"ข้าล่ะอยากรู้ว่าท่านอ๋องจะยอมให้นายหญิงจ้าวอินหลัวนอนร่วมห้องจริงไหม…หรือว่าจะมี...ฉากบังคับให้นอนแท่นนอนเดียวกัน"“อวิ๋นเอ่อร์เบ้ปากข้าเดาว่าจะต้องให้นายหญิงของข้านอนข้างล่าง”“ข้างล่างไหน ข้างล่างเหมือนที่ภรรยาให้สามีนอนนะหรือ”“เจ้าเสี่ยวหม่าจอมลามกข้าหมายถึงท่านอ๋องเจ้าจะต้องบังคับนายหญิงข้านอนด้านล่างต่ำลงมาแต่ตัวท่านอ๋องนอนบนแท่นนอน” เสี่ยวหม่ากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่เยว่หรงเพิ่งเดินมาสมทบ ยืนกอดอกมองสองคนที่ตะแคงหูแนบกำแพง"พวกเจ้าสองคน…ไม่มีธุระอะไรในชีวิตแล้วหรือไง""มีสิ ธุระของข้าคือตามดูชีวิตรักของเจ้านายให้ครบทุกฉาก" เสี่ยวหม่ากระซิบเสียงเคร่ง อวิ๋นเอ่อร์หันมา พร้อมกับเสี่ยวหม่าหันกลับมาตามเพราะรู้สึกเสียงไม่คุ้นหูและเห็นเยว่หรง ตกใจแทบสิ้นสติ ทำท่าตกใจถอยไปข้าฟังบ้าง”“องค์หญิงขอรับข้าน้อยว่า ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้วเข้าไปในห้องเลยขอรับ ถามซะให้รู้ว่า…จะนอนร่วมห้อง กันจริงหรือเปล่า""หาาา ใครจะไปกล้าเล่า" เยว่หรงเบิกตากว้าง "งั้นเจ้าเข้าไปสิ เสี่ยวหม่า ทำทีว่าไปดูว่าผ้าห่มพอไหม จะได้สอดแนมด้วยเลย"อวิ๋นเอ่อร์ชี้ เสี่ยวหม่าสะดุ้งถอยหลังหนึ่งก้าว"โอ๊ย ข้าไม่เอาหรอก ถ้าเข้าไป
"หืม"กงหานเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่วางถ้วยซุปลงในอุ้งมือ"นางเป็นหญิงสาวที่บอบบาง อ่อนแอ เห็นแล้วก็อดสงสารมิได้ หม่อมฉันเกรงว่า…นางจะทนความโหดหินของอ๋องหลี่มิไหว"สายตาของกงหานฮ่องเต้ทอดผ่านปลายจอก ตกกระทบลงบนแสงเทียนริบหรี่ ก่อนจะทอดเสียงราบเรียบแต่เปี่ยมเมตตา"แน่นอน…ข้าจะช่วยนางนางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้านี่""ฝ่าบาท…" ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยดวงตาเป็นประกายด้วยความซาบซึ้งใจแต่ฮ่องเต้กลับยิ้มบางๆ แล้ววางถ้วยซุปลง"ทว่า…หลี่เจินหรง ไม่ใช่คนที่ใครจะกดดันได้ง่ายๆ ตลอดเวลาที่เขาประจำชายแดน ดูแลกองทัพนับแสน…ปกป้องชายแดนได้อย่างไรที่ติ เขาไม่เคยคิดกบฏ ไม่เคยแม้แต่ขอรางวัลใดๆ ข้าจึงเกรงใจเขาไม่น้อย และอีกอย่างอ๋องซ่งเหล่ยชิงชางก็ทำผิดหลายเรื่องแต่ข้าก็ไม่ให้เห็นด้วยกับการประหารซ่งเหล่ยชิงชาง แม้จะถือว่าเขาเป็นภัยก็ควรแค่ปรามไว้ แต่อ๋องหลี่ข้าก็มองว่า เขาทำเพื่อแคว้นไต้ของเราบางส่วน"ฮองเฮานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะประสานมือแนบอก"หม่อมฉันเข้าใจเพคะ…แต่อินหลัวไมไ่ด้ผิดอะไรแต่จำจำต้องแต่งกับอ๋องเหล่ยเพราะอ๋องเหล่ยส่งขบวนขันหมากกดดันจนต้าหวาง ต้องยอมยกอินหลัวให้กับอ๋องแคว้นเหนือ ครั้งนี้หากหลี่เจิน
