“ค่ะๆ ฉันต้องทำยังไงคะ”
“รีบไปเลย! ขึ้นไปห้องผู้กำกับฉู่เดี๋ยวนี้”
“ค่ะๆ ฉันจะรีบไปใส่เสื้อผ้า...”
“ไม่ต้อง! ไปทั้งแบบนี้แหละ ยังไงก็ต้องถอดอยู่ดี”
หลิวลี่พูดแล้วยื่นหน้าไปทำจมูกดมๆ ตามเนื้อตัวของจวีหราน
“โชคดีที่ยังไม่ทาโลชั่นหรือพรมน้ำหอม ผู้กำกับฉู่ชอบกลิ่นสะอาดๆ แบบอาบน้ำใหม่ๆ ไม่ต้องอาบน้ำหอมไป รีบไปเลย ฉันจะไปส่งเอง”
เนียหรานหรานสวมรองเท้าสลิปเปอร์ของโรงแรม มือเรียวกระชับสาบเสื้อให้มิดชิดแล้วเดินตามหลิวลี่ไปที่ลิฟต์ ทั้งสองเข้าไปด้านในแล้วหลิวลี่จึงกดชั้นที่สูงขึ้นไปอีก เป็นห้องชุดสุดหรูที่ผู้กำกับฉู่พักอยู่แบบไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเพราะเขาคือเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
“ขออนุญาตครับ” หลิวลี่ปรับเสียงเป็นโทนเคร่งขรึมแล้วพาจวีหรานเข้าไปด้านใน
เนียหรานหรานทั้งเขินทั้งอายที่สวมเสื้อคลุมอย่างนี้ แต่กระนั้นเธอก็อดมอง ‘ผู้กำกับฉู่’ ไม่ได้ เขาดู ‘หนุ่ม’ กว่าที่เธอคิดไว้มาก ฉู่อี้ผิงไม่ได้สนใจคนที่เข้ามาใหม่ เขาก้มหน้าดูหน้าจอแท็ปเล็ตครู่หนึ่งก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับจวีหราน ในวินาทีนั้นเนียหรานหรานรู้สึกว่าสายตาของเขาเหมือนจ้องมองทะลุมาในอกเธอ ราวกับจะเห็นว่าดวงจิตร่างนี้ไม่ใช่จวีหราน
ผู้กำกับฉู่กวาดตามองหวีหรานแล้วพยักหน้าทำให้หลิวลี่ลอบถอนหายใจแล้วหันไปส่งยิ้มให้จวีหรานแล้วเดินออกไปเงียบๆ ทิ้งให้เนี่ยหรานหรานที่อยู่ในร่างจวีหรานยืนนิ่งเป็นก้อนหินอย่างทำอะไรไม่ถูก
“จวีหรานใช่ไหม”
“คะ...ค่ะ”
เนี่ยหรานหรานยืนนิ่งอย่างไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เมื่อเขาไม่ขยับ เธอก็ไม่กล้าเขยื้อน จนสุดท้ายเป็นผู้กำกับหนุ่มที่วางแท็ปเล็ตแล้วเดินตรงไปหาเธอ
“หน้าตา รูปร่าง ความสูง สัดส่วนก็ใช้ได้ จุดเด่นคือไม่ได้ทำศัลยกรรม”
ฉู่อี้ผิงพยักหน้าอย่าพอใจ นานๆ จะได้เจอนางแบบที่ไม่ผ่านมีดหมอสักหน เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้แต่เมื่อใบสมัครของเธอนำเสนอเรื่องนี้เป็นจุดเด่น เขาจึงสนใจและเรียกเธอมาทดสอบบท
ฝ่ามือใหญ่ยื่นมากระตุกปมสายคาดเอวของเธอออก ภายในใต้เสื้อคลุมอาบนน้ำคือผิวกายขาวเนียนดุจหิมะที่มีชุดชั้นในลูกไม้สีพีชปกปิด เธอเขินอายจนใบหน้าแดงจัด ใจหนึ่งบอกให้เธอปฏิเสธและหาทางต่อรองให้หลุดพ้นสถานการณ์เช่นนี้ แต่อีกใจ...เธอปรารถนาจะลิ้มลองรสชาติที่ไม่เคยสัมผัส ผู้กำกับฉู่อายุสามสิบแต่ดูหล่อเหลาราวกับนายแบบอายุยี่สิบกลางๆ เท่านั้น เขาดูดีกว่าที่เธอเคยคิดไว้ว่าผู้ชายในหนังผู้ใหญ่ที่เธอเคยแอบๆ เปิดคลิปดูส่วนใหญ่ไม่หล่อ แก่ หรือไม่ก็อ้วนหรือศีรษะล้าน แต่เขา...ไม่ใช่ ผู้ชายคนนี้ตัวสูงโปร่งสวมเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีเข้มที่ทำให้ดูช่วงขาเพรียวเหมือนขาม้า ท่าทางเกียจคร้านกลับดูดึงดูดสายตา ปกติเธอก็มีภูมิต้านทานคนหล่ออยู่นะ แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันทำให้หัวใจเต้นแรงเหลือเกิน
“เล่นหนังมันไม่เหมือนถ่ายภาพนิ่ง และสไตล์ของผมคือเทคเดียวจบ สีหน้าอารมณ์ต้องได้ เข้าใจใช่ไหม”
เธอยืนนิ่งทำตาปริบๆ แต่เมื่อถูกสายตาของเขาจ้องมองเค้นเอาคำตอบเธอก็ได้สติแล้วพูดออกไป
“ค่ะ”
ปากตอบไปอย่างนั้น แต่เธอไม่เข้าใจสักอย่าง
แต่...
เธอกลับตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางของจวีหราน
เธอไม่อยากกลับไปมีชีวิตจืดชืดอีก
อย่างน้อย…
ก็ได้ลิ้มรสชาติความแตกต่างที่เธออยากครอบครองดูสักครั้ง
จวีหรานอาจมีประสบการณ์โชกโชนในเรื่องพวกนี้ แต่เธอ...ไม่มีเลย จูบกับผู้ชายก็ยังไม่เคย ผู้กำกับฉู่ก็บอกแล้วว่าต้องการคนมีประสบการณ์ เขาไม่พอใจก็คงเขี่ยเธอทิ้งไปเอง แล้วหลังจากนี้ เธอค่อยหาทางจัดการแก้ปัญหาหนี้สินเอาแล้วกัน แต่เธอคงกลับไปเอาเงินในบัญชีตัวเองไม่ได้ เงินส่วนนั้นยกให้คุณพ่อที่ต้องจัดงานศพเธอเพียงลำพังก็แล้วกัน
ฉู่อี้ผิงย่อมไม่รู้ความคิดของอีกฝ่าย เขาเห็นสีหน้ากระดากอายและท่าทางครุ่นคิด ทั้งลังเลและสับสน ดูแล้วเข้ากับบทนางเอกเรื่องใหม่ของเขา แต่ไม่รู้ว่าคนมากประสบการณ์อย่างจวีหรานจะรับบทใสซื่อได้หรือไม่
“เรื่องใหม่ของผม นางเอกอายุยี่สิบห้าที่ไร้ประสบการณ์การเซ็กส์ ขายตัวให้พระเอกเอาเงินไปใช้หนี้ ความยาว45นาที เธอรับบทนี้ไหวไหม”
เนี่ยหรานหรานตื่นจากภวังค์ก็พยักหน้ารับ “ผู้กำกับจะสอนฉันไหมคะ”
“ผมไม่ชอบสอนงานใคร แต่ผมจะเทสงานให้คุณก่อนว่าคุณรับได้ไหม”
“ค่ะๆ”
