“ทิงนี่ไม่ได้เชื้อพ่อเชื้อตามาเลยนะ”
ยายบัวแก้วทำเสียงเวทนาหลาน
“ตากับพ่อของทิงน่ะ มีเสน่ห์จนทำให้ยายกับแม่หนีตามมาอยู่ด้วยกัน”
เรื่องเล่าประจำตระกูลคือขณะนั้นตาเป็นทหารยศน้อย มาหลงรักลูกสาวคหบดี ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่หาคนที่เหมาะสมให้แล้ว แต่ยายบัวแก้วยังหนีตามมาลำบากอยู่กับตา สร้างครอบครัวน้อย ๆ ด้วยความรัก
“ทิงกลัวตัวเองจะทำให้หนูมุกรักจนยอมคืนเงินสิบล้านให้ไม่ได้ใช่ไหม”
ยายบัวแก้วเลี้ยงหลานมา รู้ดีถึงนิสัยฆ่าได้หยามไม่ได้ของเขา
“ผมจะเอาเงินคืนมาทั้งหมดยี่สิบล้าน”
คนตัวโตที่เท้าสะเอวอยู่ประกาศก้อง
“งั้นแสดงว่ายอมแต่งงานกับหนูมุกแล้วใช่ไหม”
หน้าบึ้งและตาวาว ๆ นั้นเป็นคำตอบว่าเจ้าตัวไร้ซึ่งความเต็มใจ
“สุนีย์เดี๋ยวโทรหามัคนายกอนุพงษ์นะ นัดวันไปเจอพระอาจารย์หน่อย เอาสักวันศุกร์ ฉันจะไปขอฤกษ์แต่งกับท่าน”
“เอาฤกษ์หมั้นด้วยไหมคะ แบบหมั้นเช้าแต่งเย็น เร็วดี”
คนสนิทเจ้าปัญญาแนะ
“ดีเหมือนกัน เอาตามนั้น”
พงศพัศกลับไปนั่งซดชาอย่างทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เอาว่ะ! อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้หน้าตา การศึกษาก็ยังพอทนได้ ที่เหลือก็แค่หว่านเสน่ห์นิดหน่อย ถ้าเธอไม่หลงก็ขู่เอาเลยละกัน ให้เลือกเอาระหว่างชีวิตกับเงิน ผู้หญิงแบบนี้เลือกชีวิตกันทั้งนั้นแหละ
เหตุการณ์เดิม ๆ วนมาซ้ำ พรสรวงติดต่อเจมส์ไม่ได้ นอนนิ่งอยู่บนเตียง มัญชุพรเดินมานั่ง ณ จุดเดิม
“ทำไม ม๊าถึงไม่ชอบเจมส์ ปรกติก็ชอบคนรวยไม่ใช่เหรอ”
“แม่แค่ห่วงมุกเท่านั้นเอง”
นางพิสมัยห่วงพรสรวงคนละแบบกับเธอ น้องสาวเกิดมาท่ามกลางความร่ำรวยของมารดาและเสี่ยจิว พรสรวงจึงเป็นที่รัก ที่คาดหวังของทุกคน ต่างกับเธอ ต่างกับเฮียเล้ง
มัญชุพรไม่ได้ถูกตั้งความหวัง หน้าที่เธอคือรักษาระดับไม่ให้ตกมาตรฐาน เรียนให้ผ่าน ทำงานให้ได้ ยังดีที่เรียนด้วยตัวเองจบได้วุฒิปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด แต่กระนั้นชีวิตเธอยังอยู่ใต้การบงการของนางพิสมัย บางทีเธออาจต้องอยู่ดูแลท่านไปจนตาย เป็นสาวแก่ขึ้นคาน
“ม๊าไม่ดูหน้านายกระทิงเลย ตางี้แดงก่ำ พร้อมขวิด มุกอยู่กับคนแบบนี้ได้ไม่ถึงห้านาทีหรอก ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ชายบ้าอำนาจ ชอบสั่ง”
การมองคนเป็นอย่างหนึ่งที่พรสรวงมั่นใจว่าไม่พลาด เธอทำงานฝ่ายขายต้องดูแลโปรเจ็ค การดูออกว่าลูกค้าเป็นคนยังไงนั้นเป็นเรื่องจำเป็น ไม่เช่นนั้นงานเธอไม่ก้าวหน้าถึงขนาดนี้หรอก
“ม๊าก็เหลือเกินจริง ๆ ไปเอาเงินเขามาทำไม”
“ท่านคงอยากช่วยเตี่ย เอามาจ่ายธนาคาร จะได้ขยายร้านเพิ่ม”
