ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเดินมาถึงหน้าประตู กระทืบหิมะที่รองเท้า ตบเสื้อผ้า ได้ยินเสียงของเขา พูดว่า "ท่านปู่ เช่นนั้นท่านก็คงไม่รู้จริงๆชื่อเสียงไม่ดีนั่นน่ะลือออกไปตั้งนานแล้ว""ลือออกไปแล้วหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่ตกตะลึงไป"ใช่แล้ว ฟู่เจียวเจียวเอาไปพูดภายนอก บอกว่าข้าขโมยขาไก่ของนางกิน แล้วยังแอบกินไข่ไปอีกตั้งหลายใบ จนทำเอาให้คืนสิ้นปีนั้นของบ้านพวกเขามีแต่ข้าวต้มกับผักดอง แล้วก็น้ำแกงอีกนิดหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็คิดเรื่องเหล่านี้ออกแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่บ้านเหล่านั้นยังอยู่ที่นี่ ช่วงนั้นวันวันก็วุ่นวายกันไปหมดจริงๆยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของฟู่จาวหนิงยังถูกพวกเขาทำลายไปนานแล้วด้วย ไม่เช่นนั้นจะไม่มีคนจากบ้านอื่นมาสู่ขอนางได้อย่างไรกัน?ถึงอย่างไรด้วยหน้าตาเช่นนี้ของนาง ต่อให้ตระกูลฟู่จะยากจน แต่ก็ต้องมีคนไม่น้อยมาชอบนางบ้างตอนที่การหมั้นหมายของนางกับรัฐทายาทชินอ๋องเซียวยังไม่ได้พูดกันออกไป ก็ยังไม่มีใครเข้ามาพูดเรื่องสู่ขอ หรือว่านั่นจะเป็นเพราะพวกบ้านอื่นเอาชื่อเสียงของนางไปลือจนย่ำแย่หรือเปล่านะ?บอกว่านางกินเก่งแต่ขี้เกียจ อะไรก็ไม่ทำสักอย่าง อยู่ในบ้านยังคอยลักเล็กขโมยน้อย แล้วยังชอ
"แค่กๆ" สีหน้าผู้เฒ่าฟู่ดูไม่เป็นธรรมชาตินักฟู่จาวหนิงตอนนี้จึงเข้าใจขึ้นมา "เซียวหลันยวนหรือ? ก็น่าจะอยู่ที่จวนคนเดียวกระมัง เขาไม่เข้าวังฉลองปีใหม่"เซี่ยซื่อเองก็อยากรู้อยากเห็น "ได้ยินว่าไทเฮาองค์จักรพรรดิฮองเฮาไม่ค่อยจะดีกับเขานัก เอาแต่คอยระมัดระวังเขานี่จริงไหม?"นางเดิมทีก็กล้าจะวิพากษ์วิจารณ์เรื่องในราชวงศ์อยู่ แต่ตอนนี้พอใช้ชีวิตกับฟู่จาวหนิงพักหนึ่ง และเพราะเซียวหลันยวนเป็นสามีของฟู่จาวหนิง จะมากน้อยก็เป็นกังวลขึ้นมา อยากจะถามตั้งนานแล้ว"ตัวตนฐานะของเขาพิเศษหน่อยๆ แล้วก็ชอบละเมิดเรื่องต่างๆ จริงๆ แล้วองค์จักรพรรดินั่นจิตใจก็ไม่ได้กว้างขวางเท่าไรนัก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น "จะว่าไป ตอนที่เขายังเล็กก็ถูกวางยาพิษแล้ว ใช้ชีวิตมาก็ไม่ง่ายสักเท่าไร"พอฟังถึงจุดนี้ เซี่ยซื่อก้เห็นใจอ๋องเจวี้ยนขึ้นมา"ก่อนหน้านี้อ๋องเจวี้ยนใช้ชีวิตอยู่แต่ในยอดเขาโยวชิงมาหลายต่อหลายปี นั่นไม่เหงาหงอยขมขื่นแย่หรอกหรือ?""จะไปเหงาหงอยขมขื่มอะไรกัน เขามีเงินทองตั้งมากมาย" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"เวลาแบบนี้ เงินทองมันจะไปช่วยอะไรได้กัน? ข้าได้ยินมาว่าเขาสุขภาพก็ไม่ดี กินก็กินได้ไม่กี่คำใช่ไหม?""ใครบอ
