ฟู่จาวหนิงพาเซี่ยซื่อ พาสืออีสือซานไปยังสถานที่นั้นถ้าหากไม่มีเซี่ยซื่อนำทาง ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าใกล้ๆ บ้านตระกูลหลินจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย ดูแล้วเหมือนสถานที่รกร้างแห่งหนึ่งที่ถูกบ้านของผู้คนบางส่วนล้อมเอาไว้ ต้นไผ่หลายกอเองก็แน่นขนัดมาก มีถนนหินแตกๆ ที่ตะไคร่น้ำยื่นเข้ามาอีกด้วยด้านในมีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ข้างบ่อน้ำมีแผ่นหินปูไว้ระเกะระกะ ดูแล้วลื่นๆ มันๆ แต่ก่อนน่าจะมีหญิงสาวมาซักเสื้อผ้ากันที่นี่บ่อยครั้ง"แต่ก่อนมีคนไม่น้อยที่มาที่นี่ตักน้ำกับซักล้างสิ่งของ แต่ว่าสองปีมานี้ บ่อน้ำนี้ก็แห้งไปอย่างประหลาด จะตักน้ำก็เปลืองแรง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาแล้ว" เซี่ยซื่อตอบ"น้าเซี่ย ท่านอยู่บนรถไม่ต้องลงมา เฉินซานรออยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ถูกต้องเจ้าก็ขับรถม้าออกไปเลย"ช่วงสายัณห์แล้ว ที่นี่มีป่าไผ่ ดังนั้นแสงจึงค่อนข้ามมืดทึม ด้านในดูแล้วก็ครึ้มขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงไม่ได้เตรียมให้เซี่ยซื่อตามเข้าไป"จาวหนิง เจ้าจะเข้าไปเองหรือ?" เซี่ยซื่อกังวลหน่อยๆ ถ้าอันห่าวบอกว่าชายชราคนนั้นซ่อนตัวอยู่ในนี้จริง ก็อธิบายได้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คนที่จวนทางการตามหาอยู่ แล้วจะเป็นคนเลวหรือไม่กัน?
สืออีกับสือซานสบตากันผาดหนึ่ง ทั้งสองคนดูตกตะลึงหน่อยๆ พวกเขาถึงแม้จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว รู้สึกว่าคนที่ซ่อนอยู่ที่นี่จะต้องเป็นผู้นำตระกูลฮู่ แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าฟู่จาวหนิงจะร้องเรียกขึ้นมาตรงๆ"ข้าคือฟู่จาวหนิง พระชายาของเซียวหลันยวน"ฟู่จาวหนิงขานตัวตนฐานะตนเองออกมาด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด"ก่อนหน้านี้ท่านพบกับสาวน้อยคนหนึ่ง นางส่งยาให้กับท่าน ยานั้นคือยาที่ข้าสกัดมาเอง ถ้าหากท่านบาดเจ็บ ยาวันนั้นถ้ากินหมดก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะยังไออยู่ แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินท่านข่มอาการไอเสียงต่ำ น่าจะเพราะบาดเจ็บไปไม่น้อย"พอสิ้นเสียงคำพูดฟู่จาวหนิง ด้านในก็มีเสียงไอออกมาเป็นชุดตอนนี้น่าจะข่มไม่อยู่แล้ว"ท่าน ท่าน แค่กๆๆ""ผู้นำตระกูลฮู่ ถ้าหากไม่ว่าอะไร ข้าจะเข้าไปแล้ว แค่ข้าคนเดียว"ฟู่จาวหนิงยกเท้าเดินเข้าไปในห้องมีเตียงไม้ตัววหนึ่ง ด้านบนวางป้ายสุสานหลายป้ายวางไว้ด้านในมุม มีคนชราพิงกำแพงอยู่ ด้านล่างมีเสื้อฟางอยู่สามผืนเขาพิงอยู่ตรงนั้นตัวสั่นระริก ใบหน้ามีแต่ฝุ่นธูป มองหน้าตาไม่ออก แต่เส้นผมขาวโพลน ดูแล้วน่าจะอายุอานามไม่น้อยเสื้อผ้าของเขาย
