หญิงสาวจำได้ดีว่า เธอตื่นมาในห้องนอนที่ไม่คุ้นตา คราวแรกคิดว่าเป็นห้องในโรงพยาบาล แต่เมื่อสังเกตรอบข้างกลับพบว่าไม่ใช่ในโรงพยาบาลและที่สำคัญเธอไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย
เนี่ยหรานหรานยันกายขึ้นนั่งแล้วยกมือขึ้นเสยเส้นผมที่ยาวสลวยด้วยความประหลาดใจ ผมเธอยาวก็จริงแต่มันไม่สวยอย่างนี้ แต่เธอจำได้ว่ารถแท็กซี่ที่เธอนั่งกลับที่พักถูกรถยนต์ฝ่าไฟแดงพุ่งชนนี่น่า เธอควรจะบาดเจ็บบ้างสิ แต่ทำไม ...
สวรรค์! นี่มันอะไรกัน!
เนี่ยหรานหรานเบิกตากว้างเมื่อหันไปเจอกระจกเงาในห้องนั้น เธอรีบถลาลงไปส่องกระจก ยกมือขึ้นลูบคลำใบหน้าและเนื้อตัว เป็นไปไม่ได้! นี่ไม่ใช่ร่างกายของเธอ นี่มันใบหน้าและเรือนร่างของจวีหราน! เนี่ยหรานหรานตบแก้มตัวเองเบาๆ ไม่กล้าตบแรง จึงเปลี่ยนมาหยิกแขนตัวเองแล้วก็ร้องทำหน้าเบ้เมื่อมันเจ็บจริง เธอก้มมองตัวเองและจำได้ว่านี่มันชุดที่ใส่ไปงานเลี้ยงรุ่น ทั้งสองนั่งแท็กซี่คันเดียวกันและให้จวีหรานลงที่หน้าโรงแรม
หรือว่า...นี่เป็นห้องในโรงแรมที่จวีหรานเข้ามาพัก หญิงสาวกวาดตามองจนหากระเป๋าสะพายของจวีหรานพบแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู มันปลด ล็อกด้วยระบบลายนิ้วมือ เนี่ยหรานหรานมือสั่นอยู่อึดใจกว่าจะกดนิ้วลงไป และเมื่อสามารถเปิดสมาร์ทโฟนได้ก็ทำให้หญิงสาวทรุดลงไปนั่งกับพื้นห้อง เพราะนี้ย้ำชัดว่าเธออยู่ในร่างของจวีหราน
ตั้งสติหน่อย หรานหราน ตั้งสติ!
หญิงสาวบอกตัวเองพลางสูดลมหายใจลึก เธอเลื่อนดูข้อมูลในสมาร์ทโฟน เบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเปิดไปดูในคลังภาพกลับต้องตกใจที่มีรูปจวีหรานในท่าเซ็กซี่วาบหวิว หรือว่า...ที่คนอื่นนินทาเรื่องจวีหรานจะเป็นเรื่องจริง เหงื่อเย็นไหลซึมที่ใบหน้า เธอตัดสินใจกดหมายเลขเบอร์มือถือของตัวเอง เธอรออยู่อึดใจจนมีคนกดรับสาย และเสียงที่ได้ยินคือเสียงสั่นเครือของพ่อ
“คือ...หนูชื่อจวีหรานค่ะ เป็นเพื่อนของเนี่ยหรานหราน”
“อ่อ...”
