เข้าสู่ระบบความเร่าร้อนของฮูหยินเหม่ยฟางทำให้แม่ทัพหยางเจี้ยนหลงลืมเวลาไปอย่างสิ้นเชิง ความสุขและความใกล้ชิดที่เขาได้สัมผัสกับนางในขณะแช่น้ำ ทำให้พวกเขาบรรเลงเพลงรักกันด้วยความหลงใหลอย่างลืมตัว จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง โดยไม่รู้ตัว
ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ในน้ำอย่างเต็มที่ ทุกสัมผัส ทุกจุมพิต เป็นการเติมเต็มความรักและความปรารถนาที่คอยหลั่งไหลออกมาในค่ำคืนอันแสนหวานนี้ เสียงหัวเราะและเสียงกระซิบอันหวานชื่นสะท้อนอยู่ภายในกระโจม สร้างบรรยากาศอันเปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น
ในที่สุด เมื่อพวกเขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่ทัพหยางเจี้ยนและเหม่ยฟางได้ล้มตัวนอนลงบนเตียง นอนกอดกันอย่างอบอุ่น ท่ามกลางแสงจันทร์ส่องสว่างและหมู่ดาวที่ระยิบระยับบนท้องฟ้า เสียงลมหายใจของทั้งสองคนค่อยๆ สงบลง และความเหนื่อยล้าจากความรักที่ได้ใช้เวลาร่วมกันก็ทำให้พวกเขาเผลอหลับไปอย่างสงบสุข
แสงของวันใหม่เริ่มส่องสว่างขึ้นทั่วแดนเหนือ เสียงของธรรมชาติเริ่มกึกก้องท่ามกลางอากาศเย็นยะเยือก ทำให้แม่ทัพ
หยางเจี้ยนต้องตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนหวานที่ยังคงมีเหม่ยฟางอยู่ในใจ วันนี้คือวันสำคัญ วันที่เขาต้องยกทัพไปปราบกองทัพของฝ่ายศัตรูให้สิ้นซาก
แม้ในใจจะมีความอบอุ่นจากเมื่อคืนที่ใช้เวลาร่วมกับฮูหยิน แต่หน้าที่ของเขาคือการนำทัพเข้าสู้ การที่เขามาเยือนแดนเหนือในครั้งนี้ก็เพื่อวางแผนการรบและกวาดล้างกองทัพของศัตรูที่เป็นอุปสรรคต่อความสงบสุขของแผ่นดิน ด้วยทักษะการรบที่เฉียบขาดและความกล้าหาญที่เป็นที่ยอมรับ เขาตั้งใจจะไม่ให้เหลือซากของศัตรูในพื้นที่นี้
ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ แม่ทัพหยางเจี้ยนและกองทัพของเขาสามารถพุ่งทะยานเข้าสู่สนามรบได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนที่รัดกุมและการจัดการทัพอย่างฉลาด ในแต่ละวันเขาทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ศัตรูตกอยู่ในความหวาดกลัวและไม่สามารถตั้งตัวได้
การรบในแต่ละวันนั้นเต็มไปด้วยความเข้มข้น ทหารทุกนายภายใต้การนำของหยางเจี้ยนต่างมุ่งมั่นและมีความเชื่อมั่นในชัยชนะ เมื่อเวลาเดินทางผ่านไป ความสำเร็จของเขาก็เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ภายในหนึ่งสัปดาห์นั้น เขาสามารถกวาดล้างกองทัพของศัตรูให้สิ้นซากได้ตามที่ตั้งใจ ทั้งยังสามารถจับเชลยศึกจำนวนมากมายที่ถูกส่งมาเป็นหลักฐานแห่งชัยชนะในครั้งนี้ การจับเชลยไม่เพียงแค่เป็นชัยชนะที่ภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นการส่งข้อความไปถึงศัตรูว่าเขาและกองทัพของเขาไม่สามารถถูกท้าทายได้
เมื่อข่าวการชนะดังไปทั่ว เขากลายเป็นวีรบุรุษในสายตาของทหารและประชาชน ความสามารถและความกล้าหาญของเขาถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ทุกคนต่างมองเขาด้วยความเคารพและศรัทธา ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการปราบปรามศัตรูเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจและความเป็นหนึ่งเดียวกันให้กับทัพของเขา สร้างชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ให้กับแม่ทัพหยางเจี้ยนไปตลอดกาล
แม้สงครามในแดนเหนือจะสิ้นสุดลงอย่างมีชัย แต่แม่ทัพหยางเจี้ยนกลับยังไม่รีบเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เขารู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ชัยชนะคือการฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม บ้านเรือนหลายหลังในแดนเหนือได้รับความเสียหายจากการรบ ปราชญ์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในสงบสุขต้องเผชิญกับความทุกข์ยากและสูญเสีย
