อาจเป็นเพราะอเลฮานโดรได้ยินเสียงของทิฟฟานี่ เขาจึงลืมตามองเธอ จากนั้นเขาก็หมดสติไปอีกครั้งทิฟฟานี่ขับรถตามรถพยาบาลไปส่งเขาที่โรงพยาบาล อเลฮานโดรและคนขับรถตู้ถูกส่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ตอนนั้นเองที่ทิฟฟานี่ฟื้นคืนสติได้และโทรหาแจ็คสัน “ตอนนี้คุณควรกลับบ้านไปก่อน ฉันยังไปไม่ได้ มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทาง!”แจ็คสันไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น เขาฟังดูตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? คุณอยู่ที่ไหน? คุณไม่ได้แค่จะมาสายสำหรับเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่คุณจะไม่มาเลยด้วยซ้ำ…”ทิฟฟานี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะบอกเขาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของอเลฮานโดรในอุบัติเหตุครั้งนี้ แต่เธอกลัวที่จะปลุกระดมความเป็นปรปักษ์หากเธอจะปกปิดความจริงจากแจ็คสัน ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะพูดความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับอุบัติเหตุ“ผมจะไปรับคุณที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นคุณจะต้องกลับบ้านกับผมทันที!” แจ็คสันสั่งหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของเธอพลางทำให้เธอตกใจทิฟฟานี่ลังเล “แต่สมาชิกครอบครัวอเลฮานโดรยังไม่มาเลย ฉันทิ้งเขาไว้แบบนี้ไม่ได้หรอก คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ ฉันอยู่ได้ ฉันกลับบ้านเองได้ เราค่อยไปจดทะเบียนสมรสในตอนบ่ายก็ได้”แจ็คสันปฏิเสธ
แจ็คสันส่ายหัว “ถ้าผมเดาไม่ผิดต้องมีคนจงใจทำร้ายคุณแน่นอน และอเลฮานโดรรู้เรื่องนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาจึงไปปรากฏตัวเพื่อช่วยคุณ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรืออุบัติเหตุทั้งนั้น”ทิฟฟานี่ตกใจมาก เธอจำชายที่มีแผลเป็นในรถตู้ได้และเริ่มตัวสั่น “อันที่จริงฉันก็สงสัยอยู่… เพราะคนขับรถตู้ดูเหมือนจะตั้งใจขับรถตรงมาที่ฉัน ดวงตาของเขาเหมือนเหยี่ยวและรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขาน่ากลัวมาก ตอนนี้เขาอยู่ในห้องฉุกเฉิน ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงแล้วใครกันที่พยายามจะทำร้ายฉันล่ะ? ฉันไม่ได้ไปทำให้ใครโกรธเคืองซะหน่อย ทำไมพวกเขาถึงต้องการจะทำร้ายฉันด้วย? แล้วอเลฮานโดรจะรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”แจ็คสันชะงัก “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาอย่างนี้ดีไหม ผมจะพาคุณกลับบ้านแล้วบอกเรื่องนี้กับมาร์คและขอให้เขาสืบเรื่องนี้ คนที่มีแผลเป็นอยู่ในโรงพยาบาลใช่ไหม? ผมจะไปเยี่ยมเขาหลังจากที่ส่งคุณเสร็จแล้ว เราค่อยไปจดทะเบียนสมรสกันในวันหลัง ผมไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุใดก่อนงานแต่งของเราในวันพรุ่งนี้ คุณต้องเชื่อฟังผมและอย่าออกไปไหนคนเดียวนะ ถ้าคุณต้องออกจากบ้านจริง ๆ คุณจะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ไม่สิ คุณต้องขอให้ผมไปด
