LOGINก่อนที่เหม่ยฟางจะกลายมาเป็นสตรีที่เพียบพร้อม คู่ควรกับแม่ทัพหยางเจี้ยน แท้จริงแล้วเธอเคยเป็นหญิงสาวที่มีนิสัยดิบเถื่อน เหมือนสัตว์ป่าที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ พ่อของนางเป็นจอมโจรผู้มีชื่อเสียงอันลือเลื่อง เป็นหัวหน้ากองโจรนับร้อยคนคอยติดตามออกปล้นสะดมไปทั่วแคว้น เหม่ยฟางเติบโตท่ามกลางเสียงดาบ เสียงม้า และกลิ่นของควันไฟ ความเป็นนักสู้และหัวใจที่กล้าแกร่งถูกหล่อหลอมขึ้นในทุกวัน
จนเมื่อวันหนึ่ง ท่านแม่ทัพหยางเจี้ยนได้รับคำสั่งตรงจากเมืองหลวง ให้ยกกองทัพมาปราบพ่อของนาง กองโจรที่เคยแข็งแกร่งและเกรียงไกรต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงภายใต้แผนการอันยอดเยี่ยมและความสามารถที่ไร้เทียมทานของแม่ทัพหนุ่ม ในสนามรบครั้งนั้น กองทัพของหยางเจี้ยนบดขยี้ศัตรูอย่างไร้ความปรานี เหล่าลูกสมุนของพ่อของเหม่ยฟางถูกสังหารอย่างไม่เหลือใคร จนในที่สุด ทุกอย่างก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้
และในช่วงเวลาสุดท้ายของการรบ หยางเจี้ยนได้พบกับเหม่ยฟางเป็นครั้งแรก ท่ามกลางซากปรักหักพังของค่ายโจร ร่างอรชรของนางโดดเด่นขึ้นมา ความงดงามของเธอทำให้หัวใจของแม่ทัพหยางแทบหยุดเต้น นางงดงามราวกับดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่ง แม้แต่สาวงามในเมืองหลวงก็ไม่อาจเทียบติดกับความงามนี้
หยางเจี้ยนจ้องมองนางด้วยความหลงใหลตั้งแต่แรกพบ แต่เขารู้ดีว่าความงดงามนี้มาพร้อมกับความดุร้าย นางไม่ใช่หญิงสาวอ่อนหวานทั่วไป แต่เป็นบุตรสาวของจอมโจรผู้แข็งแกร่ง หัวใจที่ดุร้ายและเด็ดเดี่ยวของนางเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้สยบลงเคียงข้างเขา
เพื่อแลกกับการไว้ชีวิตพ่อของนาง หยางเจี้ยนได้เสนอทางเลือกให้กับเหม่ยฟาง นางจะต้องกลายเป็นสตรีที่อยู่ข้างกายเขา คอยสนับสนุนและยืนเคียงข้างในฐานะฮูหยินของแม่ทัพ นางตอบตกลงอย่างลังเล ในขณะที่ความโกรธแค้นและความเกลียดชังยังคงคุกรุ่นในใจ
แม้จะยอมรับข้อเสนอของเขา แต่หยางเจี้ยนรู้ดีว่าพ่อของนางนั้นยังคงเป็นภัย หากเขายังคงถือดาบได้ ดังนั้น ท่านแม่ทัพจึงตัดสินใจจัดการกับพ่อของนาง เล็กน้อย ด้วยการทำให้มือของจอมโจรนั้นไม่สามารถจับดาบได้อีก เขาทำให้พ่อของเหม่ยฟางไม่สามารถกลับมาสร้างความวุ่นวายหรืออันตรายได้อีกตลอดกาล
หลังจากนั้น เหม่ยฟางถูกพาตัวไปยังเมืองหลวงเพื่อเรียนรู้และปรับตัวให้กลายเป็นสตรีที่เพียบพร้อม การเดินทางของเธอจากบุตรสาวจอมโจรผู้ดุดัน กลายเป็นฮูหยินผู้งดงามและสมบูรณ์แบบ ข้างกายแม่ทัพหยางเจี้ยน
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น เวลาก็ผ่านล่วงเลยมาถึง 9 ปี หยางเจี้ยนและเหม่ยฟางใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา จนมีบุตรด้วยกันสามคน ลูก ๆ ของพวกเขาเติบโตมาอย่างสง่างาม ท่ามกลางความรักและความอบอุ่นในครอบครัว ในช่วงเวลานี้ เหม่ยฟางได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นหญิงสาวที่อ่อนหวานและเรียบร้อย สตรีผู้เพียบพร้อมตามแบบแผนที่สังคมคาดหวัง ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้เลยว่าเบื้องหลังของความสงบนิ่งและความสุภาพเรียบร้อยนั้น ซุกซ่อนสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่เคยถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เยาว์วัย
