Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 115: เงาที่ฟังได้

Share

บทที่ 115: เงาที่ฟังได้

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-05 01:14:28

เงาที่ฟังได้

เมื่อนักรบกลับมาโดยไร้ดาบ

และการฟังกลายเป็นชัยชนะเดียวที่ยังเหลืออยู่


เสียงรองเท้าไม้แตะพื้นหินของวิหารเก่าในแคว้นอาคิซึนั้นเบาเกินจะเป็นเสียงของนักรบ แต่พอแรงพอให้หัวใจของผู้เฝ้าประตูสะดุดจังหวะ

ฮากุโร่ — ขุนศึกเงาที่หายสาบสูญไปกว่าแปดเดือน — เดินกลับมา

ผ้าพันแผลปิดครึ่งใบหน้าข้างขวา

มือข้างหนึ่งหายไป

แขนอีกข้างยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่สมควรอยู่บนร่างของผู้ที่เคยควบคุมแผนรบหลายสิบสนาม

แต่เขาเดินอย่างไม่ลังเล

ไม่เหมือนคนบาดเจ็บ

ไม่เหมือนแม่ทัพ

เหมือนผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กลับบ้าน



ในห้องศาลาว่างกลางวิหารไม้

โต๊ะเรียบไม่มีเครื่องเซ่น ไม่มีธง ไม่มีแท่นศักดิ์สิทธิ์

มีเพียงสมุดเล่มหนึ่งเปิดวางไว้

“สมุดฟัง” — สมุดเล่มแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้รอดจากพิธีล้าง

ข้างในคือชื่อของผู้ที่ไม่มีชื่อในตำรา

เสียงของผู้ตายที่ไม่เคยถูกนับ

ความทรงจำของเด็ก

คำพูดของคนแก่

บันทึกของแม่ที่เคยพูดกับลูกเพียงครั้งเดียวก่อนจากไป

ฮากุโร่นั่งลงหน้าสมุดนั้น

เงียบ

ไม่พูด

ไม่แตะต้อง

ไม่เอ่ยคำใด

เขาแค่นั่ง

แล้วฟัง



“เขายังมีลมหายใจจริงหรือ?”

ขุนพลแห่งตระกูลยามาโนะกระซิบ

“ข้าคิดว่าเขาตายไปแล้วที่อิคุซะโนะโมริ”

“ไม่ใช่—เขาเลือกที่จะไม่เป็นเงาอีกต่อไป”

เสียงกระซิบเหล่านั้นไม่ดังพอจะรบกวนห้อง

แต่ดังพอให้ซาโยะ ผู้ที่ยืนมองเขาจากเงามุมเสา ได้ยินทุกถ้อยคำ

เธอไม่ร้องไห้

ไม่ถามว่าเขารอดมาได้อย่างไร

ไม่ถามว่าบาดแผลมาจากศึกไหน

เพราะสิ่งเดียวที่เธออยากรู้…

คือเขากลับมา เพื่อฟัง หรือกลับมา เพื่อสั่ง อีกครั้ง



ในห้องเดียวกันนั้น

เด็กหญิงวัย 10 ขวบนาม “อาคิ” ยื่นสมุดให้ฮากุโร่อีกเล่ม

“นี่...ชื่อคนที่ไม่ได้ถูกสวดในพิธีใหญ่เมื่อวาน”

“ข้าจดไว้...เพราะท่านแม่ข้าร้องไห้แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อพ่อข้า”

ฮากุโร่มองสมุดนั้น

ไม่รับ

แต่พยักหน้าช้า ๆ

เหมือนคำยืนยันว่า — เขาได้ยินแล้ว

เด็กหญิงค้อมศีรษะ

แล้วจากไปโดยไม่หันกลับ



หลังพระหญิงไคเซ็นเข้าร่วมการฟัง

หลังศาสนจักรเริ่มแยกตัวเป็นหลายกลุ่ม

หลัง “เสียงที่ไม่มีผู้นำ” แพร่กระจาย

คำถามเดียวที่ยังค้างคาในทุกตระกูลคือ—

“เงา” ที่เคยชี้นำแผ่นดินนี้จะกลับมาอีกหรือไม่?