พอกลืนยาลงไป ฟู่จาวหนิงก็เก็บเข็มลงไปผู้นำตระกูลฮู่รู้สึกว่าช่วงปอดมีกระแสเย็นๆ ไหลผ่าน อาการหายใจไม่ออกแต่เดิมก็ราวกับถูกขจัดทิ้งออกไปอย่างไรอย่างนั้นหลายวันมานี้ เขาสัมผัสถึงความผ่อนคลายเบาสบายได้ขึ้นเป็นครั้งแรกเขาถอนหายใจยาว ตอนนี้จึงเพิ่งได้พิจารณาตัวฟู่จาวหนิง"เอาล่ะ ยาเม็ดนี้กับเข็มเมื่อครู่น่าจะสามารถระงับไว้ด้วยระดับหนึ่ง ข้าจะจับชีพจรให้ท่านอีกก็แล้ว""ท่านกับอ๋องเจวี้ยน ตอนนี้ยังเป็นสามีภรรยากันหรือ?" ผู้นำตระกูลฮู่ตอนนี้เพิ่งพูดได้"ตอนนี้ใช่อยู่" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "กำลังรอให้ท่านนำสิ่งยืนยันไปมอบให้อยู่ตลอด""สิ่งยืนยัน" ผู้นำตระกูลฮู่เสียงขมฝาดขึ้นมา "ต้องเจอกับอ๋องเจวี้ยนเสียก่อนจึงจะมอบให้ได้""เข้าใจ เช่นนั้นตอนนี้ข้าพาท่านกลับไปจวนอ๋องเจวี้ยนเป็นอย่างไร?"ฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขา ในใจก็ดำดิ่งเล็กน้อย"ถ้าออกไปแล้ว จะตกไปอยู่ในมือพวกเขาไหม?""พวกเขา?""คนของวังหลวง แล้วก็เจ้าพวกลูกหลานอกตัญญูของตระกูลข้าเหล่านั้น""ยังมีคนอื่นอีกกระมัง?""ยังมีขั้วอำนาจไม่ชัดเจนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังหาตัวข้า ข้าถูกพวกเขาเล่นงานจนบาดเจ็บ อาวุธพวกเขามีพิษ ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็น
"กู่?"สืออีดึงฟู่จาวหนิงถอยถอยออกมาหลายก้าวทันทีพิษกู่ ในสายตาพวกเขานั้นน่ากลัวมาก เพราะตอนที่ติดพิษกู่หมอธรรมดานั้นรักษาไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ยังอาจจะถูกควบคุมด้วย ใครเองก็ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปของเขาจะทำอะไรออกมามีพิษกู่บางส่วนที่สามารถย้ายไปอยู่บนคนข้างๆ ในพริบตาอีกด้วย ป้องกันไม่ได้"ดังนั้นข้าเพิ่งพูดว่าอาจจะเป็นสาวกของลัทธิเทพทำลายล้าง พอข้าขยับตัว พิษกู่กำเริบ แม่กู่ของพวกเขาทางนั้นก็จะมีปฏิกิริยาจนหาตัวข้าเจอ ข้าเองก็ไม่อยากล่อคนอันตรายพวกนี้มาอยู่ข้างกายอ๋องเจวี้ยน"ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ท่านมีความกล้า วิชาแพทย์ก็เยี่ยมยอด ข้าเองก็ไม่อยากฉุดท่านมาด้วย "ฟู่จาวหนิงขมวดคิ้ว เดินออกมาจากด้านหลังสืออี จากนั้นก็เดินไปหาผู้นำตระกูลฮู่ "สือซาน ให้เฉินซานพาน้าเซี่ยออกไปก่อน จากนั้นก็ไปเรียกเซียวหลันยวนเข้ามา""ขอรับ"สือซานวิ่งออกไปทันทีเซี่ยซื่อพอรู้ว่าฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นี่เพื่อรอ ก็กังวลขึ้นมาพอสมควร"ทำไมถึงยังไม่ไปล่ะ? นี่ฟ้าก็จะมืดอยู่แล้ว ที่นี่มันมืดทึมมากเลยนะ""คุณหนูยังมีธุระอยู่ พวกเรารีบไปจวนอ๋องเจวี้ยนกันก่อน แล้วเฉินซานก็บอกตำ
