LOGINภายในห้องนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้จากสมัยก่อน เสียงหายใจที่แผ่วเบาคลอเคล้ากับแสงจันทร์นวลที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างเผยให้เห็นเงาของแม่ทัพหยางเจี้ยนที่กำลังจ้องมองสตรีผู้เป็นที่รัก ฮูหยินเหม่ยฟาง นางในสายตาของเขาคือสตรีผู้เต็มไปด้วยเสน่ห์ยากจะหักห้ามใจ แม้ภายนอกเธอจะดูเรียบร้อยและอ่อนหวานเหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานในยามเช้า แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความปรารถนาที่ราวกับเปลวไฟซึ่งไม่มีวันดับ
แม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกราวกับได้หวนคืนสู่วัยหนุ่มอีกครั้งในค่ำคืนนี้ ทุกการกระทำของนางช่างดิบเถื่อนและเต็มไปด้วยความเร้าใจ หัวใจเขาสั่นสะท้านตามทุกสัมผัสและทุกเสียงกระซิบของนาง ราวกับต้องมนต์แห่งความรักและราคะที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอคือต้นกำเนิดของความลุ่มหลงที่เขาไม่อาจปล่อยมือจากไปได้ เสมือนสมบัติล้ำค่าในชีวิตที่ไม่อาจหาได้จากที่ใด
นางผู้ซึ่งดั่งนางพญาที่พร้อมจะพัดพาความรู้สึกอันรุนแรงให้เกิดขึ้นอีกครั้ง แม้เวลาจะล่วงเลยไปเพียงใด ความเร่าร้อนในหัวใจของนางยังคงไม่แปรเปลี่ยน ทำให้เขาไม่เคยหยุดหลงใหลและยิ่งเฝ้าผูกพันมากขึ้นไปทุกวัน
"เหม่ยฟาง...ข้ารักเจ้า" แม่ทัพหยางเจี้ยนกล่าวเสียงกระซิบที่แผ่วเบาและลึกซึ้ง ดวงตาของเขาจับจ้องนางด้วยแววตาที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ก่อนที่เขาจะดึงนางเข้ามาใกล้และกดจูบอย่างเร่าร้อน สัมผัสของเขาส่งผ่านความรู้สึกที่ลึกซึ้งจนหัวใจของนางสั่นไหวไปตามแรงอารมณ์
ฮูหยินเหม่ยฟางหลับตารับจูบของเขาอย่างเต็มใจ ลิ้นของนางค่อย ๆ ส่งตอบรับกลับไปอย่างอ่อนหวานและร้อนแรง เสียงหายใจของทั้งคู่เบาบางแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่เกินจะหักห้าม นางยิ้มบาง ๆ อย่างเย้ายวน หัวใจเต้นแรงราวกับระบำของเปลวไฟที่พัดผ่านความรู้สึกในหัวใจอันลึกซึ้ง
"ข้าเองก็รักท่านเช่นกัน" เสียงของนางนุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยความปรารถนาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ราตรีนั้นคล้ายกับจะยาวนานกว่าคืนใด ๆ ในชีวิต แม่ทัพหยางเจี้ยนและฮูหยินเหม่ยฟางนอนกอดกันแนบแน่นอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืน แต่ความรู้สึกที่ต่างคนต่างมีให้กันนั้นช่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
ทั้งสองต่างแอบกระซิบเสียงเบาบอกความในใจผ่านสัมผัสอบอุ่นและอ่อนโยนที่ส่งผ่านกัน ความอบอุ่นจากกายของอีกฝ่ายคล้ายจะช่วยเติมเต็มหัวใจที่โหยหาอย่างไม่มีวันจางหาย ทุกสัมผัสของพวกเขาเต็มไปด้วยความรักและความหลงใหลที่เก็บสะสมไว้ตลอดมา ราวกับว่าคืนนี้เป็นค่ำคืนสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน
ค่ำคืนผ่านไปอย่างช้า ๆ แต่เปี่ยมด้วยอารมณ์อันลึกซึ้งที่ยากจะลืมเลือน
ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของกันและกัน แม่ทัพหยางเจี้ยนและฮูหยินเหม่ยฟางต่างเผลอหลับใหลไปท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขและความรักที่อบอวลในห้องนั้น พวกเขาไม่รู้เลยว่าได้หลับไปตั้งแต่เมื่อใด เพียงรู้สึกถึงความสงบในหัวใจที่หายากยิ่ง
