Share

ตอนที่ 9 บุกรุก

last update Huling Na-update: 2025-08-13 00:46:29

ลูกน้องทั้งสี่พยักหน้ารับคำ ต่างแยกย้ายปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวตามบ้านเรือน เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่ของสองแม่ลูกชัดเจนแล้ว ทั้งห้าคนก็กลับมารวมตัวและซุ่มดูอยู่หน้าบ้านเงียบ ๆ อย่างมีพิรุธ

ด้านฮวาอี้ ขณะนั้นนางเริ่มชินกับพลังเวทที่สามารถใช้สอดส่องสิ่งรอบตัวผ่านต้นหญ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนางตรวจสอบพื้นที่รอบหมู่บ้าน ก็พบกับชายแปลกหน้าห้าคนที่กำลังแอบซุ่มดูบ้านของเหว่ยหยางอย่างน่าสงสัย กลิ่นอายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตนาร้าย นางขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องเป็นศัตรูอย่างแน่นอน

ความกังวลเริ่มกัดกินใจ ฮวาอี้รู้ว่าเหว่ยหยางคงไม่สามารถต่อกรกับคนทั้งห้าได้ หากพวกมันบุกเข้ามาจริง นางจึงตั้งใจจะเตือนเขาให้เตรียมตัวรับมือ และคิดหาทางช่วยอีกแรงหนึ่ง

ระหว่างที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น เหว่ยหยางก็กลับมาจากการล่าสัตว์บนเขา เขาเดินมาหาต้นหญ้าน้อยเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นหญ้าเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความห่วงใย

“เจ้าต้นหญ้าน้อย วันนี้ดูเจ้าจะไม่สดใสเลยนะ”

ฮวาอี้ไม่รอช้า นางรีบบอกสิ่งที่พบให้เขารับรู้ทันที “เหว่ยหยาง รอบ ๆ บ้านของเจ้าตอนนี้ ข้าตรวจพบชายแปลกหน้าห้าคน ข้าเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาดีกับครอบครัวของเจ้าแน่นอน”

คำพูดของต้นหญ้าน้อยทำให้หัวใจของเหว่ยหยางกระตุกวูบ เขารู้ในทันทีว่าศัตรูตามหาพวกเขาจนเจอแล้ว เขาจะบอกมารดาไม่ได้ เป็นห่วงนางเกินกว่าจะทำให้ตกใจ ทว่าตนเองจะรับมือคนทั้งห้าได้หรือ?

ใบหน้าของเหว่ยหยางฉายแววกังวลออกมาชัดเจน ฮวาอี้จึงกล่าวอย่างมุ่งมั่น

“เหว่ยหยาง ข้าช่วยเจ้าได้”

“เจ้าจะช่วยอย่างไร? แล้วมันจะเป็นอันตรายกับเจ้าหรือไม่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน เต็มไปด้วยความห่วงใย

ฮวาอี้ยิ้มบางอย่างมั่นใจ “แม้ข้าจะไม่มีพลังมากมาย แต่สามารถถ่วงเวลาให้เจ้าได้ เตรียมตัวจัดการพวกมันให้เรียบร้อย ส่วนเจ้า…ควรบอกเรื่องนี้กับท่านแม่ของเจ้าด้วย อย่างน้อยนางจะได้ไม่ตื่นตระหนกหากมีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้น”

คำพูดของฮวาอี้แม้เรียบง่าย แต่กลับอบอุ่นจนหัวใจของเหว่ยหยางเต้นแรง… ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะห่วงใยและสายสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบงันระหว่างเขากับต้นหญ้าน้อยที่เขาเฝ้าดูแลทุกคืนวัน…

เมื่อได้ฟังคำเตือนของฮวาอี้ เหว่ยหยางก็เห็นว่ามันเป็นความคิดที่ดี อย่างน้อยหากมารดารับรู้ไว้ ก็จะช่วยได้อีกแรง มารดาของเขาไม่ใช่หญิงอ่อนแอเหมือนที่เห็นภายนอก หากแต่เป็นผู้หญิงเข้มแข็งและเปี่ยมด้วยไหวพริบคนหนึ่ง

“ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าว่า แล้วเจ้าจะให้ข้าจัดการอย่างไร?” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาแน่วแน่

ฮวาอี้กระซิบบอกแผนการที่เพิ่งคิดขึ้นเมื่อครู่ แน่นอนว่านางคิดสดระหว่างคุยกับเขานั่นเอง ถือว่ายังพอมีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับต้นหญ้าเช่นนาง

“เจ้าหลอกล่อพวกมันให้เข้าไปในบ้านให้หมด ส่วนเจ้ากับมารดาให้หลบซ่อนในห้องใต้ดิน ข้าจำได้ว่าเจ้าสร้างไว้ตอนขยับขยายบ้านไม่ใช่หรือ?” น้ำเสียงของนางแฝงความมั่นใจอยู่ทุกถ้อยคำ

“แล้วหลังจากข้าหลบลงไป เจ้าจะทำอย่างไร?” เขายังคงสงสัย ไม่เข้าใจว่าต้นหญ้าจะต่อกรกับพวกมันได้อย่างไร

“เจ้ารู้ดีว่าข้ามิใช่ต้นหญ้าธรรมดา ถึงจะหาง่ายทั่วไป แต่มันก็มีฤทธิ์อยู่ไม่น้อย เกสรของข้ามีคุณสมบัติทำให้เกิดอาการชา มึนงง และขยับตัวไม่ได้ชั่วครู่ ข้าจะปล่อยละอองออกไป เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าปิดปากและจมูกไว้ให้ดี แล้วค่อยออกมาจัดการพวกมัน เจ้าคิดว่าแผนนี้เป็นอย่างไร?” ฮวาอี้ยิ้มบาง ดวงตาสั่นระริกแววมั่นใจ

เหว่ยหยางฟังจบก็หลุดยิ้ม “เจ้าช่างฉลาดสมกับเป็นต้นหญ้าน้อยของข้าจริง ๆ”

เมื่อได้ยินคำชมนั้น ดอกไม้สีม่วงเล็ก ๆ ของฮวาอี้พลันชูช่อขึ้นด้วยความรู้สึกเขินอาย “ใครเป็นต้นหญ้าน้อยของเจ้ากันเล่า” นางแย้งเบา ๆ

เหว่ยหยางหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เจ้าสิ ข้าจะไปบอกท่านแม่ก่อน แล้วเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ”

“เจ้าเด็กนี่! พูดให้มันรู้เรื่องก่อนสิ” ฮวาอี้บ่นพึมพำเบา ๆ เมื่อเห็นเขาเร่งฝีเท้าจากไป

เบื้องหลังรอยยิ้มอ่อนโยนของเหว่ยหยาง ใบหน้าเขากลับเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันทีที่หันหลังให้ต้นหญ้าน้อย ความคุกรุ่นในใจเกี่ยวกับศัตรูที่จะบุกเข้ามาในคืนนี้ ทำให้เขารีบตรงไปยังห้องพักของมารดา

ตอนนี้ เริ่นหรงฮวาสุขภาพดีขึ้นกว่าก่อนมาก เขาเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะฮวาอี้ช่วยบำบัดอย่างลับ ๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

“เหว่ยหยาง เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ?” หรงฮวาวางเข็มด้ายในมือลง เอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงน

เขาเข้าไปใกล้ แล้วบอกเสียงเบา “ท่านแม่ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก มีกลุ่มชายแปลกหน้าห้าคน พวกมันกำลังจะบุกมาทำร้ายเรา ข้าคิดว่าเป็นพวกเดียวกับที่เคยทำร้ายท่านพ่อ”

สีหน้าของมารดาเปลี่ยนไปทันที แววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคมราวใบมีด

“ในเมื่อมันตามเจอแล้ว ก็หนีไม่ได้ พวกเราจะต้องสู้จนถึงที่สุด เจ้ากลัวหรือไม่ เหว่ยหยาง?”

