ทันทีที่รถยุโรปคันสีดำขับออกจากคฤหาสน์หรู บรรยากาศอบอุ่นที่เคยสัมผัสได้จากเจ้าของร่างสูงก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็นสุขุม
เวกัสยกมือขึ้นมากอดอกเสมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงประโยคที่ทำให้ลูกน้องคนสนิทซึ่งทำหน้าที่คนขับรถอยู่เกิดความรู้สึกกังวลใจ
“เมื่อคืนข้าวปั้นบอกว่าเห็นคนของเราขับรถวนรอบบ้าน คราวหลังระวังตัวกันมากกว่านี้”
ผู้เป็นเจ้านายออกปากเตือนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คาดเดาความรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังโกรธหรือแค่เป็นห่วงว่าความลับที่ปกปิดมาตลอดหกปีจะเปิดเผย
“ขอโทษครับนาย ผมจะบอกคนของเราให้ระวังตัวมากกว่านี้”
คีรีกดใบหน้าลงแสดงความรู้สึกผิดออกมาผ่านกระจกหลัง ซึ่งเวกัสก็เหลือบมองมันเพียงชั่วครู่เท่านั้นและเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“หวังว่าบอดีการ์ดที่ขึ้นมาแทนชุดเก่ารอบนี้จะมีชีวิตอยู่เกินครึ่งปี” เขาเหนื่อยที่จะตอบคำถามภรรยา เวลาเธอถามถึงบอดีการ์ดชุดเก่าที่เขาเคยโกหกว่าเป็นลูกน้องที่บริษัท
‘คุณบีมไปไหนเหรอคะ ปั้นไม่เห็นเขามาบ้านเราสักพักแล้ว’
คำถามใสซื่อของภรรยาในวันนั้นทำให้เขาเงียบไปครู่ใหญ่
บีมคือลูกน้องคนสนิทอีกคนที่เขาเคยทำงานด้วย
หากคีรีคือสายทำงานเคียงข้างไปด้วยกันทุกที่ตลอดสิบปี บีมก็คือหน่วยข่าวกรองที่ไม่มีใครแทนได้ เวกัสบอกภรรยากับลูกสาวว่าทุกคนในเครือข่ายมาเฟียของเขาเป็นพนักงานของเพกาซัส ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชัน บริษัทออกแบบและรับเหมาครบวงจรที่มีตึกอยู่ใจกลางกรุงเทพสูงกว่า 88 ชั้น
บริษัทที่ถูกจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รับงานปีละไม่กี่สิบงานเอาไว้หลอกภรรยากับบรรดาญาติของเธอ แท้จริงแล้วที่นั่นไม่ต่างจากรังมาเฟีย สามสิบชั้นแรกและชั้นบนสุดคือม็อคอัพเอาไว้หลอกภรรยา อีกห้าสิบกว่าชั้นด้านบนเป็นที่พักอาศัยซึ่งเป็นสวัสดิการขององค์กร
เมื่อภรรยากับลูกถูกพาไปที่บริษัท เหล่าบอดีการ์ดทั้งหมดก็จะสวมบทบาทพนักงานออฟฟิศเพื่อให้ข้าวปั้นสบายใจ
เขาหลอกเธอได้ห้าปี แต่มั่นใจว่าจะไม่มีอะไรทำให้เมียของเขารู้ว่าหน้าที่การงานของเขาคืออะไร
‘บีมลาออกไปแล้ว’
‘ว้า~ ไม่ได้บอกลากันเลย ถ้าลูกรู้คงเสียใจแย่ รายนั้นชอบเล่นกับคุณบีมด้วย’
‘พี่ก็ไม่ได้ลาเหมือนกัน’
‘อ้าว…’
‘บีมทำงานวันสุดท้ายตอนที่พี่อยู่อิตาลี’
หนึ่งในคำโกหกที่เขาบอกภรรยาในวันนั้น
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”
คีรีเอ่ยถามขึ้น หลังจากรู้สึกว่าการสนทนาระหว่างตนเองกับเจ้านายเงียบลงกะทันหัน
“เดือนนี้โอนเงินให้ที่บ้านไอ้บีมมันหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับ…นายคิดเรื่องไอ้บีม?”