ด้วยเหตุนี้ ท่านแม่ทัพจึงตั้งใจที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานเพื่อช่วยให้การซ่อมแซมบ้านเรือนและฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว เขาสั่งการให้ทหารของเขาช่วยกันทำงานร่วมกับช่างฝีมือท้องถิ่น ในการซ่อมแซมบ้านเรือนและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนที่ถูกทำลาย
เสียงของเลื่อยไม้และเสียงงานก่อสร้างดังไปทั่วหมู่บ้าน ขณะที่ทหารและประชาชนร่วมมือกันสร้างบ้านใหม่ สร้างโครงสร้างพื้นฐานและคืนความสงบสุขให้กับพื้นที่นี้ แม่ทัพหยางเจี้ยนไม่เพียงแค่สั่งการ แต่ยังร่วมมือทำงานด้วยมือของเขาเอง เพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจและความใส่ใจของเขา
ความเอื้อเฟื้อและความตั้งใจของท่านแม่ทัพทำให้เขาได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนในแดนเหนืออย่างล้นหลาม ประชาชนต่างมองเขาเป็นมากกว่าวีรบุรุษในสนามรบ เขาคือผู้ปกป้องที่คอยดูแลและช่วยเหลือพวกเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ผู้คนพูดถึงเขาในเชิงยกย่องและสรรเสริญ ว่าเขาเป็นผู้นำที่ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการรบ แต่ยังมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและการเสียสละ
ท่ามกลางการตรวจสอบความเรียบร้อยของหมู่บ้านที่แม่ทัพหยางเจี้ยนได้ช่วยฟื้นฟู แล้วก็ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือดอกไม้ป่ามาให้เขา ใบหน้าของนางสดใสและงดงามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ราวกับดอกไม้ในมือที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและความสดใหม่ เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง เขาสัมผัสได้ถึงความซื่อตรงและความขอบคุณที่มีต่อเขา
“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากจะขอบคุณท่าน ข้าไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณท่านอย่างไรดี” เสียงของนางแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ นางยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น ขณะที่ยื่นดอกไม้ให้แม่ทัพ
ท่านแม่ทัพไม่สามารถละสายตาจากเรือนร่างของนางได้ ความงามของนางนั้นช่างดึงดูดใจ ช่วงเวลานี้ทำให้เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่รุนแรง ไม่เพียงแต่ความงามภายนอก แต่ยังมีเสน่ห์ที่อยู่ในตัวนางด้วย เขาไม่สามารถต้านทานได้
“หากเจ้าอยากที่จะขอบคุณข้าจริงๆ” แม่ทัพพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหื่นกระหาย “เจ้าอาจจะช่วยตอบแทนข้าด้วยเรือนร่างของเจ้าได้หรือไม่”
คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากเขาอย่างไม่เกรงกลัว ทำให้บรรยากาศรอบตัวเกิดความเงียบลง เสียงของลมที่พัดผ่านไปกลายเป็นเสียงอันชัดเจน ขณะที่ดอกไม้ในมือของหญิงสาวนั้นสั่นไหวด้วยความตื่นเต้นและตกใจ
หญิงสาวเผลอทำหน้างุนงง ก่อนที่ความแดงร้อนจะปรากฏบนใบหน้าเธอ “ท่านแม่ทัพ!” นางอุทานอย่างตกใจ นางไม่รู้ว่าจะตอบรับคำพูดของเขาอย่างไร แต่ในใจกลับมีความรู้สึกสับสนระหว่างความเคารพและความดึงดูด
ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป เขาเข้ามาใกล้นางมากขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่นางอย่างไม่ลดละ “ข้าเห็นความงามของเจ้าอย่างชัดเจน และรู้ดีว่าเรือนร่างของเจ้าเป็นดั่งงานศิลป์ที่ผู้ชายใฝ่ฝันถึง”