“วันงานเลี้ยงรุ่น เราแลกเบอร์ติดต่อกัน ไม่ทราบว่าตอนนี้เนี่ยหรานหรานอยู่ที่ไหนคะ”
“หรานหรานไม่อยู่แล้ว” เสียงของพ่อพูดเบาหวิวและเจ็บปวด “หรานประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตแล้ว”
“คะ? แต่...หนูเพิ่งเจอ...เอ่อ...หรานหราน”
“อุบัติเหตุคืนที่หรานหรานกลับจากงานเลี้ยงรุ่นน่ะ ลุงไม่สะดวกคุยด้วยต้องขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ”
มือที่จับโทรศัพท์มือถืออยู่ร่วงลงข้างตัว เธอตายแล้ว เนี่ยหรานหรานตายแล้ว
แล้วทำไมเธอมาอยู่ในร่าง วีหราน เอ่อ ใช่สิ ตอนนั้นเธอคิดเล่นๆ ว่าอยากเป็นจวีหรานนี่นะ แต่...เอ๊ะ ...ถ้าอย่างนั้น จวีหรานไปไหน เธอตายแล้วพ่อจัดงานศพให้เธอแล้ว ดวงวิญญาณของจวีหรานคงไม่สามารถเข้าร่างเธอได้แน่นอน หญิงสาวคิดแล้วลุกขึ้นพร้อมหยิบโทรศัพท์มาดูวันและเวลา พระเจ้า! นี่มันผ่านมา3วันแล้ว จวีหรานยังใส่ชุดเดิมที่ไปงานเลี้ยงรุ่นอยู่เลย หรือว่าเกิดเรื่องกับจวีหรานเหมือนกัน
คิดได้ถึงตอนนี้เนี่ยหรานหรานก็สำรวจดูรอบๆ ตัว เสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ในห้องไม่มีร่องรอยคนอื่นเข้ามา ทั้งที่พักในโรงแรมหรูหราแท้ๆ บนโต๊ะมีไวน์แดงที่เหลืออยู่ครึ่งขวดกับ...ยา...นี่ยาอะไร มือเรียวหยิบขวดยาขึ้นมาอ่าน ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะดั้งจมูกเพราะลืมไปว่าตัวเองไม่ได้ใส่แว่นสายตาแล้ว เธออ่านฉลากข้างขวดแล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าเป็นยานอนหลับ หรือว่า...จวีหรานกินยาพวกนี้กับไวน์แล้ว...หลับไปไม่รู้ตัวและอาจจะไม่รู้ว่า...
เอาเป็นว่า ตอนนี้เธอติดอยู่ในร่างของจวีหราน เธอต้องทำความรู้จักกับจวีหรานให้มากกว่าที่เคยได้ยินที่เพื่อนนินทา เนี่ยหรานหรานตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำสระผมให้ร่างกายสดชื่นขึ้น เธอเคยอยากเป็นจวีหราน เป็นสาวสวยที่มีหนุ่มๆมารุมล้อมเอาอกเอาใจ แต่งตัวชุดอะไรก็สวยไปหมดต่อให้เป็นเสื้อผ้าธรรมดาก็เถอะ เนี่ยหรานหรานสวมชุดคลุมอาบน้ำแล้วเดินออกมานั่งดู โทรศัพท์มือถือของจวีหราน มีตารางนัดหมายเรื่องงาน และที่น่าตกใจคือเงินในบัญชีของจวีหรานแทบติดลบ และยังมีข้อความทวงเงินอีกนับสิบ นี่ชีวิตของจวีหรานที่แสนสวยงามที่เธออิจฉาจริงๆ หรือ?
“หรานหราน! ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า! เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ!”
เนี่ยหรานหรานสะดุ้งที่ได้ยินเสียงเรียกหน้าห้อง ชื่อของเธอกับจวีหราน คือ ‘หราน’ เหมือนกัน แต่เธอคือหรานหรานที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเพื่อนร่วมชั้นเรียน หญิงสาวลุกจากเตียงนอนไปเปิดประตู ยังไม่ทันเปิดกว้างดีนัก ร่างของชายหนุ่มท่าทางอ้อนแอ้นกรีดกรายเข้ามาในห้อง
“อะไรกัน! เพิ่งจะอาบน้ำ! นี่มันได้เวลาแล้วนะ”
“เวลา? เวลาอะไรคะ”
เนี่ยหรานหรานถามอย่างงุนงงแต่พอจำได้จากรูปในโทรศัพท์มือถือว่าคนนี้คือ ‘พี่หลิวลี่’ ผู้จัดการของจวีหราน
“ตายแล้ว! นี่ลืมจริงหรือแกล้งลืม อุตส่าห์ได้มานอนโรงแรมหรูหราจะได้บิวท์อารมณ์ก่อนไปเจอผู้กำกับฉู่! นี่มันโอกาสเดียวของเธอที่จะได้เลื่อนเป็นนางเอกAV แถวหน้า! ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปเธอไม่มีทางได้พบผู้กำกับฉู่อีกแน่!”