มัญชุพรสำนึกบุญคุณเสี่ยจิวอยู่เสมอ หากไม่ได้บิดาเลี้ยงคนนี้ แม่กับเธออาจต้องมีชีวิตที่ลำบาก ไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปาก
“พูดแบบนี้ ถ้ามุกปฏิเสธไม่แต่งงานก็เหมือนลูกอกตัญญูเลยสิ”
คำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะต่างคนต่างอึดอัด ห้องตกอยู่ในความเงียบงัน กระทั่งพรสรวงเองที่เป็นเอ่ยขึ้น
“มุกรักเจมส์จริง ๆ นะ พี่หมี่ ไม่ได้รักเพราะพ่อเขารวยหรือมีอิทธิพล มุกรักที่เขาเป็นตัวเขาจริง ๆ” น้องเงยหน้าพร้อมน้ำตาคลอ
“มุกไม่อยากแต่งงานกับใครนอกจากเจมส์ พี่หมี่ต้องช่วยมุกนะ”
“พี่จะช่วยเท่าที่ทำได้นะ”
มัญชุพรสงสาร นี่ก็น้อง นั่นก็แม่ โน่นก็เสี่ยจิวที่เคารพรักราวพ่อจริง ๆ ทุกอย่างประดังประเดเข้ามา หรือว่าเธอกับน้องควรไปทำบุญต่อชะตาครอบครัวดีนะ
“ลูกพี่ ได้ข่าวว่าจะเอาเมียแน่แล้วเหรอ”
การันต์โผล่หน้ายิ้มมาจากประตูห้องทำงาน ความจริงงานวันนี้เสร็จแล้ว แต่เขาแกล้งทำตัวยุ่ง ๆ ยังไม่อยากเจอยาย ชายหนุ่มเคืองไม่หาย
“ข่าวจากใครล่ะ ยายสุนีย์เหรอ”
ลูกน้องไม่ตอบ แต่มานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
“ลูกสาวคนเล็กเสี่ยจิวนั่นใช่ไหม ที่ชื่อมุก”
“เออ...คนนั้นแหละมั้ง”
แต่ใจเขากลับคิดถึงใบหน้ารูปหัวใจเหลืองลออ เธอคนนั้นก็เป็นลูกสาวเสี่ยจิว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการใส่ใจนัก
“สวยมากนะคนนี้ ผมเคยเห็น แต่ข่าวว่ามีแฟนอยู่แล้วนี่”
“กูไม่รู้ ยายให้แต่งก็ต้องแต่ง”
พงศพัศบอกปัด ๆ ไปเช่นนั้น ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเงินยี่สิบล้านมากกว่านี้ ทั้งเจ็บใจและไม่อยากให้ยายตนเองถูกมองว่าโง่นัก
“งั้นน้องมนต้องเสียใจแน่เลย ขาดขาประจำอย่างลูกพี่ไป”
การันต์รำพึงถึงสาวในซ่อง ที่ผูกขาดขาดบริการพงศพัศทุกครั้งที่เข้าไป
“ถึงไม่มีกูเขาก็มีแขกคนอื่นอีก”
เขาไม่ใช่ฤษี อายุปาไปสามสิบแล้ว หากยังไม่มีเมีย ย่อมต้องหาที่ปลดปล่อยอารมณ์ มนพรนี่เขาผูกขาดนานหน่อย เพราะเธอลีลาดี แถมไม่เซ้าซี้ ไม่ออดอ้อนจนน่ารำคาญ
“ก่อนแต่งงานจะไปสั่งลาสักหน่อยไหม พวกไอ้ต้น ไอ้สิทธิ์มันบ่นหงี่ ๆ อยู่”
คนสนิทส่งสายวิบวับอันเป็นที่รู้กันตามประสาหนุ่ม ๆ
“ไถไร่ให้เสร็จก่อนค่อยไป กูจะให้ลาพักร้อนวันหนึ่งเลย”
“พวกผมรักลูกพี่ก็ตรงนี้แหละ ใจป้ำ”
การันต์ประจบ เขารู้ทันแต่ขี้เกียจจะว่าอะไร ด้วยรู้ไส้รู้พุงกันเป็นขด ๆ ป่านนี้ข่าวเรื่องจะแต่งเมียของเขาคงดังไปทั่วไร่
เมียที่ต้องแลกมาด้วยเงินยี่สิบล้าน พงศพัศสัญญาอย่างมุ่งมั่นกับตัวเอง เขาจะเอากลับคืนมาให้หมดทุกบาททุกสตางค์!
