สิงหากลับมาที่บ้านริมหาดอีกครั้งในตอนสาย เขาอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แต่หนวดเครายังคงยาวรกรุงรังเหมือนเดิม เส้นผมระต้นคอถูกจับมัดลวกๆ อย่างไม่ใส่ใจ
เขากลับไปตั้งหลักมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อเช้าสิงหาตื่นตระหนกไปหน่อยเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างณัฐรินีย์จะต่อกรยากอะไร แต่ครั้งนี้เขารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ใม่ใช่ผู้หญิงนิ่มๆ เรียบร้อยเหมือนลูกคุณหนูทั่วไป เพราะฉะนั้นวิธีที่เขาคิดไว้คงไม่สะดุ้งสะเทือนผิวกายขาวๆ นั่นเท่าไหร่ ปัง! ปัง! กำปั้นใหญ่ทุบลงบนประตูไม้ไผ่จนสั่นสะเทือน เขามั่นใจว่าส่งเสียงดังไปมากพอสมควร แต่รออยู่เกือบนาทีทุกอย่างก็ยังคงนิ่งเงียบ ประตูตรงหน้าไม่ได้ถูกเปิดออก เสียงภายในก็เงียบกริบ สวนทางกับบานประตูและหน้าต่างที่ถูกปิดล็อกไว้อย่างแน่นหนาบ่งบอกว่าต้องมีคนอยู่ภายในอย่างแน่นอน ผู้หญิงคนนี้ ไม่ทันไรก็ทำให้เขาปวดหัวตุ๊บๆ อีกแล้ว “ตื่น!!!” แกร๊กๆๆๆๆ สิงหาจับประตูแล้วออกแรงเขย่าอย่างแรง บ้านหลังนี้เขาเป็นคนสร้างเองกับมือ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านอกจากพื้นแล้วตัวกำแพงมันไม่ได้แข็งแรงมากขนาดนั้น แค่ออกแรงเขย่ามันก็สั่นคล้ายแผ่นดินไหวขนาดย่อมๆ แล้ว และในที่สุดแรงที่สิงหาออกไปก็ได้ผล ชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ ที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนประตูที่ปิดสนิทจะเปิดออกอย่างรวดเร็วและเฉี่ยวหน้าเขาไปแค่นิดเดียว เอาอีกแล้ว เธอตั้งใจเปิดประตูอัดหน้าสิงหาเป็นครั้งที่สองแล้ว! “ลุง มาเขย่าบ้านคนอื่นทำไมแต่เช้า?” สีหน้าของหญิงสาวดูหงุดหงิด ดวงตาที่เคยกลมโตหรี่ลงและบวมเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นนอน เส้นผมยุ่งเหยิงพันกันไม่เป็นทรง หมดสภาพผู้หญิงสวยๆ ที่สิงหาเจอเมื่อวานราวกับคนละคน “สิบโมงแล้ว” “มันยังเช้า ตอนนี้ที่อเมริกาเพิ่งสี่ทุ่ม” “แล้วไง?” “ก็หนูเจ็ทแลคไงลุง!” หญิงสาวย่ำเท้าไปมา ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะง่วงนอนจนอยากหลับทั้งยืน นี่เป็นข้อเสียของณัฐรินีย์ เธอจะงี่เง่างอแงถึงขีดสุดถ้าได้นอนไม่เต็มอิ่ม “ให้หนูนอนต่ออีกหน่อยเถอะ เดี๋ยวบ่ายๆ จะตื่น” “คิดว่าฉันจับเธอมานอนตากอากาศหรือไง?” เสียงที่กดต่ำของสิงหาทำให้หญิงสาวหยุดอาการที่เป็นอยู่ลง “เธอเป็นนักโทษ ฉันสั่งให้ตื่นก็ต้องตื่นเดี๋ยวนี้!” สิงหาแสดงออกว่าไม่พอใจมาก ผิดกับเมื่อวานที่ถึงแม้จะชอบขู่แต่ก็ยังมีบางมุมที่ใจดีอยู่บ้าง ครั้งนี้แววตาเขาฉายแววน่ากลัวจนณัฐรินีย์ไม่กล้าต่อรองอะไรอีก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในตอนนี้... เธอฉลาดพอที่จะไม่เอาน้ำมันไปราดไฟให้มันลุกลามใหญ่โต “แล้วจะให้ทำอะไรล่ะ?” “ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย แล้วฉันจะบอกหน้าที่เธอเอง” “อาบน้ำ?” หญิงสาวหันซ้ายหันขวา บ้านหลังนี้นอกจากห้องนอนและระเบียงเล็กๆ ที่เธอกับเขายืนอยู่แล้ว เธอก็ไม่เห็นห้องอื่นอีก แล้วจะให้เธออาบน้ำที่ไหน? “ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ” “มี” “ตรงไหน?” “นู่น” สิงหาบุ้ยปากไปทางด้านหลังของเธอ ณัฐรินีย์หันกลับไปมองตาม ก่อนริมฝีปากอิ่มจะอ้าออกกว้างราวกับช็อกสุดขีด “นั่นน่ะเหรอ?” “ใช่ นั่นแหละ ที่อาบน้ำและที่ปล่อยของเสียของเธอ” ณัฐรินีย์ไม่สามารถหุบปากที่อ้าค้างของตัวเองลงได้ เธอมองไปที่ห้องน้ำที่นายสิงหาบอก ไม่สิ... สิ่งนั้นมันจะเรียกว่าห้องน้ำได้ยังไง มันเป็นสถานที่เปิดโล่งมีโอ่งอยู่หนึ่งใบ ส้วมแบบนั่งยองๆ และขันสีเขียวที่วางอยู่ใกล้ๆ มีไม้ไผ่ตีปิดสามด้านสูงประมาณเอวของเธอ ส่วนอีกด้านก็เปิดโล่งจนมองเห็นทุกอย่างหมดไส้หมดพุง สิ่งนี้ไม่ได้เรียกว่าห้องน้ำ แค่มีขันมีโอ่งมีที่ขับถ่ายไม่ได้หมายความว่ามันเป็นห้องน้ำที่สมบูรณ์! สิงหาเห็นท่าทางของนักโทษสาวแล้วก็รู้สึกพึงพอใจ สิ่งนี้แหละที่เขาต้องการ และนี่มันก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น “น้ำในโอ่งเธอต้องตักมาเอง น้ำจืดต้องเดินขึ้นเขาไปสามร้อยเมตร แต่ถ้าเธอขี้เกียจก็ตักน้ำเค็มๆ ของทะเลมาอาบก็ได้” “โคตรบ้า” เธอสบถออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เขาต้องล้อเล่นแน่ๆ สมัยนี้ยังมีคนใช้ชีวิตแบบนี้ได้ด้วยเหรอ? “เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ในฐานะแขก แต่เธออยู่ในฐานะนักโทษ นักโทษก็ต้องทำงานเพื่อแลกข้าวกิน เพราะฉะนั้นเธอมีงานต้องทำ” “งานอะไร?” มันจะมีอะไรแย่ไปกว่าการที่เธอต้องอาบน้ำท้าลมทะเลแบบนี้อีกหรือไง... “เดี๋ยวก็รู้” . . ขายาวเดินนำร่างเพรียวบางขึ้นเขาเตี้ยๆ ไป ระยะทางแค่สามร้อยเมตรมันไม่ได้ไกลมาก แต่ทางค่อนข้างชันและเดินลำบากพอสมควร ยิ่งคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายต้องมาเดินก็ยิ่งลำบากเป็นเท่าตัว “นาย...” เสียงโรยแรงหลุดเรียกคนที่เดินจ้ำอ้าวไม่สนใจใครไว้ ณัฐรินีย์ไม่มีอารมณ์ไปกวนประสาทเรียกอีกฝ่ายว่าลุงอีก เพราะตอนนี้เธอจะตายอยู่แล้ว “พักก่อนได้ไหม เหนื่อย... แฮ่ก!” สิงหาหันกลับไปมองคนที่ก้มตัวลงยันมือกับเข่าของตัวเองไว้ ร่างบอบบางหอบหายใจอย่างน่าสงสาร กระป๋องที่เธอถือติดตัวมาลงไปกลิ้งอยู่บนพื้นเพราะคนถือไม่สนใจใยดี หรืออาจจะมือไม้อ่อนแรงจนถือไม่ไหว เห็นแบบนั้นแววตาของสิงหาก็ไหววูบ เขาหันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจคำพูดของเธอ แต่ขายาวก็ไม่ได้ก้าวไปไหนคล้ายกับหยุดพักตามที่หญิงสาวร้องขอ เมื่อลมหายใจกลับมาเป็นปกติณัฐรินีย์ก็กลับมายืดตัวตรง คนที่ยืนห่างออกไปราวสองเมตรขยับเดินต่อทันที คนเดินตามถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก้มลงเก็บกระป๋องและเสื้อผ้าที่เอามาผลัดเปลี่ยนก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปอีกครั้ง ไม่ถึงห้านาทีสิงหาก็พานักโทษมาถึงน้ำตกขนาดเล็กที่อยู่ใกล้บ้านของเธอที่สุด ไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอมองตามก็เห็นว่าเป็นร่างบอบบางของนักโทษสาวที่วิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาน้ำตกเหมือนเด็กๆ “สวย!” ณัฐรินีย์อุทานออกมาเสียงดังสดใส แขนทั้งสองข้างอ้าออก ใบหน้าที่ชื้นเหงื่อเงยขึ้นรับละอองจากน้ำบริสุทธิ์ที่ตกลงมากระทบหินอย่างเริงร่า เสียงสายน้ำดังซู่ซ่าเป็นเหมือนยาวิเศษที่ชำระล้างความเหน็ดเหนื่อยออกไปจนหมด อยากวาดรูปที่นี่จัง หญิงสาวครุ่นคิดในใจ ที่นี่สวยยิ่งกว่าภาพวาด น้ำตกนั่นเป็นสีฟ้าครามเหมือนน้ำทะเลหน้าบ้านเธอไม่มีผิด น้ำก็ใสสะอาดจนมองเห็นปลาตัวเล็กตัวใหญ่ว่ายวนไปมา ถ้าบอกว่าที่นี่คือสวรรค์ณัฐรินีย์ก็เชื่อ แม้เธอจะไม่เคยเชื่อว่าสวรรค์หรือนรกจะมีจริงก็ตาม “ลุงสิงห์ ถ้าหนูจะอาบน้ำที่นี่จะได้ไหม?” เมื่ออารมณ์ดีเธอก็กลับมาเรียกผู้ชายหนวดยาวว่าลุงเหมือนเดิม “ถ้าให้แบกน้ำกลับไปใส่โอ่งวันนี้คงไม่ได้อาบพอดี ลุงบอกจะให้หนูทำงานไม่ใช่เหรอ? แบบนี้มันเสียเวลาน้าาา...” เธอฉลาดเป็นกรด ยกเอาสิ่งที่สิงหาพูดมาต่อรองจนชายหนุ่มไม่รู้จะปฎิเสธอย่างไร สุดท้ายผู้คุมนักโทษก็ได้แต่พยักหน้ารับเนือยๆ และเมื่อได้รับอนุญาตณัฐรินีย์ก็ส่งยิ้มสดใสมาให้จนสิงหาตาพร่าไปชั่วขณะหนึ่ง “งั้นหนูอาบน้ำก่อนนะ” “เดี๋ยว!” เสียงทุ้มรีบร้องห้ามเสียงดังแข่งกับเสียงของน้ำตก จะไม่ให้เขาห้ามได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงตรงหน้าทำท่าเหมือนจะถอดเสื้อที่สวมใส่อยู่ออก ให้ตาย! เธอลืมหรือไงว่ามีผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ “หืม?” เธอหันกลับมาทำตาใสใส่ มือที่เลิกเสื้อชายเสื้อยืดขึ้นยังไม่ละออก หน้าท้องขาวๆ เปิดโชว์เห็นไปถึงสะดือจนสิงหาต้องแสร้งมองไปทางอื่นแทน เขาอาจจะเลวที่จับตัวคนๆ หนึ่งมา แต่เขาไม่คิดฉวยโอกาสทำแบบนั้นเด็ดขาด “ห้ามเปลี่ยนใจนะ พูดคำไหนคำนั้น” ณัฐรินีย์รีบดักไว้ เธอไม่ยอมตักน้ำจากที่นี่ไปอาบที่บ้านแน่ๆ เป็นตายร้ายดียังไงเธอก็จะอาบที่นี่ ใครจะยอมแบกน้ำขึ้นลงแบบนั้น เดินตัวเปล่าเธอยังเหนื่อยแทบตาย “ไม่ได้เปลี่ยนใจ แต่เธอควรลงไปทั้งเสื้อผ้า” “ห๋า?” “หาอะไร เธอจะแก้ผ้าให้ผู้ชายอย่างฉันดูหรือไง?” “ไม่ได้แก้ ข้างในนี้ยังมีแพนตี้กับบราอยู่” “นั่นแหละที่เรียกว่าแก้!” “ไม่ใช่นะ!” เธอเถียงคอเป็นเอ็น “มันก็เหมือนใส่ชุดว่ายน้ำนั่นแหละ ทูพีชไงลุง แบบที่สาวๆ ใส่เวลาไปทะเลน่ะ รู้จักไหม?” “รู้จัก แต่ฉันไม่อยากเห็นหุ่นแห้งๆ ของเธอ เสียสายตา!” สิงหาตะโกนเสียงดัง ดังจนตกใจตัวเอง “ลงไปอาบทั้งแบบนั้นเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่เชื่อฟัง รอบหน้าจะไม่ได้อาบตรงนี้อีก” “ก็ได้ๆๆๆ” นักโทษสาวหน้าบึ้ง ยอมปล่อยชายลงเสื้อแต่โดยดี “แต่ขอมาอาบน้ำตรงนี้ทุกวันเลยนะ” สิงหาพยักหน้าส่งๆ ที่นี่ไม่มีใครเข้ามาอยู่แล้วนอกจากเขา เพราะฉะนั้นมันไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะให้นักโทษมาอาบน้ำที่นี่ อย่างที่ณัฐรินีย์พูดก็ถูก ให้เธอแบกน้ำขึ้นๆ ลงๆ มันเสียเวลา เขามีอะไรให้เธอทำอีกเยอะ รับรองว่าแย่กว่าการต้องตักน้ำใส่โอ่งเองเป็นไหนๆ ดวงตาคมมองตามร่างเพรียวบางที่ก้าวลงไปในน้ำตก เขาไม่ได้มองเพราะต้องการละลาบละล้วงหรือเกิดหื่นขึ้นมาจนผิดความตั้งใจของตัวเอง แต่ผู้หญิงคนนี้ฉลาดกว่าที่คิด เขาต้องคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าเธอจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไร สิงหายังไม่แน่ใจว่าทำไมเธอยอมมาที่นี่ง่ายดายนัก และเขาก็กังวลว่าเธออาจจะมีแผนการณ์บางอย่างอยู่ในใจ และไอ้แฟนหนุ่มที่อเมริกาของเธอคงไม่ยอมแน่ถ้ารู้ว่าแฟนหายไปทั้งคนแบบนี้ ณัฐรินีย์เมื่อได้เจอกับความเย็นของน้ำเธอก็รู้สึกตื่นเต็มตา ร่างเพรียวดำพุดดำว่ายไปมาไม่ต่างจากเงือกน้อย ความใสของน้ำทำให้คนที่ยืนมองเห็นทุกอย่าง สิงหาพยักหน้ากับตัวเอง เขาได้ข้อมูลใหม่อีกหนึ่งอย่างคือผู้หญิงคนนี้ว่ายน้ำเก่งมาก อาจจะเก่งกว่าเขาด้วยซ้ำ ผ่านไปเกือบสิบนาทีคนที่อยู่ในน้ำก็ไม่มีท่าทีว่าจะขึ้นเสียที สิงหายืนรอจนเมื่อย และในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว เสียงทุ้มตะโกนลั่นจนคนที่กำลังเพลิดเพลินสะดุ้งโหยง “ขึ้นได้แล้ว!” “อีกเดี๋ยวได้ไหม?” “ไม่ได้ ขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” สิงหาเสียงดังกว่าเดิม จนคนที่ถูกตะโกนใส่หน้าหดเหลือสองนิ้ว “ขึ้นมาเดี๋ยวนี้ณัฐรินีย์” “หนูนิด! จะเรียกเต็มยศทำไม” เธอบ่น จงใจให้สิงหาได้ยิน แต่เหมือนว่าคนบนบกจะไม่สนใจอะไรเลย เขาเอาแต่ส่งสายตามากดดันให้เธอรีบขึ้นจากน้ำ ก่อนที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้มาอาบน้ำที่นี่อีก “ก็ได้ๆ ขึ้นแล้ว” สิงหามองตามร่างเพรียวบางที่ว่ายมาใกล้ตลิ่ง ตรงส่วนนี้มีโขดหินอยู่มาก ความสูงของน้ำก็แค่ระดับเข่า เมื่อถึงจุดที่ยืนได้แล้วณัฐรินีย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “!!!” สิงหาหันหน้าหนีทันที เขาไม่ได้พูดอะไรอีกระหว่างรอให้อีกคนไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ถึงอย่างนั้นรูปร่างที่อวดโฉมในตอนที่เธอขึ้นจากน้ำก็ยังติดอยู่ในความทรงจำไม่ไปไหน ผู้หญิงอะไร ไม่รู้จักระวังตัวเอาเสียเลย!