“ลูกไม่กลัวขอรับ แต่ลูกมีแผน ขอให้ท่านแม่ร่วมมือด้วย” เขาเล่าแผนที่ฮวาอี้คิดให้ฟังจนหมด

เริ่นหรงฮวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ถ้าเจ้ามั่นใจ แม่ก็พร้อมจะร่วมมือ”

หลังตกลงกันเรียบร้อย หรงฮวาเดินออกจากบ้านอย่างแนบเนียน แสร้งทำตัวปกติให้พวกมันเห็น ก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างไม่สะทกสะท้าน

กลุ่มชายทั้งห้าเมื่อเห็นใบหน้าหญิงสาว ต่างยิ้มอย่างสมใจ ภารกิจใกล้ลุล่วงแล้ว

“คืนนี้หลังฟ้ามืด เราเริ่มลงมือทันที” หัวหน้ากลุ่มสั่งการเสียงเข้ม

เมื่อพระอาทิตย์ลาลับ ขอบฟ้ามืดมิด แสงไฟภายในบ้านก็ดับลง พวกมันจึงแอบปีนข้ามรั้วเข้ามาอย่างเงียบเชียบ

ฮวาอี้ที่เฝ้ารอดูจากมุมหนึ่งในสนาม หยั่งรู้ถึงเวลาอันเหมาะสม ใบหญ้าเล็ก ๆ ไหวเบา ๆ ก่อนละอองเกสรที่แฝงพลังเวทจะฟุ้งกระจายออกไป กลิ่นหอมบางเบาแต่แฝงอันตรายแผ่ซ่านทั่วบริเวณ…

เมื่อชายทั้งห้าคนสูดดมเกสรของดอกไม้เข้าไปได้ไม่นาน ร่างกายก็เริ่มอ่อนแรง แขนขาหมดแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้นแทบพร้อมกัน

“ทำไมร่างกายของข้าถึงได้ชาเช่นนี้… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” หนึ่งในนั้นร้องขึ้นด้วยเสียงสั่นไหว แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

เสียงของเขาขาดหายไปเมื่อความชาค่อย ๆ ลามขึ้นจนกระทั่งไม่สามารถเปล่งเสียงได้อีก พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวไม่ได้แม้แต่จะอ้าปาก ร่างทั้งร่างกลายเป็นสิ่งไร้เรี่ยวแรงนอนแน่นิ่งกับพื้นดิน

เหว่ยหยางที่เฝ้าสังเกตการณ์จากมุมปลอดภัย เดินออกมาพร้อมกับมารดา ทั้งสองตรงเข้ามาใกล้กลุ่มชายชุดดำที่นอนแน่นิ่งอยู่ เหว่ยหยางใช้เท้าเขี่ยดูทีละคน เมื่อแน่ใจว่าทุกคนไม่อาจขยับเขยื้อนได้ เขาจึงจ้องหน้าพวกมันด้วยแววตาเย็นชา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 10 ทำลายหลักฐาน