พรสรวงประท้วงการถูกบังคับแต่งงานด้วยการหลบหน้าคนในครอบครัว เธอตื่นเช้าไปทำงานโดยไม่มาร่วมโต๊ะอาหาร กลับบ้านค่ำ หอบงานขึ้นห้องนอนมาทำ
“ยัยมุกรู้ไหมเนี่ยว่าตัวเองกำลังทำอะไร งอนอย่างกับเด็กห้าขวบ”
จิรัฎฐ์ที่แม้จะกินข้าวเย็นไปแล้ว แต่ก็ยังกินขนมปังทาแยม กล่าวกับมัญชุพร ขณะเธออุ่นน้ำเต้าหู้ในครัวเพื่อเตรียมไปให้น้อง
“หมี่เข้าใจมุกนะ เป็นเฮียจะยอมไหมล่ะ จู่ ๆ วันหนึ่งพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับใครไม่รู้”
หญิงสาวหยิบถุงขนมมาปิดปากเสีย เพราะเห็นเขากินมากเกินไปแล้ว กลัวเสียสุขภาพ
“เฮียจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง”
ตายาวรีของหนุ่มเชื้อจีนเป็นประกายแวบขึ้น
“ตอนนี้เฮียก็พูดแบบนี้ได้ แต่เวลาเรื่องมันจะเกิดก็ต้องเกิด”
เธอเอาแก้วน้ำเต้าหู้ออกจากไมโครเวฟใส่ถาดยกขึ้นไปให้น้อง โดยมีสายตาจิรัฎฐ์มองตามด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
แม้พรสรวงจะพยายามหลบหน้าแค่ไหน ก็ไม่อาจรอดพ้นจากการตามของนางพิสมัย
“พรุ่งนี้เว็ดดิ้งแพลนเนอร์จะมาคุยเรื่องงานที่บ้าน”
มารดามาตามถึงในห้อง มีพี่สาวยืนขยิบตาให้ยอม ๆ ไปก่อนอยู่ด้านหลัง
“มุกไม่ว่างค่ะ ติดงาน”
พรสรวงบอกทั้ง ๆ ตายังจ้องมองโน้ตบุค
“พรุ่งนี้วันเสาร์นะ”
“โปรเจ็กมุกเร่งค่ะ”
มัญชุพรกลอกตากับสงครามประสาทระหว่างแม่และน้อง
“งานน่ะไม่ต้องสนใจ แต่งงานแล้วเดี๋ยวก็ลาออกจากงานอยู่ดี”
พรสรวงเงยหน้ามองมารดา คิ้วเรียวเป็นระเบียบขมวด
“มุกจะไม่ลาออกจากงานเด็ดขาดค่ะ จะไม่ยอมอยู่บ้านให้ผัวเลี้ยง มุกอยากยืนด้วยขาของตัวเอง”
“ย่ะ แม่นักสิทธิสตรี แม่คนเก่ง ถ้าไม่มีเวลาว่างเลยฉันจะให้เว็ดดิ้งแพลนเนอร์ไปคุยที่บริษัท เพื่อนร่วมงานจะได้รู้ว่าลูกกำลังจะแต่งงาน”
มัญชุพรเหงื่อตก เมื่อมารดาหย่อนระเบิดลงตูมใหญ่
“เอางี้ดีไหมคะแม่ หมี่ว่าถ้ามุกยุ่งให้นัดกันไปคุยที่ร้านของเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ตอนพักเที่ยงก็ได้ น่าจะพอมีเวลา”
เธอจำต้องเข้าช่วยแก้สถานการณ์ มิเช่นนั้นคืนนี้คงมีคนหูชา เธอคนหนึ่งแหละที่ต้องรับฟังน้อง อีกคนคือเสี่ยจิวที่ต้องฟังแม่บ่นเป็นแน่
“พี่หมี่ไปเป็นเพื่อนมุกด้วยนะคะ”
“ฉันไปเอง”
นางพิสมัยรับอาสา ลูกสาวเบรก
“ขอเถอะค่ะม๊าบังคับมุกเรื่องแต่งงานแล้ว ให้มุกได้เลือกอะไรในพิธีเองเถอะค่ะ”
มารดาทำเสียงจิ๊จ๊ะในปาก
“ก็ได้ แต่มุกห้ามเบี้ยวนะ คุณกระทิงเขาก็ไปด้วย”
ลืมไปเลย...เจ้าบ่าวต้องคู่กับเจ้าสาว ฉะนั้นงานนี้ต้องพ่วงการเจอพงศพัศอีกคน
“หมี่ไปช่วยน้องนะ ถ้าตัดสินใจอะไรไม่ได้ให้โทรปรึกษาแม่”