ท่ามกลางความสงบสุขที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากระทบ เหม่ยฟางยังคงซ่อนเร้นความดุร้ายไว้ในใจ แม้แต่หยางเจี้ยนเองก็รับรู้ได้ว่า ภายใต้ท่าทางอ่อนโยนและเรียบร้อยของนาง ลึกลงไปนั้นยังคงเป็นหญิงสาวที่มีความร้อนแรงดุจเปลวเพลิง ไม่ว่าจะเป็นท่าทางในการพูดจา ท่าทางที่แสดงออกต่อผู้อื่น ล้วนแต่เป็นไปด้วยความอ่อนโยน นอบน้อม สะท้อนถึงความสมบูรณ์แบบในฐานะภรรยาและมารดา
แต่เมื่อยามค่ำคืนมาเยือน เมื่อทั้งสองอยู่ตามลำพังในห้องที่เงียบสงัด ลีลาแห่งความรักของเหม่ยฟางกลับพลิกผันไปอีกด้านอย่างสิ้นเชิง นางราวกับเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกสิ่ง สัญชาตญาณดิบเถื่อนที่เคยหลับใหลมาตลอดกลับถูกปลุกขึ้นมา นางเคลื่อนไหวด้วยความเร่าร้อน จนหยางเจี้ยนไม่อาจละสายตาจากนางได้ ร่างกายของนางสัมผัสกับเขาอย่างดิบเถื่อนและทรงพลัง ราวกับว่านางกลับกลายเป็นนักล่าในป่า ที่ควบคุมทุกสัมผัสและการเคลื่อนไหวได้อย่างเชี่ยวชาญ
แม้หยางเจี้ยนจะเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่คุมกองทัพและรบพุ่งมามากมาย แต่ในห้องหอ เขารู้ดีว่าเหม่ยฟางคือผู้ที่คุมเกม นางคือไฟที่ไม่อาจดับได้ เขาหลงใหลในความแตกต่างนี้ ท่ามกลางความอ่อนหวานที่นางแสดงออกในยามปกติ กลับมีความดุร้ายซ่อนอยู่ในลีลาที่ไม่มีใครอื่นได้สัมผัส
“ข้าไม่เคยลืมตัวตนที่แท้จริงของข้า” เหม่ยฟางกระซิบใกล้หูของเขาในยามที่อารมณ์เร่าร้อนถึงขีดสุด สายตาของนางเป็นประกายดั่งสัตว์ป่าที่รอคอยจังหวะล่า เหมือนอดีตที่เคยเป็นบุตรสาวจอมโจรผู้เก่งกาจ ลีลาของนางทำให้หยางเจี้ยนรู้สึกได้ถึงความดุร้ายที่ยังคงอยู่ในตัวนาง ราวกับว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ตัวตนดั้งเดิมของเหม่ยฟางก็ยังคงอยู่ ไม่เคยเลือนหายไป
ในทุกค่ำคืนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน สัญชาตญาณดิบเถื่อนของเหม่ยฟางยังคงถูกปลุกขึ้นมา ราวกับเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับ เธอคือสตรีที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งอ่อนหวานและสงบเสงี่ยม อีกด้านหนึ่งดุเดือดและเร่าร้อนราวกับสัตว์ป่าที่ถูกปลดปล่อยจากกรง ไม่มีอะไรจะทำให้หยางเจี้ยนหลงใหลได้เท่านี้ การได้เห็นความร้อนแรงและความกล้าที่แฝงเร้นในตัวนางทำให้เขายิ่งรักนางมากขึ้นทุกวัน
"ตัวตนของเจ้าเช่นนี้แหละ ที่ทำให้ข้ายิ่งหลงใหล" แม่ทัพหยางเจี้ยนกระซิบออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ความกระเส่าในคำพูดของเขาสะท้อนถึงความปรารถนาที่กำลังลุกโชน เขามองเหม่ยฟางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาและมอบจูบอันร้อนแรงให้กับนาง รสสัมผัสนั้นลึกล้ำและเร่าร้อน ราวกับพยายามจะหลอมรวมสองร่างกายเข้าด้วยกัน
