LOGINฮ่องเต้ หลงเซวียน ร่างอ้วนท้วมในชุดคลุมยาวสีทองอร่ามแทรกไปด้วยลายมังกร ดูทรงอำนาจแต่มากด้วยอายุ เขายืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางที่รายล้อม ร่างกายและสีหน้าของเขานั้นอาจดูเป็นเช่นจักรพรรดิผู้มั่นคง แต่แววตาของฮ่องเต้กลับสะท้อนความหื่นกระหายที่ซ่อนเร้น ดวงตานั้นจับจ้องมายังแม่ทัพหยางเจี้ยนผู้ก้มศีรษะลงคำนับ ทว่าดูสง่างามทรงอำนาจในชุดเกราะเหล็ก
แม่ทัพหยางเจี้ยนเป็นชายหนุ่มในวัย 32 ร่างกายกำยำ สายตาคมเฉียบ ขนานนามว่าเป็นแม่ทัพมือฉมังที่ไม่มีใครโค่นได้ ฝีมือการรบของเขาเลื่องลือทั่วแผ่นดิน และการมีกองทัพของหยางเจี้ยนหนุนหลังทำให้ราชบัลลังก์ของฮ่องเต้มั่นคงเรื่อยมา
เสียงฮ่องเต้ที่แหบพร่าแต่หนักแน่นเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพ ข้าเรียกท่านมาด้วยเรื่องเร่งด่วน ขณะนี้แดนเหนือกำลังเกิดสงคราม ข้าต้องการให้ท่านไปยุติความวุ่นวายในครั้งนี้”
แม่ทัพหยางเจี้ยนขยับตัวอย่างสง่างาม คำตอบของเขาชัดเจนและมั่นคง "กระหม่อมจะปฏิบัติหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดพ่ะ
ฮ่องเต้หลงเซวียนแย้มยิ้ม ดวงตาคู่นั้นเป็นประกายไปด้วยความพึงพอใจ ริมฝีปากหนาขยับขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะที่ฟังแล้วเต็มไปด้วยความย่ามใจ “หึหึหึ ข้าเชื่อใจท่าน พวกกบฏแดนเหนือพวกนั้นมิอาจมีชีวิตรอดเมื่อเผชิญกับคมดาบของท่านแม่ทัพแน่”
พระวรกายอันหนักแน่นของฮ่องเต้เอนพิงบัลลังก์ทองคำอันสง่างาม แม้จะมีสงครามปะทุอยู่ทั่วแผ่นดิน แต่แววตาของพระองค์กลับไร้ซึ่งความหวาดหวั่น หัวใจของฮ่องเต้ที่แน่วแน่มั่นคงนั้นห่อหุ้มด้วยความมั่นใจ เพราะมีหยางเจี้ยนขุนศึกผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์คอยเคียงข้าง เสมือนดั่งปราการเหล็กที่ไม่มีวันสั่นคลอน
หยางเจี้ยนยืนสง่าภายใต้คำชมของฮ่องเต้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเขาสะท้อนถึงความจงรักภักดีและเจตนาที่จะสยบศัตรูให้สิ้นซากเพื่อปกป้องแผ่นดิน ชายหนุ่มก้มศีรษะลงอีกครั้งตอบรับคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์นั้น "กระหม่อมจะทำให้ศัตรูไม่เหลือแม้แต่เงาพ่ะย่ะค่ะ"
ฮ่องเต้หลงเซวียนมองขุนศึกคู่ใจด้วยความอิ่มเอมใจ คำพูดที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจของหยางเจี้ยนทำให้พระองค์ยิ่งรู้สึกมั่นคง ราวกับบัลลังก์ที่พระองค์นั่งอยู่นี้จะไม่มีวันสั่นไหว
ฮ่องเต้หลงเซวียนโน้มกายเข้าไปใกล้แม่ทัพหยางเจี้ยนก่อนจะกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาทว่าชัดเจน “ท่านแม่ทัพจะต้องออกรบในไม่ช้า คืนนี้ข้าจักจัดงานเลี้ยงส่วนตัวให้ท่านโดยเฉพาะ” แววตาของพระองค์เป็นประกายแฝงไปด้วยความย่ามใจและเจตนาอันซับซ้อน พลางหยักยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จนเห็นถึงความหื่นกระหายบนใบหน้าที่บ่งบอกถึงความตั้งใจของฮ่องเต้ที่ประสงค์จะใช้ค่ำคืนนี้เป็นคืนแห่งการรื่นรมย์
เสียงกระซิบนั้นชัดเจนในความหมาย คืนนี้พระองค์จะเปิด "หอระเริงลม" สถานที่อันหรูหราซึ่งมักเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หอระเริงลมนี้คือแหล่งรื่นรมย์ที่เต็มไปด้วยความบันเทิงและสตรีที่ล้วนเป็นที่หมายปอง เป็นดั่งสรวงสวรรค์ส่วนตัวสำหรับฮ่องเต้หลงเซวียน ที่ประทับไปด้วยความสุขสมและลุ่มหลงในวังวนแห่งความหรูหรา
