“พี่เธียรครับ วันนี้มีคนมารอพบพี่อีกแล้วครับ” ธาวินรายงานบอกทันที ที่เห็นหนุ่มเจ้าของไร่เดินกลับมาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวกว่าทุกวัน
เดิมทีธาวินจะเรียกเขาว่าคุณ แต่เพราะดูห่างเหินมากเกินไป และอยู่บ้านชายคาเดียวกัน แถมโตตามกันมา เขาเลยให้เรียกว่าพี่ จะได้ดูสนิทกัน
“คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ สินะ” เธียรวัฒน์พูดขึ้น พร้อมกับถอนหายใจอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องเดิม ๆ เขาก็เดาได้ทันที เพราะแต่ละวันจะมีแต่หญิงสาวเข้ามาหาเขาไม่เว้นในแต่ละวันอยู่แล้ว บ้างก็มาเสรอตัวให้ถึงที่ แต่เขาจะปฏิเสธคนที่เข้ามาทุกราย เพราะไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวายตามมาทีหลัง และคนที่เขาพร้อมปรนเปรอในที่แห่งนี้ หญิงคนนั้นต้องเป็นแม่ของลูกเขาเท่านั้น
“แต่คนนี้มาแปลกมากกว่าคนอื่น ๆ ครับ” ธาวินพูดพร้อมกับเอานิ้วแตะที่ปลายคาง เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง
“แปลก? แปลกยังไงว่ะ!?” เธียรวัฒน์เลิกคิ้วหันมาถามทางธาวินขึ้นมาทันที เมื่อลูกน้องคนสนิทรายงาย
“พี่ไปเจอเองก็น่าจะรู้ครับ ตอนนี้ผมให้น้องเขานั่งรอข้างในออฟฟิศของพี่แล้ว” ธาวินเลี่ยงที่จะตอบออกไปตามตรง จึงได้แต่บอกให้เจ้านายเจ้าของไร่ เข้าไปดูด้วยตาตัวเอง
“น้อง! มึงไปมีน้องตอนไหนอีกไอ้วิน” เจ้านายหนุ่มตวาดเสียงลั่นมองธาวินตาขวางขึ้นมาทันที เพราะเท่าที่รู้ ชายหนุ่มเองก็เป็นลูกคนเดียว แถมยังกำพร้าพ่อของเขาจึงเลี้ยงดูมา เพราะพ่อของชายหนุ่มเคยเป็นลูกน้องของพ่อเขามาก่อน
“เปล่าครับ ผมแค่เรียกแทนตัวน้องเขาครับ เพราะดูแล้วเธอคงจะอายุน้อยกว่าผมมากอยู่” ธาวินโค้งศีรษะลง พร้อมกับคำแก้ต่างออกไป
“กูไม่เคยรู้จักคนที่อายุน้อยกว่ามึงเป็นการส่วนตัวน่ะ มึงก็น่าจะทราบเรื่องนี้ดี” เพราะหญิงสาวที่เขารู้จักส่วนใหญ่จะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา หรืออายุราว ๆ กับธาวิน เขาไม่ชอบเด็กสาว เพราะเด็กชอบเอาแต่ใจตัวเอง
“พี่ไปเจอ ก็จะรู้เองแหล่ะครับ” ทำไมธาวินจะไม่ทราบ ว่าเจ้านายหนุ่มของเขาเป็นแบบไหน เพราะโตมาด้วยกันเขาย่อมรู้ดี ว่าเธียรวัฒน์ชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน
“หัวบันไดไม่เคยแห้งเลยจริง ๆ พี่เธียรเรา ไม่รู้ว่าคุณท่านเลี้ยงมาด้วยอะไร โตมาถึงเสน่ห์แรงขนาดนี้ แต่แปลกจนอายุปูนี้แล้วก็ยังครองโสดอยู่ ไม่ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นสักที” ธาวินพูดไล่หลังเสียงเบา เมื่อเจ้านายหนุ่มกำลังสาวเท้ายาวก้าวไปได้เพียงไม่กี่ก้าว
“มึงนินทาอะไร กูได้ยินน่ะ” เธียรวัฒน์หันมาตวาดเสียงใส่ทันที
“ขอโทษครับพี่เธียร แฮร่ ๆ ดูแลแขกดี ๆ ล่ะพี่ ผมไปดูคนงานก่อน”
ธาวินรีบเดินออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้ทันที เพราะสายตาเจ้านายหนุ่มที่เอาจริงกว่าครั้งไหน ๆ
ทันทีที่เข้ามาภายในสำนักงานของตัวเอง ก็ต้องพบกับความเงียบมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ทำงาน และสายตาก็มองไปเห็นบนโซฟาตัวยาวมีหญิงสาวร่างบอบบาง ผิวขาวใสเนียนสะอาดสะอ้าน นอนหลับอยู่อย่างสนิท โดยไม่ได้รับรู้ถึงการมาเยือนของหนุ่มเจ้าของไร่เลยแม้แต่น้อย