ยามรุ่งสางมาถึง แสงแรกของวันใหม่ค่อย ๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาอาบไล้ใบหน้าของคนทั้งคู่ เผยให้เห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงบและความอิ่มเอมจากค่ำคืนที่ผ่านมา แม่ทัพหยางเจี้ยนค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เห็นฮูหยินเหม่ยฟางในอ้อมแขนของตน นางนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ อันแสนอ่อนโยน
ภาพนั้นทำให้หัวใจของเขาอ่อนโยนและเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ราวกับเป็นการเริ่มต้นใหม่ของความรักที่ไม่จืดจาง
แม่ทัพ หยางเจี้ยนเป็นชายผู้แข็งแกร่งในสนามรบ แต่เมื่อกลับมายังจวน เขากลับกลายเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ยามใดที่มีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกับฮูหยิน เขาจะมอบทั้งหัวใจและความอบอุ่นให้นางเสมอ เหมือนต้องการเติมเต็มทุกวินาทีที่ขาดหายไปในยามศึกสงคราม
เช้านี้ พวกเขานั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่ายและเป็นกันเอง หยางเจี้ยนคอยตักอาหารให้นางอย่างเอาใจใส่ พูดคุยและแสดงความห่วงใยต่อนางทุกคำที่เอ่ยออกมา เสียงหัวเราะเบา ๆ จากฮูหยินเหม่ยฟางทำให้บรรยากาศยิ่งอบอุ่นยิ่งขึ้น นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความผูกพัน หัวใจของนางสั่นไหวไปกับความอ่อนโยนที่เขามอบให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ระหว่างที่แม่ทัพหยางเจี้ยนและฮูหยินเหม่ยฟางกำลังรับประทานอาหารเช้าในบรรยากาศอันอบอุ่น เสียงของทหารรับใช้ก็ดังขึ้นจากนอกประตูอย่างเร่งด่วน
“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพ!”
หยางเจี้ยนหันไปมองด้วยความสงบสุขุม แม้จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่เขายังคงรักษาท่าทีอันสงบไว้ได้ เขาวางตะเกียบเบา ๆ ก่อนเอ่ยถามทหารที่เข้ามา “มีอะไรรึ? ว่ามาเถิด” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล สุขุม
ทหารรับใช้รีบตอบอย่างนอบน้อม “องค์ฮ่องเต้ทรงมีพระประสงค์ให้ท่านแม่ทัพเข้าพบ เพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องการหารือกับท่าน”
หยางเจี้ยนพยักหน้าเล็กน้อย สายตาหันไปมองฮูหยินเหม่ยฟางด้วยความอ่อนโยน “ข้าคงต้องขอตัวไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้แล้ว” เขากล่าวเบา ๆ พร้อมกับจับมือของนางไว้อย่างแผ่วเบาเพื่อแสดงถึงความห่วงใย
ฮูหยินเหม่ยฟางพยักหน้าเข้าใจ แม้จะมีแววตาเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่ก็กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ข้าจะรอท่านกลับมานะเจ้าคะ ดูแลตัวเองด้วย”
หยางเจี้ยนยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและมองทหารรับใช้ “นำทางไปเถอะ” เขากล่าวเสียงเข้มและสงบนิ่ง ขณะก้าวเดินออกจากจวนพร้อมเตรียมใจรับมือกับหน้าที่สำคัญที่กำลังรอเขาอยู่
รถม้าคันใหญ่ที่จอดรออยู่ด้านหน้าจวนของแม่ทัพหยางเจี้ยนออกเคลื่อนตัวไปทันที ทหารรับใช้ที่คุมรถม้าต่างเงียบกริบและเร่งมือเต็มกำลัง รู้ดีว่านี่คือคำสั่งจากองค์ฮ่องเต้ที่รีบร้อนยิ่ง ครั้งนี้อาจเป็นเรื่องสำคัญยิ่งเกี่ยวข้องกับชะตาของบ้านเมือง และหยางเจี้ยนเป็นบุคคลที่องค์ฮ่องเต้ไว้วางใจที่สุดในการตัดสินใจที่เด็ดขาดเช่นนี้
แม่ทัพหยางเจี้ยนเองแม้ภายนอกจะดูสงบนิ่ง แต่ภายในเขาก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงเหตุที่องค์ฮ่องเต้เร่งด่วนเรียกเขาเข้าเฝ้าเช่นนี้ ด้วยปกติแล้วองค์ฮ่องเต้ทรงเป็นผู้สงบนิ่งและหนักแน่น ไม่เคยเร่งร้อนเว้นเสียแต่ว่าเรื่องนั้นสำคัญอย่างแท้จริง