“โอเค. สวยมาก” “ขอบคุณค่ะ” เนี่ยหรานหรานยิ้มขอบคุณทีมงานแล้วรับเสื้อคลุมจากหลิวลี่-ผู้จัดการมาสวมทับชุดนอนวาบหวิวที่สวมอยู่ วันนี้มีถ่ายแบบชุดนอนเซ็กซี่ เธอประหม่าแต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี “รู้สึกว่าถ่ายแบบครั้งนี้จวีหรานเปลี่ยนไปนะ” ช่างภาพอดพูดกับหลิวลี่ไม่ได้ “เธอมีคนรักเหรอ” “ไม่มีๆ” หลิวลี่รีบตอบทันที “จวีหรานของเราทำงานเต็มที่เสมอ คุณว่าเธอถ่ายแบบไม่ดีเหรอ หรืออยากถ่ายใหม่” “ไม่ใช่แบบนั้น” ช่างภาพโคลงศีรษะไปมา “ผมถ่ายแบบให้เธอมาหลายครั้ง รู้สึกว่าวันนี้เปลี่ยนไป ท่าทางขี้อาย น่ารักน่าทะนุถนอม” “สรุปว่าดีหรือไม่ดี” “ดีสิ ดีอยู่แล้ว ได้ความรู้สึกแปลกใหม่ดี” เนี่ยหรานหรานดื่มหยิบขวดน้ำมาพยายามจะเปิดฝาออก เธอลองบิดอยู่สองสามครั้งแต่ไม่สำเร็จกำลังจะมองหาคนช่วยก็มีมือใหญ่เอื้อมมาหยิบขวดน้ำไปเปิดให้เสียก่อน “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดอย่างจริงใจและเมื่อเห็นว่าคนใจดีเป็นใคร รอยยิ้มก็เจือนลงไปทันที แม้เขาสวมแว่นตากันแดดอยู่แต่เธอก็จำเขาได้ทันที “ทำไม” จี้อวี้เหิงกระตุ
“บ้าชิบ!” เขาสบถเพราะดุนดันเข้าไปได้แค่ปลายหัวบาก จำใจต้องถอนลำเอ็นออกมา เนี่ยหรานหรานหายใจเฮือกใหญ่เพราะคิดว่าเขาคงถอดใจ ทว่าเขากลับตั้งเข่าเธอขึ้นแล้วลากเก้าอี้มานั่งตรงหว่างขา เธอผงกศีรษะขึ้นมองอีกครั้งด้วยความงุนงง ทว่าเธอได้คำตอบในทันทีเมื่อลิ้นของเขาแตะต้องกลีบเนื้อบอบบางของเธอ “แมร่งงเอ๊ยยย” ฉู่อี้ผิงสบถด้วยความสะใจ คนอย่างจู้อวี้เหิงไม่ ‘เบิร์น’ให้ใครง่ายๆ ทำให้เขาเก็บภาพด้วยความตื่นเต้นและตื่นตัวไปด้วย “แฮ่กๆ” สิ่งที่เคยได้ยิน สิ่งที่เคยรับรู้ ไม่เท่ากับสัมผัสด้วยตัวเอง เนี่ยหรานหรานไม่เคยรู้เลยว่าถูกลิ้นเลียและละเลงที่กลีบเนื้อมันเสียวซ่านขนาดนี้ เธอครวญครางอย่างไม่อาจห้ามได้ ลิ้นเปียกชื้นแหย่เข้าไปสลับกับการดูดกลีบเนื้อของเธอ ความเสียวซ่านถาโถมจนน้ำตาปริ่มขอบตา ปล่อยให้อารมณ์ไหลบากจนเสร็จคาปากเขาไปอีกครั้ง “ให้ตายสิ เสร็จง่ายจริงๆ”จี้อวี้เหิงพึมพำแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใบหน้าแดงก่ำฉ่ำน้ำตา เขาก็ยกมือขึ้นลูบใบหน้าเธอ “อย่าเอาเปรียบกัน ต่อไปนี้ฉันจะไม่หยุด และไม่ว่าเธอจะร้องไห้ยังไง ฉันก็ไม่สนใจ ฉันจะหยุดก็เมื่อฉันพอใจเท่า
เนี่ยหรานสะดุ้งเฮือกหน้าตาตื่นตกใจไร้การเสแสร้ง จี้อวี้เหิงเดินเข้ามาสีหน้าดุดันเหมือนโกรธกันมานาน จนเนี่ยหรานหรานลืมไปจริงๆ ว่านี่เป็นการแสดง อาจเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนทำอะไรก็ไม่ถูกใจ ร่างเล็กถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองแล้วสาวเท้ามากระชากแขนเธออย่างแรง “ว้าย!” “ฉันเตือนแล้วใช่ไหมห้ามเข้าห้องของฉัน!” “ฉัน...