หน้าหลัก / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

แชร์

บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

ผู้เขียน: mafath9
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-09 21:13:43

ผู้เงียบที่เริ่มพูด
- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่


ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่

เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยน

ไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์

แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่

ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์

แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำ

เด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"

เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำ

แต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วน

แม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือ

และศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูล

ริสึยืนหน้าศาลา

มือสั่นเทา

แต่พูดอย่างมั่นคง:

“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำ

เพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหาย

วันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”


ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะ

ขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะ

ในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่

หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียน

ดวงตาของนางมืดแน่นิ่ง แต่ริมฝีปากกระซิบคำถามที่มีแต่เงาเท่านั้นจะได้ยิน:

“นี่…มันเริ่มขึ้นแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?”

หญิงสาวนางนั้นชื่อว่า ยามาโนะ มายะ

บุตรีลำดับสองของท่านผู้นำตระกูล

ผู้ที่ถูกอบรมให้ ‘นิ่งไว้’ ให้ ‘อยู่หลังม่าน’

และให้ ‘ฟังอย่างเดียว อย่าพูด’

มายะคือเงาในห้องที่ไม่มีใครหันมา

คือหญิงผู้มีพรสวรรค์ด้านการฟัง แต่ไม่เคยถูกขอให้พูด

แต่ในค่ำคืนนี้ นางยืนอ่านสมุดฟังเวียน

ที่ถูกส่งเข้ามาอย่างลับ ๆ โดย “ตัวแทนหมู่บ้านฟัง” จากชายแดนตะวันตก

ในนั้นมีข้อความจากเด็ก ผู้หญิง คนแก่ และแม้แต่พระบางรูป

เขียนด้วยถ้อยคำที่ไม่เรียบหรู ไม่ถูกต้องตามไวยากรณ์

แต่เต็มไปด้วยความทรงจำและชื่อ…ชื่อที่ศาสนจักรไม่เคยจารึก


ความเงียบที่กลายเป็นพลัง

วันถัดมา

มีการประชุมลับในตระกูลยามาโนะ

ท่านผู้นำ และบุตรชายคนโต — ยามาโนะ ซาเอยิ

เตรียมการเสนอสนธิสัญญาศรัทธารูปแบบใหม่แก่ศาสนจักร

โดยตั้งเป้าจะกดขบวนการ “ฟังเงา” ให้สิ้นซาก

“ถ้าปล่อยพวกมันพูด ทุกตระกูลจะสั่นคลอน

ถ้าทุกคนมีสิทธิ์จดจำ ทุกคนก็มีอำนาจ” ซาเอยิกล่าว

“เราต้องทำให้คำสวดกลับเป็นสิ่งเดียวที่ถูกต้องอีกครั้ง”

มายะนั่งนิ่ง ไม่พูดเช่นเคย

แต่เมื่อการประชุมจบลง

นางเขียนข้อความสั้น ๆ ลงบนกระดาษ

แล้วส่งให้พี่ชายของตน

“ถ้าท่านต้องการให้เงากลับไปเงียบ…

ท่านจะต้องหยุดการเติบโตของดวงตะวัน”


การพบกันของเสียงเงาและเลือดตระกูล

ในคืนเดียวกันนั้น

มายะเดินทางลับออกจากคฤหาสน์ยามาโนะ

ปลอมตัวเป็นหญิงคนใช้ และออกไปยังหมู่บ้านชายแดน

จุดหมายคือ “ศาลาที่ไม่มีประตู” — ศูนย์กลางของขบวนฟังเงา

ที่นั่น นางได้พบกับชายคนหนึ่ง

ผู้เงียบไม่ต่างจากนาง

แต่เคยสั่นสะเทือนสงครามทั้งแผ่นดินด้วยเพียงการเดิน

ฮากุโร่แห่งตระกูลคุเสะ

ผู้หายตัวไปหลังศึก “เงาที่ฟังได้”

บัดนี้นั่งอยู่ในศาลาไม้

ถือสมุดฟังไว้บนตัก

ดวงตาของเขายังเจ็บจากบาดแผลในอดีต

แต่การมองของเขาคมชัดกว่าเดิม

มายะนั่งตรงข้ามกับเขา

แล้วพูดประโยคแรกในชีวิตที่ไม่ใช่คำสั่งจากตระกูล:

“ท่านยังจำเสียงของผู้ที่ไม่มีชื่อได้หรือไม่?”

ฮากุโร่เงียบไปนาน ก่อนตอบ:

“ทุกเสียง…ยังอยู่ในสมุดนี้

แต่สิ่งที่ยังไม่มีก็คือคนในตระกูลใหญ่…ที่ยอมฟัง”

ดวงตาของมายะหลุบลง

นางยื่นสมุดเล่มใหม่ออกไป — เขียนด้วยลายมือตัวเอง

ไม่มีชื่อผู้เขียน ไม่มีตราประจำตระกูล

แต่มีชื่อของสาวใช้ คนสวน ทหารเฝ้าคฤหาสน์

และแม่ของนาง…ผู้ตายโดยไม่มีใครจำ

“นี่คือสิ่งแรกที่ข้ากล้าพูด…แม้จะไม่มีเสียง”


ความรักในเงา

หลายคืนหลังจากนั้น

มายะไม่ได้กลับตระกูล

นางพักอยู่ในหมู่บ้านแห่งการฟัง

ร่วมจดชื่อ ร่วมฟังเรื่องเล่า ร่วมเขียนสมุดเวียน

และในคืนหนึ่ง

ใต้แสงตะเกียงน้ำมัน

เสียงของแมลงและสายลม

ฮากุโร่เอื้อมมือแตะหลังมือของมายะ

แล้วพูดเพียงเบา ๆ:

“ในที่สุด…เสียงของเจ้า ก็กลายเป็นแสง”

นั่นไม่ใช่คำรักหวานชื่น

แต่เป็นคำรักที่เกิดจากการฟัง

ไม่มีคำสัญญา ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีพันธะ

มีเพียงการเข้าใจในความเงียบของกันและกัน


จุดแตกหักของตระกูล

ข่าวว่าบุตรีตระกูลยามาโนะ "แปรพักตร์"

ถูกส่งกลับมาสู่คฤหาสน์

ซาเอยิสั่งให้ “นำตัวกลับมาด้วยกำลัง”

แต่ทหารที่ถูกส่งไป…กลับกลับมาด้วยสมุดฟังในมือ

พร้อมชื่อของแม่เขียนไว้หน้าแรก

“ข้าฟังแล้ว ข้าจำได้ ข้าจึงไม่อาจจับคนที่ทำให้ข้าจำแม่ได้อีกครั้ง”


จุดเริ่มของการฟังในตระกูลใหญ่

เมื่อมายะเริ่มเขียนสมุดฟังฉบับแรกของตระกูลยามาโนะ

โดยไม่ลงชื่อ ไม่มีตรา

แต่ทุกคำเขียนจากการจำด้วยหัวใจ

สมุดนั้นถูกวางกลางลานบ้าน

ใครก็มาหยิบไปอ่านได้

ใครก็เติมชื่อได้

และในวันหนึ่ง

ท่านผู้นำยามาโนะ…ผู้เคยเงียบงันกว่าใคร

เดินลงจากเรือน

นั่งลงข้างสมุด

และเริ่มเขียนชื่อของผู้ที่เขาเคยสั่งประหาร

ไม่มีใครพูด

แต่ทุกคนรู้…

เสียงแรกในตระกูลนั้นเริ่มต้นแล้ว

โดยผู้ที่เคยถูกฝึกให้ “ไม่ต้องพูด”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status