แม่ทัพหยางเจี้ยนยืนนิ่งรับฟังด้วยสีหน้าสงบนิ่งดั่งหินผา แต่ในใจกลับเต้นระรัวเมื่อได้ยินคำว่า "หอระเริงลม" สถานที่ที่เลื่องชื่อไปทั่วราชสำนักว่าเต็มไปด้วยเหล่าสาวงามผู้เปี่ยมด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ ร่างกายของเขาผงาดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ใจที่เคยแข็งกร้าวดั่งหินกลับถูกเติมเต็มด้วยจินตนาการอันชวนหวั่นไหว ภาพของเหล่าสตรีผู้มีรูปร่างงดงามเย้ายวนดั่งนางสวรรค์ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
ท่ามกลางจิตใจที่ตื่นตัว แม่ทัพหยางเจี้ยนยังคงยืนรักษามาดอันสง่างาม สีหน้ายังไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่ในแววตาแฝงไปด้วยประกายบางอย่างที่มิอาจซ่อนเร้น แม้เขาจะเป็นชายผู้แข็งแกร่งและจงรักภักดี แต่ในยามนี้ความเย้ายวนของหอระเริงลมกลับทำให้หัวใจนักรบต้องสั่นไหวเป็นครั้งแรก
เมื่อราตรีมาถึง งานเลี้ยงอันลับเฉพาะเริ่มต้นขึ้นที่หอระเริงลม ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ แสงไฟอ่อนๆ สะท้อนน้ำทำให้บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้ยิ่งลึกลับน่าหลงใหล ในค่ำคืนนี้ ทั่วทั้งหอมีเพียงฮ่องเต้หลงเซวียนและแม่ทัพหยางเจี้ยนเท่านั้นที่ได้รับเกียรติให้เข้าร่วม เสียงน้ำทะเลสาบกระทบฝั่งแผ่วเบา ประกอบกับเสียงดนตรีและกลิ่นหอมของดอกไม้ ทำให้สถานที่แห่งนี้ราวกับเป็นสรวงสวรรค์บนดิน
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในหอ หยางเจี้ยนสัมผัสได้ถึงความเย้ายวนที่ปกคลุมทุกอณูของสถานที่ สาวงามจำนวนมากปรากฏกายอยู่ในชุดเสื้อผ้าน้อยชิ้น บางนางสวมเสื้อคลุมโปร่งแสง บางนางเผยให้เห็นสัดส่วนที่งดงามจนไม่อาจละสายตา สตรีเหล่านั้นล้วนมีรูปร่างงดงามอ่อนช้อย ผิวพรรณเปล่งปลั่งจับแสงเทียนสลัว มอบรอยยิ้มหวานซึ่งทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความปรารถนาอันยากจะต้านทาน
ฮ่องเต้หลงเซวียนทรงพอพระทัย ทรงผายพระหัตถ์เชิญชวนแม่ทัพหนุ่มให้ร่วมดื่มด่ำกับค่ำคืนพิเศษนี้ แววพระเนตรสะท้อนความกระหายอันแฝงเร้น ทรงทอดพระเนตรไปยังหยางเจี้ยนด้วยความยินดี “เพลิดเพลินเถิด ท่านแม่ทัพ ค่ำคืนนี้เป็นของท่าน”
แม่ทัพหยางเจี้ยนเอนกายลงบนเบาะกำมะหยี่ในหอระเริงลม มือใหญ่หยิบจอกสุราขึ้นดื่มพลางปล่อยให้น้ำสุราอุ่นไหลผ่านลำคอ เสียงหัวเราะใสๆ ของเหล่าสาวงามที่รายล้อมดังแผ่วรอบตัว เสมือนดั่งเสียงกระซิบของปีศาจสาวในห้วงอารมณ์ที่ลึกล้ำ แต่ละนางยิ้มแย้มราวกับจะสะกดใจเขา สาวงามเหล่านั้นมีผิวพรรณเนียนนุ่มเปล่งประกาย สัดส่วนอันเย้ายวนปรากฏให้เห็นจากชุดบางเบาที่เผยให้เห็นความงดงามทุกส่วนราวกับตั้งใจ
พวกนางเข้ามาใกล้ แววตาหยางเจี้ยนเริ่มเต็มไปด้วยความหวั่นไหว แม้เขาจะเคยผ่านศึกสงครามมามากมาย แต่ยามนี้กลับรู้สึกราวกับถูกดึงเข้าสู่วังวนแห่งเสน่ห์ที่แสนร้ายกาจ ดวงตาคมของเขาเผลอสบตากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยิ้มอย่างมีนัยยะ เธอค่อยๆ รินสุราให้เขาอีกจอก พร้อมกับเลื่อนมือนุ่มนวลของนางมาแตะเบาๆ ที่มือเขา หยางเจี้ยนสัมผัสถึงความร้อนระอุของความปรารถนาที่ค่อยๆ ก่อตัว