ฉัน...” ท่าทางของเขาทำให้เธอกลัว เนี่ยหรานหรานหมุนตัวจะวิ่งหนีแต่ถูกรวบเอวไว้ได้ทัน ร่างเล็กถูกยกจนตัวลอยและกดลงบนโต๊ะอาหาร ดวงตากลมเบิกกว้างสองมือพยายามผลักไสเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลยสักนิด “ได้! เห็นแก่ที่เธอพยายามเข้าหาฉัน ฉันจะสนองให้เอง!” “ไม่นะ!” เนี่ยหรานหรานส่ายหน้าไปมาจนผมยาวสลาย เธอหวีดร้องเมื่อมือใหญ่กระชากเสื้อผ้าของเธอหลุดออกมากลายเป็นเศษผ้า หน้าอกกลมกลึงปรากฏเบื้องหน้าเธอไม่รู้ว่าเพราะเธอหรือเพราะเขากำลังโกรธแววตาของจึงเหมือนเป็นลูกไฟ ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นทรวงอกอย่างไร้ความปรานี “อึก...อึก” เสียงสะอึกสะอื้นครางน่าสงสาร แต่จี้อวี้เหิงก็ไม่ลดแรงลง หน้าอกนุ่มหยุ่
จี้อวี้เหิงนึกถึงหญิงสาวที่เปลือยกายบนโซฟาเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาจำเธอได้ เธอคือจวีหราน นางแบบวาบหวิวที่ส่งใบสมัครมาเล่นเป็นนางเอกหนังอิโรติกของเขา และหลังจากเจรจาผ่านผู้จัดการ จวีหรานยินดีเล่นหนังเร็ตเอ็กซ์ให้บริษัทของเขา เขาต้องการนางเอกที่สดใหม่แต่ไม่ไร้เดียงสาขนาดต้องมาฝึกงานให้ แต่ละปีปั้นดาราสำหรับหนังผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ก็ถูกค่ายอื่นขโมยซื้อตัวไป ทั้งเขาและฉู่อี้ผิงไม่ต้องการให้นางเอกของเขาหน้าช้ำเล่นหนังซ้ำกับของบริษัทอื่น จึงทำสัญญาว่าจ้างกันสามปี เล่นหนังให้บริษัทของเขาเพียงบริษัทเดียว และเพื่อความสะดวก ฉู่อี้ผิงให้จวีหรานพักในโรงแรมของตนเองแม้จะเป็นห้องธรรมดาแต่ความเป็นอยู่นับว่าไม่เลวนัก“นี่แต่งตัวไม่เป็นต้องตามผู้จัดการมาแต่งตัวให้หรือไง” จี้อวี้เหิงบ่นแล้วเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้วของตัวเอง“ก็นายบอกให้เธอไปอาบน้ำ แต่ความจริงฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ แค่เทสนิดๆหน่อยๆ” ฉู่อี้ผิงแย่งแก้วเหล้าของเพื่อนมาดื่ม ทำให้จี้อวี้เหิงต้องรินเหล้าให้ตัวเองใหม่อีกครั้ง “ฉันไม่ได้หวงเรื่องนั้น” จี้อวี้เหิงเทเหล้าลงคอ “แค่ไม่ชอบอะไรที่มันเหนอะหนะ”ผู้กำกับฉู่หัวเราะร่า “แต่เวลาแบบนั