นางสะอึกอยู่ในคำพูดของเขา ความร้อนในหน้าเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย จนสุดท้ายเธอตัดสินใจวางดอกไม้ลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ “หากท่านแม่ทัพมีความปรารถนา ข้าก็ยินดี”
คำพูดนั้นทำให้ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความตื่นเต้น เขารู้ว่าความปรารถนาของเขาในค่ำคืนนี้อาจจะกลายเป็นจริง เสน่ห์ระหว่างทั้งสองเริ่มสานต่อ ทำให้ท่านแม่ทัพไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปในช่วงเวลานี้
นางดึงมือท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนเข้าไปภายในบ้านที่ซอมซ่อของตนด้วยความเร่าร้อนใจ สายตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่าผู้อื่นจะพบเห็นถึงการกระทำนี้ การได้หลับนอนกับยอดบุรุษที่มีชื่อเสียงในสงคราม คือสิ่งที่นางเฝ้าฝันถึงมาตลอดชีวิต การได้ใกล้ชิดกับเขาคือโอกาสที่อาจจะไม่มีวันกลับมาอีก
“กรุณาเข้าไปด้านในเถอะ ท่านแม่ทัพ” นางพูดด้วยเสียงกระซิบ อารมณ์ของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเปกันระหว่างความตื่นเต้นและความกลัว ทั้งสองย่างก้าวเข้าไปในบ้านที่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำอันเจ็บปวดจากสงคราม บ้านที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้กลับเหลือแต่ซากของความสูญเสีย
เมื่อปิดประตูลง นางหันกลับมาจ้องตาสีเข้มของท่านแม่ทัพ นางสามารถรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดที่ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เสียงหัวใจที่เต้นถี่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่มีอยู่ภายใน ความรู้สึกนี้คือสิ่งที่นางไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตน
ยิ่งตัวของแม่ทัพ หยางเจี้ยน เล่นสนุกกับเรือนร่างของฮองเฮาซ่งหลิงหรู มากขึ้นเท่าไหร่มันยังทำให้ความหื่นกระหายในกายสูบฉีดรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้นท่านเนื้อของท่านแม่ทัพการเกิดแข็งตัวอย่างหน้าเหลือเชื่อจนมันแข็งผงาดชี้อยู่ที่เบื้องหน้าของนาง ฮองเฮาซ่งหลิงหรู จ้องมองท่อนเนื้อของท่านแม่ทัพที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางด้วยความหลงใหลความใหญ่ยาวของมันนั้นล้วนเหนือกว่าฮ่องเต้ หลงเซวียน เป็นเท่าตัวนางถึงกับลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอไปอึกใหญ่ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้นั้นตัวของนางนั้นจะเป็นนางร่านจริงๆ เพียงแค่เห็นท่อนเนื้อที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางก็ทำให้ตัวของนางนั้นขุนลุกขนชันไปทั้งร่างฉวบ...นางดูดเลียท่อนเนื้อชิ้นนี้อย่างเร่าร้อนลิ้นของนางพลิ้วไหวไปมาอย่างนิ่มนวล แม่ทัพ หยางเจี้ยน ถึงกับเสียวสะท้านจนตัวเกร็งนางไม่ได้มีดีแต่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่นางยังมีความเร่าร้อนอย่างสุดโต่งเพียงแค่โดนลิ้นสัมผัสของนางมันก็แทบที่จะทำให้ตัวของเขานั้นน้ำแตกทะลักออกมา นางทั้งชักทั้งดูดทั้งเลียราวกับว่านี่คือของเล่นชิ้นใหม่ที่นางพึ่งได้ลิ้มลองในขณะที่มือของนางลูบไล้ไปที่ผิวกายของท่านแม่ทัพอย่างเร่าร