จ้าวอินหลัวนั่งห่อไหล่พิงขาโต๊ะไม้เนื้อดีอย่างหมดแรง สายรัดเอวที่ผูกจากมือของหลี่เจินหรงยังพันแน่นอยู่กับข้อมือนาง ทำให้นางขยับแทบไม่ได้ตรงข้ามนั้น…หลี่เจินหรงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ไม้สลักลายมังกรถือถ้วยชาอย่างสง่างาม ริมฝีปากแตะชาร้อนแล้วเป่าช้าๆข้างกายมีถาดขนมเซ่าหยวนเซียวหลงทองคำหอมกรุ่นวางเรียงอยู่เขาบรรจงกัดขนมเบาๆ ลิ้มรสหอมหวาน"จ๊อกกกกก..."เสียงท้องร้องที่ดังประหนึ่งมังกรคำรามก้องในห้องเงียบ ๆจ้าวอินหลัวก้มหน้าด้วยความอับอาย แต่ไม่นานนักก็เงยหน้าขึ้นจ้องถาดขนมตาเป็นประกาย "ข้าหิว..."เสียงบ่นคล้ายแมวเปียกฝนดังขึ้นตามมาหลี่เจินหรงเหลือบตาลงมองนาง ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย“ข้าหิวแล้วหิวมากด้วย ท้องข้าร้องแล้ว”หลี่เจินหรงส่ายหน้าไปมา หยิบขนมก้อนหนึ่งแล้วลุกขึ้นมา เดินอ้อมมาหยุดตรงหน้านาง แล้วยื่นขนมในมือให้"รับสิ" เขาเอ่ยสั้น ๆ"ท่านจะให้ข้ากินยังไง ไม่เห็นหรือไงว่าท่านยังไม่แก้มัดข้า"อินหลัวมองเชือกที่มัดมือไว้อย่างแค้นเคือง "หรือท่านคิดว่าข้าแค่ดมก็อิ่มแล้วงั้นหรือแก้มัดข้าเดี๋ยวนี้เลย"หลี่เจินหรงยิ้มเยาะ"แก้มัดเจ้า แล้วเจ้าก็จะหนี ข้าไม่โง่หรอก"จ้าว
ไป๋อี้เซิงที่เดินตามกลุ่มมาเงียบๆ มองเห็นบางอย่างผิดปกติทันทีที่สายตาเขาปะทะกับมือของจ้าวอินหลัว เขาขมวดคิ้วก่อนจะคว้าข้อมือนางอย่างสุภาพแต่แน่วแน่"นี่เจ้า…เลือด"ไป๋อี้เซิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อเห็นหยดเลือดซึมอยู่ตรงปลายนิ้วของอินหลัว คงโดนเสี้ยนไม้ไผ่บาดตอนตัดแน่ๆ อินหลัวเบิกตากว้างมองตาม ก่อนจะพยายามชักมือหนีอย่างเขินๆ"ข้าไม่เป็นไรหรอก มันก็แค่..."แต่ไป๋อี้เซิงไม่ฟัง มือข้างหนึ่งล้วงเข้าในอกเสื้อแล้วหยิบขวดยาผงขนาดเล็กออกมา โรยเบาๆ ลงบนรอยแผลนั้น กลิ่นสมุนไพรลอยจางๆ แตะปลายจมูก ส่วนมืออีกข้างก็จับนิ้วนางเบาๆ ประหนึ่งกลัวนางจะเจ็บไปมากกว่าเดิมหลี่เจินหรงยืนมองอยู่ไม่ไกล เบือนหน้าหนีทันควันราวกับเห็นภาพที่ไม่อยากเห็นสุดชีวิต ก่อนจะตะคอกเสียงแข็ง"แผลแค่นั้น ไม่ตายหรอก"คำพูดนั้นทำให้อินหลัวชะงัก ดวงตาที่เคยหวานราวแสงจันทร์พลันมืดมน เม้มปากแน่น กัดฟันสะกดอารมณ์ไม่ให้โต้กลับเพราะรู้ดีว่าพูดไปก็ไม่เปลี่ยนอะไรเสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รีบพูดเสียงใสซื่อขึ้นอย่างรู้จังหวะทันที"ท่านอ๋องไม่เจ็บหรือขอรับ ปราณของนายหญิงกับท่านอ๋องเชื่อมกันมิใช่หรือ ไม่แน่นะขอรับ แผลแบบนี้อาจอักเ