    “ใครส่งพวกเจ้ามา?” เริ่นหรงฮวาถามเสียงเข้มข้น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นฮวาอี้ซึ่งอยู่ในกระถางต้นหญ้า มองเห็นสองแม่ลูกที่ยังไม่ลงมือเสียที นางจึงส่งเสียงเตือน“เหว่ยหยาง เจ้าควรรีบจัดการพวกมัน เดี๋ยวฤทธิ์เกสรจะเสื่อมเสียก่อน”เสียงจากต้นหญ้าทำให้เริ่นหรงฮวาหันขวับไปมอง สลับสายตาระหว่างต้นหญ้ากับลูกชาย นางอยากจะเอ่ยถามแต่สถานการณ์ตรงหน้าเร่งด่วนเสียยิ่งกว่า“ข้ารู้ว่าท่านแม่คงมีคำถามมากมาย เอาไว้จัดการพวกมันก่อนเถิด แล้วลูกจะอธิบายให้ฟังทุกอย่าง” เหว่ยหยางรีบพูดพลางส่งสายตาขอความเชื่อมั่นเริ่นหรงฮวาพยักหน้าแน่น พลันกระชับมีดในมือแน่นก่อนจะเดินเข้าไปปาดคอชายคนหนึ่งอย่างเยือกเย็นเหว่ยหยางเบิกตากว้าง นึกไม่ถึงว่ามารดาผู้แสนอ่อนโยนจะสามารถฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเล เขาจึงเร่งจัดการกับชายที่เหลือตามด้วยความเด็ดขาดชายชุดดำที่ยังพอรู้สึกได้มองเพื่อนของตนตายไปทีละคนด้วยความหวาดกลัว เขาพลาดไปแล้ว เขาควรระวังตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านหลังนี้เริ่นหรงฮวาหันไปเห็นสายตาหวาดหวั่นของอีกคนที่ยังเหลืออยู่ นางแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“เจ้ากลัวหรือ? เจ้าคงไม่รู้สินะว่าการฆ่าสามีของข้า ทำ

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 9 บุกรุก

    ลูกน้องทั้งสี่พยักหน้ารับคำ ต่างแยกย้ายปลอมตัวเข้าไปสืบข่าวตามบ้านเรือน เมื่อได้ข้อมูลที่อยู่ของสองแม่ลูกชัดเจนแล้ว ทั้งห้าคนก็กลับมารวมตัวและซุ่มดูอยู่หน้าบ้านเงียบ ๆ อย่างมีพิรุธด้านฮวาอี้ ขณะนั้นนางเริ่มชินกับพลังเวทที่สามารถใช้สอดส่องสิ่งรอบตัวผ่านต้นหญ้าชนิดเดียวกัน เมื่อนางตรวจสอบพื้นที่รอบหมู่บ้าน ก็พบกับชายแปลกหน้าห้าคนที่กำลังแอบซุ่มดูบ้านของเหว่ยหยางอย่างน่าสงสัย กลิ่นอายของพวกมันเต็มไปด้วยเจตนาร้าย นางขมวดคิ้ว รู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้ต้องเป็นศัตรูอย่างแน่นอนความกังวลเริ่มกัดกินใจ ฮวาอี้รู้ว่าเหว่ยหยางคงไม่สามารถต่อกรกับคนทั้งห้าได้ หากพวกมันบุกเข้ามาจริง นางจึงตั้งใจจะเตือนเขาให้เตรียมตัวรับมือ และคิดหาทางช่วยอีกแรงหนึ่งระหว่างที่นางกำลังไตร่ตรองอยู่นั้น เหว่ยหยางก็กลับมาจากการล่าสัตว์บนเขา เขาเดินมาหาต้นหญ้าน้อยเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเห็นว่าต้นหญ้าเหี่ยวเฉาลงเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความห่วงใย“เจ้าต้นหญ้าน้อย วันนี้ดูเจ้าจะไม่สดใสเลยนะ”ฮวาอี้ไม่รอช้า นางรีบบอกสิ่งที่พบให้เขารับรู้ทันที “เหว่ยหยาง รอบ ๆ บ้านของเจ้าตอนนี้ ข้าตรวจพบชายแปลกหน้าห้าคน ข้าเชื่อว่า

