บทที่ 81: ศาลาหินของเด็กไร้ชื่อ – พิธีแรกที่ไม่มีพระ แต่มีคนมองตากัน
ในคืนที่ไม่มีผู้ใหญ่
ไม่มีคำสวด
ไม่มีแม้แต่เทียน
มีเพียงชื่อ...ที่ออกจากปากของเด็กที่ไม่รู้ว่าควรเชื่ออะไร
จึงเลือกจะจำ
กลางทุ่งหญ้าแห้งนอกหมู่บ้านโฮตารุ
แต่ในคืนเดือนดับ
อินะยืนตรงกลาง
“คืนนี้…
ใครมีชื่อที่อยากพูดบ้าง?”
เงียบไปชั่วอึดใจ
“ข้า...อยากพูดชื่อพี่สาว”
“เธอชื่อฮารุมิ”
“เธอตายโดยไม่มีเสียงใด เพราะทุกคนบอกว่าเธอหลงผิด”
ไม่มีใครค้าน
ชื่อที่สองตามมา
เด็กบางคนเริ่มยิ้ม
อินะเดินไปยังหินที่ใหญ่ที่สุดกลางศาลา
“ที่นี่คือที่ฟังชื่อ”
ไม่ใช่ศาลา
แต่เป็น “พื้นที่ที่ชื่อคนตายยังมีโอกาสได้ยิน”
ในตอนเช้า
ในบ่ายวันนั้น
ศาลาหินของเด็กไร้ชื่อ
สมุดว่างที่ถูกส่งต่อ – ทุกหน้าคือที่เขียนชื่อผู้ไม่เคยถูกสวด
มันไม่ใช่สมุดบันทึก
ไม่ใช่พระธรรม
ไม่ใช่สมุดสวด
แต่มันคือ “ที่ว่าง” สำหรับคนที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อ
อินะไม่เคยคิดจะเขียนหนังสือ
คืนหนึ่งหลังกลับจากศาลาหิน
“สำหรับชื่อที่ไม่กล้าพูด
แต่ไม่สมควรถูกลืม”
แล้วเขาเปิดหน้าถัดไป
สมุดเล่มนี้ไม่มีผู้เขียนคนเดียว
“ใครก็ได้…แค่เขียน”
ชื่อเริ่มถูกเขียนด้วยลายมือที่ไม่เหมือนกัน
ไม่มีใครเฝ้า
ข่าวลือเรื่อง “สมุดว่างของเด็กในเงา” แพร่ไป
เด็กจากอีกหมู่บ้านเริ่มทำตาม
“เขียนเถอะ…ก่อนที่จะไม่มีใครจำ”
ซาโยะได้สมุดหนึ่งจากเด็กชายในตลาด
เธอเขียนชื่อหนึ่งลงไป
อิจิโร่ — น้องชายที่ตายไปในตอนสงครามแรก
เมื่อเขียนเสร็จ เธอยิ้มเงียบ ๆ
สมุดว่างเล่มนี้
และตราบใดที่ยังมีเด็กกล้าเขียน
ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาตศาลาไม้ที่หมู่บ้านโยโคะกาวะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รวมเสียงสวดแบบดั้งเดิมเด็กไม่สามารถพูดหญิงต้องนั่งด้านหลังชายแก่เท่านั้นที่มีสิทธิ์เปิดสมุดแต่ในเช้าวันหนึ่งเด็กชายอายุสิบสองปีลุกขึ้นถือสมุดเล่มบางเขียนคำสั้น ๆ แล้ววางบนเสื่อหน้าเวที“ชื่อแม่ข้า... ข้าไม่รู้จะสวดอย่างไรแต่ข้าไม่อยากให้หายไป”ไม่มีใครสวด ไม่มีใครกล่าวอาเมนมีแต่ความเงียบจนชายชราผู้เคยเป็นประธานพิธีค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินมานั่งข้างเด็กแล้วพูดแค่คำเดียว“ชื่อใคร?”