Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 114: การสวดโดยไม่มีพระ

Share

บทที่ 114: การสวดโดยไม่มีพระ

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-05 01:09:43

การสวดโดยไม่มีพระ

เมื่อคำที่ออกจากปากคนธรรมดา กลายเป็นพิธีที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำ

 

ลานหน้าศาลาไม้หลังเก่าในหมู่บ้านฮินะมิ ปกคลุมด้วยหมอกจางในยามเช้า

ที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ประกอบพิธีศพของศาสนจักร

พระผู้เทศน์จากศูนย์กลางจะเดินทางมาสวดบทตามตำรา พิธีจะจบภายในหนึ่งชั่วโมง

ไม่มีน้ำตา

ไม่มีเสียงอื่น

เพียงคำว่า “สว่าง” ถูกเอ่ยซ้ำ ๆ

แต่วันนี้... ไม่มีพระมาสวด

ผู้คนยังยืนเรียงกัน

บางคนถือสมุดเล่มเล็ก

บางคนมีเพียงเศษกระดาษจารด้วยชื่อ

ศพของ “อาคาเนะ” หญิงชราผู้เสียชีวิตในคืนที่ผ่านมา ถูกวางไว้กลางเสื่อหญ้า

ไม่มีเทียน

ไม่มีธูป

ไม่มีแท่นบูชา

มีเพียงหลานชายของนาง — เด็กชายวัยสิบสามชื่อ “โทริโอะ”

ที่ยืนขึ้น

เปิดสมุดเล่มหนึ่ง

และเอ่ยคำว่า

“ข้าเคยฟังเธอร้องเพลงกล่อม

ตอนนั้นข้าไม่รู้ความหมาย

ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า…เธอกำลังพยายามให้ข้าจำเสียงของเธอ”

ไม่มีใครขัด ไม่มีใครสวดแทรก

เงียบ

ก่อนที่หญิงอีกคน — ลูกสะใภ้ของอาคาเนะ — จะลุกขึ้น

และกล่าวชื่อของสามีที่ตายไปก่อนหน้านี้

แล้วตามด้วยชื่อของลูกสาว

แล้วกล่าวว่า

“ทุกชื่อที่เธอจำไว้ พวกเราจะจำต่อให้”

และนั่นคือจุดเริ่มต้น

ของพิธีศพ

ที่ไม่มีพระ

ไม่มีบท

ไม่มีตราประทับ

 

ข่าวลือแพร่กระจาย

“หมู่บ้านฮินะมิสวดศพกันเอง”

“ไม่มีพระ ไม่มีตำรา แต่มีเสียงร้องไห้ที่ฟังออก”

“ไม่มีแท่น ไม่มีธง แต่มีชื่อที่ไม่เคยสวดได้”

ศาสนจักรกลางส่งนักเทศน์ลงไปตรวจ

แต่เมื่อมาถึง

ศาลาว่าง

ศพถูกฝังแล้ว

ไม่มีหลักฐาน

มีเพียงเสียงบันทึกด้วยพู่กันเขียนบนเสาไม้ว่า

“ขอบคุณที่มาฟัง แต่ข้าไม่ต้องการคนบอกให้ข้าจำ”

นักเทศน์กลับไปพร้อมรายงาน

แต่ในสายตาหลายตระกูล เรื่องนี้เล็กเกินจะสนใจ

จนกระทั่ง... มันเริ่มเกิดอีกในหลายหมู่บ้าน

ในเมืองซาเอะกิ

หญิงชราผู้ชื่อ “โอโมะ” เสียชีวิตจากโรคเก่า

ลูกชายของนางเดินไปที่ศาลากลางเมือง ขอวันพิธี

แต่พระประจำเขตปฏิเสธ เพราะโอโมะเคยไม่เข้าร่วมพิธีล้าง

คืนนั้นเอง

ลูกชายจึงจัดพิธีเล็ก ๆ หลังบ้าน

เขาไม่ได้อ่านบทสวด

แต่เขาเล่านิทานเรื่องที่แม่เคยเล่าตอนยังมีชีวิต

จากนั้น ลูกหลานก็เอ่ยชื่อคนในครอบครัว

เขียนลงบนแผ่นไม้เล็ก ๆ แล้วปักเรียงเป็นแนวรั้วรอบหลุมศพ

ตอนเช้า เพื่อนบ้านได้ยินเสียงของเด็กหญิงร้องชื่อ “ย่าของข้า” ซ้ำ ๆ

ไม่ใช่สวด

แต่เป็นเสียงจำ

พระจากศาลากลางมาอีกครั้ง

แต่ถูกขอให้ “นั่งฟัง ไม่พูด”