และการกลับมาของฮากุโร่

ไม่ใช่ด้วยการรบ

ไม่ใช่ด้วยแผน

แต่ด้วยการนั่ง…เงียบๆ

คือคำตอบที่ไม่มีใครกล้าคาดคิด



คืนนั้น

ซาโยะเข้าหาเขา

ในห้องเล็กหลังวิหาร

โคมเดียวส่องไฟ

“เจ้ากลับมาทำไม?”

“ไม่มีใครรอคำสั่งเจ้าอีกแล้ว”

“ธงก็ถูกลด

ตำราก็ถูกเผา

แม้แต่ดาบที่ข้ายังซ่อนไว้ในอกเสื้อ...ตอนนี้ข้าก็ไม่แน่ใจว่าควรใช้มันกับใคร”

ฮากุโร่มองเธอด้วยดวงตาข้างเดียวที่ยังเหลือ

เงียบ

ซาโยะตวัดเสียง

“หรือเจ้ากลับมาเพียงเพื่อ ‘ฟัง’ — อย่างที่ทุกคนบอกกัน?”

“นี่มันไม่ใช่เจ้าหรอก ฮากุโร่! เจ้าคือคนที่ร่างแผนเงา

เจ้าเคยสั่งให้ข้าฆ่าคนสิบคนเพื่อปิดปากข่าวเดียว

เจ้าเคยทำให้แม่น้ำทั้งสายกลายเป็นหมึกสีดำ

แล้วตอนนี้...เจ้ามานั่งเงียบ ๆ กับสมุด?”

เขายิ้มบาง

ยิ้มที่เคยเย็นชา

แต่คราวนี้กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

ก่อนกล่าวเพียงว่า...

“ข้าเคยสั่งมากเกินไป จนลืมฟังแม้แต่เสียงของตนเอง”

“วันนี้ ข้าขอกลับมาเป็นแค่ผู้ฟังคนหนึ่ง”

“แผ่นดินนี้ไม่ต้องการเงาที่สั่งอีกแล้ว มันต้องการเงาที่ ‘ฟังได้’”



วันรุ่งขึ้น

เขาไม่ปรากฏตัวอีก

แต่ข่าวว่า “ฮากุโร่กลับมาแล้ว และไม่พูดอะไรเลย”

แพร่ไปทั่ว 12 ตระกูล

หมู่บ้านที่ยังลังเล เริ่มจัดพิธีฟังขึ้นเอง

พระบางคนเริ่มนั่งในงานศพ โดยไม่เทศน์

นักรบบางกลุ่มละอาวุธลง

และเลือกเขียนสมุดแทน

ซาโยะเฝ้ามองปรากฏการณ์นั้น

ในใจเธอไม่เคยเชื่อว่า

“การไม่พูด” จะมีอำนาจมากขนาดนี้

แต่ตอนนี้...เธอรู้แล้ว

ว่าเงาที่ฟังได้

น่าเกรงกล้ายิ่งกว่าเงาที่ฟาดฟัน



ค่ำวันหนึ่ง

เด็กจากเมืองชายแดนมาถึงวิหาร

พวกเขาเดินเข้าไป

วางสมุดไว้ข้างหน้าฮากุโร่ที่ยังคงนั่งอยู่

ไม่มีคำอธิบาย

ไม่มีพิธี

แต่ฮากุโร่...หยิบสมุดนั้นขึ้น

เปิด

และ...ยิ้ม

เพราะในหน้านั้น

ไม่มีบทสวด

ไม่มีชื่อเทพ

มีเพียงประโยคหนึ่ง

“ถ้ามีคนฟัง ข้าก็ไม่หายไป”


จบบริบูรณ์ ซีซัน 2

แผ่นดินที่เคยเต็มไปด้วยเสียงคำสั่ง

บัดนี้เริ่มเข้าใจว่าความเงียบ

คือคำตอบที่ลึกกว่าบทสวดใด ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ตอนพิเศษ สมุดที่ไม่เคยเขียนจบ