ลิ้นของนางเคลื่อนไหวอย่างพลิ้วไหว โต้ตอบและปลุกเร้าอารมณ์ของเขาได้อย่างชำนาญ ความร้อนแรงที่นางแสดงออกมานั้นเหนือกว่าสิ่งใด ราวกับไฟที่ไม่มีวันมอด นางปลดปล่อยความต้องการดิบเถื่อนออกมาเต็มที่ และทุกสัมผัสของนางทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในเงื้อมมือของสัตว์ร้ายที่หิวโหย
หากหยางเจี้ยนรู้สึกว่าตัวเองร้อนแรงแล้ว เหม่ยฟางกลับร้อนแรงยิ่งกว่า เธอไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา แต่เป็นดั่งสัตว์ร้ายยามค่ำคืนที่ซุ่มรอเหยื่อด้วยความกระหาย เรือนร่างแข็งแกร่งของแม่ทัพหนุ่มคืออาหารของนาง ทุกสัมผัสที่เธอเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความต้องการอันแรงกล้า นางกัดริมฝีปากเขาเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้เขาอีก จูบเขาอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ราวกับกลืนกินความรู้สึกทั้งหมดของเขา
มือของนางลากไล้ไปตามร่างกายของเขา เสียงลมหายใจของทั้งคู่เริ่มถี่ขึ้น ขณะที่เหม่ยฟางปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่ถูกซ่อนไว้มานาน ลิ้นของนางพริ้วไหวไปตามจังหวะที่รุนแรงขึ้น ร่างกายของนางเคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญ พร้อมกับกอดเขาแน่น ราวกับจะทำให้หยางเจี้ยนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
"ข้าต้องการเจ้า... ต้องการทุกส่วนของเจ้า" นางกระซิบเสียงต่ำในขณะที่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา ความปรารถนาในแววตาของนางทำให้เขาแทบหยุดหายใจ นางคือไฟที่กำลังลุกโชน และเขาก็พร้อมที่จะถูกเผาไหม้ไปกับนางในค่ำคืนอันยาวนานนี้
เพียงแค่คำพูดปลุกเร้าของเหม่ยฟางที่กระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความต้องการ แม่ทัพหยางเจี้ยน ผู้ที่ผ่านประสบการณ์มากมายทั้งในสนามรบและบนเตียง กลับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ราวกับทุกคำพูดของนางเป็นยาพิษหวานหอมที่ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาทำลายความแข็งแกร่งและความเยือกเย็นที่เขาสั่งสมมา
แม้หยางเจี้ยนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมอารมณ์ แต่ครานี้ เขาไม่สามารถต้านทานแรงปรารถนาที่ถูกกระตุ้นจากความร้อนแรงของเหม่ยฟางได้ นางไม่เหมือนใคร นางรู้จักทุกวิถีทางในการทำให้เขาอ่อนลง ไม่ใช่ด้วยความนุ่มนวลหรือการยั่วยวนธรรมดา แต่ด้วยสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่ทำให้เขารู้สึกว่า กำลังถูกล่าจากสัตว์ร้ายที่ไม่มีทางหนี
เหม่ยฟางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ นางรู้ดีถึงอำนาจของตนเองเหนือเขา และยิ่งเขาแสดงออกถึงความอ่อนไหวมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากขึ้น นางยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิม ลมหายใจอุ่น ๆ ของนางสัมผัสกับใบหูของเขา และทุกคำที่นางเปล่งออกมานั้นแผ่วเบาแต่ชัดเจน
"เจ้าจะทนข้าได้นานแค่ไหนกัน แม่ทัพของข้า?"
เพียงแค่คำพูดนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้หยางเจี้ยนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น ความแข็งแกร่งที่เคยใช้ในการรบไม่อาจช่วยอะไรได้ในสถานการณ์นี้ นางทำให้เขาสั่นสะท้านได้โดยไม่ต้องพยายามมากนัก...
