บทที่ 1
แม้จะกระวนกระวายใจที่ถูกจับขึ้นเกี้ยวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวแทนพี่สาวที่หายตัวไปทิ้งเอาไว้เพียงแค่จดหมายด้วยเหตุผลแปลกประหลาด
`ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิตข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น`
ในเมืองหลวงยามนี้ชายหนุ่มรุ่นเดียวกันมีผู้ใดมีอนาคตสดใสเกินกว่าคุณชายรั่วด้วยงั้นหรือ คนที่เป็นอันดับหนึ่งของสถานศึกษาหลวง
แม้จะกังขาในการหายตัวไปของพี่สาว แต่ในความรู้สึกต่าง ๆ นั้นก็แอบมีความยินดีอยู่ส่วนหนึ่งจนฝูหรงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจตัวเอง เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้ แม้จะถูกบังคับร้องขอให้เข้าพิธีแทนพี่สาว แต่ตัวของนางเองนั้นก็ไม่ได้รังเกียจคนที่จะต้องเข้าพิธีด้วย เพราะว่าหญิงสาวแอบหลงรักคู่หมั้นของพี่สาวมานานแล้ว
ตั้งแต่จำความได้ฝูหรงเป็นรองพี่สาวต่างมารดามาตลอดในทุกสิ่งและทุกอย่าง คงเป็นเพราะมารดาของนางเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดาที่แต่งเข้ามาเป็นได้เพียงอนุก็เท่านั้น
แต่ฝูหรงก็ยังนึกยินดีที่พี่สาวต่างมารดาของนางอย่างฝูอิงไม่ได้ดูแคลนนางนัก อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดี ทั้งยังเอ็นดูนางไม่ต่างจากน้องสาวแท้ ๆ นางเลยเต็มใจดูแลพี่สาวราวกับเป็นสาวใช้คนสนิท อีกฝ่ายไม่เคยมีการกลั่นแกล้งให้ได้เจ็บตัวเหมือนที่นางได้ยินคุณหนูและบุตรีของอนุในจวนอื่น ๆ ถูกกระทำ
และเพราะอย่างนั้นจึงทำให้ฝูหรงรู้สึกว่าตนเองจะต้องเจียมเนื้อเจียมตัวและอยู่ในโอวาทของท่านแม่ใหญ่และคุณหนูซึ่งเป็นพี่สาวต่างมารดาของนางอย่างไม่ควรจะขัดขืนอะไรทั้งสิ้น เพราะเท่าที่เป็นอยู่ก็ถือเป็นบุญคุณหนักหนาแล้ว อีกทั้งแม่ใหญ่ไม่ค่อยชอบมารดาของนางนัก หาเรื่องคอยกลั่นแกล้งมารดานางเสมอ ฝูหรงจึงต้องทำตัวดีเอาอกเอาใจพี่สาวต่างมารดา เพื่อไม่ให้ท่านแม่ใหญ่ลงไม้ลงมือกับมารดาของนางมากนัก
ฝูหรงคิดมาตลอดว่าที่พี่สาวของนางเป็นคนดีเช่นนี้ก็คงเพราะได้รับการอบรมที่ดีจากมารดาที่อยู่ในตระกูลบัณฑิต มารดาของนางเองก็พร่ำสอนให้ดูพี่สาวเป็นเยี่ยงอย่าง และอย่าขัดคำสั่งของคนทั้งสองและบิดาเด็ดขาด ต่อให้บิดาจะไม่ได้เลี้ยงหญิงสาวมาดีนักก็ตาม เพราะฐานะของฝูหรงก็ไม่ได้ต่างอะไรจากบ่าวทั่ว ๆ ไปที่อาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้
แต่เพราะนางรับรู้ฐานะของตนเองดี ฝูหรงจึงก้มหน้ารับชะตากรรมไม่ว่าเรื่องใด นางก็ไม่เคยขัดขืน หรือมีปากเสียงกับคนในจวน แม้กระทั่งเรื่องสำคัญอย่างการมีคู่ชีวิตที่มันอาจจะทำให้ชีวิตของนางในวันข้างหน้าเปลี่ยนไปในทิศทางไหนก็ได้ นางก็ยังก้มหน้ายินดีรับสมอ้างและเข้าพิธีแทนพี่สาว