"ก็นั่นน่ะสิ? ดังนั้น เซียวเหยียนจิ่งจึงไม่คู่ควร"ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้น "ช่วงนี้ข้าเห็นจาวหนิงก็เข้าใจแล้ว นางตอนนี้ดูมีความคิดของตนเอง ไม่ได้โง่อีกด้วย จะดูคนดูสถานการณ์ก็ยังแม่นยำกว่าผู้เฒ่าคนนี้อีก และยังมีความสามารถอีกด้วย อ๋องเจวี้ยนคงไม่ได้มีเป้าหมายอะไรกับนางกระมัง? แต่ก็นะ พวกเขาแต่งงานมาครึ่งปีแล้ว ข้าเห็นจาวหนิงก็ไม่ได้ดูลำบากอะไร"จะว่าไปเขาก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเลยแต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ก่อนหน้านี้ตอนที่ฟู่จาวหนิงวิ่งไล่ตามเซียวเหยียนจิ่งนางก็ดูมืดมนมาก ดูไม่สงบเอาเสียเลย ดูต้อยต่ำหวาดกลัวอีกต่างหาก ต่อให้เซียวเหยียนจิ่งไม่ได้มีความแค้นอะไรกับนางเลยก็ตามทีแต่พออยู่กับอ๋องเจวี้ยน ต่อให้ระหว่างพวกเขาอาจจะมีเรื่องในอดีตพาดขวางอยู่ แต่สภาพของจาวหนิงตอนนี้ก็ยังถือว่าดีมาก"ขอแค่นางรู้ดีอยู่แก่ใจ หลังจากนี้จะเจอกับเรื่องอะไร ข้าเชื่อมั่นว่านางจะรับมือได้" ผู้เฒ่าฟู่เอ่ยขึ้น "ถ้าหากในสายตาอ๋องเจวี้ยนมีแต่ความแค้นในใจ ตอนนี้จาวหนิงคงไม่ใช่เช่นนี้"เซี่ยซื่อเติมน้ำชาให้เขาอีกแก้ว ทอดถอนใจออกมาเสียงหนึ่ง"ท่านผู้เฒ่า จะอย่างไรท่านก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่งนะ?"จาวหนิงอาจจะคิดว่าท่า
"เจ้าทำเองเลยหรือ?""ใช่แล้ว ต้องปีใหม่ในกลุ่มประชาชนเท่านั้นจึงจะทำขนมแบบนี้ ในราชวงศ์พวกท่านไม่มีกระมัง?""ในวังส่งขนมมงคลเข้ามา หลากหลายแบบเลย แต่ว่าข้ากินไม่ลง ข้าจะลองชิมที่เจ้าทำดู" เซียวหลันยวนเดินเข้ามาทันที ยื่นมือออกไปรับกล่องอาหารในมือฟู่จาวหนิงมือของเขาแตะเข้ากับนางฟู่จาวหนิงหยิบกล่องอาหารส่งให้ชิงอีทันที มืออีกข้างของตนเองก็คว้าเซียวหลันยวนไว้ชิงอีก็รับกล่องอาหารไปอย่างเฉียบแหลม"มือของท่านเย็นอย่างกับน้ำแข็ง แล้วยังมายืนตากลมข้างนอกนี้อีก? ท่นอ๋องเจวี้ยน ท่านคดว่าตนเองแข็งแรงมากนักหรือ?" ฟู่จาวหนิงมองบนใส่เขามือของเขาเย็นมากจริงๆ!ตอนที่พูดนางก็ยังไม่หยุด ดึงเขาเข้าไปในห้องเซียวหลันยวนยอมให้นางลากไป ไม่คัดค้านเลยแม้แต่คำเดียว"พระชายา ขนมนี้ยังร้อนอยู่" ชิงอีหยิบของในกล่องยกออกมาฟู่จาวหนิงใส่ถ่านเผาแดงเข้าไปในกล่องเหล็กชั้นล่าง ชัั้นบนใส่ของกินเอาไว้ เช่นนี้พอหิ้วไปไหนมาไหนก็ยังร้อนอยู่พอเปิดกล่องอาหารให้พวกเขาดู ชิงอีก็ร่าเริงขึ้นมาแล้ว"วิธีนี้ดีมากเลย"เขารีบออกไปเรียกหงจั๋วกับเฝิ่นซิงเข้ามารับใช้ และให้เวลาท่านอ๋องกับพระชายาได้อยู่กันตามลำพังเสียก