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 8 พบเจอ

    ผ้าแพรแทบกลั้นยิ้มไม่ได้ นางดีใจยิ่งนักที่จะได้ออกไปจากบริเวณนี้เสียที “เจ้าช่วยขุดข้าไปปลูกที่อื่นได้ไหม ข้าเบื่อเจ้าไก่พวกนี้เต็มที!”เมื่อได้ยินคำขอร้องแรก เหว่ยหยางหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ “ได้สิ ข้าจะย้ายเจ้าไปปลูกในกระถางดี ๆ สักใบ…แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไม่เป็นอะไร?”“เจ้าขุดพร้อมกับดินที่ข้าอยู่ด้วยก็แล้วกัน ข้าอาจจะเงียบไปสักพักหนึ่ง เพราะรู้สึกว่าพลังของข้ากำลังอ่อนลง” เสียงของผ้าแพรเบาลงตามแรงวิญญาณที่ค่อย ๆ ถดถอยเหว่ยหยางไม่รอช้า เขารีบหากระถางพร้อมตักดินโดยรอบต้นหญ้ามาด้วยอย่างระมัดระวัง ในขณะที่มือขุดดินอยู่นั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังอบอุ่นบางอย่างจากต้นหญ้า หรือเขาจะคิดไปเอง?เมื่อจัดการย้ายต้นหญ้าเสร็จแล้ว เขานำกระถางไปวางไว้ใต้ชายคา ให้แสงแดดอ่อนส่องถึงอย่างพอดี ขณะนั้นเอง มารดาเดินผ่านมาเห็นเข้าโดยบังเอิญเริ่นหรงฮวาเลิกคิ้ว มองกระถางในมือของลูกชายด้วยความฉงน “เจ้าปลูกต้นหญ้าไปทำไมกัน?”เหว่ยหยางหันมายิ้มบาง ๆ “ต้นหญ้าต้นนี้เป็นเพื่อนของข้าน่ะขอรับ ข้ารู้สึกผูกพันกับมันเหลือเกิน ว่าแต่…ท่านแม่รู้จักชื่อของต้นหญ้านี้หรือไม่?”เริ่นหรงฮวาเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ แล้วพยักหน

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 7 มิติที่เปิดออก

    “เจ้าช่างโชคดีนัก ที่มีลูกชายกตัญญูเช่นนี้…” ฟ่านหนิงเอ่ยเสียงแผ่ว สายตามองไปยังแม่ลูกอย่างเงียบงัน ความทรงจำถึงลูกที่จากไปทำให้นางรู้สึกอ้างว้างในหัวใจ ฤดูหนาวปีนี้ นางต้องอยู่เพียงลำพังอีกครั้งเริ่นหรงฮวาจับความรู้สึกของนางได้ จึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ท่านป้า หากท่านไม่รังเกียจ มาอยู่กับพวกเราก็ได้นะเจ้าคะ ท่านจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว เราสองแม่ลูกยินดีต้อนรับท่านเสมอ”ฟ่านหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง ๆ และเช็ดน้ำตาที่คลอหน่วย “ขอบใจในความหวังดีของพวกเจ้านะ… แต่ข้ายังละทิ้งบ้านที่เคยมีครอบครัวอยู่ด้วยกันไม่ลง หากวันใดข้าตัดใจได้ ข้าจะย้ายมาอยู่กับพวกเจ้าแน่นอน ตอนนี้… ดูแลตัวเองให้ดี หิมะกำลังตกหนักขึ้นทุกวัน ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”นางกล่าวลาทั้งสอง และหันหลังกลับไปด้วยแววตาที่ยังมีรอยเศร้าทางด้านผ้าแพรที่ยังคงสิงอยู่ในต้นหญ้า มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความรู้สึกปนเป ความอบอุ่นระหว่างคนและบ้านใหม่ทำให้นางยิ่งรู้สึกเดียวดาย ‘นี่ข้ามาอยู่ที่นี่ได้เกินเดือนแล้วสินะ…’ ความคิดที่ผุดขึ้นมานั้น ทำให้จิตใจของผ้าแพรยิ่งหม่นหมอง ดอกหญ้าสีม่วงที่นางสิงสถิตอยู่ก็พลอยเหี่ยวเฉาลงด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 6 สร้างบ้าน

