“ปั้นครับ...อา...”
“อ๊ะ...อือ...”
น้ำเสียงหอบครางปนเซ็กซีของสามีซึ่งกำลังคุมเกมรักอยู่ด้านบนทำให้ข้าวปั้นครวญครางตอบออกมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน ตาคู่สวยหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลข้างหัวเตียงระบุว่าตอนนี้คือเวลาตีห้ายี่สิบห้านาที
เวกัสปลุกเธอขึ้นมารองรับความปรารถนาของเขาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน บางทีข้าวปั้นก็รู้สึกว่าเขาไม่สงสารร่างกายเธอสักนิดเลย ทั้งที่เมื่อคืนเธอก็ป้อนความสุขให้เขาจนเกือบตีหนึ่งไปแล้ว
“อ๊ะ...บะ เบาๆ อื้อ...ปะ ปั้นจุก”
มือเรียวยกมือดันหน้าท้องแกร่งของสามีให้ขยับช้าลง หลังจากถูกโถมความใหญ่โตเข้าหาถี่ๆ หลายนาที จนร่างเล็กสั่นคลอนตามจังหวะนั้นทุกครั้ง ขนาดที่เกินกว่ามาตรฐานชายไทยทำเอาจุกเสียดทุกครั้งที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน แม้จะผ่านการมีลูกมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกชินกับตัวตนใหญ่ที่กำลังเข้าออกร่างกายร้อนรุ่มของตนเองได้เลย
“ทำไมยังไม่ชินอีก หนูโดนพี่เอามาห้าปีแล้วนะ...อ๊า...รัดแน่นขึ้นอีกแล้ว”
สามีตัวโตขยับร่างกายช้าลง เพราะร่างกายของภรรยามีปฏิกิริยากับคำหยาบคายเมื่อครู่จนรัดลำรักเขาแน่นขนัด ใบหน้าหล่อเหลาซบหน้าลงบนอกนุ่มฟูด้วยความเหน็ดเหนื่อย ปากร้อนเล่นกับยอดถันสีแดงจนแข็งสู้ลิ้น
“ละ แล้วพี่เวย์ยังไม่ชิน เวลาที่ปั้นรัดของพี่อีกเหรอคะ...” นิ้วเรียวกางออกสากผมนุ่มของคนตัวสูง ออกแรงขยุ้มเบาๆ เมื่อถูกเขาดูดดุนหน้าอกพร้อมๆ กับโถมสะโพกกระทบช่วงล่างจนเสียวสะท้าน
คนเป็นสามีกัดริมฝีปากกับถ้อยคำต่อล้อต่อเถียงของภรรยา ยิ่งเห็นมือข้างที่สวมแหวนแต่งงานประคองหน้าท้องตนเองเอาไว้หลวมๆ ยิ่งน่าเอ็นดูแกมมันเขี้ยวจนเผลอสอบน้ำหนักเข้าจุดกระสันหนักหน่วงจนข้าวปั้นเบิกตาโตมอง
ปึก! ปึก! ปึก!
“อ๊ะ! พะ พี่เวย์ อ๊า! อื้อ...ปั้นขอโทษ”
ข้าวปั้นรู้ตัวว่าเล่นผิดคนแล้ว คนตัวเล็กจึงรีบขอโทษขอโพยสามียกใหญ่หวังให้อีกฝ่ายเบาแรงลง แต่เวกัสกลับจับขาเรียวแบออก จากนั้นจึงตั้งใจลงโทษคนสวยของเขาให้สาสมกับความช่างยอกย้อนของเธอ
“นอนให้พี่เอาจนกว่านาฬิกาปลุกจะดังครับ อย่าดื้อ...”
“อ๊ะ อ๊ะ อื้อ!”