เธอเป็นใครกัน ถึงกล้ามาหลับในสถานที่ ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ทำไมเธอถึงกล้าไว้ใจคน นอนหลับง่าย ๆ ได้ลงคอ
เธียรวัฒน์เดินเข้าไปหาร่างบางที่หลับสนิทอยู่บนโซฟานั้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้สงเสียงเอ่ยอะไรออกมา เพื่อได้เห็นหน้าหญิงสาวชัด ๆ
ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะนั่งลงข้าง ๆ มองสำรวจหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะลงมาจรดปลายเท้า ใบหน้าขาวใสจิ้มลิ้มหน้าหลงใหลแก่สายตาของเขายิ่งนัก
“อื้อ...” เสียงครางร้องอู้อี้ออกมา เมื่อถูกสิ่งรบกวนในการหลับพักผ่อนของเธอ
เธียรวัฒน์รีบชักมือกลับดีดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองหญิงสาวผู้มาเยือน ที่กล้ามานอนหลับในที่ของเขา
“เอ่อ...”
“คุณเป็นใคร เราไม่เคยรู้จักกันทำไมถึงมาหาผมถึงที่นี่ได้” เธียรวัฒน์ยิงคำถามรัว ๆ ใส่หญิงสาวทันที ที่เธองัวเงียตื่นขึ้นมา
“คุณคือคุณเธียรวัฒน์สินะ”
“แล้วคุณคิดว่าไง” เขาเลิกคิ้วมองอย่างหยั่งเชิงเธอ
“ฉันชื่อพัชชานะคะ” หญิงสาวเอ่ยแนะนำตัวขึ้นทันทีอย่างรู้สึกประหม่า
“ผมไม่ได้อยากรู้ว่าคุณชื่ออะไร แต่ผมเพียงอยากทราบว่าคุณมาที่นี่ทำไม เพราะเราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว” เธียรวัฒน์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตัดเยื่อใย
“ฉันชอบที่นี่ค่ะ เห็นคนในเมืองบอกว่ามีไร่ส้มอยู่แถวนี้ ฉันอยากเห็นเลยให้คนพาเข้ามาชมดูค่ะ” เธอเอ่ยบอกขึ้นมาตามตรง
“...”
“คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ใช่พวกเน็ตไอดอลมาทำคอนเทนต์อะไรทั้งนั้น ที่มาที่นี่ก็เพื่อชอบ และอยากเห็นเพียงเท่านั้น ไม่มีเจตนาอื่นจริง ๆ ค่ะ” ศิริพัชชารีบอธิบายให้คนร่างสูงตรงหน้าฟังทันที เพราะเกรงว่าหนุ่มเจ้าของไร่จะเข้าใจผิดไปใหญ่
“ผมว่าที่นี่คงจะไม่เหมาะกับคนผิวบอบบางแบบคุณหรอกครับ และอีกอย่างที่ไร่ของผมก็ไม่ได้มีที่พักไว้รองรับแขกด้วย” เธียรวัฒน์บอกออกไป เพื่อให้หญิงสาวตรงหน้าล้มเลิกความคิดนั้น เพื่อที่เธออาจจะเปลี่ยนใจบ้าง
“เรื่องที่พัก คงไม่ต้องรบกวนคุณหรอกค่ะ ฉันพักที่รีสอร์ทข้าง ๆ ไร่คุณนี้เอง เพื่อจะได้สะดวกต่อการเดินทาง”
นอกจากเธอจะไม่ทิ้งความพยายามแล้ว เหมือนเธอยังมีความหวังท้าทายเขาอีก เขาละยอมใจผู้หญิงคนนี้จริง ๆ
“ที่นี่มีอะไรดีกัน แถมแดดก็ร้อน ผู้หญิงบอบบางแบบคุณถึงอยากรู้อยากเห็นนัก” เขาถามเธอขึ้นมาตามตรงอีกที เมื่อยังเห็นว่าหญิงสาวผู้นี้ยังคงยืนยันคำเดิม
“บอกตามตรงเลยนะคะ ฉันชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับส้มค่ะ แถมชอบทานมาก ๆ อีกด้วย”
“แปลกคนพิลึก” หนุ่มเจ้าของไร่ขมวดคิ้วมองเธออย่างงุนงง เพราะไม่รู้จะสันหาคำไหนมาพูดให้เธอล้มเลิกความพยายามนี้
“เท่าไหร่ค่ะ”
“...” เธียรวัฒน์เลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ที่ได้นินเธอพูดคำนี้ออกมา
“สำหรับค่าเสียเวลาที่คุณจะพาฉันเที่ยวชมไร่ของคุณคะ ว่าคุณจะคิดเท่าไหร่”
“อวดรวยเสียด้วย”
“ฉันไม่ชอบใช้งานใครฟรี ๆ คะ ค่าเสียเวลาของคุณเท่าไหร่ คุณประเมินค่ามาได้เลยค่ะ”
“ผมบอกว่าผมไม่ว่างล่ะ”
“พี่วินบอกว่าช่วงนี้คุณว่างค่ะ”
“พี่วิน!”