"โอ๊ยยยย" อินหลัวหันมาทำหน้างงๆ"เกิดอะไรขึ้นกันแน่" ไป๋อี้เซิงรีบถาม แต่หลี่เจินหรงกลับตะคอกเสียงดังลั่น "เจ้าทำอะไรของเจ้า อยากตายนักหรือไง ข้าบอกแล้วว่ายังตายไม่ได้ ข้ายัง ไม่อนุญาตให้เจ้าตาย""จะบ้าเรอะ ไม่แหกตาดูละ ว่าข้ากำลังทำเรื่องสำคัญอยู่"อินหลัวเถียงกลับทันที เสี่ยวหม่าตาโตรีบย่องเข้าไปเก็บมีดกับไม้ไผ่ที่ตกพื้น"นี่นายหญิงกำลังตัดไผ่...อย่าบอกนะว่าจะตัดไผ่ไปแทงตัวเอง" เขาแล้วอุทานลั่นแล้วรีบหอบของทั้งหมดวิ่งหนีอินหลัวทันที"ข้าแค่จะตัดไม้ไผ่มาวัดหนึ่งจั้งต่างหาก เอามานี่"อินหลัวพยายามดึงแขนออกจากหลี่เจินหรงแต่ไม่สำเร็จ จึงเอื้อมมืออีกข้างสุดแขนไปคว้าไม้จากเสี่ยวหม่า แล้วเขี่ยๆ ตัวหลี่เจินหรงออกห่างไปจากรัศมีราวแปรงวาดภาพ"ออกไปห่างๆ ซิ นี่มันใกล้เกินแล้ว อย่าฉวยโอกาสสิ พูดเองนะว่าจะไม่เข้าใกล้ก็ต้องรักษาคำพูด"ใบหน้าหลี่เจินหรงกระตุกอย่างหงุดหงิด สายตาเคืองจัด แต่ก็ไม่กล้าขยับเข้าใกล้กว่าเดิมกลัวว่าไผ่อันนั้นจะแทงเขาจนมันหักเสียเองท่านหมอไป๋อี้เซิงที่ยืนมองอยู่ข้างๆ ถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ ใบหน้าชาๆ เหวอๆ ก่อนจะหลุดยิ้มจางๆ เสี่ยวหม่ารีบหันไปพูดเสียงดัง"นั่นไง ข้าก็ว่
ใต้แสงตะวันอ่อนของยามเช้า ภายในเรือนเงียบสงบใกล้ตำหนักของอ๋องหลี่ กลิ่นชาสมุนไพรจางๆ ลอยคลุ้งในอากาศ เสี่ยวหม่ายืนอยู่ข้างโต๊ะทรงงานด้วยสีหน้ากังวล ปรายตามองนายเหนือหัวที่นั่งกอดอกอยู่เบื้องหน้าอย่างครุ่นคิด"ท่านอ๋องขอรับ…" เขาเอ่ยเสียงเบา กวาดตามองซ้ายขวาราวกับกลัวว่าลมจะนำคำพูดของเขาไปเข้าหูใคร"ข้าเป็นห่วงว่า…เรื่องที่ท่านอ๋องนำตัวนายหญิงจ้าวอินหลัวมาไว้ใกล้ๆ เช่นนี้ หากคุณหนูม่อเฉวียนรู้เข้า…"หลี่เจินหรงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจยาว ดวงตาคมกริบทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีม่านบางปลิวไหว"ม่อเฉวียน…นางมีเหตุผลพอ นางไม่ใช่สตรีที่ตีโพยตีพายกับเรื่องพรรค์นี้หรอก" เขาตอบเสียงเรียบ ไม่รีบร้อน แต่หนักแน่น "แต่ข้าน้อยได้ยินว่า…เอ่อ สตรีทั้งเรือนล้วนจับตาดูท่านอ๋องกับนายหญิงจ้าวอินหลัวอยู่นะขอรับ""ก็ให้พวกเขาดูไปสิ ข้าไม่ได้กลัวสายตาใครและไม่ได้ทำผิดเสียหน่อย" หลี่เจินหรงว่า พลางยกถ้วยชาขึ้นจิบ ดวงตายังคงทอดมองไกล "ไม่ผิด…แต่ดูเหมือนจะ…เอ่อ ออกนอกลู่นอกทางนิดๆ""เสี่ยวหม่า" หลี่เจินหรงวางถ้วยชาลงเสียงดังเบาๆ แววตาวาบขึ้นชั่วแวบ "ถ้าเจ้าคิดจะพูดให้ข้ากลับใจล่ะก็ ไปต้มยาให้อินหลัวดีกว