    วันต่อมา เหว่ยหยางทำกิจวัตรเหมือนเดิม เขาพยุงมารดาไปทำธุระส่วนตัว ให้อาหารไก่ แล้วอาบน้ำยามเช้า ก่อนจะมานั่งลงข้างเล้าไก่ เอ่ยทักต้นหญ้าสีม่วงที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม“เจ้าต้นหญ้าน้อย เจ้ารู้หรือไม่ วันนี้เป็นวันที่ข้ามีความสุขที่สุด” เขาระบายความรู้สึกในใจอย่างผ่อนคลาย จ้องมองดอกไม้พลางเอื้อมมือแตะปลายใบอ่อนแผ่วเบาเขารู้สึก… สบายอย่างประหลาด ทุกครั้งที่สัมผัสต้นหญ้านี้ผ้าแพรที่สถิตอยู่ในต้นหญ้าเงียบฟังเรื่องราวของเด็กชายอย่างตั้งใจ นางอยากจะปลอบโยน อยากจะโอบกอดเขา แต่ก็ทำไม่ได้ ได้เพียงแค่สั่นไหวใบอ่อนเพื่อตอบรับอย่างสุดกำลังวันแล้ววันเล่า เหว่ยหยางมักจะมานั่งพูดคุยกับต้นหญ้าสีม่วงต้นนี้เป็นประจำ เขาระบายสิ่งต่าง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนผ้าแพรก็เฝ้าฟังและเผลอผูกพันกับเด็กชายมากขึ้นทุกที… และในวันที่ไม่เห็นเขา นางก็รู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก…ก่อนที่ฤดูหนาวจะย่างกรายมาถึง เริ่นเหว่ยหยางได้ขอให้ป้าฟ่างหนิงช่วยแนะนำช่างที่ไว้ใจได้เพื่อมาสร้างบ้านหลังใหม่ ท่านป้าจึงพาเขาเข้าเมืองซานเฉิง และในที่สุดก็สามารถว่าจ้างช่างฝีมือคนหนึ่งตกลงราคากันที่สามตำลึงทองฟ่านหนิงถึงกับตาโต เมื่อได้ยินราคาที

  • เกิดใหม่เป็นต้นหญ้าข้างเล้าไก่   ตอนที่ 5 ความสัมพันธุ์ที่แปลก

    ขณะที่เริ่นเหว่ยหยางบังคับเกวียนลามุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่ยังไม่พ้นเขตเมือง สัมผัสแปลก ๆ เหมือนมีสายตาคอยจับจ้องอยู่เบื้องหลังตั้งแต่ตอนที่เขาขายกวางตัวนั้นมือเล็ก ๆ กำแน่นตรงหน้าอก ที่ซ่อนเงินทั้งหมดไว้ในเสื้อผ้าชั้นใน ความกังวลเกาะกินหัวใจ เขาได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในคืนที่ดึกดื่นเช่นนี้เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง ชายผู้หนึ่งก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้กระโจนเข้าขวางเกวียนของเขา ชายคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดวิ่น ร่างผอมโซจนแทบเห็นกระดูก เหว่ยหยางรีบหยุดเกวียนด้วยความตกใจเขาจับจ้องชายเบื้องหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว ก่อนเอ่ยเสียงนิ่ง“เจ้าคือใคร? มาขวางทางข้าทำไม?”ขณะนั้น ดวงตาของเขากวาดไปสองข้างทาง สำรวจว่าอาจมีใครซ่อนตัวอยู่อีกชายขอทานหัวเราะในลำคอ พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เจ้าหนูน้อย ข้ารู้นะว่าเจ้าเพิ่งขายของมีค่า ได้เงินมาไม่น้อย เอามาแบ่งข้าบ้างสิ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ”ได้ยินเช่นนั้น เหว่ยหยางกลับแสยะยิ้มเย็น มองชายตรงหน้าขึ้นลงราวกับประเมินศัตรู“เจ้าก็มีมือมีเท้าครบ เหตุใดไม่ไปหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ต้องมาดักปล้นเด็กเช่นข้า เจ้านึกว่าข้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status