ตอนที่พวกหงจั๋วรินชาเข้ามา ฟู่จาวหนิงก็เก็บเข็มกลับไปแล้ว"รสชาติดี"ฟู่จาวหนิงรีบยกชาดื่มลงไปอึกใหญ่ ผลคือน้ำชาลวก นางร้องซี๊ดแลบลิ้นออกมา จากนั้นจึงถลึงตาใส่เซียวหลันยวนเจ้านี่ทำเอาปากกับลิ้นนางเจ็บขนาดนี้เลย"พระชายา ไม่เป็นไรใช่ไหม?" หงจั๋วตกใจสะดุ้งโหยง "ชานี้ไม่ได้ร้อนขนาดนั้นนี่นา"อันที่จริงก็ไม่ใด้ลวกมาก แต่ลิ้นนางเดิมทีก็เจ็บอยู่หน่อยๆ แล้วถ้าไม่ใช่นางยืนหยัดจะฝังเข็ม เซียวหลันยวนคงกลืนนางไปแล้ว"ไม่เป็นไรไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงถลึงตาเหลือบมองเซียวหลันยวนผาดหนึ่ง นี่ไม่ใช่ต้องโทษเขาหรอกหรือ?หงจั๋วมองพระชายา จากนั้นก็มองท่านอ๋อง เม้มปากแอบหัวเราะแม้ท่านอ๋องกับพระชายาแต่งงานกันเหมือนละครฉากหนึ่ง แต่นางก็ไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนเหมือนกับพวกเขาเลยพระชายาแม้ว่าปกติจะไม่พักในจวนอ๋อง ตอนที่เข้ามายังเหมือนเป็นแขกคนหนึ่ง แต่นางทำไมถึงรู้สึกว่าไม่มีนายหญิงคนไหนที่จะเหมาะกับจวนอ๋องเจวี้ยนเท่านางแล้ว?ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็เคยกำชับนางกับเฝิ่นซิง นางทั้งสองคนเป็นสาวใช้ให้แค่พระชายาเท่านั้น ตอนที่พระชายาไม่อยู่ในจวนอ๋อง พวกนางสองคนก็ไม่ต้องทำเรื่องอื่น รับผิดชอบแค่ปัดกวาด
เทียนแดง กระโจมแดง ผ้าห่มแดง หมอนสีแดงก่อนหน้านี้ไม่ใช่เช่นนี้นี่!"พระชายา พักผ่อนไวไว ข้าน้อยขอตัวก่อน" เฝิ่นซิงกับหงจั๋วพอจัดการเรื่องเสร็จก็ถอนตัวออกไปทันที"เอ๋?"ฟู่จาวหนิงหมุนตัวคิดจะร้องเรียกพวกนาง แต่สองสาวใช้ก็วิ่งไวเสียยิ่งกว่ากระต่ายเซียวหลันยวนอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามา พอเข้าประตูก็งงงันไป แต่เพียงไม่นานก็เก็บสีหน้าลงแต่ว่าฟู่จาวหนิงก็เห็นสีหน้างงงันของเขาเมื่อครู่นี้แล้ว "ข้าคิดว่าท่านจะมีงานอดิเรกเช่นนี้เสียอีก ช่วงสองเดือนก็เอาแต่จัดเรื่องเช่นนี้มาตลอด ตอนนี้ดูท่าว่าสองสาวใช้นั่นจะจัดแจงเองเสียแล้ว""ปีใหม่ แบบนี้ก็ไม่เลวนักหรอก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงไม่มีคำจะพูดต่อเลยเขาก็บอกอยู่ว่าแค่ปีใหม่ เช่นนั้นถ้านางยังจะคิดเล็กคิดน้อย มันจะไม่ใช่กลายเป็นว่านางคิดมาเกินไปหรือ?เซียวหลันยวนปลดเข็มขัดออกฟู่จาวหนิงเองก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง จึงถอดรองเท้าขึ้นเตียง ชิดตัวเข้าไปด้านในรอจนเซียวหลันยวนเป่าเทียนแล้วนอนลงข้างๆ นางก็หมุนตัวเข้าหาเขา แม้ว่าจะอยู่ในความมืดมองไม่เห็นหน้าตาเขา แต่ยังมีกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ พันล้อมอยู่รอบตัวเขา และความรู้สึกคงอยู่ของตัวเขาก็รุนแ