“โอเค. สวยมาก” “ขอบคุณค่ะ” เนี่ยหรานหรานยิ้มขอบคุณทีมงานแล้วรับเสื้อคลุมจากหลิวลี่-ผู้จัดการมาสวมทับชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ วันนี้มีถ่ายแบบชุดนอนเซ็กซี่ เธอประหม่าแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี “รู้สึกว่าถ่ายแบบครั้งนี้จวีหรานเปลี่ยนไปนะ” ช่างภาพอดพูดกับหลิวลี่ไม่ได้ “เธอมีคนรักเหรอ” “ไม่มีๆ” หลิวลี่รีบตอบทันที “จวีหรานของเราทำงานเต็มที่เสมอ คุณว่าเธอถ่ายแบบไม่ดีเหรอ หรืออยากถ่ายใหม่” “ไม่ใช่แบบนั้น” ช่างภาพโคลงศีรษะไปมา “ผมถ่ายแบบให้เธอมาหลายครั้ง รู้สึกว่าวันนี้เปลี่ยนไป ท่าทางขี้อาย น่ารักน่าทะนุถนอม” “สรุปว่าดีหรือไม่ดี” “ดีสิ ดีอยู่แล้ว ได้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี” เนี่ยหรานหรานดื่มหยิบขวดน้ำมาพยายามจะเปิดฝาออก เธอลองบิดอยู่สองสามครั้งแต่ไม่สำเร็จกำลังจะมองหาคนช่วยก็มีมือใหญ่เอื้อมมาหยิบขวดน้ำไปเปิดให้เสียก่อน “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดอย่างจริงใจและเมื่อเห็นว่าคนใจดีเป็นใคร รอยยิ้มก็เจือนลงไปทันที แม้เขาสวมแว่นตากันแดดอยู่แต่เธอก็จำเขาได้ทันที “ทำไม” จี้อวี้เหิงกระตุ
“บ้าชิบ!” เขาสบถเพราะดุนดันเข้าไปได้แค่ปลายหัวบาก จำใจต้องถอนลำเอ็นออกมา เนี่ยหรานหรานหายใจเฮือกใหญ่เพราะคิดว่าเขาคงถอดใจ ทว่าเขากลับตั้งเข่าเธอขึ้นแล้วลากเก้าอี้มานั่งตรงหว่างขา เธอผงกศีรษะขึ้นมองอีกครั้งด้วยความงุนงง ทว่าเธอได้คำตอบในทันทีเมื่อลิ้นของเขาแตะต้องกลีบเนื้อบอบบางของเธอ “แมร่งงเอ๊ยยย” ฉู่อี้ผิงสบถด้วยความสะใจ คนอย่างจู้อวี้เหิงไม่ ‘เบิร์น’ให้ใครง่ายๆ ทำให้เขาเก็บภาพด้วยความตื่นเต้นและตื่นตัวไปด้วย “แฮ่กๆ” สิ่งที่เคยได้ยิน สิ่งที่เคยรับรู้ ไม่เท่ากับสัมผัสด้วยตัวเอง เนี่ยหรานหรานไม่เคยรู้เลยว่าถูกลิ้นเลียและละเลงที่กลีบเนื้อมันเสียวซ่านขนาดนี้ เธอครวญครางอย่างไม่อาจห้ามได้ ลิ้นเปียกชื้นแหย่เข้าไปสลับกับการดูดกลีบเนื้อของเธอ ความเสียวซ่านถาโถมจนน้ำตาปริ่มขอบตา ปล่อยให้อารมณ์ไหลบากจนเสร็จคาปากเขาไปอีกครั้ง “ให้ตายสิ เสร็จง่ายจริงๆ”จี้อวี้เหิงพึมพำแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าแดงก่ำฉ่ำน้ำตา เขาก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าเธอ “อย่าเอาเปรียบกัน ต่อไปนี้ฉันจะไม่หยุด และไม่ว่าเธอจะร้องไห้ยังไง ฉันก็ไม่สนใจ ฉันจะหยุดก็เมื่อฉันพอใจเท่า
