Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

Share

บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-08 11:23:50

บทที่ไม่มีผู้เขียน

สมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อ

ในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...

ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดัง

เด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุด

อ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่ง

ไม่มีพิธี

ไม่มีใครสั่งให้ทำ

และที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไร

สมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลา

ใครจะเขียนก็ได้

จะเขียนแค่ชื่อ

จะวาดรูป

หรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้

ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง

“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”

เสียงที่ไม่มีเจ้าของ

ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โต

แต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟัง

เมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”

อิโตะมีสมุดของเขา

ซาโยะมีเล่มของพ่อ

ฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรู

แต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกัน

ไม่มีผู้เขียน

ไม่มีคนถือครอง

ไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็น

เด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้

คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตน

แล้วส่งให้คนอื่น

บางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์

แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่อง

ศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลายเป็นที่รวมของสิ่งที่ไม่ต้องการการยอมรับ

เพราะไม่มีอะไรให้ปฏิเสธ

พระหญิงไคเซ็นเคยพูดไว้ก่อนออกจากศาสนจักรว่า:

“การฟัง…จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเราไม่รู้ว่าใครพูด”

และคำนี้กลายเป็นคาถาของศาลาใหม่

ศิลปะของการเงียบเพื่อให้เสียงเกิด

ฮารุกะ เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านชายแดน เคยเขียนบันทึกเล่มหนึ่งไว้ว่า

“ครั้งแรกที่ข้าฟังสมุดโดยไม่รู้ว่าใครเขียน ข้ารู้สึกเหมือนโลกไม่พยายามสอนข้าอะไรเลย…แค่ให้ข้าอยู่กับเสียงนั้น”

ไม่มีสอน

ไม่มีเทศน์

ไม่มีผู้วางโครงสร้าง

เมื่อเด็กคนหนึ่งเล่าเรื่องแม่ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่มีใครเชื่อ

ก็มีผู้เงียบสิบคนล้อมวง

ไม่มีคำพูดปลอบใจ

มีเพียงคนหนึ่งที่จดชื่อของแม่เธอไว้

แล้วเขียนต่อว่า:

“แม้ข้าไม่เคยพบเธอ…แต่ข้าจะไม่ลืมชื่อเธอ”

และคนที่เขียน…ก็ไม่เขียนชื่อของตนเอง

ในโลกที่ผู้คนเคยถูกเรียกด้วยคำสวด

การไม่มีชื่อผู้สวด…กลายเป็นการเคารพขั้นสูงสุด

ความกลัวของศาสนจักร

เสียงกระซิบที่ไม่มีผู้เขียน

กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับศาสนจักรกลาง

ในที่ประชุมลับของเหล่าพระชั้นผู้ใหญ่

มีสมุดฟังสามเล่มถูกนำมาวางตรงกลาง

ไม่มีลายเซ็น

ไม่มีที่มา

แต่ในแต่ละหน้ามีชื่อของคนที่เคย “ถูกลืม” โดยพิธีของจักร

รวมทั้งชื่อของพระบางรูปที่เคยเทศน์ผิด

หรือผู้หญิงที่ศาสนจักรไม่ยอมให้เข้าร่วมพิธี

หนึ่งในพระอาวุโสกล่าวว่า:

“การที่ไม่มีใครรับผิดชอบ…คือความรับผิดชอบสูงสุดของพวกมัน”

เขาเงียบไปนาน ก่อนพูดว่า:

“นี่ไม่ใช่ศรัทธา…แต่มันคือการลบศรัทธาเก่าให้หายไปกับลม”

คำสั่งใหม่จึงถูกประกาศ — ห้ามเวียนสมุดที่ไม่มีตรา

ห้ามจัดพิธีฟังหากไม่มีพระกำกับ

ห้ามเขียนชื่อผู้ตายหากไม่มีใบอนุญาตจากศาสนจักร

แต่สมุดที่ไม่มีผู้เขียน…ก็ไม่มีใครตามทัน

เพราะพวกมัน…เดินเร็วกว่าข่าวสาร

ความรักที่ไม่มีชื่อ

ซาโยะและฮากุโร่…หลังจากคืนที่นั่งใต้ต้นสน

ไม่ได้เขียนอะไรต่อกันเลย

ไม่มีจดหมาย

ไม่มีคำบอกรัก

มีเพียงชื่อของอีกฝ่าย ที่ต่างคนต่างเขียนลงในสมุดที่ไม่ลงชื่อ

แต่ทุกคนรู้

ว่าชื่อเหล่านั้น…คือชื่อเดียวที่เขียนด้วยน้ำตา

ในคืนหนึ่ง ฮากุโร่นั่งอ่านสมุดเล่มหนึ่ง

หน้าแรกเขียนชื่อ “อากิ”

หน้าอื่น ๆ เต็มไปด้วยบทสนทนาเล็ก ๆ ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่ไม่เปิดเผยตน

แต่ตรงกลางเล่มนั้น…มีชื่อซาโยะอยู่เพียงชื่อเดียว

ล้อมกรอบด้วยรอยดิน

เขาเอานิ้วแตะตรงชื่อ

ไม่พูดอะไร

ก่อนเขียนว่า:

“ถ้าเธอฟัง ข้าก็พอแล้ว”

จากนั้น…ก็ไม่ลงชื่ออีกเลย

สมุดที่ไม่มีวันจบ

ในฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น

มีสมุดฟังเวียนไปถึงเมืองหลวง

ถูกวางไว้หน้าประตูวัดหลวงโดยไม่รู้ว่าใครนำมา

ภายในมีชื่อของผู้ถูกประหาร 147 ราย

ไม่มีคำกล่าวโทษ

มีแต่คำเล่าเล็ก ๆ เช่น:

“เขาชอบปลูกดอกไม้ก่อนฤดู”

“เธอเคยร้องเพลงปลุกลูกชายทุกเช้า”

“เขาไม่เคยสวด แต่เขาเคยฟังข้า…ครั้งหนึ่ง”

สมุดเล่มนั้นถูกหยิบโดยคนสวมเสื้อดำ

ถูกซ่อน

แต่หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…มีสำเนาถูกวางไว้ที่ประตูอีกสามวัด

ไม่มีใครหยุดได้

เพราะไม่มีใครรู้ว่าใครเริ่ม

เพราะในโลกของการฟัง…ต้นเสียงไม่สำคัญเท่ากับการไม่ปล่อยให้เสียงนั้นหายไป


บทนี้จบลงพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่ง…วางไว้ที่กลางศาลาฟังที่ไม่มีประตู

ไม่มีใครเฝ้า

ไม่มีแท่น

ไม่มีพระ

มีเพียงลมอ่อน ๆ ที่พลิกหน้าสมุดไปเรื่อย ๆ

และผู้คน…ที่เริ่มต่อแถว

เพื่อเขียนอะไรสักอย่างลงไป

โดยไม่ต้องลงชื่อ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status