แอเรียนหยิกทิฟฟานี่เล็กน้อยเพื่อส่งสัญญานให้เธอหยุดพล่ามเสียที ในที่สุดเธอก็หยุดและสังเกตุสีหน้าท่าทางของมาร์คสายตาของมาร์คเกาะติดอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดแม่กระทั่งในขณะที่เขาบอกพวกเธอว่า “ไม่เป็นไร เอารถคันนั้นไปเลย ผมไม่ชินกับรุ่นนั้นอยู่แล้ว”ทิฟฟานี่ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะเจอโชคก่อนใหญ่หล่นทับ “จริงเหรอ แต่จริง ๆ ฉันไม้ได้ต้องใช้รถนะ แถมมันก็ใหม่มาก ฉันเพิ่งขับได้ไม่กี่วันเอง แล้วถ้าคุณต้องการที่จะให้ฉันจริง ๆ ฉันเอาไปขายได้ไหม? ฉันจนเหลือเกิน คนจนไม่สมควรมีรถหรอกนะ...”แต่เนื่องจากมาร์คได้ตัดสินใจที่จะให้รถอยู่แล้ว เขาถึงไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวหรือสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับรถคันนั้น “ก็แล้วแต่คุณเลย”ทิฟฟานี่ตอบไปอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันเอาไปใช้ก่อน แม่ยังรอให้ฉันกลับไปรับใช้อยู่ พวกคุณกลับไปด้วยกันเลย แอเรียนยังมีตัวน้อยอยู่ในท้อง อย่าลืมให้เธอทานข้าวให้ตรงเวลา ถ้าเธอไม่ทานอาหารตามเวลาเจ้าตัวน้อยจะหิวไปด้วย โอ้! และอย่าลืมว่าเธอมีตรวจครรภ์ด้วยนะ ไปกับเธอละ!”แอเรียนไม่คิดว่าทิฟฟานี่จะพูด ‘เขี่ย’ เธอแบบนั้น มาร์คกำลังตั้งใจทำงานและเธอก็ไม่มีอะไรทำเลย มันเป็นส
ดีเหรอ? แอเรียนรู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าเธอจะรู้ว่ามาร์คกลืนน้ำลายตัวเองหลังจากที่สัญญากับเธอว่าเขาจะไม่ติดต่อกับแอรี่ มันก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจ ทว่าก็เป็นเธอที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับวิลและถูกมาร์คจับได้ เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลยมาร์ครู้สึกหงุดหงิดกับคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นภายนอก “เธอได้ยินไม่ผิดหรอก ฉันไม่ได้พูดเพราะใครต่อใคร ไม่ต้องไปมาหาฉันที่บริษัท ฉันบอกเธอแล้วว่าเราไม่ได้ติดต่อกันอีกแล้ว เธอคิดว่าฉันพูดเล่นอย่างนั้นเหรอ?”แอรี่คิดว่าเธอชนะแล้ว เขาไม่ได้พูดว่าไม่ต้องติดต่อเขาอีกแล้ว ทว่าเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รังเกลียดการที่ได้เจอกับเธอหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับแอเรียนและวิล พวกเขาสบายดี สิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ไม่ควรถูกเมินเฉยไม่ใช่หรือ? เธอไม่เต็มใจที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริงแบบนี้ “พี่มาร์คที่รัก... อย่าเป็นแบบนี้สิคะ! ฉันจะเป็นคนดี ฉันจะไม่รบกวนคุณถ้าคุณไม่มาหาฉัน...”มาร์คไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินไปที่รถของเขาซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล ไบรอันลงมาเปิดประตูให้กับเขาขณะที่แอเรียนเดินตามไปอย่างปกติสายตาของแอรี่จ้องมองไปที
แอเรียนพูดอะไรไม่ออกและหันกลับไปที่ห้องนอนด้วยความฉุนเฉียว เธออยากจะปิดประตู ทว่าเธอก็กังวลว่าเขาจะไม่ได้รับความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเลยไม่นานเกินรอ ไบรอันก็นำอาหารเย็นของพวกเขามาส่ง ดูที่บรรจุภัณฑ์คร่าว ๆ ก็บอกได้ว่าอาหารเย็นของพวกเขามากจากร้านอาหารไวท์ วอเตอร์ เบย์ หลังจากที่ไบรอันกลับไปแล้ว มาร์คก็ตะโกนเรียกมาทางห้องนอน “อาหารเย็นมาแล้ว”แอเรียนไม่ได้ตอบกลับ พลางแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้ยินเขาแม้ว่าเขาจะมีเพียงผ้าขนหนูพันกาย ทว่ามาร์คก็รู้สึกร้อน ด้วยความหงุดหงิดที่โดนกวนประสาท “เธอจะกินไหม? ฉันจะได้โยนทิ้งถ้าเธอไม่กิน!”แอเรียนยังคงเงียบ เธออดคิดไม่ได้ว่าการที่เขามาที่นี่เพื่อทำให้เธอเป็นบ้า พวกเขาเข้ากันไม่ได้!มาร์คลุกขึ้นไปที่ห้องนอนและอุ้มเธอไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นอย่างรวดเร็ว “ฉันอารมณ์ไม่ดี ทานอาหารเย็นของเธอซะ!”แอเรียนเปิดอาหารที่ซื้อมาและทานเงียบ ๆ เครื่องปรับอากาศภายในห้องนอนไม่สามารถแผ่ความเย็นออกมาครอบคลุมได้ถึงห้องนั่งเล่นได้ ดังนั้นเธอจึงรู้สึกร้อนขึ้นมาในไม่ช้า เธอรู้สึกเบื่ออาหารและไม่สามารถทำอาหารเย็นจนเสร็จได้แม้มันจะเป็นเพียงอาหารจานเล็ก ๆ ก็ตามมาร์คที่
เธอตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกร้อนในวันรุ่งขึ้น แขนของมาร์คพาดอยู่บนหน้าอกของเธอทำให้เธอรู้สึกหายใจลำบาก เธอร้อนมากจนผมติดอยู่ตามใบหน้าของเธอลมหายใจของเขาเป่าระอยู่ที่ลำคอของเธอ และเขาก็ไม่ได้ห่มผ้าห่มเลยด้วย เขาหลับโดยการหนุนศีรษะของเขาอยู่ด้านบนของร่างกายของเธอและมันเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้สึกร้อน!เธอไม่ชอบความรู้สึกที่มีเหงื่อเปียกโชกจริง ๆ เธอพยายามดิ้นออกมาจากขอบเขตของเขาและผ้าห่ม ก่อนจะลุกขึ้นและไปอาบน้ำ เมื่อเธอออกมาจากห้องน้ำ เธอก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ทันใดนั้นเอง เธอก็สังเกตเห็นเจ้าข้าวปั้นไม่ได้หลับอยู่ในที่นอนของมัน เธอเรียกมันแล้วเจ้าข้าวปั้นก็กระโดดลงมาจากโซฟาและเดินไปหาเธอด้วยท่าทางสง่างามของมัน เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน ทว่าเจ้าแมวอ้วนก็สามารถลดน้ำหนักลงได้มากแล้ว อย่างน้อยตอนนี้มันก็เดินได้แล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ดีขณะที่เธอกำลังจะอุ้มเจ้าข้าวปั้นเข้าสู่อ้อมแขนของเธอด้วยความสงสาร มาร์คก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู “จับมัน เห็นไหมว่าเป็นยังไง”ด้วยความผิดที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอจึงรู้สึกกลัวที่จะยั่วโมโหเขาอีกครั้ง “วันนี้เป็นวันเสาร์ ฉันไม่ได้ไปทำงาน ดังนั้นฉันสามาร
แอเรียนยื่นแก้วน้ำแข็งให้กับเธอ “ดื่มน้ำซะ จะทำให้สดชื่นมากขึ้น แน่นอนว่าฉันจะชวนเธอทุกครั้งที่มีอะไรดี ๆ ทาน เหมือนกับที่เธอคิดถึงฉันทุกครั้ง”ทิฟฟานี่หัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกอาย “เธอทำให้มันดู… น่าอาย เอาล่ะ ระหว่างเธอกับมาร์คเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเธอห้ามแอรี่จากการเข้าไปในออฟฟิศครั้งสุดท้าย ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงคนนั้นจริง ๆ เธอช่างไร้ยางอายจริง ๆ !”แอเรียนขยับ “ฉันรู้... ขอบใจนะทิฟฟ์ อย่างไรก็ตาม... มาร์คและฉันก็เป็นเหมือนเดิม เขามาอยู่ที่บ้านของฉันในช่วงสองสามวันที่ผ่านแล้วก็ช่วยดูแลเจ้าข้าวปั้นด้วย บางครั้งเราก็ยังทะเลาะกันอยู่บ้าง ฉันสงสัยว่าเราคงเกิดมาตรงกันข้ามกัน บุคลิกของเราไม่เข้ากัน มันอาจจะเป็นเพราะช่องว่างระหว่างวัยที่มากจนเกินไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็แก่กว่าฉันสิบปี”ทิฟฟานี่โบกมือของเธอ “เธอหมายถึงอะไร? ช่องว่างระหว่างวัยทำให้บุคลิกเข้ากันไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ แอรี่เด็กกว่าเธออีก ทำไมเธอถึงจ้องแต่จะแย่งผู้ชายของเธอ? ปัญหามันอยู่ที่เธอ เธอไม่รู้วิธีมัดใจผู้ชาย แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายคนนั้นคุ้มค่าที่จะพยายามหรื
