Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 129: พระที่ล้มแท่นของตน

Share

บทที่ 129: พระที่ล้มแท่นของตน

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-13 20:02:50

“พระที่ล้มแท่นของตน”

พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน


“เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู

บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ”


วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ

เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ

เรียกชาวบ้านให้สวดตาม

สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ

ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า

“คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด”

แต่วันหนึ่ง

เสียงระฆังเงียบ

ไม่มีใครตี

ไม่มีเสียงสวด

มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา


พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก

ชื่อของเขาคือ “คันริว”

ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง

เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม

เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด

เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย”

แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด

ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน

เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา

“เสียงที่แม่ร้องไห้”

“ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง”

“เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี”

เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน

จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก


เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้าวัด โดยไม่ไหว้พระ

เด็กชายอายุราวแปดขวบ

ชื่อ "อิโตะ"

เสื้อผ้าเปียกปอน

ดวงตาไม่กลัว ไม่ศรัทธา แต่แน่วแน่

เขาเดินตรงเข้าหอเทศน์

ไม่คำนับพระ ไม่ยกมือ

เพียงแค่นั่งลงบนพื้นเย็น

วางสมุดฟังเก่า ๆ หนึ่งเล่ม

แล้วพูดว่า

“ข้าไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อข้า…เพราะพวกท่านไม่รู้จักชื่อของเขา”


ไฟเผาตำรา ไม่ได้เผาศรัทธา

คันริวอึ้ง

เขาถามเพียงสั้น ๆ

“แล้วเจ้าจะให้ใครสวดแทน?”

อิโตะไม่ตอบ

เขาเพียงเปิดสมุด

อ่านชื่อพ่อของตน

ต่อด้วยเรื่องที่ไม่มีพระรูปใดรู้จัก

“เขาร้องเพลงแปลก ๆ เวลาฝนตก”

“เขาทำรองเท้าให้แม่ แต่ผิดข้างทุกคู่”

“เขาเคยพูดว่า อยากให้ลูกจำเสียงเขาได้ แม้ไม่มีใครสวด”

คันริว…ร้องไห้

น้ำตาไหลออกมาครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

เขาหยิบตำราที่ตนเคยจารด้วยมือสั่น

เดินไปยังลานกลางวัด

โยนลงกองไฟ

อิโตะตะลึง

“ทำไมพระถึงเผาคำศักดิ์สิทธิ์?”

คันริวตอบ

“เพราะข้าเพิ่งได้ยินคำศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เป็นครั้งแรก…และมันไม่มีอยู่ในเล่มไหนเลย”


วงฟังแทนแท่นบูชา

ข่าวลือแพร่ไปในหมู่บ้านรอบนอก

พระในโฮเซ็นจิเริ่ม “ไม่เทศน์”

แต่ฟัง

พระสามรูปที่เคยถูกฝึกให้ท่องบทสวด

เปลี่ยนชุดครองเป็นผ้าธรรมดา

นั่งล้อมวงกับชาวบ้าน

ถือสมุดฟังแทนไม้เคาะ

ไม่มีลำดับ ไม่มีอำนาจ

มีเพียงการฟังกัน

เสียงของเด็กที่เล่าเรื่องปู่ย่าที่ตายไป

เสียงของหญิงชราที่จำเสียงของสามีได้แค่เวลานอน

เสียงของผู้ชายเงียบงันที่เขียนชื่อแม่ตัวเองเพียงคำเดียว

“การฟังกลายเป็นพิธีใหม่

และตำราถูกเก็บไว้ในหอที่ไม่มีใครไขกุญแจ”


การไต่สวนจากศาสนจักรกลาง

ข่าวของ “พระแปรพักตร์” ทำให้ศาสนจักรไม่อาจอยู่เฉย

พระอาวุโสจากเมืองหลวงถูกส่งมาสอบสวน

พวกเขายืนต่อหน้าคันริว

ยื่นบทสวดขึ้น

ถามว่า

“เจ้าปฏิเสธตำรา?

หรือเจ้าปฏิเสธพระเจ้า?”

คันริวไม่ตอบ

เพียงหยิบสมุดฟัง

เขียนชื่อแม่ของพระผู้สอบสวน

แล้วส่งคืน

“ข้าฟังชื่อของเธอด้วย…แม้ข้าไม่เคยรู้จัก

เพราะไม่มีใครควรตายโดยไม่มีคนฟัง”


พระที่กลายเป็นผู้ฟัง

หลังการไต่สวน

ศาสนจักรสั่ง “ถอดสมณศักดิ์”

สั่งปิดวัดโฮเซ็นจิ

สั่งห้ามจัดพิธีใดนอกตำรา

แต่ไม่มีใครเชื่อฟัง

แม้แต่พระในวัดเดียวกัน

“ข้าไม่ใช่พระอีกต่อไป” คันริวพูดกลางลานวัด

“ข้าเป็นผู้ฟัง”


เงาที่สะท้อนในเปลวไฟ

แม้ตำราจะถูกเผา

แม้แท่นบูชาจะถูกรื้อ

แต่ศาลาไม้ของโฮเซ็นจิกลับเต็มไปด้วยผู้คนทุกค่ำคืน

เด็ก ๆ เดินเข้ามาพร้อมสมุด

ชาวบ้านนั่งล้อมวง

ไม่มีใครต้องไหว้

ไม่มีใครต้องเทศน์

แต่ทุกคน "ฟัง"

เสียงของแม่พูดถึงลูกที่หายไป

เสียงของพ่อพูดถึงภรรยาที่ตายแต่ชื่อยังอยู่

เสียงของเด็กเขียนชื่อของคนที่ไม่มีใครพูดถึงในสิบปี

และคันริว…นั่งเงียบข้าง ๆ

ไม่เทศน์

ไม่ตอบ

เพียงฟัง


คำสุดท้ายจากพระที่ล้มแท่นของตน

ในปีสุดท้ายของชีวิต

คันริวถูกถามอีกครั้งว่า เสียใจไหมที่เผาตำรา?

เขายิ้ม

“ไฟไม่ได้เผาคำศักดิ์สิทธิ์

มันเผาความกลัวที่ข้าเคยมี

ข้ารู้แล้ว…ว่าศรัทธาจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนบอกให้เชื่อ

แต่มันคือเสียงที่กล้าพูด…แม้ไม่มีใครอนุญาต”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่นของตน

    “พระที่ล้มแท่นของตน”พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน“เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหูบางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ”วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะเสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำเรียกชาวบ้านให้สวดตามสั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า“คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด”แต่วันหนึ่งเสียงระฆังเงียบไม่มีใครตีไม่มีเสียงสวดมีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผาพระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึกชื่อของเขาคือ “คันริว”ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเองเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถามเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดเคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย”แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัดที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสนเขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง”“เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี”เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียนจนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตกเด็กที่เดินฝ่าฝนเข้าวัด โดยไม่ไหว้พระเด็กชายอายุราวแปดขวบชื่อ "อิโตะ"

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status