เมื่อรถม้าแล่นผ่านถนนที่ปูด้วยหินและเข้าสู่ประตูวังหลวง ทหารราชองครักษ์ก็เปิดทางอย่างรวดเร็ว หยางเจี้ยนก้าวลงจากรถม้าและพยักหน้าให้แก่ทหารผู้คอยต้อนรับก่อนเดินตรงไปยังท้องพระโรงด้วยท่าทีมุ่งมั่น
ภายในห้องท้องพระโรงที่เงียบสงบ องค์ฮ่องเต้ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าที่แฝงแววตรึกตรองลึกซึ้ง เมื่อเห็นแม่ทัพหยางเจี้ยนเดินเข้ามา องค์ฮ่องเต้ตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“แม่ทัพหยางเจี้ยน ข้าเรียกเจ้ามาในครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญต่อแผ่นดิน เรื่องที่ข้าเชื่อว่าเจ้าเท่านั้นที่รับมือได้”
หยางเจี้ยนค้อมศีรษะลงอย่างเคารพและตอบด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “กระหม่อมพร้อมที่จะถวายชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเมืองพะยะค่ะ พระองค์โปรดสั่งมาเถิด”
ในห้วงเวลานี้ มีเพียงความมุ่งมั่นและความจงรักภักดีในหัวใจของแม่ทัพหยางเจี้ยน เขาพร้อมแล้วที่จะทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง
ยิ่งตัวของแม่ทัพ หยางเจี้ยน เล่นสนุกกับเรือนร่างของฮองเฮาซ่งหลิงหรู มากขึ้นเท่าไหร่มันยังทำให้ความหื่นกระหายในกายสูบฉีดรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้นท่านเนื้อของท่านแม่ทัพการเกิดแข็งตัวอย่างหน้าเหลือเชื่อจนมันแข็งผงาดชี้อยู่ที่เบื้องหน้าของนาง ฮองเฮาซ่งหลิงหรู จ้องมองท่อนเนื้อของท่านแม่ทัพที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางด้วยความหลงใหลความใหญ่ยาวของมันนั้นล้วนเหนือกว่าฮ่องเต้ หลงเซวียน เป็นเท่าตัวนางถึงกับลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอไปอึกใหญ่ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้นั้นตัวของนางนั้นจะเป็นนางร่านจริงๆ เพียงแค่เห็นท่อนเนื้อที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางก็ทำให้ตัวของนางนั้นขุนลุกขนชันไปทั้งร่างฉวบ...นางดูดเลียท่อนเนื้อชิ้นนี้อย่างเร่าร้อนลิ้นของนางพลิ้วไหวไปมาอย่างนิ่มนวล แม่ทัพ หยางเจี้ยน ถึงกับเสียวสะท้านจนตัวเกร็งนางไม่ได้มีดีแต่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่นางยังมีความเร่าร้อนอย่างสุดโต่งเพียงแค่โดนลิ้นสัมผัสของนางมันก็แทบที่จะทำให้ตัวของเขานั้นน้ำแตกทะลักออกมา นางทั้งชักทั้งดูดทั้งเลียราวกับว่านี่คือของเล่นชิ้นใหม่ที่นางพึ่งได้ลิ้มลองในขณะที่มือของนางลูบไล้ไปที่ผิวกายของท่านแม่ทัพอย่างเร่าร
แม้ว่าฮองเฮาซ่งหลิงหรูจะมีอายุถึง 48 ปีในช่วงเวลานี้ แต่ความงดงามและความเย้ายวนของนางนั้นยากที่จะหาคำอธิบายได้ นางมีเสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายตามกาลเวลา เรือนร่างของนางที่อวดโฉมผ่านเสื้อผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นทุกรายละเอียดนั้นยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนและดึงดูดทุกสายตา เสน่ห์ของนางนั้นยากจะต้านทาน แม้แต่สาวแรกรุ่นก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับความงามของนางแม่ทัพหยางเจี้ยนไม่สามารถจะหักห้ามตัวเองได้เมื่อสายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ฮองเฮาซ่งหลิงหรู