เนี่ยหรานสะดุ้งเฮือกหน้าตาตื่นตกใจไร้การเสแสร้ง จี้อวี้เหิงเดินเข้ามาสีหน้าดุดันเหมือนโกรธกันมานาน จนเนี่ยหรานหรานลืมไปจริงๆ ว่านี่เป็นการแสดง อาจเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ร่างเล็กถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองแล้วสาวเท้ามากระชากแขนเธออย่างแรง “ว้าย!” “ฉันเตือนแล้วใช่ไหมห้ามเข้าห้องของฉัน!” “ฉัน...ฉัน...” ท่าทางของเขาทำให้เธอกลัว เนี่ยหรานหรานหมุนตัวจะวิ่งหนีแต่ถูกรวบเอวไว้ได้ทัน ร่างเล็กถูกยกจนตัวลอยและกดลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตากลมเบิกกว้างสองมือพยายามผลักไสเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด “ได้! เห็นแก่ที่เธอพยายามเข้าหาฉัน ฉันจะสนองให้เอง!” “ไม่นะ!” เนี่ยหรานหรานส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสลาย เธอหวีดร้องเมื่อมือใหญ่กระชากเสื้อผ้าของเธอหลุดออกมากลายเป็นเศษผ้า หน้าอกกลมกลึงปรากฏเบื้องหน้าเธอไม่รู้ว่าเพราะเธอหรือเพราะเขากำลังโกรธแววตาของจึงเหมือนเป็นลูกไฟ ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นทรวงอกอย่างไร้ความปรานี “อึก...อึก” เสียงสะอึกสะอื้นครางน่าสงสาร แต่จี้อวี้เหิงก็ไม่ลดแรงลง หน้าอกนุ่มหยุ่
จี้อวี้เหิงนึกถึงหญิงสาวที่เปลือยกายบนโซฟาเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาจำเธอได้ เธอคือจวีหราน นางแบบวาบหวิวที่ส่งใบสมัครมาเล่นเป็นนางเอกหนังอิโรติกของเขา และหลังจากเจรจาผ่านผู้จัดการ จวีหรานยินดีเล่นหนังเร็ตเอ็กซ์ให้บริษัทของเขา เขาต้องการนางเอกที่สดใหม่แต่ไม่ไร้เดียงสาขนาดต้องมาฝึกงานให้ แต่ละปีปั้นดาราสำหรับหนังผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ก็ถูกค่ายอื่นขโมยซื้อตัวไป ทั้งเขาและฉู่อี้ผิงไม่ต้องการให้นางเอกของเขาหน้าช้ำเล่นหนังซ้ำกับของบริษัทอื่น จึงทำสัญญาว่าจ้างกันสามปี เล่นหนังให้บริษัทของเขาเพียงบริษัทเดียว และเพื่อความสะดวก ฉู่อี้ผิงให้จวีหรานพักในโรงแรมของตนเองแม้จะเป็นห้องธรรมดาแต่ความเป็นอยู่นับว่าไม่เลวนัก“นี่แต่งตัวไม่เป็นต้องตามผู้จัดการมาแต่งตัวให้หรือไง” จี้อวี้เหิงบ่นแล้วเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้วของตัวเอง“ก็นายบอกให้เธอไปอาบน้ำ แต่ความจริงฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ แค่เทสนิดๆหน่อยๆ” ฉู่อี้ผิงแย่งแก้วเหล้าของเพื่อนมาดื่ม ทำให้จี้อวี้เหิงต้องรินเหล้าให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง “ฉันไม่ได้หวงเรื่องนั้น” จี้อวี้เหิงเทเหล้าลงคอ “แค่ไม่ชอบอะไรที่มันเหนอะหนะ”ผู้กำกับฉู่หัวเราะร่า “แต่เวลาแบบนั
