“แต่ข้าก็ไม่อยาก...” นางตั้งใจจะเอ่ยวาจาเปลี่ยนใจเพื่อชื่อเสียงของตัวเขาเองแต่เขากลับไม่ยอมให้นางได้เอ่ยวาจาต่อ
มือใหญ่จับยึดคางนางเอาไว้ไม่ให้หลบหลีก ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าไปด้านในอย่างง่ายดายเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันหยอกเย้าอ่อนโยนก่อนจะบดขยี้ระคนรุกเร้าอย่างเอาแต่ใจ
“อื้อ!” สัมผัสเร่าร้อนนั้นทำให้นางแทบลืมหายใจ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวและสั่นไหว
“หากเจ้ายังคิดเกลี้ยกล่อมข้า ข้าคงต้องช่วยอุ่นเตียงให้เจ้ามั่นใจในตัวข้าเสียแล้ว” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างหูนางก่อนจะอ้าปากงับใบหูนางคล้ายกับต้องการสะกดกลั้นความปรารถนาที่มีต่อนาง
การร่วมรักที่เกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดในตอนนั้น น่าจะทำให้นางเจ็บตัวและรู้สึกเข็ดหลาบ จึงไม่
พลั่ก! พลังสายหนึ่งซัดเข้าใส่บุรุษชุดดำสองคนที่จับตรึงนางเอาไว้ให้เป็นเป้านิ่ง “รุ่ยเย่ รุ่ยถง พวกเจ้ามาได้อย่างไร” “ดียิ่งนัก นัดบุรุษสองคนเข้ามาในจวน สวมหมวกเขียวเหยียดหยามศักดิ์ศรีบุตรชายข้า พวกเจ้าจัดการพวกมันให้หมด เหลือสะใภ้ชั่วช้าของข้าเอาไว้ ข้าจะเป็นคนทำให้นางตายทั้งเป็นเอง” “คงมีแต่คนจิตใจสกปรกเช่นหลวนฟูเหริน ถึงได้คิดเรื่องเช่นนี้ออก” บุรุษชุดดำสี่คนพุ่งตัวเข้าไปหมายจะจัดการบุรุษสองคนที่เพิ่งมา แต่ดูเหมือนวรยุทธ์ไม่อาจเทียบชั้นได้ สุดท้ายจึงล้มลงไปกองกับพื้น ทั้งหมดกระอักเลือดออกมาไม่อาจลุกขึ้นได้อีก “คนของจวนโหววรยุทธ์ราวกับแมวสามขา[1]เช่นนี้จะปกป้องนางได้อย่างไร”
“ไม่ยอมดื่มสุราคารวะ ชอบสุราลงทัณฑ์[1] ข้าให้คนมาเชิญเจ้าไปสนทนาดี ๆ ไม่ยอมไป อยากให้ข้าสั่งลงโทษหรืออย่างไร” ท่าทีร้ายกาจไร้ความสำนึกผิดของคนตรงหน้าทำให้นางนึกเสียใจที่ช่วยเกลี้ยกล่อมบุตรชายของอีกฝ่ายไป ‘เปลืองน้ำลายเสียจริง’ คิดว่าพอได้ยินบุตรชายจะย้ายออกจากจวนแล้วจะมีท่าทีอ่อนลงเสียอีก เฮอะ! หากเป็นเช่นนี้ก็สมควร “พบคนรู้ใจ ดื่มพันจอกยังว่าน้อย สนทนาไม่ถูกคอแค่ครึ่งคำยังว่ามากเกินไป ดูแล้วท่านกับข้าควรอยู่ในที่ของตนเองจึงจะเหมาะสม” “เจ้ามันชั่วช้า ต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ ที่ยุยงให้บุตรชายข้าย้ายออกจากจวน” “หลวนฟูเหรินข้าไม่ทราบนะเจ้าคะ ว่าเหตุใดท่านจึงได้จงเกลียดจงชังข้ามากเช่นนี้ แต่ท่านจงเชื่อมั่นในบุตรชายที่ตนคลอดมา ว่าเขาหาได้โง่เขลา ดังนั้นสตรีเช่น
“แต่ข้าก็ไม่อยาก...” นางตั้งใจจะเอ่ยวาจาเปลี่ยนใจเพื่อชื่อเสียงของตัวเขาเองแต่เขากลับไม่ยอมให้นางได้เอ่ยวาจาต่อ มือใหญ่จับยึดคางนางเอาไว้ไม่ให้หลบหลีก ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าไปด้านในอย่างง่ายดายเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดพัวพันหยอกเย้าอ่อนโยนก่อนจะบดขยี้ระคนรุกเร้าอย่างเอาแต่ใจ “อื้อ!” สัมผัสเร่าร้อนนั้นทำให้นางแทบลืมหายใจ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวและสั่นไหว “หากเจ้ายังคิดเกลี้ยกล่อมข้า ข้าคงต้องช่วยอุ่นเตียงให้เจ้ามั่นใจในตัวข้าเสียแล้ว” เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างหูนางก่อนจะอ้าปากงับใบหูนางคล้ายกับต้องการสะกดกลั้นความปรารถนาที่มีต่อนาง การร่วมรักที่เกิดขึ้นเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดในตอนนั้น น่าจะทำให้นางเจ็บตัวและรู้สึกเข็ดหลาบ จึงไม่
“อ่า...ท่านคงไม่ได้กลัวข้าไปทำร้ายนางเพราะยังอาลัยอาวรณ์คุณชายรองเจียงหรอกใช่หรือไม่” ในความทรงจำก็พอจะมีเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เขาเข้าใจผิดแล้วที่นางทำเช่นนั้นก็เพราะคำสั่งของบิดาที่อยากได้ตระกูลแม่ทัพมาสนับสนุนการก่อกบฏ พรึ่บ! เขาดึงรั้งเอวคอดกิ่วของสตรีที่นั่งด้านข้างมานั่งตักก่อนจะจับคางมนบังคับให้นางเงยหน้าขึ้นมอง “ย่อมใช่! ครานั้นมีใครบ้างในแคว้นฉินต้าหวงจะไม่ทราบว่าเจ้าพึงใจคุณชายรองเจียงมากเพียงใด แค่เพียงแมลงตัวเมียบินผ่านเจ้ายังโมโหร้ายฟาดแส้ใส่เลย” “ท่านก็กล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าแยกแยะไม่ได้หรอกว่าแมลงตัวไหนตัวเมียหรือตัวผู้” “แต่อย่างไร เรื่องที่เจ้าหวงแหนคุณชายรองเจียงมากเป็นเรื่องจริง”&
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าท่านใช้กระบวนท่าต่อสู้ ช่วยเหลือเฉ่าเหมย ข้าต้องขอบคุณมากนะเจ้าคะ” “เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ ข้าเพียงไม่ชอบเห็นบุรุษรังแกสตรี” “ท่านช่างคล้ายสหายคนหนึ่งของข้าเสียจริงเจ้าค่ะ นางชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี เก่งกาจกีฬาทุกชนิด เก่งยูโด แต่เปิดสำนักสอนเทควันโด” เหอซือซือที่เห็นประกายคะนึงหาบางอย่างยามที่อีกฝ่ายมองมาที่ตน จึงลองเอ่ยวาจาหยั่งเชิง “ท่านรู้จักยูโดและเทควันโด!” เหลียงจิ่วเม่ยขยับตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะจับมืออีกฝ่ายขึ้นมากุม ท่ามกลางความตกใจของคุณหนูจูและบุรุษหลายคนที่ลอบมองอยู่ “ย่อมรู้จัก ข้ายังรู้จักตั้นเกา[1] ถางกั่ว[2] ปิ่งกาน[3]หรือหั่วกัว[4]ที่ข้าชอบที่สุด”&
11 ในที่สุดก็ได้พบปะสหายเก่า งานเฉลิมฉลองการมีพระประสูติกาลองค์ชายน้อยทายาทองค์แรกในองค์รัชทายาทของแคว้นฉินต้าหวงถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ผู้ที่มาร่วมงานจึงมีเพียงเชื้อพระวงศ์และขุนนางที่มาพร้อมกับครอบครัว “ประเดี๋ยวลงจากรถม้าไป เจ้าจงระวังตัวด้วย” “เจ้าค่ะ” นางจำได้ไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งตนเองก็เคยเกิดเรื่องฉาวโฉ่ จนต้องรับโทษโบยจนถึงทุกวันนี้ โชคดีจริง ๆ ที่ตอนนั้นทำใจกล้าต่อรองแค่เดือนละสองไม้ พอผ่านถึงเดือนหลัง ๆ นางก็ไม่ค่อยเจ็บหนักเหมือนยามที่โดนในตอนแรก “เรื่องพวกนั้นผ่านพ้นไปแล้ว อย่าให้ใครนำอดีตพวกนั้นมาทำร้ายเจ้าได้” “เจ้าค่ะ ท่านอย่าได้กังวล ข้าจะรักษาตัวให้รอดแน่นอน ข้าสัญญา” เหลียงจิ่วเม่ยยิ้มก่อนจะจับมือเขามากุมไว้ คนผู้นี้พร่ำกล่าวเรื่องนี้ซ้ำ ๆ ตั้งแต่ก่อนออกจากจวนแล้ว หลังจากเขาเปิดปากบอกความรู้สึก นางก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและเขาแน่นแฟ้นขึ้นกว่าเดิม มองไ