    ตอนพิเศษ “สมุดที่ไม่เคยเขียนจบ” — บันทึกเงาของซาโยะสมุดที่ไม่เคยเขียนจบ— บันทึกเงาของซาโยะ —ข้าไม่รู้ว่ากำลังเขียนเพื่อใครและไม่แน่ใจว่าใครจะอ่านสิ่งนี้ในภายหลังแต่หากไม่มีใครเลย...ก็ให้มันเป็นเพียงเสียงในเงา ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ข้าเขียนในคืนที่ฮากุโร่ยังนั่งเงียบอยู่ในวิหารภายใต้โคมเพียงหนึ่งดวง ที่ไม่รู้ว่าจะแสงถึงเช้าไหมฮากุโร่ไม่ใช่คนเดิมหรือบางที...เขาเพิ่งได้เป็น “ตัวตน” จริง ๆ ครั้งแรกเขาไม่ใช่ขุนศึกอีกแล้วไม่ใช่เสียงสั่งการ ไม่ใช่เงาที่วางกลยุทธ์เขาเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่นั่งลงหน้าสมุด แล้วไม่พูดอะไรเลยแต่เพราะเขาไม่พูดข้าจึงเริ่มได้ยินเสียงในใจตนเอง เสียงของข้าและเสียงของคนที่ไม่เคยถูกฟังมาก่อนครั้งหนึ่งข้าเคยเกลียดเขาด้วยทั้งเลือดของพ่อข้า และน้ำตาของแม่แต่ความเกลียดก็เป็นเงาเช่นกันมันไล่ตามแสง เมื่อข้ายิ่งใกล้เขาจนวันหนึ่งข้าเริ่มรู้สึกว่าหากเขาเป็นเงา…ข้าเองก็คือผู้ที่อยู่ใต้แสงนั้นและเงานั้น…ไม่ได้บดบังข้าแต่มันโอบล้อมข้าไว้ในคืนที่เขากลับมาข้ามองมือที่เขาสูญไปมือที่ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่ามันสังหารพ่อข้ามือที่ครั้งหนึ่งแตะหลังข้าในห้องหอครั้ง

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 115: เงาที่ฟังได้

    เงาที่ฟังได้เมื่อนักรบกลับมาโดยไร้ดาบและการฟังกลายเป็นชัยชนะเดียวที่ยังเหลืออยู่เสียงรองเท้าไม้แตะพื้นหินของวิหารเก่าในแคว้นอาคิซึนั้นเบาเกินจะเป็นเสียงของนักรบ แต่พอแรงพอให้หัวใจของผู้เฝ้าประตูสะดุดจังหวะฮากุโร่ — ขุนศึกเงาที่หายสาบสูญไปกว่าแปดเดือน — เดินกลับมาผ้าพันแผลปิดครึ่งใบหน้าข้างขวามือข้างหนึ่งหายไปแขนอีกข้างยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่สมควรอยู่บนร่างของผู้ที่เคยควบคุมแผนรบหลายสิบสนามแต่เขาเดินอย่างไม่ลังเลไม่เหมือนคนบาดเจ็บไม่เหมือนแม่ทัพเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กลับบ้านในห้องศาลาว่างกลางวิหารไม้โต๊ะเรียบไม่มีเครื่องเซ่น ไม่มีธง ไม่มีแท่นศักดิ์สิทธิ์มีเพียงสมุดเล่มหนึ่งเปิดวางไว้“สมุดฟัง” — สมุดเล่มแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้รอดจากพิธีล้างข้างในคือชื่อของผู้ที่ไม่มีชื่อในตำราเสียงของผู้ตายที่ไม่เคยถูกนับความทรงจำของเด็กคำพูดของคนแก่บันทึกของแม่ที่เคยพูดกับลูกเพียงครั้งเดียวก่อนจากไปฮากุโร่นั่งลงหน้าสมุดนั้นเงียบไม่พูดไม่แตะต้องไม่เอ่ยคำใดเขาแค่นั่งแล้วฟัง“เขายังมีลมหายใจจริงหรือ?”ขุนพลแห่งตระกูลยามาโนะกระซิบ“ข้าคิดว่าเขาตายไปแล้วที่อิคุซะโนะโมริ”“ไม่ใ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 114: การสวดโดยไม่มีพระ