ทุกการเคลื่อนไหวของนางทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางดึงดูดทุกความรู้สึกของเขา แม้แต่ความคิดก็ล้วนแต่หมุนวนไปที่ร่างกายและท่าทางอันเย้ายวนของนางยิ่งตอนนี้ที่นางใกล้เข้ามานั่งข้างเขาและเคลื่อนไหวรอบ ๆ ด้วยท่าทางสง่างามนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มตอบสนองด้วยการร้อนรุ่มขึ้นมาทุกส่วน มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์ที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้ ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่นางไม่ยอมละสายตาฮองเฮาซ่งหลิงหรู นั่งอยู่ด้านข้างแม่ทัพหยางเจี้ยนอย่างสง่างาม มือของนางถือขันสุราหรูหราที่บรรจุเหล้าจากแดนไกล ซึ่งนางกำลังจะรินให้ท่านแม่ทัพ หยางเจ
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง แม่ทัพหยางเจี้ยน ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับชัยชนะในสงครามที่แดนเหนือ ก็ได้เตรียมตัวอย่างเรียบร้อยและออกเดินทางสู่ท้องพระโรงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลงเซวียน ท่ามกลางบรรยากาศเช้าที่เงียบสงบและงดงาม เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง ภูมิใจในชัยชนะที่สามารถนำมาสู่แผ่นดินและประชาชนเมื่อเข้ามาถึงท้องพระโรง แม่ทัพหยางเจี้ยนก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้หลงเซวียนทรงทอดพระเนตรมองแม่ทัพผู้กล้าแกร่งด้วยความพึงพอใจ สายพระเนตรเต็มไปด้วยความภูมิใจในขุนนางผู้ภักดีที่สามารถนำชัยชนะกลับมาอย่างเด็ดขาดแม่ทัพหยางเจี้ยนเริ่มรายงานถึงการรบที่แดนเหนืออย่างละเอียด ทั้งการวางแผน การต่อสู้ที่กล้าหาญของเหล่าทหาร และวิธีการที่พวกเขาเอาชนะศัตรูได้อย่างสง่างาม นอกจากนี้ เขายังได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟูบ้านเมืองในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ทั้งการบูรณะหมู่บ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง"สมแล้วที่ตัวเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด" ฮ่องเต้หลงเซวียนตรัสด้วยความพึงพอใจ ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในสนามรบได้อย่างไร้ที่ติ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ห่างออกไปเล็กน้อยจากที่ที่แม่ทัพหยางเจี้ยนและสาวใช้เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ สายตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่ทันรู้ตัว นางรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านและเข้มข้นที่ซ่อนอยู่ภายใน แผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างช้า ๆ ความรู้สึกที่เธอไม่อาจหักห้ามใจได้แสงแดดที่สะท้อนลงบนผืนน้ำ ส่องผ่านศาลามายังตัวนาง ขับเน้นให้ใบหน้าของเหม่ยฟางดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์อย่างเงียบ ๆ ขณะที่นางจิบชา ความรู้สึกอันแรงกล้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ เสียงหัวใจของนางเต้นรัวจนแทบจะได้ยินชัดเจน นางรู้สึกถึงความปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ภายใน เป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นจนทำให้นางเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาหัวใจของเหม่ยฟางเริ่มสั่นไหว ขณะที่นางนั่งมองจากมุมไกล ดื่มด่ำกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า