“ไม่มีอะไร…”
บีมที่เป็นบอดีการ์ดสายข่าวกรองถูกพบเป็นศพอยู่ที่ป่าข้างทางในฮ่องกง สาเหตุการเสียชีวิตเป็นที่รู้กันว่าเกิดจากการยิงระยะไกลและอาวุธก็คือสไนเปอร์ เพราะเวกัสระแคะระคายว่ามีใครบางคนกำลังวางแผนลอบทำร้ายเขา จึงส่งให้ลูกน้องคนสนิทจัดการ
แต่บีมกลับถูกองค์กรนักฆ่าอิสระอย่างโกสท์เล่นงาน
การตายของลูกน้องเขาไม่เสียเปล่า เพราะข้อมูลที่บีมหามาได้ทั้งหมดถูกแอร์ดรอปมาที่เขาก่อนเวลาเสียชีวิตของลูกน้องเพียงห้านาที ทั้งพิธีศพและเรื่องของบีมถูกเก็บเป็นความลับภายในองค์กร ไม่มีใครรับรู้การจากไปของเขา แม้แต่พ่อแม่
เงินเดือนทั้งหมดของบีมถูกโอนเข้าบัญชีของพ่อแม่ทุกเดือน และเวกัสคิดจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ตลอดอายุขัยของพ่อกับแม่ลูกน้องคนสนิท เป็นการทดแทนที่ไม่สามารถเอาชีวิตลูกชายคนเดียวของพวกท่านกลับมาจากความตายได้
════♡════
การเจรจาธุรกิจขอเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากกำไรรายปีกับเดอะวิคตอรีผ่านไปได้ด้วยดี ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาคุยกับคนอย่างมาร์ติน แม็กคาร์ตนีย์ด้วยตนเอง
“ไอ้เหี้ย ที่คุยวันนี้ก็เหมือนกับในเอกสารที่ลูกน้องกูส่งมาให้ ทำไมไม่เซ็นให้จบๆ ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว”
เสียงทุ้มสบถใส่เพื่อนด้วยความหงุดหงิด แก้วรัมสีน้ำตาลเข้มถูกยกดื่มเกินครึ่งหนึ่ง
ส่วนคนถูกด่าก็หัวเราะแล้วยกแก้วของตนเองดื่มตาม ต่างกันตรงที่มาร์ตินยกดื่มจนหมดเหลือเพียงน้ำแข็งบอลนอนกลิ้งอยู่ในแก้ว
“แค่อยากหาเพื่อนดื่ม”
“ห่า มะรืนวันเกิดลูกกู”
“มีลูกมันดีไหม?”
“ดี ลูกกูน่ารัก สวยเหมือนแม่…” ยกยอเมียกับลูกจบก็สะดุดใจกับคำถามนั้น “มึงอยากมีลูก?”
“ก็คิดว่าจะมี…เดือนหน้ามางานครบรอบสามสิบปีของเดอะวิคตอรีสิ จะแนะนำให้รู้จัก”
“ชื่ออะไร? กูรู้จักไหม?”
“ชื่อวี วีนัส แอนเดอร์สัน”
“ไม่รู้จัก” เขาปฏิเสธออกไปทันทีที่ได้ยินชื่อ
ไม่คิดว่าคนอย่างมาร์ติน แม็คคาร์ตนีย์จะคบกับคนธรรมดาที่ไม่เป็นที่รู้จักในแวดวงการใดวงการหนึ่ง
“ไม่รู้จักก็ดี ถ้าคนอย่างมึงรู้จัก แปลว่าคนอื่นก็ต้องรู้จักวีเหมือนกัน”
คำพูดคำจาจากเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนทางธุรกิจทำให้เวกัสเงียบลง วีนัสคงเป็นผู้หญิงที่มาร์ตินพยายามซ่อนจากอะไรบางอย่างถึงได้มีคำพูดแบบนั้นออกมา
แต่ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องของเขา
“งั้นกูกลับก่อน พรุ่งนี้จะไปดิสนีย์แลนด์” เวกัสเอ่ยลาสั้นๆ พร้อมกับหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง ใช้สองมือติดกระดุมเสื้อสูทที่แกะออกตอนนั่งให้เข้าที่เข้าทาง
“โตเป็นควายแล้วไปทำส้นตีนอะไรที่ดิสนีย์แลนด์”
“ซื้อของขวัญวันเกิดให้ลูกไอ้เวร กูไปล่ะ”
มือเรียวยกมือโบกลาเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไป โดยมีบอดีการ์ดประกบหัวท้ายรักษาความปลอดภัยอีกที
════♡════
ภายในห้องพักโรงแรมหรูเครือลูซโซ ซึ่งเป็นกิจการที่นักธุรกิจหนุ่มถือหุ้นส่วนอยู่ด้วยไม่ต่างจากกาสิโนอย่างเดอะวิคตอรี
ลูซโซ เวิล์ดไวด์ เป็นธุรกิจที่พักและโรงแรมจากตระกูลรูซโซ ภายใต้เจ้าของและผู้นำตระกูลมาเฟียอย่างราฟาเอล และมีเซนน้องชายต่างมารดาของราฟาเอลเป็นผู้บริหารเบ็ดเสร็จในเขตเอเชีย
ปึก!