“จิ้นฝาน แม่จะไม่ว่าลูกแล้ว แม่จะไม่บังคับลูกแล้ว อย่าได้แยกจวนออกไปได้หรือไม่” ที่นางทำไปทั้งหมดก็เป็นเพราะอยากให้บุตรชายได้มีฮูหยินที่ดี หาได้คิดประสงค์ร้ายต่อเขาไม่ “พี่จิ้น... ท่านผู้ตรวจการหลวน ได้โปรดเห็นใจท่านป้า ให้อภัยท่านป้าที่หวังดีกับท่านเถิดนะเจ้าคะ” “ใครก็ได้พาคุณหนูฉู่กับบ่าวสองคนนั้นไปส่งให้กับคนของนายอำเภอฉู่ที่รออยู่ด้านนอก” เป็นท่านโหวที่เอ่ยสั่ง “ขอรับ” หลี่ช่านตอบรับก่อนจะโบกมือให้บ่าวรับใช้เข้าไปพาตัวคุณหนูฉู่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นออกไปจากห้อง “ข้าไม่ไป ท่านป้าช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้ายังไม่อยากกลับเมืองเพ่ยหลิง” หากกลับไปบิดาต้องลงโทษนางแน่นอนที่ทำเรื่องพลาด ใ
“ไร้ยางอาย ข้ายื่นหัวโด่อยู่ตรงนี้ เจ้ายังกล้าทำเรื่องบัดสีกับบุตรชายข้าอีก” สิ้นเสียงของมารดาทำให้โหวซื่อจื่อถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะยอมปล่อยฮูหยินของตนแต่โดยดี “ท่านแม่กล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกนะเจ้าคะ ข้ากับท่านพี่กราบไหว้ฟ้าดินกันอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ทั้งยังมีราชโองการมอบสมรสพระราชทานเป็นหลักฐานว่าข้ากับเขาเป็นสามีภรรยากันแล้ว และที่นี่ก็เป็นเรือนหอของข้าและเขาที่ท่านเป็นคนจัดเตรียมเอาไว้ให้ ดังนั้นต่อให้พวกข้าจะร่วมรักกันในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือไร้ยางอายอันใด เป็นท่านต่างหากที่โผล่เข้ามาในห้องหอของผู้อื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน” “พี่สาว ท่านอย่าได้ต่อว่าท่านป้าเลยเจ้าค่ะ ท่านป้าเพียงร้อนใจอยากทวงคืนความยุติธรรมให้ข้า” ฉู่เหลียนฮวาที่มีสีหน้าอิดโรยเดินตามเข้ามา “เจ้าเรียกข้าพี่สาว เจ้าเป็นสตรีของ
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ ท่านพี่ช่างใจดีกับข้า แม้จุดเริ่มต้นของเราจะไม่ดี แต่ยามนี้ข้ารู้สึกโชคดีเหลือเกินที่ได้แต่งกับท่าน” แหม...เอ่ยวาจาไปก็กระดากปากไป หากไม่ติดว่าคนของเหลียงอ๋องกำลังลอบดูอยู่นางคงไม่เอ่ยวาจาเช่นนี้ “เรื่องในอดีตเจ้าอย่าได้ใส่ใจ ข้าไม่ถือสา หวังแต่เพียงวันหน้าเราจะยังอยู่เคียงข้างกันเช่นนี้” กล่าวจบก็มองนางด้วยแววตาหวานซึ้ง “รีบรับสำรับกันเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะไม่ทันจับจ่ายซื้อของ” เหลียงจิ่วเม่ยรีบตัดบทพลางนึกอยากลูบแขนตัวเองที่ขนลุกชันเพราะวาจาหวานหยดย้อยราวกับคนรักกัน หากไม่เพราะก่อนหน้านี้เขาเสนอว่า เมื่อคนของเหลียงอ๋องเห็นว่านางเป็นที่โปรดปรานของสามี คนพวกนั้นย่อมจะเห็นว่านางมีประโยชน์และสามารถใช้งานจากตระกูลหลวนได้ ชีวิตของนางก็จะยังปลอดภัยได้อีกสักระยะ&nbs