หน้าหลัก / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

แชร์

บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

ผู้เขียน: mafath9
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-09 23:04:19

พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้น

แผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวัง

ไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืน

ไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…

จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วง

เมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจาง

มีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุด

ลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า

“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้า

ที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”

ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโส

มีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้น

จากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาด

ไม่มีใครสั่งให้ทำ

ไม่มีตำราบอกให้พูด

ไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธี

แต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่

เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไร

มันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่ง

แล้วต่อมา มีอีกสาม

ในอีกสัปดาห์ มียี่สิบสี่

ในอีกเดือน มีร้อยกว่าหมู่บ้าน

ที่ผู้คนเริ่มจัด “พิธีจำ” — โดยไม่มีผู้สั่ง


เสียงที่ไม่รอคำอนุญาต

ในปราสาทของตระกูลยามาโนะ

ท่านหญิงฮินาโกะ ลูกสาวคนรองของเจ้าเมือง มองลงไปจากหอสูง

เห็นกลุ่มคนในตลาดนั่งล้อมกันหน้าศาลาร้าง

เธอเห็นสมุดถูกเปิด

เห็นเทียนเล่มหนึ่งถูกจุดโดยมือเด็กหญิง

เห็นชาวบ้านก้มหน้าอ่านชื่อโดยไม่เงยหันไปหาหอวัง

เธอกระซิบกับแม่บ้านคนสนิท

“หากเจ้าเมืองรู้...เขาจะทำอย่างไร?”

แม่บ้านไม่ตอบ

แต่ดวงตาเธอสั่นไหว

เพราะเธอก็เพิ่งจดชื่อของลูกชายตนเองลงในสมุดฟังเล่มหนึ่ง — ลูกชายที่เสียชีวิตระหว่างก่อสร้างกำแพงวัดในปีที่แล้ว และไม่มีพระรูปใดจดจำชื่อของเขา


กลยุทธ์เงาในรั้วเมือง

ในหอประชุมของตระกูลคุเสะ

ขุนศึกหนุ่มชื่อ คุเสะ โนริอากิ เริ่มแสดงความลังเล

เมื่อได้รับรายงานว่าทหารชั้นล่างเริ่ม “ตั้งวงฟัง” กันเอง

แม้ในกองกำลังที่เตรียมจะเคลื่อนไหวปราบปรามศาสนจักรเงา

“เราไม่อาจต้านกระแสที่เราเองก็เริ่มฟัง”

เขาพูดกับแม่ทัพเก่าแก่

แต่แม่ทัพตอบว่า

“กระแสนี้ไม่มีผู้นำ…และนั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด”


เมื่อพิธีไม่ต้องเริ่มด้วยใคร

ที่ท้องทุ่งอารากาวะ ชาวนาเริ่ม “ร้อยเสียง”

พวกเขานั่งกันเป็นวง กลางวงเป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง

ไม่มีพระ ไม่มีแท่น ไม่มีผู้อาวุโส

มีเพียงสมุดเล่มเล็ก ๆ วางบนหิน

แต่เมื่อคนหนึ่งอ่านชื่อ

คนถัดไปจะต่อด้วยอีกชื่อ

และเสียงของชื่อเหล่านั้นจะไหลต่อเนื่องราวกับบทเพลงโบราณ

ที่ไม่มีผู้แต่ง และไม่มีท่อนที่จบ

เด็กหญิงวัยแปดขวบพูดชื่อของแม่

ชายชราพูดชื่อของเพื่อนที่ตายตั้งแต่สมัยสงคราม

ผู้หญิงที่ไม่เคยถูกเชิญให้พูดอะไรในพิธีใด พูดชื่อของน้องชายที่ไม่มีใครจดจำ

ทุกเสียงไหลเข้าในความเงียบ

และทุกชื่อได้รับการฟัง — เท่าเทียมกัน


เสียงที่สั่นสะเทือนศาสนจักร

ศาสนจักรส่วนกลางเริ่มส่งจดหมายเร่งด่วน

เตือนวัดต่าง ๆ ให้ “รักษาขอบเขตของพิธี”