เสียงสิ่งของบางอย่างหล่นลงพื้น ทำให้เวกัสต้องเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าต้นเสียงเมื่อครู่เกิดจากลูกแก้วกลมใสหลุดออกมาจากปากรูปปั้นมังกรที่ถูกวางตกแต่งในห้องนอน
ร่างสูงจึงย่อการก้มลงเก็บอย่างช่วยไม่ได้ แบบนี้พนักงานโรงแรมคงคิดว่าเป็นฝีมือของเขาแหง
เพล้ง!
ปัง!
เสียงกระจกแตกดังขึ้น ก่อนที่จะตามด้วยเสียงกระสุนพุ่งเฉียดสีข้างตนเองกระทบรูปปั้นมังกรจนส่วนศีรษะแตก
“เหี้ยเอ้ย...” มาเฟียหนุ่มหมอบลงกับพื้น สบถด้วยความเจ็บใจ
สไนเปอร์…
เวกัสรีบหนีเข้าไปอยู่ด้านหลังตู้ข้างทีวี มองจากตรงนี้เขามั่นใจว่าลำกล้องถูกเล็งมาจากตึกฝั่งตรงข้าม เพียงแต่ตึกมันมีมากจนไม่รู้ว่ามาจากตึกไหน
ก่อนอื่นเขาต้องปิดผ้าม่านก่อน…
คิดได้ดังนั้นจึงค่อยๆ คลานผ่านมุมอับสายตาไปใกล้ผ้าม่าน จัดการรูดปิดป้องกันไม่ให้มือสไนเปอร์ระบุพิกัดของตนเองได้ และรีบต่อสายหาลูกน้องที่อยู่อีกชั้นทันที
(ครับนาย)
“มึงไม่ได้ยินเสียงปืน?” เขาสบถอย่างหัวเสีย
(ปืน? นายปลอดภัยใช่ไหมครับ?)
ตอนนี้ทั้งปวดแผลจากการโดนยิงจนเริ่มหอบ แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มกับมาร์ตินในตอนเย็นทำให้ความดันสูงจนเลือดไหลออกมาเยอะกว่าปกติ
น้ำเสียงตกใจของลูกน้องดังออกมาจากปลายสาย เวกัสได้ยินเสียงดังจากอีกฝั่งสลับกับเสียงวิ่งไปมาในห้องราวๆ ห้านาที
“มึงทำอะไร?”
(ขอโทษครับนาย ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ)
มิน่าถึงไม่ได้ยินเสียงปืน...
“มันอยู่ตึกตรงข้าม แต่กูไม่รู้ว่ามาจากตึกไหน”
(ผมส่งข้อความให้ลูกน้องเราขึ้นไปตรวจสอบแล้วครับ คาดว่ามันอยู่ที่ดาดฟ้าตึกฝั่งทิศใต้ติดอ่าววิคตอเรีย คงคิดจะหนีกันทางเรือ)
เวกัสคลี่ชายผ้าม่านสีขาวมองไปยังตึกที่ว่า ทันทีที่ปล่อยชายผ้าม่านลงคีรีก็รายงานความคืบหน้าให้เขาทราบ
(จัดการแล้วครับนาย รอบนี้มันมาคนเดียวเลยไม่ทันระวังตัว อีกไม่เกินห้านาทีแพทย์จากทีมเราจะไปถึง)
“มึงไปจัดการบนดาดฟ้าให้เรียบร้อย แล้วกลับมาให้คำตอบกูว่าคราวนี้พลาดเพราะอะไร”
นิ้วเรียวกดวางสายด้วยความหงุดหงิด ยิ่งโมโหความดันก็ยิ่งสูงขึ้นจนทำให้เลือดไหนออกมาไม่หยุด ภาวะเสียเลือดมากทำให้สติสัมปชัญญะค่อยๆ เลือนราง
ทั้งๆ ที่เขาเองก็ระวังไม่ให้ตนเองได้รับบาดแผล เพื่อที่จะไม่ต้องตอบคำถามเมีย แต่การปกปิดเรื่องการเป็นมาเฟียทำให้บอดีการ์ดต้องทำงานด้วยความระมัดระวังไม่ให้ข้าวปั้นระแคะระคาย ความสูญเสียและข้อผิดพลาดจึงมีเยอะขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
════☆♡☆════