หญิงสาวที่นั่งอยู่ในเกี้ยวได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจ นางไม่นึกเลยว่าพี่สาวที่ดูเป็นคนรู้ความจะกระทำการเช่นนี้ แต่ฝูหรงก็ต้องละความคิดอื่น ๆ และกลับมารู้สึกกระวนกระวายและคิดหนักอีกครั้งเมื่อตอนนี้เกี้ยวใกล้จะถึงจวนตระกูลรั่วแล้ว
พิธีรับเจ้าสาวทำเหมือนอย่างที่ควรทำ แต่ฝูหรงรู้ดีว่ามือของนางสั่นน้อย ๆ ยามที่จะต้องก้าวออกจากเกี้ยวและก็วิตกเข้าไปอีกเมื่อรับรู้ได้ว่าเป็นใครกันที่รับนางออกไป
รั่วหยางจิ้นคนที่จะต้องเข้าพิธีกับพี่สาวยามนี้กลับกำลังเข้าพิธีกับนาง อีกฝ่ายนิ่งเสียจนฝูหรงเดาความในใจของเขาไม่ออก
หลังจากพิธีจบฝูหรงก็ถูกนำเข้ามารอเจ้าบ่าวอยู่ในเรือนหอ เรือนหอที่ถูกประดับอย่างงดงามเพื่อรอรับภรรยาที่ไม่ใช่นางทำให้เกิดความรู้สึกจุกในใจอยู่บ้าง แต่หญิงสาวก็พยายามกลืนความรู้สึกนั้นลงไปในคอ
พี่สาวของนางหายตัวไปเมื่อคืนหรือเมื่อเช้าก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่เช้าวันนี้ในเรือนของนางว่างเปล่าไร้ผู้คน ที่จริงแล้วเมื่อคืนก็เป็นวันที่ฝูหรงรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร
นางนอนไม่หลับเพราะพี่สาวจะเข้าพิธีกับคู่หมาย เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ความจริงก็คือหญิงสาวแอบมีความรู้สึกให้กับว่าที่พี่เขยมานมนานแล้ว นางเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้เพราะรู้ว่าไม่ควร และก็ไม่เคยคิดจะเปิดเผยความรู้สึกนี้ให้ใครได้ล่วงรู้ เพราะมันเป็นความผิดที่คิดรักสามีของพี่สาว แต่ยามนี้...
เสียงหัวใจของหญิงสาวดังออกมาจนแทบจะทะลุอกเมื่อได้ยินเสียงบานประตูเปิดออก แรงยวบที่ข้างตัวทำให้รู้ว่ามีใครสักคนมานั่งอยู่ข้าง ๆ นาง
“พี่จิ้นหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ผ้าแดงที่ถูกคลุมหน้าค่อย ๆ ถูกเปิดออกโดยคนข้าง ๆ แววตาที่นางเคยเพียงแค่แอบมองจากด้านข้างกำลังมองตรงมาที่นางทำให้จิตใจของหญิงสาวสั่นไหวเป็นอย่างมาก นางกำลังจะรู้สึกยินดีแล้วหากไม่ได้ยินประโยคถัดมาที่ออกจากปากของชายหนุ่ม
“เจ้าและข้าต่างทำหน้าที่ ข้าทำตามไม่ว่าต้องแต่งกับผู้ใดก็ไม่เกี่ยงงอนอยู่แล้ว เพราะอย่างไร คนที่ริเริ่มสัญญานี้ก็เป็นบิดาของเจ้ากับข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนที่ข้าจะต้องแต่งด้วยแต่แรกก็ตาม ข้ารับปากว่าจะทำหน้าที่สามีที่ดี เจ้าเองก็ควรปรนนิบัติข้าให้คู่ควรกับที่ข้าเป็นสามีของเจ้าด้วยล่ะ“
คำย้ำเตือนถึงสองคราจากคนที่เคยเป็นคู่หมายของพี่สาวของตนเองทำให้ฝูหรงรู้สึกหน้าชา หญิงสาวพยักหน้าให้อีกฝ่าย แม้จะรู้ดีว่าคนที่รั่วหยางจิ้นต้องแต่งด้วยคือพี่สาวของตน และนางเป็นคนที่มาแทนที่เพราะพิธีไม่สามารถยกเลิกหรือเลื่อนออกไปได้
“เจ้าค่ะ”
นางควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว นี่เป็นการหมั้นหมายระหว่างสองตระกูลบัณฑิต ที่นางมานั่งอยู่ตรงนี้ก็เพื่อกู้หน้าตระกูลสองตระกูลก็เท่านั้น แต่ไม่นึกเลยว่าสามีของนาง ณ ตอนนี้ จะดูเมินเฉยราวกับไม่สนใจไยดี หากตรงนี้จะเป็นใครอื่นที่ไม่ใช่พี่สาวหรือนางก็คงได้สินะ หรือบางทีอาจจะเพราะไม่ใช่พี่สาวของนางเขาถึงเอ่ยเช่นนี้
บทที่ 35วันเวลาผ่านไปคุณชายและคุณหนูตระกูลรั่วกลายเป็นคนที่บรรดาขุนนางทั้งหลายต่างหมายปอง เพราะผิดหวังจากการเข้าหาคนพ่อที่รักเดียวใจเดียวต่อฮูหยินของตนจึงคิดจะเข้าทางบุตรชายและบุตรีแทนแต่เพราะการเลี้ยงดูของฝูหรงและรั่วหยางจิ้นจึงทำให้ไม่ง่ายนักที่เหล่าบุตรและบุตรีจากตระกูลขุนนางจะตีสนิทบุตรทั้งสองของรั่วหยางจิ้นได้“ใต้เท้ารั่วปีนี้บุตรของท่านก็ถึงวัยที่จะมีคู่แล้วได้มองใครเอาไว้ให้บุตรชายบ้างหรือเปล่า” รั่วหยางจิ้นแอบหัวเราะในใจ ขุนนางคนนี้แค่มองและแค่เอ่ยออกมาเพียงแค่คำก็รับรู้ถึงความคิดในใจ “ไม่มีหรอก ข้าให้บุตรชายและบุตรสาวได้เลือกคนที่รักเอง ท่านไม่รู้หรอกว่าความรักนั้นสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด” ขุนนางชราคนนั้นยิ้มจาง ๆ ให้ ก่อนจะขอตัวจากไปเมื่อการเจรจาไม่สำเร็จอย่างที่ตั้งใจเรื่องที่เกิดขึ้นในฝั่งของชายหนุ่มก็ไม่ได้ต่างกันเลยกับทางด้านฝูหรงเมื่อไปเจอกับเหล่าฮูหยินด้วยกันก็มักมีคนมาเสนอทั้งบุตรสาวและบุตรชายให้เลือกเป็นเขยหรือสะใภ้ เพราะนางดูหัวอ่อนน่าจะกล่อมง่ายกว่าคนเป็นสามี แต่ไม่ว่าจะชักจูงเช่นไรก็ได้รับแค่รอยยิ้มจาง ๆ กลับมา บทสนทนาก็จะจบลงด้วยความเงียบแทบจะทุกครั้ง
บทที่ 34รั่วหยางจิ้นเป็นทั้งสามีที่ดี และพ่อที่ดีหากฝูหรงไม่ตั้งครรภ์นางคงไม่มีทางรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ท้องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวรับรู้ว่าสามีของนางรักและเป็นห่วงนางมากขนาดไหนเขาแทบจะมาอยู่เป็นเพื่อนเลยหากฝูหรงรู้สึกไม่ดี ชายหนุ่มออกไปหาทุกอย่างที่หญิงสาวต้องการ ซึ่งอาการแพ้ท้องของฮูหยินเจ้าเมืองก็คล้ายจะเป็นการกลั่นแกล้งผู้เป็นสามีจริง ๆ“ขนมจากร้านที่สองจากมุมถนนอี้หรือ” รั่วหยางจิ้นถามย้ำภรรยา แต่พอไปถึงร้านขนมนั้นกลับไม่เปิด เดือดร้อนชายหนุ่มต้องไปหาของอื่นมาทดแทนแต่ก็เหมือนฮูหยินที่ตั้งครรภ์ของเขาจะจับได้ทุกครั้งที่ของที่นางสั่งไม่ตรงตามต้องการ กว่าจะพ้นช่วงแพ้ท้องก็ทำเอาชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าเมืองต้องถูกให้สรรหาอะไรแปลก ๆ มาให้ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาจนได้ และยิ่งทำให้ฝูหรงรักสามีหนักขึ้นอีก“รู้สึกดีขึ้นหรือยัง” รั่วหยางจิ้นเอ่ยถามคนที่กอดเขาเอาไว้แน่นราวกับเป็นลูกลิง และแม้ว่าหญิงสาวจะพยักหน้าบอกว่าตนเองดีขึ้นแล้ว แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือทั้งยังอิงหัวอยู่ที่บ่ากว้างของเขาท่าทางน่าเอ็นดูนั่นทำให้รั่วหยางจิ้นอดไม่ได้ที่จะประทับริมฝีปากไปที่หน้าผากเนียนของภรรยาตลอดการตั้ง