ยิ่งตัวของแม่ทัพ หยางเจี้ยน เล่นสนุกกับเรือนร่างของฮองเฮาซ่งหลิงหรู มากขึ้นเท่าไหร่มันยังทำให้ความหื่นกระหายในกายสูบฉีดรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้นท่านเนื้อของท่านแม่ทัพการเกิดแข็งตัวอย่างหน้าเหลือเชื่อจนมันแข็งผงาดชี้อยู่ที่เบื้องหน้าของนาง ฮองเฮาซ่งหลิงหรู จ้องมองท่อนเนื้อของท่านแม่ทัพที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางด้วยความหลงใหลความใหญ่ยาวของมันนั้นล้วนเหนือกว่าฮ่องเต้ หลงเซวียน เป็นเท่าตัวนางถึงกับลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอไปอึกใหญ่ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้นั้นตัวของนางนั้นจะเป็นนางร่านจริงๆ เพียงแค่เห็นท่อนเนื้อที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางก็ทำให้ตัวของนางนั้นขุนลุกขนชันไปทั้งร่างฉวบ...นางดูดเลียท่อนเนื้อชิ้นนี้อย่างเร่าร้อนลิ้นของนางพลิ้วไหวไปมาอย่างนิ่มนวล แม่ทัพ หยางเจี้ยน ถึงกับเสียวสะท้านจนตัวเกร็งนางไม่ได้มีดีแต่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่นางยังมีความเร่าร้อนอย่างสุดโต่งเพียงแค่โดนลิ้นสัมผัสของนางมันก็แทบที่จะทำให้ตัวของเขานั้นน้ำแตกทะลักออกมา นางทั้งชักทั้งดูดทั้งเลียราวกับว่านี่คือของเล่นชิ้นใหม่ที่นางพึ่งได้ลิ้มลองในขณะที่มือของนางลูบไล้ไปที่ผิวกายของท่านแม่ทัพอย่างเร่าร
แม้ว่าฮองเฮาซ่งหลิงหรูจะมีอายุถึง 48 ปีในช่วงเวลานี้ แต่ความงดงามและความเย้ายวนของนางนั้นยากที่จะหาคำอธิบายได้ นางมีเสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายตามกาลเวลา เรือนร่างของนางที่อวดโฉมผ่านเสื้อผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นทุกรายละเอียดนั้นยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนและดึงดูดทุกสายตา เสน่ห์ของนางนั้นยากจะต้านทาน แม้แต่สาวแรกรุ่นก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับความงามของนางแม่ทัพหยางเจี้ยนไม่สามารถจะหักห้ามตัวเองได้เมื่อสายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ฮองเฮาซ่งหลิงหรู ทุกการเคลื่อนไหวของนางทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางดึงดูดทุกความรู้สึกของเขา แม้แต่ความคิดก็ล้วนแต่หมุนวนไปที่ร่างกายและท่าทางอันเย้ายวนของนางยิ่งตอนนี้ที่นางใกล้เข้ามานั่งข้างเขาและเคลื่อนไหวรอบ ๆ ด้วยท่าทางสง่างามนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มตอบสนองด้วยการร้อนรุ่มขึ้นมาทุกส่วน มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์ที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้ ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่นางไม่ยอมละสายตาฮองเฮาซ่งหลิงหรู นั่งอยู่ด้านข้างแม่ทัพหยางเจี้ยนอย่างสง่างาม มือของนางถือขันสุราหรูหราที่บรรจุเหล้าจากแดนไกล ซึ่งนางกำลังจะรินให้ท่านแม่ทัพ หยางเจ
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง แม่ทัพหยางเจี้ยน ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับชัยชนะในสงครามที่แดนเหนือ ก็ได้เตรียมตัวอย่างเรียบร้อยและออกเดินทางสู่ท้องพระโรงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลงเซวียน ท่ามกลางบรรยากาศเช้าที่เงียบสงบและงดงาม เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง ภูมิใจในชัยชนะที่สามารถนำมาสู่แผ่นดินและประชาชนเมื่อเข้ามาถึงท้องพระโรง แม่ทัพหยางเจี้ยนก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้หลงเซวียนทรงทอดพระเนตรมองแม่ทัพผู้กล้าแกร่งด้วยความพึงพอใจ สายพระเนตรเต็มไปด้วยความภูมิใจในขุนนางผู้ภักดีที่สามารถนำชัยชนะกลับมาอย่างเด็ดขาดแม่ทัพหยางเจี้ยนเริ่มรายงานถึงการรบที่แดนเหนืออย่างละเอียด ทั้งการวางแผน การต่อสู้ที่กล้าหาญของเหล่าทหาร และวิธีการที่พวกเขาเอาชนะศัตรูได้อย่างสง่างาม นอกจากนี้ เขายังได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟูบ้านเมืองในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ทั้งการบูรณะหมู่บ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง"สมแล้วที่ตัวเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด" ฮ่องเต้หลงเซวียนตรัสด้วยความพึงพอใจ ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในสนามรบได้อย่างไร้ที่ติ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ห่างออกไปเล็กน้อยจากที่ที่แม่ทัพหยางเจี้ยนและสาวใช้เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ สายตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่ทันรู้ตัว นางรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านและเข้มข้นที่ซ่อนอยู่ภายใน แผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างช้า ๆ ความรู้สึกที่เธอไม่อาจหักห้ามใจได้แสงแดดที่สะท้อนลงบนผืนน้ำ ส่องผ่านศาลามายังตัวนาง ขับเน้นให้ใบหน้าของเหม่ยฟางดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์อย่างเงียบ ๆ ขณะที่นางจิบชา ความรู้สึกอันแรงกล้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ เสียงหัวใจของนางเต้นรัวจนแทบจะได้ยินชัดเจน นางรู้สึกถึงความปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ภายใน เป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นจนทำให้นางเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาหัวใจของเหม่ยฟางเริ่มสั่นไหว ขณะที่นางนั่งมองจากมุมไกล ดื่มด่ำกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า แม้จะมีความสงบแผ่รอบตัว แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอันเงียบงัน ราวกับเป็นไฟลุกโชนที่ยากจะดับ“ท่านพี่...” ฮูหยินเหม่ยฟางขับขานเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและกระเส่า น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป แม่ทัพหยางเจี้ยนหยุดชะงักเมื่อไ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งเอนกายอยู่ในศาลาริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ นางจิบชาอย่างละเมียดละไม รสชาติเข้มข้นของชาอุ่น ๆ เติมเต็มความรู้สึกสบายใจให้แก่เธอ ในขณะที่มองฉากเร่าร้อนระหว่างแม่ทัพหยางเจี้ยนและหญิงสาวรับใช้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผยถึงความพึงพอใจมือของนางหยิบอาหารว่างที่จัดไว้อย่างประณีตบนจาน งามเรียบง่ายและประณีตเหมือนตัวนางเอง นางมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและผ่อนคลาย ราวกับเป็นผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากระยะไกล พลางใช้ช่วงเวลาสงบนี้ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้เห็นคนรักของตนมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการฮูหยินเหม่ยฟางยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาที่มองไปยังฉากตรงหน้ามีแววเอ็นดูปนขบขันในความเป็นชายของท่านพี่ หยางเจี้ยน สำหรับนางแล้ว เขาคือชายผู้เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและไฟรักที่ไม่มีวันมอดดับ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และความดิบเถื่อนในแบบที่นางรักและชื่นชม"ท่านพี่ช่างเป็นชายที่หื่นกระหายยิ่งนัก" นางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง นางไม่รู้สึกหึงหวงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กล
เมื่อขบวนกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยนเข้ามาถึงเมืองหลวง ความตื่นเต้นและความยินดีของประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม เสียงตะโกนร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วท้องถนน ผู้คนมากมายออกมารอรับเขา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความสำเร็จที่เขาได้ยุติสงครามในแดนเหนือแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนจากประชาชนที่เขาได้ต่อสู้และปกป้อง เขาเดินหน้าไปพร้อมกับรอยยิ้มและการทักทายผู้คนรอบข้าง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ พร้อมทั้งมีเชลยศึกตามกลับมามากมาย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขาในการนำกองทัพผ่านสงครามเมื่อถึงพระราชวัง แม่ทัพได้รับการต้อนรับจากฮ่องเต้หลงเซวียน พระองค์มีพระเมตตาและความเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อยของแม่ทัพ จากการเดินทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยอันตราย พระองค์จึงให้แม่ทัพได้กลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรายงานตัวในทันทีแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของฮ่องเต้ และได้ขอบพระคุณพระองค์อย่างจริงใจ ก่อนที่จะออกจากพระราชวังและเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเมื่อเสี่ยวเอ๋อร์เดินทางกลับมาถึงจวนของแม่ทัพหยางเจี้ยน ความตื่นตะลึงในดวงตาของนางไม่สามา





![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