แม้จะมีความสงบแผ่รอบตัว แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอันเงียบงัน ราวกับเป็นไฟลุกโชนที่ยากจะดับ“ท่านพี่...” ฮูหยินเหม่ยฟางขับขานเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและกระเส่า น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป แม่ทัพหยางเจี้ยนหยุดชะงักเมื่อไ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งเอนกายอยู่ในศาลาริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ นางจิบชาอย่างละเมียดละไม รสชาติเข้มข้นของชาอุ่น ๆ เติมเต็มความรู้สึกสบายใจให้แก่เธอ ในขณะที่มองฉากเร่าร้อนระหว่างแม่ทัพหยางเจี้ยนและหญิงสาวรับใช้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผยถึงความพึงพอใจมือของนางหยิบอาหารว่างที่จัดไว้อย่างประณีตบนจาน งามเรียบง่ายและประณีตเหมือนตัวนางเอง นางมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและผ่อนคลาย ราวกับเป็นผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากระยะไกล พลางใช้ช่วงเวลาสงบนี้ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้เห็นคนรักของตนมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการฮูหยินเหม่ยฟางยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาที่มองไปยังฉากตรงหน้ามีแววเอ็นดูปนขบขันในความเป็นชายของท่านพี่ หยางเจี้ยน สำหรับนางแล้ว เขาคือชายผู้เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและไฟรักที่ไม่มีวันมอดดับ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และความดิบเถื่อนในแบบที่นางรักและชื่นชม"ท่านพี่ช่างเป็นชายที่หื่นกระหายยิ่งนัก" นางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง นางไม่รู้สึกหึงหวงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กล
เมื่อขบวนกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยนเข้ามาถึงเมืองหลวง ความตื่นเต้นและความยินดีของประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม เสียงตะโกนร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วท้องถนน ผู้คนมากมายออกมารอรับเขา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความสำเร็จที่เขาได้ยุติสงครามในแดนเหนือแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนจากประชาชนที่เขาได้ต่อสู้และปกป้อง เขาเดินหน้าไปพร้อมกับรอยยิ้มและการทักทายผู้คนรอบข้าง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ พร้อมทั้งมีเชลยศึกตามกลับมามากมาย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขาในการนำกองทัพผ่านสงครามเมื่อถึงพระราชวัง แม่ทัพได้รับการต้อนรับจากฮ่องเต้หลงเซวียน พระองค์มีพระเมตตาและความเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อยของแม่ทัพ จากการเดินทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยอันตราย พระองค์จึงให้แม่ทัพได้กลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรายงานตัวในทันทีแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของฮ่องเต้ และได้ขอบพระคุณพระองค์อย่างจริงใจ ก่อนที่จะออกจากพระราชวังและเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเมื่อเสี่ยวเอ๋อร์เดินทางกลับมาถึงจวนของแม่ทัพหยางเจี้ยน ความตื่นตะลึงในดวงตาของนางไม่สามา