บทที่ 33หลังจากผ่านไปเกือบห้าปีรั่วหยางจิ้นที่สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ก็ได้ย้ายกลับไปประจำอยู่ที่เมืองหลวงในตำแหน่งรองเจ้ากรมการคลัง การเดินทางกลับมาครั้งนี้ฝูหรงกลับมาด้วยท่าทางที่ต่างออกไปจากตอนที่จากไป จนแม่สามีที่ตอนมาเยี่ยมช่วงที่ตั้งครรภ์ก็ไม่ทันสังเกตเพิ่งมาเจอเอาตอนที่กลับมาก็รู้สึกแปลกใจที่ลูกสะใภ้ของนางไม่ได้หัวอ่อนและก็ถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่ายอย่างที่คิด ทั้ง ๆ ที่คิดว่าหญิงสาวเพิ่งมาเปลี่ยนเอาตอนที่ต้องย้ายเมืองแต่ความเป็นจริงแล้วฝูหรงก็เป็นเช่นนี้มานานแล้ว และก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้แสดงออกเพราะนั่นก็เป็นนิสัยของนางเหมือนกัน หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจให้แม่สามีเข้าใจตัวนางผิดแต่เพราะตลอดมาฝูหรงต้องเอาตัวรอดจึงได้เป็นเช่นนี้แต่เพราะมารดาของนางเลี้ยงและอบรบมาดีก็จึงเป็นการเอาตัวรอดแต่ไม่ได้ทำร้ายใคร การกลับมาของขุนนางหนุ่มที่ถูกเลื่อนขั้นขึ้นมาก็ทำให้บรรดา แม่นางน้อยใหญ่อยากเข้าหาสามีของฝูหรงอีกครั้ง แม้จะมีฮูหยินอยู่และยังมีบุตรถึงสองคนแต่เพราะฐานะและหน้าตา หล าย ๆ คนจึงคิดว่าควรที่จะเสี่ยงแต่กลับถูกดับฝันโดยภรรยาของขุนนางหนุ่ม ฝูหรงยังคงช่วยสามีแต่งตัวเหมือนเมื่อก่อน มือเรียวท
บทที่ 32หลังจากวันที่ได้เปิดใจกันทั้งคู่ก็พยายามที่จะไม่สงสัยในเรื่องใดอีก หรืออาจจะเป็นเพราะหน้าที่ของเจ้าเมืองนั้นมีเยอะมากเกินกว่าจะมามีเวลาสงสัยเรื่องที่ได้บทสรุปแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้รั่วหยางจิ้นเพิ่งเข้าใจว่าทำไมฮ่องเต้จึงส่งเขามาที่นี่ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นการเสียความรู้ของตนเปล่า ๆ เสียแล้ว ที่มาอยู่เมืองที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก แต่สุดท้ายเขาก็เข้าใจทุกฤดูของเมืองนี้ล้วนไม่มีอะไรรุนแรงแต่เมื่อยามหน้าฝน ฝนกลับตกหนักนัก ทำให้ชาวบ้านต้องต่อสู้กับเรื่องน้ำท่วมทั้งบ้านเรือนและที่ทำกินอยู่เป็นประจำหน้าที่ของเจ้าเมืองคนใหม่จึงต้องหาวิธีจัดการกับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งปีแรกเขาไม่ทันตั้งตัวจึงเกิดอุทกภัยเหมือนที่เคยเกิดแม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้พืชพันธ์เสียหายแต่ในปีถัดมาปัญหานี้ก็ได้รับการแก้ไข ชายหนุ่มทำฝายกั้นน้ำเอาไว้เป็นช่วง ๆ และยังขุดทางเป็นร่องให้น้ำไหลไปเก็บไว้ในพื้นที่ที่ไม่มีคนอยู่อีกด้วยเพราะเป็นน้ำหลากจึงแก้ปัญหาได้โดยง่าย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เหนื่อยทั้งกายและใจ แต่เพียงแค่กลับมาจวนได้รับการต้อนรับที่ดีจากภรรยาที่รัก ความเหนื่อยที่มีก็บรรเทา“เป็นอย่างไรบ้างเจ้