    การสวดโดยไม่มีพระเมื่อคำที่ออกจากปากคนธรรมดา กลายเป็นพิธีที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำลานหน้าศาลาไม้หลังเก่าในหมู่บ้านฮินะมิ ปกคลุมด้วยหมอกจางในยามเช้าที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ประกอบพิธีศพของศาสนจักรพระผู้เทศน์จากศูนย์กลางจะเดินทางมาสวดบทตามตำรา พิธีจะจบภายในหนึ่งชั่วโมงไม่มีน้ำตาไม่มีเสียงอื่นเพียงคำว่า “สว่าง” ถูกเอ่ยซ้ำ ๆแต่วันนี้... ไม่มีพระมาสวดผู้คนยังยืนเรียงกันบางคนถือสมุดเล่มเล็กบางคนมีเพียงเศษกระดาษจารด้วยชื่อศพของ “อาคาเนะ” หญิงชราผู้เสียชีวิตในคืนที่ผ่านมา ถูกวางไว้กลางเสื่อหญ้าไม่มีเทียนไม่มีธูปไม่มีแท่นบูชามีเพียงหลานชายของนาง — เด็กชายวัยสิบสามชื่อ “โทริโอะ”ที่ยืนขึ้นเปิดสมุดเล่มหนึ่งและเอ่ยคำว่า“ข้าเคยฟังเธอร้องเพลงกล่อมตอนนั้นข้าไม่รู้ความหมายตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า…เธอกำลังพยายามให้ข้าจำเสียงของเธอ”ไม่มีใครขัด ไม่มีใครสวดแทรกเงียบก่อนที่หญิงอีกคน — ลูกสะใภ้ของอาคาเนะ — จะลุกขึ้นและกล่าวชื่อของสามีที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้วตามด้วยชื่อของลูกสาวแล้วกล่าวว่า“ทุกชื่อที่เธอจำไว้ พวกเราจะจำต่อให้”และนั่นคือจุดเริ่มต้นของพิธีศพที่ไม่มีพระไม่มีบทไม่มีตราประทั

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 113: ตระกูลที่ยอมลดธง

    ตระกูลที่ยอมลดธงเมื่อตราประจำตระกูลไม่สำคัญกว่าชื่อของคนที่ไม่มีใครจดจำ“เจ้าจะให้เรายอมลดธงตระกูลง... เพื่อฟังเสียงของเด็ก?”เสียงของ อาซูมะ โชอุน ดังก้องในหอปรึกษากลางปราสาทหินสูงแห่งฮิโนคามิ เสียงของชายที่เคยเป็นหนึ่งในเจ็ดดาบปราบขุนนางทรราช เสียงที่เคยทำให้แม่ทัพทั้งสามแคว้นต้องก้มหน้าแต่วันนี้ เสียงนั้นถามกับเด็กหญิงคนหนึ่งเด็กหญิงที่ตัวเปื้อนฝุ่น ขาเปล่า ผมสั้นยุ่งเหยิง และไม่มีตรา ไม่มีบทสวด ไม่มีผู้นำเธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วกล่าว“ข้าไม่ได้ขอให้ท่านลดธง... ข้าเพียงอยากให้ท่านจำชื่อของผู้ตายใต้ธงนั้น”ห้าปีก่อน ตระกูลอาซูมะคือแนวหน้าในการสนับสนุนศาสนจักร พวกเขาสร้างศาลาใหญ่ริมทะเล ถวายธงพิธีทั้งเจ็ดผืน ตั้งบทสวดเอง และล้างชื่อลูกบ้านที่ขัดคำสั่งออกจากทะเบียนแห่งแสงแต่หลังเหตุการณ์ "สมุดเงา" ที่แพร่เข้ามาถึงหมู่บ้านชายฝั่งอย่างเบา ๆ แต่ต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มแอบสวดชื่อของลูกที่ตาย แทนที่จะสวดตามตำราอาซูมะ โชอุน เองก็ได้ยินเสียงนั้นทุกค่ำเสียงกระซิบใต้ต้นสนเสียงท่องชื่อคนรักของลูกสาวเขาที่ตายโดยที่ไม่มีใครพูดถึงวันหนึ่ง เขาพบสมุดเปื้อนดินวางอยู่ใต้ธงตระกูลเปิดดู พบเพียงช