ในห้วงเวลาเช่นนี้ หอระเริงลมกลับกลายเป็นเหมือนโลกที่เขาไม่อาจหลีกหนี เหล่าสาวงามรอบตัวเป็นเสมือนปีศาจสาวที่พร้อมจะล่อลวงให้เขาหลงมัวเมาไปในความสุขสมจนลืมทุกสิ่ง
สาวงามค่อยๆ ย่างก้าวเข้าใกล้แม่ทัพหยางเจี้ยน ท่วงท่าของนางนุ่มนวลและแฝงไปด้วยความเย้ายวนราวกับงูที่เลื้อยเข้าหาเหยื่อ นางโน้มกายลงต่ำเข้าไปใกล้เขาอีกนิด ดวงตาคมคายจ้องมองร่างกำยำที่แข็งแกร่งของแม่ทัพหนุ่มอย่างไม่วางตา ในขณะที่ริมฝีปากสีแดงสดค่อยๆ คลี่ยิ้ม
นางเอ่ยออกมาเบาๆ ด้วยเสียงที่พร่าไหวเต็มไปด้วยแรงปรารถนา ราวกับทุกถ้อยคำมีมนต์สะกด “ท่านแม่ทัพ...ค่ำคืนนี้ ข้าอยากจะปฏิบัติรับใช้ท่านด้วยเรือนร่างของข้า”
คำพูดนั้นแฝงด้วยเจตนาที่ชัดเจน ดวงตาของนางเป็นประกายลุกโชนด้วยความเร่าร้อนที่มิอาจซ่อนเร้น นางจ้องมองเขาราวกับสัตว์ร้ายผู้หิวกระหายที่เฝ้ารอเหยื่อมานานแสนนาน ร่างกายที่แสนกำยำแข็งแรงของแม่ทัพหยางเจี้ยนสำหรับนางแล้วเสมือนดั่งเหยื่อชั้นเลิศที่ยิ่งกระตุ้นความหิวโหยในใจให้ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
มือเรียวบางของนางเลื่อนแตะลงบนแผ่นอกที่แข็งแกร่งของเขา สัมผัสนั้นอบอุ่นและแฝงไปด้วยความอ่อนโยนลึกลับ แต่ในความนุ่มนวลนั้นกลับเต็มไปด้วยเจตนาชัดเจน นางมองลึกลงในดวงตาของเขา ราวกับจะดึงเขาเข้าสู่วังวนแห่งความปรารถนาอันไร้สิ้นสุด
ยิ่งตัวของแม่ทัพ หยางเจี้ยน เล่นสนุกกับเรือนร่างของฮองเฮาซ่งหลิงหรู มากขึ้นเท่าไหร่มันยังทำให้ความหื่นกระหายในกายสูบฉีดรุนแรงมากยิ่งขึ้นเท่านั้นท่านเนื้อของท่านแม่ทัพการเกิดแข็งตัวอย่างหน้าเหลือเชื่อจนมันแข็งผงาดชี้อยู่ที่เบื้องหน้าของนาง ฮองเฮาซ่งหลิงหรู จ้องมองท่อนเนื้อของท่านแม่ทัพที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางด้วยความหลงใหลความใหญ่ยาวของมันนั้นล้วนเหนือกว่าฮ่องเต้ หลงเซวียน เป็นเท่าตัวนางถึงกับลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคอไปอึกใหญ่ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานี้นั้นตัวของนางนั้นจะเป็นนางร่านจริงๆ เพียงแค่เห็นท่อนเนื้อที่แข็งผงาดอยู่ที่เบื้องหน้าของนางก็ทำให้ตัวของนางนั้นขุนลุกขนชันไปทั้งร่างฉวบ...นางดูดเลียท่อนเนื้อชิ้นนี้อย่างเร่าร้อนลิ้นของนางพลิ้วไหวไปมาอย่างนิ่มนวล แม่ทัพ หยางเจี้ยน ถึงกับเสียวสะท้านจนตัวเกร็งนางไม่ได้มีดีแต่เพียงความงดงามเท่านั้นแต่นางยังมีความเร่าร้อนอย่างสุดโต่งเพียงแค่โดนลิ้นสัมผัสของนางมันก็แทบที่จะทำให้ตัวของเขานั้นน้ำแตกทะลักออกมา นางทั้งชักทั้งดูดทั้งเลียราวกับว่านี่คือของเล่นชิ้นใหม่ที่นางพึ่งได้ลิ้มลองในขณะที่มือของนางลูบไล้ไปที่ผิวกายของท่านแม่ทัพอย่างเร่าร
แม้ว่าฮองเฮาซ่งหลิงหรูจะมีอายุถึง 48 ปีในช่วงเวลานี้ แต่ความงดงามและความเย้ายวนของนางนั้นยากที่จะหาคำอธิบายได้ นางมีเสน่ห์ที่ไม่เสื่อมคลายตามกาลเวลา เรือนร่างของนางที่อวดโฉมผ่านเสื้อผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นทุกรายละเอียดนั้นยิ่งทำให้เธอดูเย้ายวนและดึงดูดทุกสายตา เสน่ห์ของนางนั้นยากจะต้านทาน แม้แต่สาวแรกรุ่นก็ยังต้องยอมแพ้ให้กับความงามของนางแม่ทัพหยางเจี้ยนไม่สามารถจะหักห้ามตัวเองได้เมื่อสายตาของเขายังคงจดจ้องไปที่ฮองเฮาซ่งหลิงหรู ทุกการเคลื่อนไหวของนางทำให้เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางดึงดูดทุกความรู้สึกของเขา