บทที่ 31ฝูหรงกำลังตุ๋นไก่กับโสมให้กับสามีของตนโดยมีชิงอี้เป็นลูกมืออยู่ไม่ห่าง“ที่จริงข้าคิดมาตลอดว่าฮูหยินเล็กกับท่านเจ้าเมืองเป็นคู่รัก ที่ดูรักและใส่ใจกันมาก ๆ” ชิงอี้ที่ลอบสังเกตท่าทางของทั้งสองเอ่ยตามที่ตนคิด“แล้วที่ผ่านมาไม่ใช่หรือ” หญิงสาวที่กำลังตรวจดูไก่ตุ๋นโสมเอ่ยถามสาวใช้คนสนิทของตนเองซึ่งก็ได้รับคำตอบเป็นการส่ายหน้าและยังเอ่ยย้ำอีกรอบ “ไม่ใช่เจ้าค่ะ” คำตอบของชิงอี้ทำให้ฮูหยินเจ้าเมืองอย่างฝูหรงแปลกใจ “ไม่ใช่หรือเพราะเหตุใดกัน ข้าดูไม่รักท่านพี่ หรือว่าเขาดูไม่รักข้าหรือ”คำถามของฝูหรงนั้นทำให้ชิงอี้คิดมากจนหญิงสาวที่เป็นนายหญิงของจวนเจ้าเมืองแห่งนี้อดหัวเราะกับท่าทางจริงจังของนางไม่ได้“แค่รักเฉย ๆ มันน้อยไป ข้าคิดว่าพวกท่านรักลึกซึ้งกันมากกว่านั้นจากที่ดู แค่คนที่เพิ่งรู้จักเพิ่งแต่งงานจะรักกันได้ขนาดนี้เลยหรือ” ฝูหรงยิ่งฟังคำของชิงอี้ก็ยิ่งแปลกใจ “ใครให้เจ้ามาพูดอะไรหรือ” หญิงสาวเอ่ยอย่างรู้ทัน ซึ่งชิงอี้ก็รีบปฏิเสธแต่มีหรือจะทัน“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าสงสัยเองจริง ๆ” คำตอบนั้นไม่ได้ช่วยให้ความสงสัยของนายหญิงแห่งจวนเจ้าเมืองแห่งนี้หายไปเลยแม้แต่นิด “ที่จริงจะสงสัยไปทำไม
บทที่ 30หลังจากรับรู้เรื่องราวการหมั้นของพี่สาวและคนที่นางแอบรัก ฝูหรงก็ไม่สนใจอะไรอีก หญิงสาวไม่อยากเป็นคนไม่ดีที่อิจฉาพี่สาวตนเอง แต่ความรู้สึกไม่พอใจที่ไม่ค่อยได้เกิดบ่อย ตอนนี้กลับพุ่งสูงอย่างบอกไม่ถูกฝูหรงจึงคิดว่าควรจะปล่อยวางเรื่องทุกอย่างไป ทิ้งความรู้สึกที่มีทั้งหมด อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ็บสักหน่อย แต่ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนจะเคยถูกเอาเปรียบอยู่เสมอแต่ครั้งนี้กลับเจ็บจนต้องร้องไห้ออกมา แต่ก็เศร้าอยู่ได้เพียงไม่นานเมื่อสิ่งที่คาดคิดนั้นไม่เหมือนกับความเป็นจริง เพราะหลังจากเจอกันไม่กี่ครั้งพี่สาวของนางอย่างฝูอิงก็แสดงท่าทางรำคาญรั่วหยางจิ้นอย่างเห็นได้ชัดตอนแรกฝูหรงรู้สึกดีใจที่พี่สาวไม่ได้สนใจรั่วหยางจิ้นมากนักมันทำให้ดวงใจที่แห้งเหี่ยวของนางฟูขึ้นมาได้บ้าง เพราะเอาเข้าจริง นางก็ยังแอบหวังว่าจะได้เคียงข้างอีกฝ่าย แต่ก็ดีใจได้แค่ชั่วครู่เท่านั้นเพราะความไม่สนใจของพี่สาวมีอยู่แค่ตอนที่ได้ยินเพียงชื่อ พอได้เจอกับรั่วหยางจิ้น ฝูอิงก็เริ่มสนใจคู่หมายของตนเพราะคุณชายรั่วผุ้นั้นไม่ใช่คนขี้ริ้วการหมั้นหมายจึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น ทำให้ฝูหรงคิดตัดใจอีกรอบแต่ระหว่างที่หญิงสา