มัญชุพรพยักหน้ารับ ขณะน้องสาวยังหน้าง้ำด้วยความไม่พอใจที่ยังต้องโดนบังคับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พงศพัศและมัญชุพรกลับมาที่ไร่ดาวเรืองอีกครั้ง และนี่คือชีวิตแต่งงานที่แท้จริง เขาพาเธอไปร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ ลองชุด ถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้ง“สวยหล่อสมกันมากเลยค่ะ”เจ้าของร้านกรี๊ดกร๊าด การได้เงินสองรอบจากคู่รักคู่เดิมเกิดขึ้นง่าย ๆ เสียที่ไหน ต้องชมไว้ก่อน เผื่อมีรอบสาม“เอารูปใหญ่ ๆ เลย จะเอาไปติดฝาบ้าน”“รูปติดผนังก็พอมั้งคุณกระทิง”มัญชุพรต้องปราม เขาร่าเริงมากต่างกับพงศพัศคนเดิมเป็นคนละคน“จะเอาติดตามที่ว่างตรงบันไดด้วย ลูกเกิดมาจะได้เห็นว่าแม่น่าเจี๊ยะขนาดไหน”การหยอกล้อ ดูจะเป็นเรื่องปรกติของเขาไปเสียแล้ว“พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย ลูกเราต้องเกิดมาหน้าตาดีแน่”คนขี้เห่อลูบพุงที่เริ่มแข็งขึ้นมาแล้วบ้างของเธอ“เกิดลูกได้หน้าดุ ๆ ของคุณ กับผิวตองเหลืองอย่างฉันล่ะ”พงศพัศยักไหล่“ถือว่าหน้าตาดีนะ แบบเอ็กโซติคส์”มัญชุพรกลอกตา ตกลงแบบที่เขาว่ามามันตีความได้กว้างเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไร หากเป็นลูกเขาและเธอ มัญชุพรก็จะรักแกมาก ๆอีกกลุ่มที่เห่อหลานคือเหล่าผู้สูงวัย ต่างหายาจีนและสารพัดเคล็ดลับในการดูแลตัวเองช่วงตั้งครรภ์มาให้เธอ“โชคดีจริง ๆ ที่มุกอยู่ภูเก็ต”น้องสาวหัวเราะยามเฟซไทม์คุยกัน“ไม่มีใค
“รู้ได้ยังไง”“ก็พี่หมี่เศร้า...ร้องไห้ คนรักกันมันต้องไม่เป็นแบบนี้”กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันระหว่างสามีภรรยาไปเสียแล้ว คนอีกจังหวัดได้แต่เฝ้าดู“นั่นเพราะพี่หมี่รักเขา คุณกระทิงก็รักพี่หมี่ ไม่งั้นคงไม่มาตากหน้าตามถึงบ้าน ให้โดนด่าฟรี ๆ หรอกใช่ไหมครับเตี่ย”เสี่ยจิวเม้มปากไม่คัดค้าน“ถ้าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง เราก็ควรปล่อยให้เขาได้ทำความเข้าใจกัน เด็กที่โตมาในครอบครัวที่ขาดพ่อหรือแม่ ต่อให้รวยขนาดไหนก็ไม่มีความสุขหรอกนะครับ”พรสรวงจับแขนเสื้อเขา เพราะนั่นเป็นชีวิตจริงของเจมส์ เขาขาดแม่ พ่อก็ใฝ่หาอำนาจ มีอีหนูเป็นพรวน เจมส์จึงไม่อยากเป็นอย่างนั้น อยากสร้างครอบครัว ธุรกิจเอง“แล้วถ้าเขาทำร้ายหมี่ล่ะ”จิรัฐฎ์ยังไม่ยอม“ผมจะให้คุยกันในที่เปิดโล่ง มีคนของผมดูอยู่ตลอด”เจมส์อาสาเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาครั้งนี้ เพราะเรื่องคาราคาซังของพี่ ก็ทำให้พรสรวงไม่สบายใจเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นคนที่รักทุกข์ เขาพลอยไม่สบายใจไปด้วย“เตี่ยกับม๊าก็อยากเห็นพี่หมี่มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ใช่ไหมครับ”เจมส์ส่งยิ้มอบอุ่น นี่แหละที่สาวเปรี้ยวอย่างเธอหลงเสน่ห์เขา หนุ่มเนิร์ดดธรรมดา ๆ หน้าตาเรี