แม้ว่าฮองเฮาซ่งหลิงหรูจะมีอายุถึง 48 ปีในช่วงเวลานี้ แต่ความงดงามและความเย้ายวนของนางนั้นยากที่จะหาคำอธิบายได้ นางมีเสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายตามกาลเวลา เรือนร่างของนางที่อวดโฉมผ่านเสื้อผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นทุกรายละเอียดนั้นยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนและดึงดูดทุกสายตา เสน่ห์ของนางนั้นยากจะต้านทาน แม้แต่สาวแรกรุ่นก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับความงามของนางแม่ทัพหยางเจี้ยนไม่สามารถจะหักห้ามตัวเองได้เมื่อสายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ฮองเฮาซ่งหลิงหรู ทุกการเคลื่อนไหวของนางทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางดึงดูดทุกความรู้สึกของเขา แม้แต่ความคิดก็ล้วนแต่หมุนวนไปที่ร่างกายและท่าทางอันเย้ายวนของนางยิ่งตอนนี้ที่นางใกล้เข้ามานั่งข้างเขาและเคลื่อนไหวรอบ ๆ ด้วยท่าทางสง่างามนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มตอบสนองด้วยการร้อนรุ่มขึ้นมาทุกส่วน มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์ที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้ ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่นางไม่ยอมละสายตาฮองเฮาซ่งหลิงหรู นั่งอยู่ด้านข้างแม่ทัพหยางเจี้ยนอย่างสง่างาม มือของนางถือขันสุราหรูหราที่บรรจุเหล้าจากแดนไกล ซึ่งนางกำลังจะรินให้ท่านแม่ทัพ หยางเจ
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง แม่ทัพหยางเจี้ยน ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับชัยชนะในสงครามที่แดนเหนือ ก็ได้เตรียมตัวอย่างเรียบร้อยและออกเดินทางสู่ท้องพระโรงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลงเซวียน ท่ามกลางบรรยากาศเช้าที่เงียบสงบและงดงาม เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง ภูมิใจในชัยชนะที่สามารถนำมาสู่แผ่นดินและประชาชนเมื่อเข้ามาถึงท้องพระโรง แม่ทัพหยางเจี้ยนก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้หลงเซวียนทรงทอดพระเนตรมองแม่ทัพผู้กล้าแกร่งด้วยความพึงพอใจ สายพระเนตรเต็มไปด้วยความภูมิใจในขุนนางผู้ภักดีที่สามารถนำชัยชนะกลับมาอย่างเด็ดขาดแม่ทัพหยางเจี้ยนเริ่มรายงานถึงการรบที่แดนเหนืออย่างละเอียด ทั้งการวางแผน การต่อสู้ที่กล้าหาญของเหล่าทหาร และวิธีการที่พวกเขาเอาชนะศัตรูได้อย่างสง่างาม นอกจากนี้ เขายังได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟูบ้านเมืองในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ทั้งการบูรณะหมู่บ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง"สมแล้วที่ตัวเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด" ฮ่องเต้หลงเซวียนตรัสด้วยความพึงพอใจ ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในสนามรบได้อย่างไร้ที่ติ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ห่างออกไปเล็กน้อยจากที่ที่แม่ทัพหยางเจี้ยนและสาวใช้เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ สายตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่ทันรู้ตัว นางรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านและเข้มข้นที่ซ่อนอยู่ภายใน แผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างช้า ๆ ความรู้สึกที่เธอไม่อาจหักห้ามใจได้แสงแดดที่สะท้อนลงบนผืนน้ำ ส่องผ่านศาลามายังตัวนาง ขับเน้นให้ใบหน้าของเหม่ยฟางดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์อย่างเงียบ ๆ ขณะที่นางจิบชา ความรู้สึกอันแรงกล้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ เสียงหัวใจของนางเต้นรัวจนแทบจะได้ยินชัดเจน นางรู้สึกถึงความปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ภายใน