อะไรกันพึ่งเจอหน้ากันวันแรก กล้าเรียกไอ้วินว่าพี่ แล้วเขาละ อายุเยอะกว่ามันด้วยซ้ำ แต่เธอกลับเรียกคุณ ช่างห่างเหินเสียเกิน
แค่เราที่เคียงข้างกันก็สุขใจแล้ว(จบ) สามเดือนต่อมา“เป็นยังไงบ้างครับ...” เธียรวัฒน์ถามหญิงสาวผู้เป็นภรรยาขึ้น เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับที่ตรวจการตั้งครรภ์ ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักเท่าไหร่“ยังไม่ได้ตรวจเลยคะ” เธอเอ่ยตอบ พร้อมกับชูที่ตรวจครรภ์ในมือที่ถืออยู่ให้เขาดู เพราะเธอก็ยังไม่ได้แกะออกจากกล่องเลยด้วยซ้ำ“ทำไมละครับ” เขาได้แต่เลิกคิ้วถาม อย่างแปลกใจ“ประจำเดือนมาก่อนคะ เลยไม่ได้ตรวจ” หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มเจื่อน ๆ ส่งไปให้เขา“เฮ้อ!” เธียรวัฒน์ถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด อย่างหมดหวังทันที ก่อนที่จะเข้าไปประคองหญิงสาว แล้วพาเธอเดินออกมานั่งที่โซฟาแทน“พี่เธียร ถ้าพัชมีลูกให้พี่อีกไม่ได้ละคะ พี่...” เธอพูดขึ้นมาอย่างตัดเพ้อ เมื่อนั่งลงข้าง ๆ ที่โซฟากันกับเขา“พูดอะไรออกมาครับ วิธีแบบธรรมชาติไม่ท้อง ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีวิธีอื่นนะ เราค่อยไปพึ่งหมอเอาก็ได้นี้ครับ สมัยนี้หมอเก่งจะตาย น้องพัชไม่ต้องไปกดดันตัวเองหรอก” เธียรวัฒน์พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน ที่เธอจะตัดเพ้อยาวไปมากกว่านี้เขาดึงเธอเข้ามากอดแนบอกแกร่ง ก่อนที่จะลูบศีรษะของเธอเพื่อปลอบประโลม แล้วเอ่ยขึ้นมาปลอบ
ไม่คาดหวัง ก็ไม่ผิดหวังหนึ่งเดือนต่อมากรุงเทพมหานครวันนี้เธียรวัฒน์และศิริพัชชาเดินทางมาร่วมงานแต่งของสิทธิวัฒน์กับมัทนา ที่จัดถูกขึ้นภายในโรงแรมชุดสุดหรู และภายในงาน ก็ยังมีสื่อมวลชน และนักข่าวมากหน้าหลายตาจากหลายสำนัก เข้ามาร่วมในงานนี้อีกด้วยแถมเธอก็ยังเป็นอีกบุคคลหนึ่ง ที่ถูกสื่อจับตามองจากสื่อมวลชนทั้งหลาย แต่เธอก็ขอปฏิเสธ และไม่ขอให้การสัมภาษณ์ใด ๆ เพราะเธอเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินในการออกสื่อ และตอบคำถามของนักข่าวด้วย เธอทำได้เพียงแค่โพสต์ภาพของเธอและเธียรวัฒน์ลงบนโซเชียลมีเดียของเธอและเขาเพียงเท่านั้นซึ่งงานแต่งของเธอกับเธียรวัฒน์ก็ได้ฤกษ์เป็นอีกหนึ่งปีข้างหน้า เพราะปีนี้เธอขอให้พี่ชายได้จัดงานวิวาห์ไปก่อน เพราะเธอก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมาก แต่ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอนี่สิ ใจร้อนอยากจัดงานในเร็ววัน แถมขยันปั๊มลูกอีก แต่เธอก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ได้อีกครั้งเลย“พัชชา ไม่กลับไปค้างที่บ้านพ่อกับแม่หรือลูก” สุพัชชาถามลูกสาวขึ้นมา เมื่อพิธีการต่าง ๆ เสร็จสิ้นลงแล้ว และทุกคนรวมถึงแขกเหรื่อก็ทยอยกันกลับออกไปแล้วเป็นบางส่วน“คืนนี้ผมขออนุญาตคุณแม่พาน้องพัช ไปค้างที่คอนโดแทนละกันครับ