“ได้ค่ะ…” เมลานีตอบโดยไม่กล้าสบตาดอน สมิธอเลฮานโดรรอให้เมลานีออกไปก่อนที่จะถามว่า “คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ?”สีหน้าของดอน สมิธสงบ “แกไม่ใช่อเลของฉัน อเลอยู่ที่ไหน?”อเลฮานโดรยิ้ม “ถ้าผมบอกคุณว่าตระกูลสมิธของคุณสูญเสียทายาทคนสุดท้ายไปแล้วล่ะ? คุณจะหัวใจวายตายตอนนี้เลยไหม? เขาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในนาฟาเอธ คุณน่าจะรู้ว่าผมก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาตายข้างเตียงผม… เขาขอให้ผมอยู่เพื่อเขา อยู่แทนเขา และทำทุกอย่างที่เขาไม่มีโอกาสได้ทำ”"พอแล้ว!" ดอน สมิธคำราม "ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน! ฉันน่าจะใส่ใจเขามากกว่านี้ ฉันไม่น่าทะเลาะกับเขาและส่งเขาไปนาฟาเอธเลย ฉันไม่ควรเปิดโอกาสให้ใครได้ทำร้ายเขา… ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง…”อเลฮานโดรเพิกเฉยชายชราและมองออกไปนอกหน้าต่าง จู่ ๆ ดอน สมิธก็สงบลงอีกครั้ง “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ตอนนี้เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อยู่ดี ไม่มีใครบนโลกนี้สามารถทดแทนอเลฮานโดรได้ ยกเว้นแก แกเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลสมิธ”อเลฮานโดรขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ ดอน สมิธรู้ว่าเขาไม่ใช่อเลฮานโดร แต่ดอนก็เลือกที่จะไม่ฆ่าเขาอย่างนั้นเหรอ? แล
ไม่นานหลังจากนั้นดอนก็กลับมาพร้อมกับผู้ติดตามสองสามคน ใบหน้าของอีธานถูกไฟไหม้จนไม่เหลือแววเดิม เนื่องจากร่างกายของเขานั้นบังเอิญทรงเดียวกันกับอเลฮานโดร อีธานจึงปกปิดอดีตของเขาจากสาธารณะและทำศัลยกรรมหลายต่อหลายครั้งจนรูปลักษณ์ภายนอกของเขาเหมือนดั่งฝาแฝดของอเลฮานโดร สมิธ เขายังทำลายรอยนิ้วมือของตัวเองเพื่อให้การปลอมตัวดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นอีกด้วยหลังจากทุกอย่างที่เขาต้องผ่านมา อีธานก็ไม่ได้ต้องการที่จะสู้กับมาร์คอีกต่อไป เรื่องเดียวที่เขาเสียใจคือ ทิฟฟานี่ หญิงสาวที่ยอมเสียทุกอย่างเพื่อเขา ไม่มีอะไรสามารถทำให้เขามีความสุขได้มากกว่าการได้อยู่กับคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจ ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะตามหาทิฟฟานี่ทันทีที่เขากลับมา เพื่อที่จะได้ชดใช้ทุกสิ่งที่เคยทำในอดีตดอนคว้าขาที่บาดเจ็บของอีธานเมื่อเห็นเขาเงียบไปนาน“ตอนนี้แกก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เมลานีเป็นคนที่แอบส่งข้อมูลให้แกใช่ไหม? ฉันกำลังพยายามที่จะกำจัดต้นเหตุของความกังวลใจให้เธอ แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะสนใจแต่แกเพียงผู้เดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ทิฟฟานี่ก็คงตายไปแล้ว ดังนั้น ถ้าแกไม่เต็มใจที่จะแสร้งเป็นอเลฮานโดรต่อ ฉันก็ยินดีที่จะเห็นแกต