ห้ามจัด “พิธีจำ” โดยไม่มีพระ ห้ามจดชื่อผู้ตายโดยไม่ได้รับการรับรอง

แต่พระหลายรูปเริ่มไม่เชื่อฟัง

หลายรูปนั่งอยู่ในวงฟังด้วย

บางรูปยังจดชื่อของ “คนที่ตนเคยทำโทษ” ไว้ในสมุด เพื่อเป็นการขอขมาเงียบ ๆ

ศาสนจักรเริ่มแตกร้าว

พระหญิงไคเซ็น ซึ่งเคยแปรพักตร์ไปก่อนหน้า เริ่มส่งสมุดฟังเข้าแคว้นอื่น

และคำพูดหนึ่งของเธอเริ่มกลายเป็นวาทกรรมใหม่

“คนตายไม่ต้องการคำสวด…

แต่ต้องการเพียงชื่อของตนจะไม่ถูกลืม”


ความรักที่ไม่มีบท

ระหว่างกลียุคแห่งความจำ

ซาโยะ นั่งอยู่หน้าศาลาเก่าในแคว้นตะวันตก

ข้างเธอคือฮากุโร่ ผู้เคยเป็นขุนศึกเงาแห่งโยะริมิยะ

ตอนนี้ เขาเดินด้วยไม้เท้า ดวงตาที่เคยแข็งกร้าว…กลับอ่อนลงทุกครั้งที่เด็กคนหนึ่งพูดชื่อพ่อของตน

เธอมองฮากุโร่

แล้วถามเบา ๆ ว่า

“ท่านยังจำชื่อคนแรกที่ท่านฆ่าได้หรือไม่?”

ฮากุโร่นิ่งไปนานมาก

ก่อนตอบว่า

“ไม่ได้จำด้วยความภูมิใจ…

แต่ข้าจะจำเขา เพื่อไม่ให้เขาตายเปล่าอีกครั้ง”

ทั้งสองนั่งเคียงกัน

ไม่มีคำสาบาน ไม่มีพิธีรัก

มีเพียงสมุดฟังหนึ่งเล่ม…ที่ถูกเขียนต่อโดยทั้งคู่


ปราสาทที่เริ่มเงี่ยหู

ในหอวังของตระกูลอาซูมะ

เจ้าเมืองที่เคยห้าม “พิธีจำ”

กลับเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงชื่อของพี่ชายตนเอง — ขุนศึกที่ตายไปเมื่อยี่สิบปีก่อน — ถูกอ่านจากปากของเด็กหญิงที่ไม่เคยรู้จักเขา

เขานั่งฟังจนจบ

ไม่พูดอะไร

แต่วันถัดมา ศาลาหน้าปราสาท…ไม่มีการห้ามใครถือสมุดอีกต่อไป


เสียงที่ไม่จบในหนึ่งคืน

พิธีจำเริ่มกลายเป็นปรากฏการณ์

เริ่มมี “ผู้เงียบ” ในแต่ละหมู่บ้านเป็นผู้นำวงฟัง

เริ่มมีเด็กผู้ชายที่เคยกลัววัด กลายเป็นผู้เริ่มพิธี

เริ่มมีสตรีผู้เคยอยู่หลังม่าน กลายเป็นผู้จดชื่อและเป็นที่เคารพ

และในทุกค่ำคืน

ที่พระจันทร์ครึ่งดวงปรากฏ

หมู่บ้านจำนวนมากจะร่วมกันพูดชื่อ

ของผู้ที่ไม่มีใครพูดถึงอีกนานแล้ว


และนี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบเก่าที่ไม่อาจย้อนคืน

พิธีที่ไม่มีผู้สั่ง

เสียงที่ไม่ต้องขออนุญาต

ชื่อที่ล่องลอยในอากาศ

และผู้คนที่ไม่ต้องรอผู้มีอำนาจ…ในการ “จดจำ”

แผ่นดินโยะริมิยะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ไม่ใช่เพราะกบฏ ไม่ใช่เพราะสงคราม

แต่เพราะ “ความทรงจำ” กลายเป็นพิธี

และทุกคนมีสิทธิ์พูดชื่อของใครบางคน — โดยไม่มีใครสั่ง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status