══♡══
“จุนพ่อขา~ จุนแม่ขา~”
ลูกสาวตัวน้อยวางมือจากการรับประทานมื้อเช้าวิ่งตรงเข้ามาหาบิดาด้วยความสดใส สองแขนป้อมๆ ชูขึ้นเป็นสัญญาณให้ผู้เป็นพ่อย่อตัวลงไปอุ้มขึ้นมาจากพื้น และนักธุรกิจหนุ่มก็ทำตามที่ลูกสาวต้องการอย่างว่าง่าย
“ไข่หวานโตขึ้นหรือเปล่าครับเนี่ย” เขาแสร้งทำเป็นว่าลูกสาวตัวหนักจนตั้งกระชับท่าอุ้มใหม่ นั่นทำให้ไข่หวานมุ่ยหน้าใส่บิดาด้วยความแง่งอน
“จุนแม่ขา~ จุนพ่อว่าไก่หวานอ้วน!”
ข้าวปั้นหัวเราะกับท่าทีของลูกสาว เอื้อมมือไปบีบแก้มซาลาเปาเม้มริมฝีปากมันเขี้ยวไม่ยั้ง
“คุณแม่เห็นด้วยค่ะ ไข่หวานตัวโตขึ้นมากจนคุณแม่จะอุ้มไม่ไหวแล้ว” ออกปากเออออห่อหมกรวมหัวกันแกล้งยัยตัวแสบของบ้านก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
สาลี่กับส้มที่เป็นทั้งสาวใช้และพี่เลี้ยงของไข่หวานก็มองหน้ากันและลอบหัวเราะไปกับเจ้านาย
ครอบครัวสงบสุขสมบูรณ์แบบที่ใครๆ ต่างก็ต้องอิจฉา สามีหล่อ ภรรยาสวย ลูกสาวน่ารัก แถมยังอยู่บ้านหลังโตทำธุรกิจใหญ่ ครอบครัวในอุดมคติตามที่ข้าวปั้นต้องการไม่มีผิดเพี้ยน
“เอ๊ะ! ปาเก๋า”
“กระเป๋าค่ะ” คนเป็นแม่แก้คำผิดให้ด้วยความเอ็นดู
“จุนพ่อจะบินอีกแย้วเหยอคะ” ลูกสาวพูดอย่างรู้ทัน “มะรืนวันเกิดไก่หวานน้า~ T^T”
ดวงตาแป๋วแหววของลูกสาวทำคนเป็นพ่อลำบากใจ หลุบตามองนิ้วมือสองนิ้วที่ชูขึ้นตามจำนวนวันนับถอยหลังวันครอบรอบวันเกิดยัยตัวแสบ เวกัสหันไปมองภรรยาอย่างต้องการความช่วยเหลือ
“คุณพ่อต้องไปทำงานนะคะ หาตังค์ให้ไข่หวานไง” ข้าวปั้นเข้าไปช่วยพูดเต็มที่
แต่ลูกสาวกลับมองมายังผู้ใหญ่สองคนอย่างไม่ชอบใจ
“ไก่หวานมีบ้าน ไก่หวานมีรถ แต่ไก่หวานไม่มีจุนพ่อ...”
พูดจบลูกสาวก็ดิ้นกุกกักออกจากอ้อมกอดคนตัวโต มือแกร่งทั้งสองข้างกลับจับตัวลูกสาวคนเดียวไว้แน่น กอดโอ๋ลูกด้วยการดันให้ซบอกตนเองอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งไข่หวานอายุไม่ไม่ถึงขวบ
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ พ่อทำเพื่อหนูกับคุณแม่นะ”
“จุนแม่อยากให้จุนพ่อไปไกลๆ หรือเปล่า” ลูกเมินคำอธิบายของเขา แต่กลับหันไปถามมารดาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แทน “ฮึก! ไก่หวานไม่หยักให้จุนพ่อไป จุนแม่ก็...”
“ไข่หวาน…” ข้าวปั้นเอ่ยปากปรามลูกสาวด้วยน้ำเสียงนิ่ง “คุณพ่อต้องทำงานนะคะ ส่วนไข่หวานก็ต้องรีบทานข้าวไปโรงเรียน”
ใบหน้าสวยส่งสัญญาณให้พี่เลี้ยงพาลูกสาวกลับไปทานข้าวต่อ แม้ลูกสาวจะยังแสดงท่าทีงอแงแต่ก็ยอมกลับไปนั่งที่พร้อมพี่เลี้ยงสองคนอยู่ดี
“พี่จะรีบกลับมาให้ทันวันเกิดลูกนะ”
“ค่ะ”
“โกรธหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามภรรยาออกมาตามตรง
อาจเพราะรอบนี้ข้าวปั้นตอบสั้นกว่าทุกครั้ง เลยอดกังวลไม่ได้
“มันช่วยไม่ได้นี่คะ ปั้นชินแล้ว ลูกเพิ่งรู้ความได้ไม่กี่ปี อาจจะยังไม่ชิน”
"ประชด?"