มือนวลลออจับที่หน้าท้องแบนราบของตน ใบหน้าของคนที่ตั้งอกตั้งใจทำลูกลอยมาในห้วงกมล มัญชุพรจะมีลูกกับพงศพัศจริง ๆ นะหรือ เด็กที่เกิดจากความปรารถนาของบิดาว่าอยากมี แต่ปราศจากความรักเด็กที่หากพงศพัศรู้ เขาจะเอาลูกไปจากเธอ มัญชุพรกุมหน้าท้องอย่างหวงแหน เธอจะไม่ยอมให้ใครเอาลูกไปได้ตอนนี้มัญชุพรอยู่นอกเหนือเขตอาณัติของเขา เธอเป็นอิสระ เธอจะไม่ให้ลูกกับเขาหรอก จะคลอดที่นี่ ลูกดูให้เติบโตเป็นคนน่ารัก อ่อนโยน ไม่หน้าบึ้ง เคราเฟิ้ม เหมือนผู้เป็นพ่อแต่ก่อนอื่นต้องรู้ให้แน่ว่าท้องจริงหรือเปล่า คืนนี้เธอแอบสั่งที่ตรวจครรภ์จากแอปพลิเคชันมาหลายอัน ไม่กี่วันก็มาถึง แบบพรสรวงไม่รู้เพราะมัญชุพรบอกให้ผู้จัดการเก็บไว้ให้ก่อนเมื่อยามดึกมาถึงและเธออยู่ตัวคนเดียว เวลาห้านาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตมัญชุพรก็เริ่มขึ้น เธอวางที่ตรวจไว้ในห้องน้ำ ตัวเองออกไปเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนลมทะเลพัดมาโชยชื่น แต่ไม่อาจระบายความชื้นเหงื่อบนใบหน้าเธอได้ ใจมัญชุพรก็ร้อน จวนเจียนจะระเบิด ในห้องเงียบจนแทบได้ยินเสียงหัวใจตัวเองนาฬิกาที่มือถือตั้งไว้ดังขึ้น บอกว่าเวลาแห่งการรอคอยจบลงแล้ว และที่ตรวจครรภ์มีขีดแดงสองขีดMi_Mhi:
“คุณรักอาหมี่เหรอ”คำถามเสี่ยจิวดังก้องในหัว พงศพัศแค่อยากให้เธออยู่ด้วย เป็นแม่ของลูก กลับมาจากทำงานเหนื่อยก็อยากเห็นหน้าเธอ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันหนุ่มจากของไร่ดาวเรืองนิ่งต่อหน้าชามก๋วยเตี๋ยว คิดถึงวันที่พาเธอไปกินอาหารด้วยกันครั้งแรก นึกถึงใบหน้าพึงพอใจ เสียงใส ๆ ท่าทางเธอที่ร่าเริงตอนกินไอศกรีม นึกถึงยามกอดกัน กลิ่นกายหอม ผมนุ่มลื่นเหมือนเส้นไหม ริมฝีปากเธอที่ครวญครางชื่อเขา ความแน่นที่ตอดรัด...นี่เขาเกิดอารมณ์ทางเพศในร้านก๋วยเตี๋ยวกลางตลาดอย่างนั้นหรือพงศพัศหยิบน้ำเย็นมาดื่ม หวังดับอะไรที่ตื่นให้สงบลง การันต์กับส้มจี๊ดคุยกันกะหนุงกะหนิง ลูกน้องแบ่งลูกชิ้นที่เป็นของโปรดให้ภรรยา ขณะอีกฝ่ายคีบถั่วงอกที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ชอบให้สามีอิจฉาเขาเพิ่งรู้ซึ้งกับคำนี้ ชีวิตแต่งงานที่ราบเรียบธรรมดา ๆ แค่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันก็สุขเหลือล้น หากเขาอยู่กับมัญชุพรคงเป็นสุขนักยอมรับเสียเถิด ...เขาหลงรักเธอ เสียงในสมองชายหนุ่มสรุป ที่ทำไปทุกอย่าง ยอมไปเฝ้าหน้าบ้าน ยอมเจ็บตัว เขาทำเพราะรัก...คำเดียวเท่านั้นเขาไม่รู้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่มัญชุพรเข้ามาแทรกในชีวิต เธอทำให้เขาติดและโหยห