เป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นจนทำให้นางเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาหัวใจของเหม่ยฟางเริ่มสั่นไหว ขณะที่นางนั่งมองจากมุมไกล ดื่มด่ำกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า แม้จะมีความสงบแผ่รอบตัว แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอันเงียบงัน ราวกับเป็นไฟลุกโชนที่ยากจะดับ“ท่านพี่...” ฮูหยินเหม่ยฟางขับขานเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและกระเส่า น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป แม่ทัพหยางเจี้ยนหยุดชะงักเมื่อไ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งเอนกายอยู่ในศาลาริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ นางจิบชาอย่างละเมียดละไม รสชาติเข้มข้นของชาอุ่น ๆ เติมเต็มความรู้สึกสบายใจให้แก่เธอ ในขณะที่มองฉากเร่าร้อนระหว่างแม่ทัพหยางเจี้ยนและหญิงสาวรับใช้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผยถึงความพึงพอใจมือของนางหยิบอาหารว่างที่จัดไว้อย่างประณีตบนจาน งามเรียบง่ายและประณีตเหมือนตัวนางเอง นางมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและผ่อนคลาย ราวกับเป็นผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากระยะไกล พลางใช้ช่วงเวลาสงบนี้ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้เห็นคนรักของตนมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการฮูหยินเหม่ยฟางยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาที่มองไปยังฉากตรงหน้ามีแววเอ็นดูปนขบขันในความเป็นชายของท่านพี่ หยางเจี้ยน สำหรับนางแล้ว เขาคือชายผู้เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและไฟรักที่ไม่มีวันมอดดับ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และความดิบเถื่อนในแบบที่นางรักและชื่นชม"ท่านพี่ช่างเป็นชายที่หื่นกระหายยิ่งนัก" นางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง นางไม่รู้สึกหึงหวงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กล
เมื่อขบวนกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยนเข้ามาถึงเมืองหลวง ความตื่นเต้นและความยินดีของประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม เสียงตะโกนร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วท้องถนน ผู้คนมากมายออกมารอรับเขา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความสำเร็จที่เขาได้ยุติสงครามในแดนเหนือแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนจากประชาชนที่เขาได้ต่อสู้และปกป้อง เขาเดินหน้าไปพร้อมกับรอยยิ้มและการทักทายผู้คนรอบข้าง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ พร้อมทั้งมีเชลยศึกตามกลับมามากมาย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขาในการนำกองทัพผ่านสงครามเมื่อถึงพระราชวัง แม่ทัพได้รับการต้อนรับจากฮ่องเต้หลงเซวียน พระองค์มีพระเมตตาและความเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อยของแม่ทัพ จากการเดินทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยอันตราย พระองค์จึงให้แม่ทัพได้กลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรายงานตัวในทันทีแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของฮ่องเต้ และได้ขอบพระคุณพระองค์อย่างจริงใจ ก่อนที่จะออกจากพระราชวังและเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเมื่อเสี่ยวเอ๋อร์เดินทางกลับมาถึงจวนของแม่ทัพหยางเจี้ยน ความตื่นตะลึงในดวงตาของนางไม่สามา