แอเรียนขมวดคิ้ว “เธอพูดบ้าอะไร? การที่เธอใช้สมองของตัวเองเกี่ยวอะไรกับความฉลาดของลูกเธอ? เจ้าบ้องตื้นเอ๊ย! อย่างไรก็ตาม ไหน ๆ เธอก็ไม่ได้ติดต่อกับอเลฮานโดรแล้วเธอก็ควรจะอยู่ห่าง ๆ เขาไว้ พูดตามตรงเลยนะ ฉันมักจะรู้สึกแปลก ๆ เวลาที่เจอเขาเสมอ แต่ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร อย่างไรก็ตาม เธอควรจะพักผ่อนอยู่ที่บ้านและเตรียมตัวเพื่อเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันพรุ่งนี้”ทิฟฟานี่ยิ้มและพูดว่า “ก็ได้ พรุ่งนี้เธอควรจะมาหาฉันแต่เช้านะ ให้สมอร์อยู่กับมาร์คไปก่อน เขาแต่งงานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวได้ เช่นเดียวกันกับเธอ เธอไม่สามารถเป็นเพื่อนเจ้าสาวของฉัน ฉันเลยต้องใช้เงินจ้างคนมา ฉันไม่รู้จักใครเลย”เมื่อทิฟฟานี่พูดเช่นนั้นแอเรียนก็นึกถึงเอริกอีกครั้ง ถ้าเขายังอยู่ เขาคงจะได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวไปแล้วไม่นานหลังจากนั้นแจ็คสันก็มาเพื่อมารับทิฟฟานี่ แต่ลิเลียนกลับหยุดเขาไว้ที่หน้าประตู “แจ็คสัน นายไม่ควรเข้าประตูนี้ก่อนวันแต่งงาน มันเป็นข้อห้าม ทิฟฟานี่ก็ไม่ควรไปค้างที่บ้านนายเช่นกัน พรุ่งนี้ก็แต่งแล้วนะ”ทิฟฟานี่หัวเราะเยาะแจ็คสันจากอีกฝั่งหนึ่งของประตู “คุณกลับไปเถอะ ฉันอยู่ได้ พ
มาร์คดูขบขันเมื่อมองไปที่แอเรียน "เธอหมายความว่าอะไร? ไหนบอกมาซิว่าเธอคิดอะไรอยู่”แอเรียนหมดความมั่นใจเมื่อมาร์คมองเธออย่างนั้น “ฉันไม่ได้ฉลาดเท่าคุณ ดังนั้นคุณคิดเอาเองเลย ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”เขาลุกขึ้นและเดินมายืนข้างหน้าเธอก่อนที่จะค่อย ๆ รับสมอร์ไปอุ้ม “ฉันรู้ว่าเธอกำลังพยายามจะสื่ออะไร เธอกำลังสงสัยว่าอเลฮานโดรคนนี้ไม่ใช่อเลฮานโดรตัวจริงและเธอก็สงสัยว่า… อีธานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาด้วยใช่ไหมล่ะ? ฉันก็สงสัยเหมือนกัน แต่ไหนล่ะหลักฐาน? ไม่มี ดังนั้นหากเราไม่สามารถหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมาได้เราก็ไม่มีทางที่จะยืนยันหรือพิสูจน์อะไรได้เลย”แอเรียนรู้ว่ามาร์คก็คิดแบบเดียวกันกับเธอ “ฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทิฟฟานี่เพราะว่ามันเป็นเพียงความสงสัยของเรา ฉันเคยพบอเลฮานโดรมาก่อนและรู้สึกแปลกมาก ฉันทั้งรู้สึกคุ้นเคยกับเขาแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ เขามักจะต้องการเอาชนะคุณเสมอ แต่เขาก็ไม่เคยทำอะไรที่รุนแรงเกินไป เขายังพยายามตีสนิทกับทิฟฟานี่และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจที่สุด อีกอย่าง ฉันจำตอนที่เจอเขาครั้งหนึ่งได้ว่าเขาบอกให้ฉันสอนสมอร์ให้เรียกเขาว่าคุณอาหากสมอร์เริ่มพูดได้ด้วย”ม