กลับมาที่เกาะได้ไม่ถึงเดือน สองสามีภรรยาก็ต้องขึ้นฝั่งอีกครั้ง ทั้งคู่บินตรงไปกรุงเทพฯ และเดินทางต่อไปที่โรงพยาบาลโดยไม่หยุดพัก เมื่อเช้าสิงหาได้รับสายจากนิโคลัส แต่นิโคลัสไม่ได้เป็นคนคุย เขายื่นโทรศัพท์ให้คุณหญิงสุดา เธอรับไว้แล้วบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลูกสาวและลูกเขยรู้ “พ่อเขาหมดสติ หัวใจหยุดเต้น ดีที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลเลยกู้ชีพกลับมาได้ แต่หมอบอกว่าพ่อเขาต้องทำบายพาสหัวใจ เพราะตรวจเจอเส้นเลือดตีบสามเส้น” ณัฐรินีย์ใจหายวาบ เร่งเร้าให้สิงหาหาเที่ยวบินที่เร็วที่สุด ก่อนจะพากันกระหืดกระหอบมาถึงโรงพยาบาลช่วงบ่ายแก่ เปิดประตูห้องพิเศษเข้าไปก็เจอกับคุณหญิงสุดาที่นั่งอยู่ข้างเตียง ถัดไปเป็นนิโคลัส และใกล้กันกับนิโคลัสคือณัฐริกา “พี่นิ่ม” “หนูนิด” สองพี่น้องโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง ณัฐริการ้องไห้ออกมาเพราะไม่ได้เจอหน้าน้องสาวมาหลายปี เธอคิดถึงหนูนิด แต่ยิ่งคิดถึงเธอก็ยิ่งละอายใจ เพราะถ้าหนูนิดไม่ช่วยเธอไว้วันนั้น น้องสาวเธอคงไม่ถูกส่งไปไกลจากบ้านแบบนี้ “คิดถึง” “นิดก็คิดถึงพี่นิ่ม” แฝดน้องผละออก มองสำรวจพี่สาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นด้วยสายตารักใคร่ “ดูผุดผ่องขึ้นนะคะ ไปทำอะไรมา”
“พี่สิงห์” ร่างบอบบางถลาเข้าหาอ้อมกอดของสามี พออ้อมแขนอบอุ่นโอบรัด น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลลงมาเป็นทาง ณัฐรินีย์ไม่ใช่คนเข้มแข็ง เธอเป็นเพียงคนๆ หนึ่งที่มีความรู้สึกเปราะบางเหมือนมนุษย์ทั่วไป เธอร้องไห้หลายครั้งแต่ไม่มีใครเห็น เธอเจ็บปวดเป็นพันครั้งแต่ไม่มีใครมาสนใจ ความเจ็บปวดซ้ำๆ ทำให้เธอต้องสร้างกำแพงขึ้นมา ทำเหมือนว่าตัวเองคือคนที่มีจิตใจแข็งแกร่งกว่าใคร เจ็บแค่ไหน เสียใจแค่ไหนก็ไม่ร้องไห้ ไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่วันนี้เธอรู้แล้วว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งเสมอไป ถ้ามีอ้อมกอดที่พร้อมกอดก็อย่าลังเลที่จะรับมัน ถ้ามีอกกว้างให้ซับน้ำตาก็อย่าลังเลที่จะร้องไห้ออกมา บางทีการร้องไห้อาจจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในใจได้บ้าง... ไม่มากก็น้อย “ไม่เป็นไรนะ” คำพูดสั้นๆ พร้อมกับมือที่ลูบเส้นผมเบาๆ ทำให้ณัฐรินีย์ปล่อยโฮ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอร้องไห้ขนาดนี้ ร้องเหมือนว่าโลกใบนี้กำลังจะแตกสลาย ร้องเหมือนว่าจะไม่มีพรุ่งนี้ให้ร้องอีก เธอร้องจนปวดหัว ร้องจนหูอื้อ ร้องจนเสื้อที่สิงหาใส่เปียกชื้น แต่ถึงอย่างนั้นอ้อมแขนแกร่งก็ไม่ปล่อยให้เธอห่างกาย คุณหญิงสุดามองภาพนั้นทั้งน้ำตา นานแค่ไหนแล้
