Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

Share

บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-10 20:28:37

แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

เมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา


“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึง

ผู้คนก็เริ่มฟังกันเอง

โดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”


กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่

แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวร

แต่ในปีแห่งเงาเดินกลางแดด — ปีที่เสียงของเด็กเริ่มดังขึ้นในทุกมุมเมือง — กลางทุ่งแห้งแล้งแห่งนี้ ได้กลายเป็นจุดนัดพบของ "การจำ" ที่ไม่ต้องมีพิธีการ

ชาวบ้านในอาเคะฮะเริ่มจัดพิธีทุกคืนพระจันทร์เสี้ยว

ไม่มีแท่น ไม่มีบท ไม่มีการเคาะไม้

มีเพียงหินกลมสี่ก้อน วางล้อมกันเป็นวง

และสมุดบาง ๆ ที่ถูกเวียนให้กันเขียน

เขียนชื่อของผู้ตาย

เขียนเสียงสุดท้ายที่เคยได้ยิน

เขียนแม้แต่ความรู้สึกที่ไม่กล้าพูดกับคนเป็น

“วันนี้แม่ยังทำข้าวต้มแบบที่พ่อชอบอยู่”

“ข้าคิดถึงเสียงขำของน้องสาวที่ไม่มีใครได้ยินหลังเธอตาย”

ผู้คนไม่เรียกมันว่าพิธี

แต่เมื่อพวกเขาล้อมวงและฟังกัน

โดยไม่มีใครสั่ง

มันกลายเป็นศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงกลองในวิหารใด


ตระกูลซึคิชิโระ — ผู้ละเครื่องหมายของตน

เมื่อกระแส “พิธีจำ” เริ่มแทรกเข้ามาในเมืองใกล้ชายแดน

ตระกูลซึคิชิโระ หนึ่งใน 12 ตระกูลผู้ปกครองโยะริมิยะ จึงต้องประชุมอย่างลับ ๆ ในคฤหาสน์บนเนินเขา

ผู้นำคนใหม่ของตระกูล — "ท่านหญิงซึคิชิโระ อายาเนะ" — ไม่ได้พูดอะไรในที่ประชุม

เธอเพียงวางสมุดฟังเก่าฉบับหนึ่งกลางโต๊ะ

เปิดหน้าแรก

ให้ทุกคนอ่านชื่อของบุตรชายคนโตที่ตายไปเมื่อปีก่อนในการประหารหมู่โดยศาสนจักร

“ไม่มีใครในพวกท่านสวดชื่อเขา…แม้แต่ข้า”

เสียงเธอแผ่วเบา แต่บาดลึก

ขุนนางชราเงียบกริบ

จนกระทั่งหนึ่งในนั้นถามว่า

“แล้วเราจะทำเช่นไร หากเลือกเสียงแทนบท?”

อายาเนะเพียงตอบว่า

“เราจะละเครื่องหมายตระกูลบนธง

และเปิดพื้นที่ในเขตปกครองให้ ‘พิธีจำ’ เกิดขึ้น

ไม่ใช่เพราะต่อต้านศาสนจักร…แต่เพราะข้าอยากจำชื่อลูกของตัวเองให้ได้เสียที”

การตัดสินใจนั้น ถูกขนานนามว่า “การละธง” — เป็นครั้งแรกที่ตระกูลใหญ่แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าพร้อมจะเปลี่ยนทิศ


ความรักที่ไม่มีศาสนาอนุญาต

ท่ามกลางความเงียบที่เริ่มมีเสียง

ก็เกิดความรักหนึ่งที่ไม่มีตำราใดรับรอง

มิโอะ — บุตรสาวของนักจารคำแห่งศาสนจักร

แอบเดินทางมาที่อาเคะฮะทุกคืนวันพระจันทร์เสี้ยว เพื่อเขียนสมุดฟัง

เธอเคยเป็นผู้จดบทสวดให้กับพระอาวุโส

มือของเธอคุ้นชินกับหมึกดำจากตำรา

แต่ในค่ำคืนหนึ่ง มือเดียวกันนี้ได้จับมือของชายคนหนึ่ง

เรียวเซย์ — ชายหนุ่มจากตระกูลอาซึกิ ผู้แอบนำสมุดฟังเข้าไปในเมืองหลวง

เขาไม่ใช่ผู้ศรัทธา

แต่เป็นผู้แบกคำของคนที่ศาสนจักรไม่จดจำ

มิโอะกับเรียวเซย์ พบกันทุกคืนที่ “วงจำ”

ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก

เพียงแค่เขียน

และอ่านชื่อของใครบางคนที่ไม่มีใครพูดถึง

คืนหนึ่งฝนตกหนัก

พวกเขาหลบอยู่ใต้ต้นไม้เดียวกัน

มือที่สั่นของมิโอะวางลงบนหลังมือของเรียวเซย์ที่เปื้อนหมึก

“แม้เราจะไม่ใช่พระ ไม่ใช่ผู้สวด…แต่ข้าก็อยากเขียนชื่อของเจ้าไว้ก่อนใคร”

คำสารภาพนั้น ไม่อยู่ในสมุด

แต่มันสลักลงในใจ


การเคลื่อนไหวของศาสนจักร

เมื่อการจำแบบไร้ตำราแพร่กระจาย

ศาสนจักรส่วนกลางจึงส่ง “ผู้กวาดเงา” ลงมาที่แคว้นนี้

ไม่ใช่กองกำลัง แต่เป็นเหล่าพระเคร่งที่ถูกสั่งให้เข้าไป "เตือน"

ว่าการไม่มีตำรา…คือการก้าวข้ามเขตของพระเจ้า

แต่สิ่งที่พวกเขาเจอ

กลับไม่ใช่การต่อต้าน

แต่คือ "วงฟัง" ที่เต็มไปด้วยผู้เฒ่า เด็ก และหญิงชรา

ทุกคนเงียบ

ไม่มีใครหยิบอาวุธ

ผู้กวาดเงาเริ่มแยกไม่ออกว่า จะหยุดอะไร?

เสียงของใครควรห้าม?

ชื่อของใครควรถูกลืม?


สมุดใต้ดิน และกลยุทธ์ของเสียง

เรียวเซย์เริ่มสร้าง “เส้นทางใต้ดินของสมุดฟัง”

เขาเชื่อมหมู่บ้านหลายแห่งด้วยเครือข่ายคนเดินทาง

ไม่ใช่เพื่อปฏิวัติ

แต่เพื่อส่งต่อเสียง

กลยุทธ์ของเขาไม่ใช่ดาบ ไม่ใช่ศร

แต่คือ “การให้ใครสักคนจำชื่อใครสักคนหนึ่ง”

“ถ้าทุกหมู่บ้านจำคนของหมู่บ้านอื่นได้

ไม่มีสงครามใดจะเกิดขึ้นง่าย ๆ อีก”


จุดเริ่มของจุดจบ หรือจุดเริ่มของแสง?

เมื่อพิธีจำกลายเป็นเรื่องปกติ

ชาวบ้านเริ่มรวมกันทุกเจ็ดคืน เพื่ออ่านรายชื่อผู้ตาย

พวกเขาไม่ได้จำเพื่อเศร้า

แต่เพื่อรู้ว่า “เสียงยังอยู่”

ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง

มิโอะกับเรียวเซย์ยืนอยู่หน้าวง

ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือบุตรสาวของนักจารคำ

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยถูกไล่ออกจากตระกูล

แต่พวกเขาร่วมอ่านชื่อเดียวกัน

ชื่อของเด็กชายที่ตายกลางสงครามเมื่อหลายปีก่อน

“ชื่อของเขาคือ ฮิคารุ…

เขาเคยบอกว่า อยากให้ใครสักคนฟังเขาก่อนจะตาย”


ตอนจบของบท: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

ในหมู่บ้านที่ไม่เคยมีศาลา

ไม่มีพระ

ไม่มีระฆัง

ไม่มีแท่นบูชา

แต่กลับมีแสงไฟจากตะเกียง

มีเสียงอ่านชื่อ

และมีดวงตาหลายร้อยคู่…ที่ไม่ต้องเชื่อในสิ่งเดียวกัน

แต่อยู่ร่วมกันได้

เพราะพวกเขา “ฟัง” มากพอ


“เสียงที่ฟังได้…ไม่ต้องการที่สูงใด

เพียงวงกลมหนึ่ง กับคนสองคน…ที่กล้าจำชื่อของกันและกัน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status