“อะ...อะไรคะ...” “ไม่ต้องกลัว อุปกรณ์เซ็กส์ทอยที่ลูกค้าให้เอามาใช้ในหนังของผม” ฉู่อี้ผิงพูดขณะที่ดุนดันไข่สั่นเข้าไปในร่องสาว “มันเป็นซิลิโคนอย่างดีไม่เจ็บหรอก” ฉู่อี้ผิงดันอุปกรณ์เข้าไปจนมั่นใจว่าเจอจุดจีสปอตแล้วกดระบบสั่นทำงาน “อ๊ะ อ๊า อร๊ายยยย” เสียงครวญครางดังขึ้น เธอยื่นมือไปหมายจะผลักออกแต่ไร้เรี่ยวแรง มันเสียวซ่านจนเธอน้ำตาคลอ เขาปล่อยไข่สั่นทำงานแล้วขยับออกมายืนดูผลงานของตัวเอง “คุณช่วยตัวเองก็ได้นะ ผมไม่ว่าหรอก” เขาชอบสีหน้าและท่าทางเป็นธรรมชาติของเธอ เธอเสียวจริง ครางจริง เขารู้ได้ แต่จวีหรานกลับส่ายหน้าไปมา น้ำตาคลอเบ้าดูน่าสงสารและน่ารังแกไปพร้อมกัน “ฉัน...ฉันทำ...ทำไม่เป็น...” เธอสะอึกสะอื้นร่างกายสั่นระริกไปหมด “คุณ...ผู้กำกับฉู่...ชะ...ช่วยฉัน...ช่วยฉันนะคะ ได้โปรด” ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้ว เธอไม่ใช่นักแสดงคนแรกที่ขอให้เขาช่วย แต่คนอื่นๆ เสนอตัวเพราะต้องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง แต่กับจวีหราน หากเธอกำลังแสดงอยู่ นับว่าทำให้เขาประทับใจกับบทเด็กสาวไร้เดียงสาจริงๆ “หวังว่าตอนแสดงจริ
เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดึงข้อมือเธอมาให้เดินตามมาที่โซฟา มือแกร่งกดไหล่ให้เธอนั่งลง ตอนนี้เนี่ยหรานหรานมีเพียงชุดชั้นในลูกไม้ปกปิด ดวงตาคมกริบจ้องมองจนเธอหน้าแดงจัดยกมือขึ้นปิดเนินอกขนาด34นิ้ว เขาเลื่อนมือไปปลดตะขอด้านหลังให้บราหลุดออก “ขอดูหน่อย” เขาพูดหน้านิ่ง “ผมไม่ถือเรื่องทำศัลยกรรม แต่คุณกรอกในใบประวัติว่าไม่เคยทำก็ขอดูว่ามีรอยเย็บหรือเปล่า” เมื่อผู้กำกับพูดแบบนั้น เนี่ยหรานหรานก็ลดมือลง เธอไม่รู้จะวางมือที่ไหนจึงเกาะขอบโซฟากำมะหยี่ที่นั่งอยู่ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้หน้าอกกลมกลึง ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เคยรู้จัดทำให้หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก มันหวิวไปถึงปลายนิ้วเท้า ฉู่อี้ผิงเลิกคิ้วประหลาดใจ เธอทำเหมือน ‘ไม่เคย’ ถูกสัมผัส หรือว่าเธอกำลัง ‘แสดง’ บทสาวน้อยไร้เดียงสาที่เขาพูดไปเมื่อครู่ คิดได้ดั่งนั้นเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วออกแรงบีบเคล้น “อื้ม ของจริงไม่รอยเย็บ”เขาโน้มหน้าไปใกล้ ผู้หญิงคนนี้ไม่พรมน้ำหอมที่ทำให้เขารู้สึกฉุนจมูก กลิ่นกายของเธอเป็นกลิ่นสะอาด ใบหน้าแดงก่ำและกัดริมฝีปากอย่างกลั้นเสียงร้อง เธอหลุบตาลงทำให้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มพอใจกับท่าท