สืออีเองก็เหลือบมองผาดหนึ่ง แต่กลับไม่เข้าใจว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับพิษกู่"พวกท่านตอนนี้ยังมองไม่เห็น แต่ว่า พอถึงตอนกลางคืนเส้นเลือดหลังฝ่ามือนี้จะเหมือนมีอะไรมุดอยู่ ดิ้นไปดิ้นมา"ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ วางมือลงมา"ข้าปีนี้อายุเจ็ดสิบแปดแล้ว ใช้ชีวิตมานานเกินพอ เดิมทีครั้งนี้พวกเขาล้วนพูดว่าอย่ามาส่งมอบสิ่งยืนยันด้วยตนเองเลย ระยะทางก็ยาวไกล ข้าอายุมากขนาดนี้ใครก็ไม่รู้ว่าจะยังทนไหวได้หรือไม่? แต่ข้ารู้สึกว่าถ้าตนเองไม่มาเองก็ไม่วางใจ หลานชายคนเล็กของข้าคนนั้นก็ยังพอไหวอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ยังอายุน้อย ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์นัก ข้าเองก็อยากจะพาเขาออกมาเสียรอบหนึ่ง ใครจะรู้ว่าบิดาของเขากลับมีปัญหาขึ้นมา""หลานชายคนเล็กของท่าน?""ใช่ ตอนนี้เขาน่าจะยังออกค้นหาตัวข้าไปทั่วอยู่" ผู้นำตระกูลฮู่ถอนหายใจ "และก็ไม่รู้ว่าข้าจะได้พบเขาอีกสักครั้งไหม"สืออีมองฟู่จาวหนิงพวกเขาฟังออกแล้ว ผู้นำตระกูลฮู่น่าจะรู้สึกว่าตนเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน เขาตอนนี้คงกำลังฝืนตัวคิดจะส่งมอบสิ่งยืนยันให้ท่านอ๋องด้วนตนเองอยู่กระมัง?"ข้าจะไปดูว่าท่านอ๋องมาแล้วหรือยัง"สืออีคิดจะออกไปสูดอากาศ และอยากให้ให้ฟู่จาวห
"คุณหนู" สืออีกลับยังกังวลมาก เขาเองก็อยากจะขวาง แต่ฟู่จาวหนิงไม่ฟังเขา นิ้วมือทาบลงไปบนชีพจรผู้นำตระกูลฮู่แล้วเขาทำได้แค่ปิดปากไว้เท่านั้นฟู่จาวหนิงจับชีพจรเขาอย่างละเอียด จากนั้นก็ตรวจสอบดวงตากับลิ้นของผู้นำตระกูลฮู่ กระทั่งยังมองที่หูของเขา และยังเคาะๆ ไปที่หัวใจของเขาด้วยตอนที่นางตรวจสอบอย่างละเอียด สืออีได้ยินเสียงเบาๆ ที่ด้านนอก เสียงแซ่กแซ่กดังขึ้นทีละเล็กละน้อย เหมือนเสียงเหยียบลงไปบนใบไผ่ที่ร่วงอยู่เต็มพื้นอย่างไรอย่างนั้น"่มีคนเข้ามาแล้ว"เสียงของสืออีกดต่ำ มือก็กำกระบี่ไว้แน่นผู้นำตระกูลฮู่ก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง ฟู่จาวหนิงยื่นมือกดลงไปบนบ่าของเขา "ท่านผู้นำตระกูลอย่าเพิ่งขยับตัว"นางเหมือนจะตรวจเจออะไรเข้าแล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มเงินออกมา จากนั้นก็ล้วงขวดออกมาอีกใบหนึ่ง "ข่าจะไล่ตามรอยแมลงกู่ตัวนั้นสักหน่อย"ผู้นำตระกูลฮู่ตกตะลึง "ไล่ตามรอยแมลงกู่?"เขาก็เพิ่งจะเคยได้ยินวิธีเช่นนี้เป็นครั้งแรก ไล่ตามรอยแมลงกู่ ไล่ตามอย่างไร? นางรู้หรือว่าแมลงกู่ตัวนั้นซ่อนอยู่ที่ไหน?"บีบให้มันเคลื่อนไหวได้"ฟู่จาวหนิงหลังจากตรวจก็พบว่าร่างกายของผู้นำตระกูลแทบจะทนไม่ไหวแล