สวนทางกับพงศพัศที่ขับรถมาดักรอหน้าบ้านตั้งแต่เช้า ทำเอารถเจ้าบ้านออกไปไหนไม่ได้“ฉันอยากเจอหมี่”ชายหนุ่มเกาะซี่กรงลูกประตูรั้วแจ้งกับคนรับใช้ จิรัฐฎ์วางช้อนตักโจ้ก กะจะไปฉะฝีปากเสียหน่อย แต่เสี่ยจิวยกมือห้าม“อั้วจะไปคุยกับอาคุณกระทิงเอง”เมื่อเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย เสี่ยใหญ่ก็กลับมาแจ่มใส มีแรงต่อสู้กับทุกอย่าง“มันหน้าด้านหน้าทนนะเตี่ย บอกอะไรก็ไม่ฟัง เดี๋ยวความดันจะขึ้น”นางพิสมัยพยักหน้าเห็นด้วย“อั้วจัดการได้น่า อั้วอาบน้ำร้อนมาก่อน”เสี่ยจิวอยากไปดูหน้าอดีตเขย ขอดูหน่อยเถิดว่ามาตามลูกสาวเพราะเหตุใด ดื้อดึง อยากเอาชนะ หรือมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น“สวัสดีครับเตี่ย”คนนอกรั้วยกมือไหว้ สรรพนามเรียกเปลี่ยนไป เพราะเห็นว่าเป็นบิดาของมัญชุพร“ผมมาหาหมี่”เขาบอกความตั้งใจแบบไม่อ้อมค้อม ตาเล็กหยีสบตาคนหนุ่มนิ่ง“มาหาเรื่องอะไร เงินเราก็คืนคุณไปหมดแล้ว”เสี่ยจิวใช้น้ำเสียงราบเรียบ ผู้เป็นพ่อใจเย็นกว่าลูกชาย“ผมมีเรื่องจะคุยกับหมี่ เรื่องส่วนตัว”พงศพัศยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่าจะพูดอะไรกับเธอ รู้เพียงอย่างเดียว...เขาอยากเจอ“คุณกับอาหมี่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว เรื่องวันหย่านัดมาเลย ทางฝั่งผมพร้อม”“ผ
“กูไม่ให้เจอ มึงออกไปจากบ้านกูเลย ไม่งั้นจะเรียกตำรวจ”เมื่อพูดกันดี ๆ สุภาพ ๆ อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง จิรัฐฎ์จึงใช้ภาษาพ่อขุน“เรียกมาเลยสิ กูไม่กลัว หมี่...อยู่ไหน มาหาฉันหน่อย”มือใหญ่จับซี่ประตูเหล็ก ส่งเสียงตะโกนเข้าไปในบ้าน จิรัฐฎ์หน้าแดงจัด“พวกแกเฝ้ามันไว้!”แม้เขาจะดูด้อยกำลังกว่า แต่จิรัฐฎ์ก็มีวิธีจัดการเรื่องยุ่งในแบบของตน เขาโทรหาพรสรวง กระซิบบอกว่าพงศพัศมาตามมัญชุพร ให้หลอกล่อเธอให้อยู่แต่ในบ้าน อย่าอยู่ใกล้หน้าต่างเป็นอันขาด เพื่อไม่ให้เห็นพงศพัศจากนั้นก็โทรหานายตำรวจที่เป็นเพื่อนกัน ขอให้ช่วยมาจับพงศพัศไปโรงพัก“ผมมาตามเมีย”ผู้มาเยือนบอกตำรวจเสียงกร้าว“มันทำร้ายน้องสาวผม”จิรัฐฎ์กล่าวหา คะเนจากน้ำตาของมัญชุพรที่เห็น“ผมไม่เคยทำร้ายหมี่ เรียกเธอมาถามได้”ขนาดตำรวจมาถึงสามนายยังเกรง ๆ บรรยากาศมาคุรอบตัวพงศพัศ“มันกำลังจะบุกรุกบ้านผม มาโวยวายสร้างความเดือดร้อน”“กูแค่จะมาเอาเมียคืน”เขาเขย่าลูกกรงเป็นผลให้ประตูทั้งบานสั่น ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด“เห็นไหมคุณตำรวจ มันพยายามจะเข้ามาก่อความวุ่นวาย บ้านผมมีแต่คนแก่กับคนท้องอ่อน ๆ นะครับ”จิรัฐฎ์ผันตัวเป็นลูกอีช่างฟ้อง พร้อมส่งสายตาขอความ