แจ็คสันขมวดคิ้วและพูดขึ้น “เขาไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่นมานานกว่าสิบปีแล้ว แบบนั้นยังทุ่มเทไม่พออีกเหรอครับ? ผมไม่เคยมีผู้หญิงมานานที่สุดคือครึ่งปี นานสำหรับผมที่สุดคือครึ่งปี มาร์คทุ่มเทมากพอแล้ว”ทิฟฟานี่ปฏิเสธที่จะเห็นด้วยกับความคิดของเขาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า “คุณหมายความว่ายังไงที่ว่า ‘มากกว่าสิบปี’ ตอนนั้นแอริยังเด็กมากไม่ใช่เหรอ? มาร์คมีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในตอนท้ายไม่ใช่เหรอ? เอาใจใส่กับผีน่ะสิ พวกผู้ชายคิดว่าการเอาใจใส่ถูกนิยามโดยการไม่ทิ้งผู้หญิงหรือเปล่า? การเอาใจใส่ความหมายคือมอบกายและมอบใจทั้งหมดของคุณกับคน ๆ เดียว ไม่ใช่หน้าตาเพียงอย่างเดียวควรจะเหลือ...” เธอรู้สึกได้ถึงความไม่เหมาะสมก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค “ฉันขอโทษนะแอริ… ฉันพูดผิดไป...”แอเรียนดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไรหรอก มันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับแอรี่ใช่ไหม? ฉันไม่รังเกียจที่คุณสองคนจะพูดถึงเรื่องนี้ มันไม่เป็นไรจริง ๆ “แม้ว่าเธอจะพูดแบบนี้ แจ็คสันและทิฟฟานี่ก็หยุดพูดคุยเรื่องนี้กันทันที สุดท้ายแล้ว ไม่มีใครมีนิสัยชอบใช้ความเจ็บปวดของคนอื่นเป็นหัวข้อสนทนาหรอกหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว แจ็คสันทำตามหน้าท
ยืนยันความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่อย่างนั้นเหรอ? ทิฟฟานี่พบว่านี่เรื่องกะทันหันและรวดเร็วจนเกินไป “นั่นมันเร็วเกินไปหรือเปล่า? ฉันคิดว่าเราควรจะคุยกันต่ออีกสักหน่อย...”เคนปฏิเสธข้อเสนอของเธอ “ที่นี่พวกเราเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วนะครับ เราจะรู้ว่าเราเหมาะสมกันไหมเพียงแค่มองแวบแรกเท่านั้น คืนนี้คุณว่างไหม? คุณจะให้เกียรติมารับประทานอาหารค่ำกับผมได้หรือเปล่า?”ทิฟฟานี่หมดสิทธิ์ที่จะคิดและตอบกลับไป “ตกลง...”ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอลุกขึ้นยืนพลางแสดงความขอโทษและรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”“มีจดหมายถึงคุณ ฉันทิ้งมันเอาไว้ที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยที่ชั้นล่าง อย่าลืมไปรับมัน”จดหมายอะไร? สิ่งที่เธอเดาเป็นอันดับแรกคือ จอร์จ ลีไวน์ เป็นคนที่ส่งจดหมายมาอีกฉบับ นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับแอเรียน ดังนั้นแน่นอนมันจึงสำคัญกับเธอเช่นกัน เธอวางโทรศัพท์และพูดกับเคน “ฉันต้องไปแล้ว มีเรื่องเร่งด่วนเกิดขึ้น เรื่องของพวกเราคืนนี้ค่อยว่ากัน ขอโทษนะ!” เธอออกไปจากคาเฟ่ก่อนที่เคนจะได้ทันได้ตอบเธอเธอรู้สึกดีใจมากเมื่อเธอได้รับจดหมาย มันมาจากจอร์จ ลีไวน์จริง ๆ เธอขึ้นรถแท็กซี่และเดินทางไปหาแอ
แน่นอน แอเรียนสรรเสริญเยินยอ “ก็ไม่เลว หน้าตาโดยรวมก็ใช้ได้นะแล้วเธอรู้สึกอย่างไร” ในที่สุดมาร์คก็รู้ว่าทิฟฟานี่อยู่ที่นี่เช่นกัน ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังมาเดท เขาพยักหน้าให้เธอซึ่งถือได้ว่าเป็นการทักทายทันใดนั้นเอง ก็มีลูกค้าไม่กี่คนตะเกียกตะกายออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นพนักงานสองสองคนก็รีบเข้าไปข้างในพร้อมกัน บอกได้ง่ายมากว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ทิฟฟานี่ไม่เห็นเคนออกมา เธอจำได้ว่ามันคือห้องน้ำผู้ชายและคงจะไม่สะดวกสำหรับเธอที่จะเข้าไป เธอจึงหันไปบอกมาร์ค “มาร์ค คุณช่วยไปดูให้ฉันหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เคนอยู่ข้างในนั้นสักพักแล้วและยังไม่ออกมาเลย ฉันคิดว่าอาจจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา”ในตอนแรก มาร์คไม่ได้ตั้งใจที่จะไป อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นว่าแอเรียนจ้องมองมาที่เขาด้วยความคาดหวัง เขาจึงลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขา เขาเคลื่อนตัวผ่านผู้คนและเห็นคราบเลือดอยู่เต็มพื้น แจ็คสันตรึงเคนลงกับพื้นและต่อยเขาอย่างรุนแรง ขณะที่เขาไม่สามารถตอบกลับอะไรได้เลย เคนถูกทำร้ายอย่างยับเยินจนเขาดูเกือบจะไร้ซึ่งความปราณีแม้จะไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง ทว่าเขาก็ก้าว