เซอร์ไพรส์วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน และจะเป็นวันสุดท้ายที่ศิริพัชชาจะทำงานในวงการนี้อีกแล้วด้วย เพราะต่อจากนี้ จะไม่มีศิริพัชชาอยู่ในวงการบันเทิงแล้ว“พี่วัฒน์ พี่มัท มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ แล้วมาได้ยังไง” ศิริพัชชายิงคำถามขึ้นมาทันที เมื่อเธอพึ่งจะลงมาจากชั้นบน และเห็นพี่ชายกับผู้จัดการส่วนตัวสาวของเธอ นั่งอยู่กับเธียรวัฒน์แล้ววันนี้เธอก็มีคิวถ่ายในช่วงบ่าย และตอนเย็นก็มีปาร์ตี้เลี้ยงฉลองปิดกล้องต่อเลย เธอจึงนอนตื่นสาย แถมเมื่อคืนก็แทบจะไม่ได้นอน เพราะเธียรวัฒน์สอนบทรักให้เธอกว่าจะจบก็เกือบเช้าแล้ว“พี่นั่งเครื่องมาสิครับยัยน้อง” สิทธิวัฒน์เอ่ยตอบน้องสาวสายตากวาดมองสำรวจดูน้องสาวเขาตอนนี้ สภาพจิตใจคงจะดีขึ้นมากแล้ว ดูจากหน้าตาที่ดูสดใสแถมร่างกายเธอเหมือนจะดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากว่าเก่า“แล้วนายจะขับรถกลับไหวเหรอไอ้วัฒน์...คุณมัทก็กำลังท้องอยู่ด้วย ระยาทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ” เธียรวัฒน์ถามขึ้นมา เพราะตอนกลับสิทธิวัฒน์ต้องขับรถกลับเอง ก็เขาเป็นคนเอารถเพื่อนมาเอง“ไหวสิ เหนื่อยก็แค่แวะพัก อยากพามัทไปเที่ยวบ้าง อุตส่าห์เคลียร์งานมาได้ ก็พาเมียมาฮันนีมูนเสียเลย” สิทธิวัฒน์เอ่ยตอบออกไปแบบ
ความพยายามสองร่างที่เปลือยเปล่า ยังคงคลอเคลียกันอยู่บนเตียงกว้าง ทามกลางแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงที่สาดส่องแสงสว่างเพียงเท่านั้น“พะ พัชก็อึดอัดคะพี่เธียร พัชขอทำเองได้ไหม” หญิงสาวเอ่ยขอเขาขึ้นมา ด้วยสายตาที่มองเขาอย่างอ้อนวอนช่างน่าสงสาร“น้องพัช” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยเรียกขึ้นมา พร้อมกับส่งสายตาพินิจมองเธอ เพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ได้ยินคำพูดหื่นห่ามออกมาจากปากของเธอเธอเป็นเด็กนักเรียนนอก ที่ไปอาศัยอยู่ต่างประเทศอยู่ 5-6 ปี และสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยลืมวัฒนธรรมไทยคือ วาจากริยาอ่อนน้อมถ่อมตน คำหยาบเธอแทบจะไม่เคยหลุดออกมาจากปากให้ใครได้ยิน แม่แต่คำพูดหื่นห้ามเมื่อครู่ ที่ร้องขอคนตัวโต ที่ขึ้นชื่อว่าสามี เธียรวัฒน์ก็พึ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อได้ยินคำเอ่ยขอจากปากของเธอ คนตัวโตที่คร่อมร่างบางอยู่ในขณะนี้ ก็จับพลิกตัวของเธอขึ้นมาอยู่ด้านบนร่างตัวของเขาแทนทันที โดยที่ร่างกายยังคงสอดอยู่เป็นหนึ่งเดียวกันไม่ยอมหลุด“ทำเลยครับเมียจ๋า เอาพี่ให้เสร็จไปเลย” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยบอกทันที โดยสายตาที่มองดูเธออย่างเจ้าเล่ห์ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำเช่นไรต่อ เธอจะกล้าทำอย่างที่เอ่ยขอหรือไม่ แล