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 112: เสียงที่เริ่มเดินทาง

    เสียงที่เริ่มเดินทางหมอกในเช้าวันนั้น ไม่ได้คลุมแค่แผ่นดิน... แต่คลุมถึงความเงียบในใจเด็กๆ ทุกคนสายลมในหมู่บ้านอิซึนะเช้านั้นพัดเบา แต่แหลมคมพอจะตัดผ่านคำพูดที่ไม่เคยพูดออกไปเด็กหญิงตัวเล็กในชุดกิโมโนเก่าโบกมือให้หลังแม่ที่ยืนอยู่หน้าเรือนพัก สองตาแดงก่ำแต่ไม่หลั่งน้ำตา“เจ้าจะไปไกลแค่ไหน?”แม่ถามทั้งที่รู้ว่าไม่มีคำตอบเด็กหญิงก้มหน้า มัดสมุดสวดเก่าแน่นที่เอว ไม่ใช่เพื่อพกคำสวดดั้งเดิม... แต่เพื่อจดสิ่งที่ได้ยินระหว่างทางเด็กอีกเจ็ดคนยืนรออยู่ที่ปากหมู่บ้าน ใครบางคนมีพิณเก่า บางคนมีสมุดขาดกระจัดกระจาย บางคนไม่มีแม้รองเท้าแต่ทุกคนมี "ชื่อ" ที่ตั้งใจจะฟังให้ได้พวกเขาไม่ใช่คนเทศน์ ไม่ใช่นักสวด ไม่ใช่นักรบแต่คือเด็กที่เดินออกไปเพื่อนำ “การฟัง” ไปยังที่ที่ไม่มีเสียงการเดินทางไม่เริ่มด้วยเสียงตีกลองแต่มันเริ่มเมื่อขาเล็ก ๆ ย่างเหยียบถนนดินที่ไร้ผู้ต้อนรับ“หมู่บ้านโคมแดง” คือจุดหมายแรกหมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องโรงน้ำชาศักดิ์สิทธิ์ทุกเช้าเสียงสวดจากวัดกลางจะไล่ผู้คนให้ยกมือพนม แม้ไม่ได้เข้าใจความหมายเมื่อเด็กกลุ่มนี้เดินเข้าไปโดยไม่มีบทสวด ไม่มีผ้าคลุมหัว ไม่มีพระนำ พวกเขาก็ถูกต้

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 111: เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด

    เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด– ศาสนจักรพังทลายไม่ใช่จากการโจมตี แต่จากการฟัง**ศาลาหลวงของศาสนจักรกลางเคยเป็นสถานที่ที่เสียงต้องผ่านการอนุมัติต้องถูกรับรอง ต้องมีรูปแบบ ต้องมีที่มาแต่ในเช้าวันที่หก หลังพิธีการจำร่วมครั้งแรกเสียงหนึ่งลอดเข้ามาโดยไม่มีการร้องขอ“แม่ของข้า… ไม่เคยถูกเรียกชื่อในที่แห่งนี้”เด็กชายในชุดเก่าขาดยืนกลางศาลา“แต่ข้าจะพูดชื่อของนางตรงนี้ — นางชื่อ มิสึโนะ”พระอาวุโสบางคนลุกขึ้นบางคนยืนอึ้งแต่ไม่มีใครกล้าพูดคำว่า “หยุด”ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะไม่มีคำใดตอบได้ว่าทำไมถึงต้องหยุดหลังจากนั้นอีกหลายสิบคนเริ่มพูดชื่อชื่อของคนที่เคยถูกฆ่าคนที่เคยลืมคนที่ไม่มีใบรับรองการตายไม่มีพิธี ไม่มีหลุมศพและเมื่อเสียงเริ่มไม่หยุดศาสนจักรเริ่มพัง — จากข้างในพระหนุ่มรูปหนึ่งเคยเทศน์ตำราเดิมซ้ำพันครั้งยื่นสมุดเงาให้เด็กหญิงคนหนึ่ง“เจ้าเขียนให้ข้าได้หรือไม่… ข้าจำชื่อแม่ข้าไม่แม่นแล้ว”เด็กหญิงพยักหน้าจากนั้นจึงถามกลับเบา ๆ“เจ้าจะจำชื่อลูกข้าแทนด้วยได้ไหม ถ้าเจ้าเจอเขาในภายภาคหน้า”วันนั้น ไม่มีขบวน ไม่มีป้าย ไม่มีคมดาบมีแต่เสียงชื่อที่ไหลผ่านรอยร้าวของกำแพงซึมเข

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status