"ไม่ต้องรีบร้อน พวกเขาตอนนี้ยังไม่ลงมือแน่ เพราะว่าอีกฝ่ายจจะต้องอยากได้สิ่งยืนยันด้วยแน่นอน" ฟู่จาวหนิงขณะที่ลงเข็มอย่างรวดเร็วก็ยังเบนความสนใจมาคุยกับผู้นำตระกูลฮู่ได้อีกผู้นำตระกูลฮู่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหน่อยๆ เหมือนกันพระชายาอ๋องเจวี้ยนคนนี้ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาเลย"ท่านไม่กลัวหรือ?" เขาอดถามขึ้นมาไม่ได้นางตอนนี้มีทหารอยู่แค่คนเดียว และเขาก็มองออกแล้ว ว่านางไม่มีกำลังภายใน พูดว่าไม่มีวรยุทธ์เลยก็ได้ อีกฝ่ายถ้าโยนควันพิษเข้ามาในห้อง จะต้องเป็นพิษร้ายแรงอย่างแน่นอน"กลัวอะไร? พวกเขาไม่แน่ว่าจะต้องสังหารข้าเสียหน่อย" ฟู่จาวหนิงขณะที่ตอบคำถามนี้ก็ยังปักเข็มลงไปอีกหลายเข็มครั้งนี้ ผู้นำตระกูลฮู่รู้สึกว่าในมือของตนเองมีอะไรบางอย่างกำลังขยับตัวอยู่เขาไม่สนใจการเคลื่อนไหวภายนอกไปชั่วขณะ ร้องเสียงต่อขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ "อยู่ที่แขนขวาทางนี้!"ฟู่จาวหนิงไม่พูดพล่ามทำเพลง มีดผ่าตัดอยู่ในมือ พอกรีดวาดก็ตัดแขนเสื้อของเขาออก พอกระชาก แขนเสื้อทั้งแขนก็ถูกดึงลงมานางเห็นการกระโดดเคลื่อนไหวเล็กๆ บนแขนของผู้นำตระกูลฮู่ แทงเข็มหลายเล่มฉึกๆ เข้าไปตำแหน่งนั้นมีอะไรบางอย่างดิ้นขึ้นมาอีก ร
เข็มเล่มนี้ก็ไล่ออกไปได้จริงๆคนชุดดำนั่นรีบร้อนสลายตัวทันที แต่ฟู่จาวหนิงยิงเข็มออกไปอีกเล่มอย่างรวดเร็ว เล่มเมื่อครู่เป็นแค่ลูกไม้หลอก เล่มนี้ในมือนางต่างหากที่เป็นของจริงเข็มแทงเข้าไปในผิวหนัง อีกฝ่ายดึงออกในพริบตา"ต่อให้เจ้าจะใช้เข็มพิษ" ดึงออกเร็วขนาดนี้ มันจะส่งผลออกมาได้หรือ?แต่สมองเขาตอนที่คิดประโยคนี้ได้ครึ่งเดียว ก็รู้สึกว่าจุดที่ถูกเข็มเข้าไปของตนเองสูญเสียความรู้สึกไปแล้วเสียงตุบดังขึ้น เขาร่วงลงกระแทกพื้นอย่างหนักผู้นำตระกูลฮู่เห็นฟู่จาวหนิงลงมือก็จัดการคนชุดดำที่มีวรยุทธ์ไปได้ถึงสามคน จึงตกตะลึงนิ่งงันไปแล้วใครบอกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีวรยุทธ์กัน?ร้ายกาจขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่มีวรยุทธ์หรือ?แค่ยาเหล่านี้ที่นางสกัด ใครบ้างที่ไม่อยากได้? พอฉาบลงไปที่อาวุธลับกับดาบกระบี่ พลังทำลายล้างก็น่าตกตะลึงขึ้นทันทีสืออีเองก็จัดการไปแล้วหลายคน เข้าขวางอยู่เบื้องหน้าฟู่จาวหนิงด้านนอกมีการเคลื่อนไหวอีก มีคนถูกฝ่ามือลมซัดจนร่วงหนักๆ ไปบนพื้น และยังมีคนชุดดำที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาในห้องอีกสองคนถูกแทงกระบี่เข้าไป ล้มฟุบเข้ามา"จาวหนิง!"ด้านนอกมีเสียงร้องรนกังวลดังขึ้น
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