลานี้ ควรต่อแขนให้ ‘น้ำอุ่น’ ออกมาเป็นตัวเป็นตนสักทีไรอันอวดหุ่นกำยำต่อหน้าเมีย กุลนิดารีบหลับตาปี๋ เพราะยังอายอยู่ จังหวะนั้นเองที่ไรอันรีบปอกเปลือกเมียให้เหลือแต่ร่างขาวโพลนทันที“ลูกคนนี้ผมจะตั้งใจทำให้หน้าเหมือนคุณนะ จะได้ไม่น้อยใจผมอ
“รู้อะไรไหม แต่ผมไม่เคยหลอกคุณนะ ว่าผมรักคุณกับลูกที่สุด รักจนหยุดหัวใจไว้ที่คุณ”“ฉันรู้ค่ะ ฉันยอมรับที่ผ่านมา ฉันขี้ขลาดเอง กลัวคุณไปเจอผู้หญิงสวยๆ ก็อยากจะเลี้ยงดูไปเรื่อยๆ แบบที่คุณเคยเลี้ยงดูพี่อินทิราเอาไว้ ตอนนี้ยังแอบส่งเสียกันอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าคุณมีเมียไว้ประเทศละคน ฉันคงทนไม่ได้ เลยเลือกที่จะไม่เปิดโอกาสให้คุณ” กุลนิดาบอกแล้วเบือนหน้าหนี เธอยอมรับผิดส่วนหนึ่งที่ไม่เชื่อใจเขา ไม่เปิดโอกาสให้เขาไรอันเชยคางเมียกลับมา จ้องดวงตาสีนิลคู่วาววับ “ผมกับอินทิราเลิกยุ่งเกี่ยวกันตั้งแต่คืนนั้นที่ผมมีอะไรกับคุณ แล้วผมก็ไม่ได้ไปมีเมียทิ้งไว้ทุกประเทศแบบที่คุณเข้าใจ ข่าวคุณมั่ว ไม่กรองแล้วละ”“หมายความว่ายังไงคะไรอัน” กุลนิดาเบิกตาโตมองเขาอย่างสนใจ“ผมกับอินทิราเจอกันบนสายการบินพาณิชย์ ตอนเครื่องบินลำนั้นที่ระเบิดไปมันงอแง ผมเห็นอินทิราสวยดี เธอส่งสายตาให้ผมก็เลยให้ครูซยื่นข้อเสนอ และไม่ได้ตั้งใจให้มาอยู่ที่นี่หรอก แต่อินทิราบอกผมว่าคอนโดฯ ของเธอยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่ที่ผมมาที่นี่หลายครั้งไม่ได้ติดใจอินทิรา แต่ติดใจสาวน้อยที่ดูแลกุหลาบของแม่ผมอย่างดี ผมคิดว่ามาอยู่ที่เมืองไทยมันจะตา
เฮี้ยนกว่าผีก็สามีของเธอนี่เองดวงหน้าขาวซีดแทบจะเป็นสีเดียวกับกระดาษเวลานี้พลันเปลี่ยนเป็นจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคือง เลือดลมกลับมาสูบฉีดแรง ตอนนี้สติเธอกลับมาครบถ้วนพอจะแยกออกว่าร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาหาแล้วคว้าเธอเข้าไปกอดคือสามีไม่ใช่ผี“ไรอัน! คนบ้า คุณเล่นบ้าอะไร หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวว่าเครื่องบินระเบิด คุณตายแล้ว” กุลนิดารู้สึกว่าเธอกำลังเป็นคนเสียสติแล้วกระมังถึงได้หัวเราะไปร้องไห้ไปราวกับเป็นผู้ป่วยไบโพลาร์ไรอันส่ายหน้า รอยยิ้มหล่อร้ายบนใบหน้าของเขาประดับค้างอยู่นานไม่ยอมจางหาย ในขณะที่ดวงตาสองข้างยังจ้องหน้าเมียรักอยู่ตลอดเวลา“คุณยังหลอกผมได้เลย คิดว่าผัวเคี้ยวหญ้าหรือไงจ๊ะที่รัก ถึงได้คิดว่าผมจะเชื่อว่าเมียมีฝาแฝด เป็นไงพอผมหลอกคืนบ้าง คุณถึงกับอึ้งไปเลย”กุลนิดาผลักอกเขาออกแต่มันไม่ขยับออก ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยอารมณ์หลากหลายทั้งดีใจ ทั้งโมโห “หลอกแรงเกินไปแล้ว”ไรอันขยับเข้าไปใกล้ร่างเมียรัก ประคองใบหน้างามที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาให้มองตอบเขา “ฟังผมอธิบายก่อนเกรซี อย่าเพิ่งโกรธผมเลย”กุลนิดาส่ายหน้าด้วยความน้อยใจ “คุณหลอกคนทั้งโลกว่าตายแล้ว คุณเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมต้องหลอก
กุลนิดาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอาบแก้มอย่างไม่อาย ตอนนี้เธออยู่คนเดียวภายในห้อง เธอไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเห็นแล้วตั้งคำถามอีก ดังนั้นเมื่อน้ำตาอยากไหลออกมา เธอก็จะปล่อยให้มันไหลไปจนกว่าจะพอ อย่างน้อย เธอจะได้ใช้มันเป็นหนทางระบายออกได้บ้างใบหน้าสวยที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเลอะกรัง กวาดมองรอบห้องอย่างอาวรณ์ ตอนนี้ เธอยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ เธออยากจะคิดว่าข่าวที่ลงเป็นเพียงข่าวโคมลอย เชื่อถือไม่ได้ เขายังปลอดภัยดี เพียงแต่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จจึงยังกลับมาไม่ได้...แต่กุลนิดาก็ไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เพราะภาพข่าวที่ทุกสื่อนำมาลงเป็นเรื่องจริงจู่ๆ ก็มีลมพัดวูบหนึ่งเข้ามาในห้อง กุลนิดาจึงเดินไปที่ระเบียง ประตูถูกเปิดออกไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ชายผ้าม่านสีขาวปลิวคว้าง ภาพนี้เหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่มีผิด จู่ๆ กุลนิดาก็รู้สึกขนลุกเกรียวขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว“เหมือนวันนั้นไม่มีผิด” ปกติกุลนิดาเป็นคนกลัวผีมาก และตอนนี้ความหลอนก็ผุดขึ้นมาอีกหนห้องนี้เคยมีประวัติอะไรหรือเปล่านะ เธอยังจำได้ดีถึงผีจูออนชุดขาวที่เห็นวันนั้น เธอยังไม่เคยคุยกับไรอันถึงเรื่องนั้นเลย เคยตั้งใจว่า
แอชลีย์มองสองแม่ลูกแล้ววางหน้าลำบากพลางลอบถอนหายใจ “เอาละ หลานป้าแอชลีย์มีสายเลือดนักสู้ สุดยอดมาก ป้าแอชลีย์ตะลึงไปเลย แบบนี้ควรมีรางวัลให้หนูใช่ไหม”พอได้ยินคำว่ารางวัล ร่างอวบที่นอนหงายดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างง่ายดาย “รางวัล! เด็กดีควรมีรางวัลค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องใช่ไหมคะมามี้”เด็กหญิงยิ้มเผล่รู้สึกหายเหนื่อย “คุณป้าแอชลีย์คนสวย น้ำอิงอยากกินไอศกรีมเป็นรางวัลได้ไหมคะ” แม่คนช่างประจบ และหัวไวกับของฟรีกล่าวแอชลีย์ดึงหลานสาวตัวอวบไปกอด รู้แล้วทำไมน้องชายถึงได้หลงลูกสาวนัก “แน่นอนหลานสาวของป้าได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้”กุลนิดามองหน้าแอชลีย์ เสี้ยวหน้าด้านหนึ่งมีเค้าเหมือนไรอันอยู่มาก ความสนิทอย่างรวดเร็วของสองป้าหลานคงเป็นความผูกพันทางสายเลือด“อย่ารบกวนคุณป้าเลย เดี๋ยวมามี้พาไปเอง”เพียงแต่แอชลีย์หันมายิ้มแล้วพยุงหลานสาวให้ลุกขึ้น “เกรซี ฉันมีเรื่องจะบอก แม่บ้านของลักซูรีคอนโดฯ โทร.มาบอกฉันว่าอยากให้เจ้าของห้องชุดเข้าไปดูแลกุหลาบพวกนั้นที่ริมระเบียงด้วย เพราะพวกมันใกล้จะตายหมดแล้ว ไรอันจ้างให้แม่บ้านมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์ แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ย้ายต้นกุหลาบเหล่านั้นออกไปไหน ตอนนี้ห้อง