แม้แต่ความคิดก็ล้วนแต่หมุนวนไปที่ร่างกายและท่าทางอันเย้ายวนของนางยิ่งตอนนี้ที่นางใกล้เข้ามานั่งข้างเขาและเคลื่อนไหวรอบ ๆ ด้วยท่าทางสง่างามนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มตอบสนองด้วยการร้อนรุ่มขึ้นมาทุกส่วน มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์ที่เขาไม่อาจหลีกหนีได้ ไม่ว่าจะพยายามคิดอย่างไร สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่นางไม่ยอมละสายตาฮองเฮาซ่งหลิงหรู นั่งอยู่ด้านข้างแม่ทัพหยางเจี้ยนอย่างสง่างาม มือของนางถือขันสุราหรูหราที่บรรจุเหล้าจากแดนไกล ซึ่งนางกำลังจะรินให้ท่านแม่ทัพ หยางเจ
เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง แม่ทัพหยางเจี้ยน ผู้ซึ่งเพิ่งได้รับชัยชนะในสงครามที่แดนเหนือ ก็ได้เตรียมตัวอย่างเรียบร้อยและออกเดินทางสู่ท้องพระโรงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลงเซวียน ท่ามกลางบรรยากาศเช้าที่เงียบสงบและงดงาม เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง ภูมิใจในชัยชนะที่สามารถนำมาสู่แผ่นดินและประชาชนเมื่อเข้ามาถึงท้องพระโรง แม่ทัพหยางเจี้ยนก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อมต่อหน้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้หลงเซวียนทรงทอดพระเนตรมองแม่ทัพผู้กล้าแกร่งด้วยความพึงพอใจ สายพระเนตรเต็มไปด้วยความภูมิใจในขุนนางผู้ภักดีที่สามารถนำชัยชนะกลับมาอย่างเด็ดขาดแม่ทัพหยางเจี้ยนเริ่มรายงานถึงการรบที่แดนเหนืออย่างละเอียด ทั้งการวางแผน การต่อสู้ที่กล้าหาญของเหล่าทหาร และวิธีการที่พวกเขาเอาชนะศัตรูได้อย่างสง่างาม นอกจากนี้ เขายังได้เสนอแนวทางในการฟื้นฟูบ้านเมืองในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ทั้งการบูรณะหมู่บ้าน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และจัดหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง"สมแล้วที่ตัวเจ้าเป็นคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด" ฮ่องเต้หลงเซวียนตรัสด้วยความพึงพอใจ ผู้ซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในสนามรบได้อย่างไร้ที่ติ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งอยู่ในศาลาริมน้ำ ห่างออกไปเล็กน้อยจากที่ที่แม่ทัพหยางเจี้ยนและสาวใช้เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ สายตาของนางจับจ้องภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นในใจโดยไม่ทันรู้ตัว นางรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่พลุ่งพล่านและเข้มข้นที่ซ่อนอยู่ภายใน แผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างช้า ๆ ความรู้สึกที่เธอไม่อาจหักห้ามใจได้แสงแดดที่สะท้อนลงบนผืนน้ำ ส่องผ่านศาลามายังตัวนาง ขับเน้นให้ใบหน้าของเหม่ยฟางดูอ่อนหวานและมีเสน่ห์อย่างเงียบ ๆ ขณะที่นางจิบชา ความรู้สึกอันแรงกล้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นทุกขณะ เสียงหัวใจของนางเต้นรัวจนแทบจะได้ยินชัดเจน นางรู้สึกถึงความปรารถนาที่ลุกโชนอยู่ภายใน เป็นความรู้สึกที่ท่วมท้นจนทำให้นางเผลอยิ้มบาง ๆ ออกมาหัวใจของเหม่ยฟางเริ่มสั่นไหว ขณะที่นางนั่งมองจากมุมไกล ดื่มด่ำกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า แม้จะมีความสงบแผ่รอบตัว แต่ในใจของนางกลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอันเงียบงัน ราวกับเป็นไฟลุกโชนที่ยากจะดับ“ท่านพี่...” ฮูหยินเหม่ยฟางขับขานเรียกด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและกระเส่า น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่อาจซ่อนไว้ได้อีกต่อไป แม่ทัพหยางเจี้ยนหยุดชะงักเมื่อไ