แอเรียนไม่เคยคิดถึงเฮเลนมากเท่านี้มาก่อน ความรู้สึกของเธอจึงปะปนไปด้วยความเกลียดชังเมื่อเกือบจะแปดโมงเช้า แจ็คสันและทีมงานก็มาถึงและจอดรถที่ชั้นล่าง หลาย ๆ ขั้นตอนถูกข้ามไปเนื่องจากการตั้งครรภ์ของทิฟฟานี่โดยไม่ต้องการทำให้มันยากสำหรับเธอ ดังนั้นแจ็คสันจึงเข้ามาในบ้านโดยไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ และอุ้มทิฟฟานี่ไปขึ้นรถด้วยตัวของเขาเองแอเรียนควรจะดูแลทิฟฟานี่อย่างใกล้ชิด ดังนั้นเธอจึงขึ้นรถไปกับพวกเขาโดยนั่งข้างคนขับในขณะที่คู่บ่าวสาวนั่งด้านหลัง ลิเลียนขึ้นไปในรถคันที่สองหลังจากที่พวกเขานั่งรถไปเกือบครึ่งเมืองแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงที่โรงแรมหลังสิบเอ็ดโมงแอเรียนสังเกตเห็นชายหนุ่มรูปงามที่อุ้มเด็กอยู่ในอ้อมแขนได้ง่ายดาย ดังนั้นเธอจึงเห็นมาร์คที่กำลังอุ้มสมอร์อยู่ท่ามกลางฝูงชนขณะที่เธอเข้าไปในห้องรับรองของโรงแรมทันที เธอกลัวว่าสมอร์จะงอแงหากเขาเห็นเธอ เธอจึงตัดสินใจที่จะยังไม่ไปพบปะกับพวกเขาห้องจัดงานได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดีและไม่เกินจริงหากจะบอกว่ามันถูกประดับประดาไปจนถึงเพดานด้วยช่อดอกไม้สีขาวทุกหนแห่งโดยเฉพาะบริเวณที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะต้องเดินผ่าน ทางเดินยังถูกตกแต่งด้วยกลี
ในขณะนั้นทิฟฟานี่ไม่กล้าที่จะหายใจแรงเกินไปเพราะกลัวว่าน้ำตาของเธอจะทำลายเครื่องสำอางของเธอบางหลวงมองมาที่เธอและถามว่า “คุณเลน คุณจะรับคุณเวสต์เป็นสามีที่แต่งงานถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่? คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามทุกข์ ในยามที่ป่วยและในยามที่สบายดี และว่าจะรักเขาและให้เกียรติเขาตลอดชีวิตของคุณหรือไม่?”ทิฟฟานี่สำลักและพูดอย่างหนักแน่น “รับค่ะ!”บาทหลวงยิ้มอย่างอ่อนโยน “เชิญคู่บ่าวสาวสวมแหวนได้ครับ”เจ้าสาวและเจ้าบ่าวต่างหยิบแหวนและสวมมันให้กันและกัน ก่อนที่บาทหลวงจะทันได้พูดให้แจ็คสันจูบเจ้าสาวได้ แจ็คสันก็รีบจูบทิฟฟานี่อย่างหมดความอดทน นอกจากรสชาติของลิปสติกแล้วเขายังสามารถลิ้มรสริมฝีปากของเธอได้ ในที่สุดเธอก็เป็นของเขาเสียงเชียร์ของซัมเมอร์ดังที่สุดท่ามกลางแขกรับเชิญด้านล่างเวที เธอไม่สนมารยาทในการเป็นภรรยาของเศรษฐีและปรบมืออย่างตื่นเต้น น้ำตาแห่งความปิติตกจากดวงตาของเธอ เธอมองไปที่แอตติคัสซึ่งอยู่ข้าง ๆ เธอและพูดว่า “ความพยายามทั้งหมดที่ฉันทุ่มเทให้กับการเลี้ยงดูเขาตลอด 30 ปีที่ผ่านมาในที่สุดก็สำเร็จลุล่วงแล้ว ช่างเป็นการเดินทางที่วิเศษจริง ๆ!”เพื่อนของเธ