ภารกิจปั๊มลูกทางด้านของพระเอกหนุ่มอย่างชนาวิชญฺ์เอง เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว ก็เดินออกมานั่งลงที่ประจำของตัวเอง โดยที่มีผู้จัดการส่วนตัวสาวของเขานั่งอยู่แล้ว“สามีพัชชาเขาเป็นใครกันหรือพี่ปลา” ชนาวิชญ์เอ่ยถามผู้จัดการส่วนตัวของเขาขึ้น เมื่ออยู่กันตามลำพังเพียงสองคน“เห็นว่าเป็นเจ้าของไร่ใกล้ ๆ นี่แหละ ไร่ส้มเธียรวัฒน์ และยังเป็นเพื่อนกับคุณสิทธิวัฒน์ด้วยนะ” ปาณิศา ผู้จัดการส่วนตัวของพระเอกหนุ่มเอ่ยบอกมาไปตามตรง เท่าที่เธอทราบมา เพราะเธอเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านี้เลยวัน ๆ เธอยุ่งอยู่แต่กับพระเอกหนุ่มอย่างชนาวิชญ์เกือบทุก 24 ชั่วโมง เธอไม่มีเวลาไปรับรู้เรื่องของคนอื่นหรอกนับตั้งแต่วันที่เธอได้รับหน้าที่ให้ดูแลชนาวิชญ์ เธอก็แทบจะไม่มีสังคมกับเพื่อนฝูงเลย เพราะงานที่เพิ่มขึ้น แถมเธอยังต้องคอยตามควบคุมพฤติกรรมของพระเอกหนุ่มคนนี้อีก“เฮ้อ...” พระเอกหนุ่มได้แต่ถอนหายใจยาว อย่างแก้เซ็ง“ตัดใจเสียเถอะวิชญ์ พัชชาเขามีเจ้าของแล้วนะ ส่วนนายก็ตั้งใจทำงานของนายไป ฉันเชื่อนะว่าสักวันนายจะเจอคนที่เหมาะสมกับนาย คนที่ใช่ เมื่อถึงเวลาก็จะมาหาเราเองแหละ” ปาณิศาได้แต่เอ่ยบอกให้พระเอกหนุ่มตัดใจจากนางเอกสาว
ตามเฝ้าเมื่อวันเวลาเดินทางมาถึงหนึ่งเดือนเต็มแล้ว ที่ศิริพัชชามาพักฟื้นสภาพจิตใจอยู่ที่ไร่แห่งนี้ ในฐานะภรรยาของเจ้าของไร่และวันนี้ศิริพัชชาก็ต้องกลับไปถ่ายละครต่อ กับคิวของเธอให้จบ โดยเป็นสถานที่ที่ต่างจังหวัดพอดี ซึ่งสถานที่ก็อยู่ใกล้ ๆ กันกับไร่เขาอีกด้วย“ถ้าพี่เบื่อ พี่ก็กลับไร่ไปก่อนก็ได้นะคะพี่เธียร แล้วพี่ค่อยมารับพัชตอนเย็นทีเดียวเลย” ศิริพัชชาเอ่ยบอก เมื่อเธียรวัฒน์ที่ตอนนี้นั่งหน้านิ่งไม่สบอารมณ์อยู่วันนี้เขาไม่ได้แค่มาส่งเธอที่กองเพียงอย่างเดียว แต่เขายังมานั่งเฝ้าเธออีกด้วย ไม่ยอมออกห่างเธอเลย จนกระทั่งจะถึงเวลาที่เธอต้องไปเข้าฉากแล้ว“ไม่กลับครับ พี่จะนั่งให้กำลังใจเมียอยู่ที่นี่แหละ” เขาปิดจอโทรศัพท์ลง แล้วหันมาเอ่ยปฏิเสธเธอออกไป เพราะเขาจะรอจนกว่าเธอจะทำงานเสร็จ แล้วค่อยกลับพร้อมกันการมาถ่ายละครต่อในครั้งนี้ มัทนาไม่ได้เดินทางมาดูแลเธอด้วย เพราะหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์อยู่ สามีอย่างสิทธิวัฒน์จึงไม่อนุญาตให้มา แต่จะพาเธอมาในวันเลี้ยงปิดกล้องทีเดียวเลย“แต่สัญญานะคะ ว่าจะไม่โมโหโกรธตอนพัชกำลังทำงาน” ศิริพัชชาเอ่ยถามเขาขึ้นมาเพราะฉากที่ยังถ่ายไม่เสร็จก็จะเป็นฉากจบของพระ