เพี๊ยะ!! ใบหน้างดงามหันตามแรงฟาดของฝ่ามือ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตัวแข็งค้าง สิงหาตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพความรุนแรงแบบนี้ ส่วนคนเป็นแม่ก็ไม่คิดว่าลูกจะถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายร่างกายอีกครั้ง “ลูกไม่รักดี!!!” “คุณคะ!” “เลี้ยงเสียข้าวสุก! แกมันไม่รักดี ไม่เคยทำให้ฉันกับแม่แกภูมิใจเลย! ต้องให้ฉันตบตีแกอีกกี่ครั้งแกถึงจะคิดได้ห้ะ!” สิงหากำมือแน่น เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ตัวเอง ต้องมาเห็นเมียถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายแบบนี้เขารับไม่ได้จริงๆ ยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกแบบนี้... ถึงเขาจะเลวแต่เขาไม่เคยคิดลงมือทำร้ายผู้หญิงเลยซักครั้ง แม้แต่ณัฐรินีย์เองเขาก็ไม่เคยตบตี ต่อให้ตอนที่ยังไม่ได้รักเขาก็ไม่คิดจะทำ แล้วทำไมพ่อแท้ๆ ถึงทำกับลูกได้ขนาดนี้ “คุณพ่อครับ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น สิงหาหันกลับไปมอง ดวงตาเขาแข็งกร้าวขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” “ให้พ่อใจเย็นได้ยังไงนิค ลูกนิ่มก็หายตัวไป ส่วนคนที่อยู่ก็ไม่มีประโยชน์” ท้ายประโยคคุณหมอกระแทกกระทั้นใส่ลูกสาวที่ตนเองเพิ่งลงมือทำร้ายร่างกายไป ณัฐรินีย์ไม่ต่างจากถูกทำร้ายร่างกายและเหยียบย่ำความรู้สึกซ้ำๆ เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ
“นิโคลัสมันแต่งงานกับพี่สาวฝาแฝดของเมียแก” “พี่สาวฝาแฝด!?” สิงหาตกใจจนคำพูดของเพื่อนเกือบไม่เข้าหู พี่สาวฝาแฝด เขาเพิ่งรู้ว่าเมียตัวเองมีพี่สาวฝาแฝด “อืม หน้าเหมือนกันอย่างกับคนเดียวกัน ฉันเกือบสับสนไปแล้ว” “ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ตอนที่สิงหาสืบข้อมูลของณัฐรินีย์เพื่อแก้แค้นเขาไม่ได้สนใจครอบครัวของเธอเลย เขาสนแค่ถ้าจับเธอมาได้ครอบครัวเธอจะต้องเสียใจจนกระอักเลือดเพราะยังไงณัฐรินีย์ก็คือลูก และเพราะความไม่รอบคอบของเขานี่เอง เขาถึงไม่เคยรู้เลยว่าการจับตัวณัฐรินีย์มามันทำอะไรครอบครัวนั้นไม่ได้เลย และที่สำคัญ...หนูนิดของเขามีพี่สาวฝาแฝด บางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจเหมือนถูกปลดล็อก สิงหาถึงบางอ้อทันทีเมื่อรู้ว่าณัฐรินีย์มีพี่สาวฝาแฝด ถ้าหากคืนนั้นเธอไม่ได้ขับรถชนเขา คนที่ชนก็น่าจะเป็นพี่สาวเธอ เพราะวันนั้นเขาเห็นหน้าคนขับ และเขาจำได้ว่าใบหน้านั้นเหมือนกับณัฐรินีย์ราวกับแกะ “แล้วยังไงต่อ” “เมียแกกลับไปอยู่บ้าน ฉันไม่รู้มากกว่านี้ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ” ราฟาเอลสะอึกเมื่อเห็นแววตาวาววับของเพื่อนสนิท เขากระแอมไอ รีบแก้คำพูดก่อนจะโดนดีดออกจากห้องโทษฐานบอกว่าเมียของมันไม่สำคัญ “ที่จริงแล้วเรื่อ