ไม่มีใครกล้าขัด

เพราะทั้งหมู่บ้านยืนอยู่รอบหลุม

 

หนึ่งเดือนผ่าน

ข่าวเริ่มถึงเมืองหลวง

“ศพที่ไม่มีพระ”

“พิธีที่ไม่มีบทสวด”

“ชาวบ้านจำกันเอง”

ศาสนจักรเรียกประชุมเร่งด่วน

พระหัวหน้าโต้ว่า

“พิธีโดยไม่มีผู้ผ่านการชำระ ย่อมเสี่ยงต่อการหลงเงา”

แต่ไม่มีใครกล้ายืนยัน

เพราะในบันทึกสองปีหลัง มีมากกว่าห้าสิบกรณีที่ผู้ไม่ได้ผ่านพิธีของศาสนจักร

กลับถูกจดจำชื่อไว้ในสมุดเงา

และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้หมู่บ้านรอบข้าง

พระหญิง ไคเซ็น กล่าวเพียงว่า

“หากประชาชนเริ่มจำได้ด้วยตนเอง

เราจะทำอย่างไรกับตำราที่เขียนให้คนต้องลืม?”

 

พิธี “สวดโดยไม่มีพระ” กลายเป็นการเคลื่อนไหวเงียบ

หมู่บ้านหนึ่งจัดพิธีศพพร้อมการเล่นดนตรีพื้นบ้าน

อีกหมู่บ้าน ใช้ผ้าขาวคลุมศพและเขียนชื่อผู้จากไปด้วยมือของเด็ก ๆ

ไม่มีชุดดำ ไม่มีธง ไม่มีเครื่องแบบ

แต่มีชื่อ

ชื่อที่เคยถูกห้ามเอ่ย

เด็ก ๆ เริ่มถามว่า

“ทำไมเราต้องรอให้คนมีตำแหน่งสวดให้?”

ผู้ใหญ่ไม่มีคำตอบ

บางคนตอบว่า “เพื่อให้วิญญาณไปถึงฟ้า”

แต่เด็กคนหนึ่งตอบกลับว่า

“ฟ้าไม่รับคนที่ไม่มีชื่อหรอก”

 

ศาสนจักรส่งกองกำลังเข้าไปยังหมู่บ้านที่ทำพิธีเอง

แต่ถูกสกัดด้วยสิ่งที่ไม่คาดคิด — ความเงียบ

เมื่อพระเทศน์บท

ชาวบ้านก็ยืนนิ่ง

ไม่มีใครรับ

ไม่มีใครท่องตาม

แต่เมื่อพระหยุด

เด็กชายคนหนึ่งเดินขึ้น

แล้วอ่านชื่อของพี่ชายที่ตายในสงคราม

จากนั้น... ทั้งหมู่บ้านจึงท่องชื่อนั้นร่วมกัน

ไม่ใช่บท

ไม่ใช่คำสั่ง

แต่เป็นเสียงเดียวที่มาจากหลายปาก

เหมือนลมพัดผ่านต้นไม้

กองกำลังถอยกลับ

ไม่มีเลือด

ไม่มีศพใหม่

แต่ความพ่ายแพ้ชัดเจน

 

วันหนึ่งในหมู่บ้านนากามิ

ศพของเด็กหญิงวัยห้าขวบชื่อ “ยูอิ” ถูกฝังพร้อมกับแผ่นไม้เขียนด้วยสีจากดอกไม้

ไม่มีพระ ไม่มีระฆัง

มีเพียงเสียงเด็กชายที่พูดว่า

“ข้าไม่รู้จักเธอดีพอ

แต่ชื่อของเธออยู่ในสมุดข้าแล้ว”

และนั่นคือเสียงสวดใหม่

เสียงที่ไม่ต้องมีแท่น ไม่ต้องมีผู้สั่ง

เสียงที่ลอยข้ามหลังคาไปยังภูเขา

ในที่ประชุมตระกูลใหญ่
ฟูมิเอะ คันซากุ เอ่ยว่า

“เมื่อพิธีไม่มีผู้นำ

แล้วศรัทธาคือสิ่งใด?”

อาซูมะ โชอุน ตอบว่า

“อาจเป็นการฟังเงียบ ๆ ขณะเด็กอ่านชื่อผู้ตาย”


พิธีที่ไม่มีพระ

อาจกลายเป็นพิธีที่แท้จริงที่สุด

เพราะไม่มีใครอยู่สูงกว่าใคร

ไม่มีตำราอยู่เหนือความทรงจำ

สมุดเปล่ากำลังเต็ม
ไม่ใช่ด้วยบทสวด
แต่ด้วยชื่อของคนธรรมดา
ที่เคยไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตายอย่างมีเสียง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status