ฮูหยินเหม่ยฟางนั่งเอนกายอยู่ในศาลาริมน้ำ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบและเสียงน้ำกระทบฝั่งเบา ๆ นางจิบชาอย่างละเมียดละไม รสชาติเข้มข้นของชาอุ่น ๆ เติมเต็มความรู้สึกสบายใจให้แก่เธอ ในขณะที่มองฉากเร่าร้อนระหว่างแม่ทัพหยางเจี้ยนและหญิงสาวรับใช้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่เผยถึงความพึงพอใจมือของนางหยิบอาหารว่างที่จัดไว้อย่างประณีตบนจาน งามเรียบง่ายและประณีตเหมือนตัวนางเอง นางมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพอใจและผ่อนคลาย ราวกับเป็นผู้เฝ้ามองทุกอย่างจากระยะไกล พลางใช้ช่วงเวลาสงบนี้ดื่มด่ำกับความสุขที่ได้เห็นคนรักของตนมีความสุขในแบบที่ตัวเองต้องการฮูหยินเหม่ยฟางยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาที่มองไปยังฉากตรงหน้ามีแววเอ็นดูปนขบขันในความเป็นชายของท่านพี่ หยางเจี้ยน สำหรับนางแล้ว เขาคือชายผู้เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและไฟรักที่ไม่มีวันมอดดับ แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดเขาก็ยังคงมีเสน่ห์และความดิบเถื่อนในแบบที่นางรักและชื่นชม"ท่านพี่ช่างเป็นชายที่หื่นกระหายยิ่งนัก" นางพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ขณะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง นางไม่รู้สึกหึงหวงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม กล
เมื่อขบวนกองทัพของแม่ทัพหยางเจี้ยนเข้ามาถึงเมืองหลวง ความตื่นเต้นและความยินดีของประชาชนก็เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม เสียงตะโกนร้องแสดงความยินดีดังก้องไปทั่วท้องถนน ผู้คนมากมายออกมารอรับเขา ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความสำเร็จที่เขาได้ยุติสงครามในแดนเหนือแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนจากประชาชนที่เขาได้ต่อสู้และปกป้อง เขาเดินหน้าไปพร้อมกับรอยยิ้มและการทักทายผู้คนรอบข้าง รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ พร้อมทั้งมีเชลยศึกตามกลับมามากมาย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขาในการนำกองทัพผ่านสงครามเมื่อถึงพระราชวัง แม่ทัพได้รับการต้อนรับจากฮ่องเต้หลงเซวียน พระองค์มีพระเมตตาและความเข้าใจในความเหน็ดเหนื่อยของแม่ทัพ จากการเดินทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยอันตราย พระองค์จึงให้แม่ทัพได้กลับไปพักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องรายงานตัวในทันทีแม่ทัพหยางเจี้ยนรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาของฮ่องเต้ และได้ขอบพระคุณพระองค์อย่างจริงใจ ก่อนที่จะออกจากพระราชวังและเดินทางกลับไปยังที่พักของตนเมื่อเสี่ยวเอ๋อร์เดินทางกลับมาถึงจวนของแม่ทัพหยางเจี้ยน ความตื่นตะลึงในดวงตาของนางไม่สามา