สิงหาฝัน... เขาฝันว่าตัวเองทะเลาะกับณัฐรินีย์ด้วยเรื่องที่เธอโกหกเขา เธอไม่ได้เป็นคนขับรถชนเขาเพราะเธอขับรถไม่เป็น แม้แต่พวงมาลัยเธอยังไม่เคยจับมันมาก่อน ลึกๆ แล้วสิงหาดีใจที่รู้แบบนั้น แต่เขาก็เสียใจอยู่ดีที่เธอเลือกที่จะปกปิดและโกหกมาตลอด เพราะถ้าหาก... ถ้าหากว่าเขาเลวกว่านี้อีกซักนิด แล้วเผลอทำอะไรรุนแรงกับคนบริสุทธิ์ลงไป เขาคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นในความฝันก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ซ่อนอยู่ เขาได้ยินคำบอกรักจากเธอเป็นครั้งแรก ที่จริงจะเรียกว่าครั้งแรกก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาเคยได้ยินคำนั้นในวันแต่งงานของเรา เพียงแต่เขาไม่กล้าเข้าข้างตัวเองว่าเธอพูดมันจากความรู้สึกจริงๆ บรรยากาศในวันนั้นมันเป็นใจเกินไป ณัฐรินีย์อาจจะพูดเพียงเพราะสถานการณ์พาไป ทว่าครั้งนี้สิงหาเชื่อสนิทใจ แม้จะเป็นแค่เพียงคำพูดในความฝัน แต่สิงหากลับรู้สึกยินดีเหลือเกินที่ได้ยินมัน และมันก็ทำให้หัวใจที่ปิดตายมานานสั่นคลอน ความรู้สึกภายในมันร่ำร้องบอกออกมาว่าตัวเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขารักหนูนิด น่าเสียดายที่ในฝันนั้นสิงหาไม่ได้บอกกลับไป เขาได้แต่เตือนตัวเองซ้ำๆ ว่าถ้าตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่จ
บรรยากาศภายในรถเงียบงันเมื่อสิงหาไม่ได้พูดอะไร เขาไม่แม้แต่จะเปิดเพลงคลอเหมือนขามาด้วยซ้ำ ชายหนุ่มใช้มือเพียงข้างเดียวบังคับพวงมาลัย ไม่ถึงสองนาทีรถราคาไม่แพงนักก็เลี้ยวเข้าโรงแรมระดับสามดาวที่ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ “ที่จริงเราน่าจะพักที่โรงพยาบาล” ณัฐรินีย์ออกความเห็น แต่ก็เข้าใจว่าสิงหาไม่ได้เจ็บป่วยหนักอะไร ถ้าต้องพักที่โรงพยาบาลมันก็เหมือนกระต่ายตื่นตูมไปหน่อย สิงหาไม่ได้ตอบอะไร เขาลงจากรถ หยิบของจากเบาะหลัง ก่อนจะส่งกุญแจให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพร้อมกับทิปจำนวนหนึ่ง ณัฐรินีย์ก้าวลงจากรถอย่างงุนงง เธอเดินตามหลังสิงหาเข้าไปในโรงแรมก็พบว่าเขาเช็กอินเรียบร้อยแล้ว “ห้องอยู่ชั้นสาม ห้อง 303 นะคะ ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวขวาได้เลยค่ะ” สิงหารับคีย์การ์ดมาถือไว้ เขาไม่ได้ตอบอะไร เมื่อได้ของที่ต้องการก็เดินจ้ำอ้าวไม่แม้แต่รอเมียที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังมา “พี่สิงห์!” ณัฐรินีย์หอบแฮ่ก “ปวดแขนมากเหรอถึงได้รีบเดินขนาดนี้” “...” “พี่สิงห์ ทำไมไม่พูดกับนิด” “...” “พี่สิ-“ ติ๊ง “ไว้ไปคุยกันในห้อง” ณัฐรินีย์ชาไปทั้งตัวเมื่อน้ำเสียงของสิงหาไม่ได้อบอุ่นเหมือนเคย หรือถ้าพูดให้ถูกคือน้ำเสียงข