"ไม่ค่ะ พูดจริง...จากใจเลย"
พูดจบคนตัวเล็กก็เดินหนีออกไปหน้าบ้าน เธอเดินเข้าไปทักทายเลขาของสามีอย่างคุ้นเคย คีรีคือคนที่เธอรู้จักพร้อมๆ กับเวกัส ในตอนที่เจอกันครั้งนั้นมันทำให้ข้าวปั้นรู้ว่าเขาทำงานตั้งแต่เรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่สามีจะเลือกงานแล้วปล่อยเธอให้อยู่กับลูกดังเช่นที่ผ่านมา
"สวัสดีค่ะพี่คีรี รอบนี้ไปไหนกันคะ"
หญิงสาวเอ่ยทักเลขาของสามีด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร คีรีซึ่งน่าจะกำลังคุยงานกับลูกน้องอีกหลายคนหันขวับมาหาเจ้าของเสียงนั้นทันที ส่วนคนอื่นก็ยืดตัวตรงประสานมือโค้งทักทายเธออย่างพร้อมเพรียง
บางทีข้าวปั้นก็แอบสงสัยระบบบริษัทของสามีว่าต้องแสดงความเคารพกันขนาดนี้เลยหรือ แถมยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบเดียวกันอีก
สูทดำทั้งตัว และมีพินหนีบเนกไทสีทองตัว V
น่าจะหมายถึง V GROUP...
พนักงานส่วนมากเป็นผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเห็นผู้หญิง ยกเว้นเวลาไปหาเวกัสที่บริษัท อาจจะเป็นเรื่องปกติของธุรกิจรับเหมาครบวงจรประเภทนี้
"สวัสดีครับคุณข้าวปั้น รอบนี้เราบินไปฮ่องกงสามวันครับ" คีรีตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
หญิงสาวพยักหน้ารับ ประจวบเหมาะกับเวกัสเดินตามมายืนข้างๆ พอดี จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
"ทานมื้อเช้ากันมาหรือยังคะ?"
"พวกเราทานเรียบร้อยแล้วครับ" ทันทีที่คีรีตอบกลับมา พนักงานคนอื่นๆ ก็ก้มหน้าโค้งขอบคุณเธออีก
ขอบคุณทำไม ขอบคุณที่เธอถามเนี่ยนะ?
"พี่ต้องไปขึ้นเครื่องแล้ว มีอะไรโทรมาได้ตลอดเวลานะครับ"
มือหนาของสามีรั้งเธอมาจูบหน้าผากแนบชิดต่อหน้าลูกน้องคนอื่น คนตัวเล็กหน้าแดงไม่คุ้นชินกับการแสดงออกต่อหน้าคนอื่นของเขาเสียที
"จูบพี่หน่อย..." ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้จนปลายจมูกชิดกัน
ดวงตากลมโตแอบชำเลืองมองไปยังคีรีและคนอื่นๆ ก็เห็นว่าลูกน้องเขาพร้อมใจกันกลับหลังหันเคลียร์ทางให้แล้ว
จุ๊บ!
"อื้อ..."
ริมฝีปากนิ่มจุ๊บปากอุ่นแผ่วเบา ก่อนจะร้องประท้วงเมื่อฟันคมของสามีกัดปากล่างเธอจนเจ็บแปลบ
"ฝากง้อไข่หวานให้พี่ด้วย พี่จะรีบกลับมาให้ทันงานวันเกิดลูก"
"ทันแน่นะคะ รอบนี้ลูกสี่ขวบนะ"
เวกัสอยู่ในวันเกิดลูกทุกปี หากปีนี้คนเป็นพ่อไม่อยู่ ลูกสาวคงแผดเสียงร้องไห้งอแงทั้งคืน
"พี่จะรีบกลับมา..."
═══☆♡☆═══