"ดูท่าจะเป็นความผิดข้าเอง"พูดพลางก้มหน้าลงจิกไปที่ริมฝีปากนาง เสียงทุ้มต่ำ "เช่นนั้นข้านับตั้งแต่ตอนนี้ให้เริ่มจีบเจ้าหรือ?"ฟู่จาวหนิงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้"ตอนนี้เจ้าลืมคำพูดของข้าที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ พวกเราถือว่าเริ่มกันใหม่"เซียวหลันยวนพูดจบก็จิกลงไปบนริมฝีปากนางอีกครั้ง "รับปากไหม? พระชายาอ๋องเจวี้ยน?""ไม่รับปากหรือ?""ไม่รับปาก?"เซียวหลันยวนกดลงมา ประกบปากนางไว้จนมิด เสียงของเขาอู้อี้อยู่ระหว่างริมฝีปากไรฟัน "จะจูบเจ้าจนกว่าจะรับปากเลย"ในห้องร้อนขึ้นมาทันที ค่ำคืนนี้ดูหวานชื่นอ่อนโยนเป็นพิเศษวันต่อมา คนของจวนอ๋องเจวี้ยนรู้สึกว่าระหว่างท่านอ๋องกับพระชายาแตกต่างออกไปแล้วตอนที่ท่านอ๋องเรียกพระชายาว่า "หนิงหนิง" ก็ดูเป็นธรรมชาติมาก พระชายาเองก็ตอบรับอย่างเป็นธรรมชาติเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนยังเหมือนมีสีสันอะไรบางอย่างหลั่งไหลอย่างชัดเจน ดูแล้วหวานชื่นเหลือแสนผู้ดูแลอดทนอยู่นาน พอมาถึงช่วงค่ำก็ทนไม่ไหวแล้ว ไปรายงานกับเซียวหลันยวนเรื่องที่มีใครเข้ามาส่งของขวัญปีใหม่บ้าง จากนั้นก็รายงานถึงกลุ่มคนอาวุโสไหนบ้างที่จวนอ๋องเจวี้ยนต้
"เจ้าไสหัวออกไป" เซียวหลันยวนกวาดมองไปทางชิงอี"ข้าน้อยขอตัวก่อน!"ชิงอีเองก็รีบหนีไปเช่นกันจากนั้นจึงเจอเข้ากับผู้ดูแลที่ด้านนอก ทั้งสองคนล้วนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน"พวกเราใจร้อนไปเสียแล้ว""คิดง่ายเกินไป ท่านอ๋องถ้าไหวจริงๆ คงไม่ต้องไปพักฟื้นที่ยอดเขาโยวชิงตั้งหลายปีหรอก คนอื่นพอสิบเจ็ดสิบแปดก็มีทายาทกันสองสามคนแล้ว เขายี่สิบต้นๆ กลับยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย" ชิงอีส่ายหัวผู้ดูแลเองก็ส่ายหัวตาม "เมื่อเป็นเช่นนี้ พระชายาเองก็ดีแสนดี นางไม่รังเกียจท่านอ๋องของพวกเราเลย""ใช่ใช่ใช่ พระชายาดีที่หนึ่งจริงๆ"ไม่ห่างไปนัก ฟู่จาวหนิงพาหงจั๋วกับเฝิ่นซิงยกของว่างเข้ามา ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสองอย่างชัดถ้อยชัดคำหงจั๋วกับเฝิ่นซิงล้วนก้มหน้าแดงลงไป จากนั้นก็แอบกันแลกเปลี่ยนสายตาพวกนางเองก็คิดว่าเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องกับพระชายาน่าจะลงเอยกันเรียบร้อย คิดไม่ถึงเลยฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกนางเองก็คิดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินบทสนทนาโจ๋งครึ่มเช่นนี้เซียวหลันยวนพูดอะไรกับพวกเขากันแน่?"อะแฮ่ม!"พอได้ยินผู้ดูแลกับชิงอียังจะคุยกันต่อ ฟู่จาวหนิงจึงกระแอมหนักๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง"อ๋า พระชายา?!"ผู้ดูแลรีบเผ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