“อะ...อะไรคะ...” “ไม่ต้องกลัว อุปกรณ์เซ็กส์ทอยที่ลูกค้าให้เอามาใช้ในหนังของผม” ฉู่อี้ผิงพูดขณะที่ดุนดันไข่สั่นเข้าไปในร่องสาว “มันเป็นซิลิโคนอย่างดีไม่เจ็บหรอก” ฉู่อี้ผิงดันอุปกรณ์เข้าไปจนมั่นใจว่าเจอจุดจีสปอตแล้วกดระบบสั่นทำงาน “อ๊ะ อ๊า อร๊ายยยย” เสียงครวญครางดังขึ้น เธอยื่นมือไปหมายจะผลักออกแต่ไร้เรี่ยวแรง มันเสียวซ่านจนเธอน้ำตาคลอ เขาปล่อยไข่สั่นทำงานแล้วขยับออกมายืนดูผลงานของตัวเอง “คุณช่วยตัวเองก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” เขาชอบสีหน้าและท่าทางเป็นธรรมชาติของเธอ เธอเสียวจริง ครางจริง เขารู้ได้ แต่จวีหรานกลับส่ายหน้าไปมา น้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสารและน่ารังแกไปพร้อมกัน “ฉัน...ฉันทำ...ทำไม่เป็น...” เธอสะอึกสะอื้นร่างกายสั่นระริกไปหมด “คุณ...ผู้กำกับฉู่...ชะ...ช่วยฉัน...ช่วยฉันนะคะ ได้โปรด” ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้ว เธอไม่ใช่นักแสดงคนแรกที่ขอให้เขาช่วย แต่คนอื่นๆ เสนอตัวเพราะต้องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง แต่กับจวีหราน หากเธอกำลังแสดงอยู่ นับว่าทำให้เขาประทับใจกับบทเด็กสาวไร้เดียงสาจริงๆ “หวังว่าตอนแสดงจริ
เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดึงข้อมือเธอมาให้เดินตามมาที่โซฟา มือแกร่งกดไหล่ให้เธอนั่งลง ตอนนี้เนี่ยหรานหรานมีเพียงชุดชั้นในลูกไม้ปกปิด ดวงตาคมกริบจ้องมองจนเธอหน้าแดงจัดยกมือขึ้นปิดเนินอกขนาด34นิ้ว เขาเลื่อนมือไปปลดตะขอด้านหลังให้บราหลุดออก “ขอดูหน่อย” เขาพูดหน้านิ่ง “ผมไม่ถือเรื่องทำศัลยกรรม แต่คุณกรอกในใบประวัติว่าไม่เคยทำก็ขอดูว่ามีรอยเย็บหรือเปล่า” เมื่อผู้กำกับพูดแบบนั้น เนี่ยหรานหรานก็ลดมือลง เธอไม่รู้จะวางมือที่ไหนจึงเกาะขอบโซฟากำมะหยี่ที่นั่งอยู่ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้หน้าอกกลมกลึง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เคยรู้จัดทำให้หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก มันหวิวไปถึงปลายนิ้วเท้า ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้วประหลาดใจ เธอทำเหมือน ‘ไม่เคย’ ถูกสัมผัส หรือว่าเธอกำลัง ‘แสดง’ บทสาวน้อยไร้เดียงสาที่เขาพูดไปเมื่อครู่ คิดได้ดั่งนั้นเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วออกแรงบีบเคล้น “อื้ม ของจริงไม่รอยเย็บ”เขาโน้มหน้าไปใกล้ ผู้หญิงคนนี้ไม่พรมน้ำหอมที่ทำให้เขารู้สึกฉุนจมูก กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นสะอาด ใบหน้าแดงก่ำและกัดริมฝีปากอย่างกลั้นเสียงร้อง เธอหลุบตาลงทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มพอใจกับท่าท