ศาลานั้นไม่มีลำดับอีกต่อไปไม่มีใครรอใบอนุญาตจากวัดไม่มีตารางสวดที่แข็งตายทุกเช้า ใครมา ก็ได้เขียนใครอยู่ ก็ได้ฟังมันไม่ใช่ศาสนามันกลายเป็น ชุมชนในหมู่บ้านข้างเคียงเด็กหญิงผู้ไม่เคยพูดในพิธีเริ่มอ่าน “ชื่อคนที่เธอเห็นตายในสงคราม”ไม่มีใครถามว่าเธอเป็นใครเพราะศาลาไม่มีเวทีมีแต่เสื่อวงกลมที่ใครก็เดินเข้าได้ข่าวไปถึง ตระกูลอาซึกิตระกูลที่เคยยึดมั่นในลำดับพิธีกรรมบุตรชายคนรองถูกส่งมาสังเกตการณ์แต่เขากลับมาด้วยสมุดที่ไม่มีตรามีเพียงประโยคเดียวบนหน้าปก“ข้าเขียน... เพราะไม่อยากให้ใครสวดแทนอีก”เ
ไคเซ็น — พระหญิงที่แปรพักตร์ และ “พิธีฟัง” แห่งแคว้นตะวันตกบนยอดเขาอุเมะโนะอามะซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการสวดขอฝนบัดนี้เปลี่ยนไปโดยไม่มีประกาศจากศาสนจักรไม่มีขบวนไม่มีคัมภีร์มีเพียงเสียงเดียว —เสียงของหญิงที่เคยเป็น “พระ” แต่เลือกจะ “ฟัง”ไคเซ็น คือพระหญิงลำดับสามแห่งวัดอินโบเป็นที่รู้จักในนาม "เสียงแห่งเมฆขาว"เธอเป็นผู้เทศน์บทสวดเงียบผู้สามารถสวดได้โดยไม่มีคำพูดเพียงการเคลื่อนไหวของมือและจังหวะลมหายใจแต่หลัง “พิธีล้างเงา” เริ่มแผ่ขยายเธอเงียบ… และเมื่อเธอพูดอีกครั้งคำแรกของเธอคือ “ขอให้ข้าได้ฟังเจ้า”ณ ลานศาลาร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านโคคุเระเธอประกาศสิ่งที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ศาสนจักร“ข้าไม่ได้ละทิ้งศรัทธาข้าเพียงเลิกฟังตำราที่ปิดหูคนเป็นและเปิดหูให้เสียงคนตายที่ถูกลืม”เธอเรียกสิ่งนั้นว่า “พิธีฟัง”พิธีฟังไม่ใช่การสวดไม่ใช่การเทศน์และไม่มีคัมภีร์มันคือการนั่งเงียบ ๆ เป็นวงกลมโดยมีผู้หนึ่งลุกขึ้นพูด “ชื่อ” ของผู้ที่เคยถูกเผาลืมอีกคนจะเล่า “ความทรงจำ”และทุกคนจะเงียบไม่ขัด ไม่ถาม ไม่ตีความเพียง “ฟัง”สามวันแรกมีเพียงเด็กสาวคนหนึ่งและชายชราขาพิการที่เข้าร่วมวัน
การตอบสนองของศาสนจักรส่วนกลาง – พิธีล้างเงาภายใน โคโตคุอิน — หอพิธีศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนจักรกลางเสียงฆ้องทองสามชั้นดังก้องสะท้อนกำแพงหินพระอาวุโส 9 รูป รวมตัวในพิธีที่ไม่ได้จัดมานานกว่า 37 ปีบนแท่นสูงกลางหอ — สมุดที่ไม่มีชื่อผู้เขียนถูกวางไว้จดหมายของเด็กจากหมู่บ้านชายแดนบทสวดที่ผิดจากตำราและเศษกระดาษเปื้อนหมึกดินถูกเรียงรายพระเร็นชิน ผู้นำสายเคร่งที่สุด กล่าวนำอย่างหนักแน่น“สิ่งใดที่เติบโตจากรากผิด ย่อมกลายเป็นวัชพืชและแม้เงาจะไร้รูปร่าง — มันก็มีพิษเมื่อเกาะอยู่บนหัวใจผู้คน”เขาเสนอให้ประกาศ "พิธีล้างเงา"เป็นพิธีกรรมใหญ่ประจำฤดูใบไม้ร่วงทำในวัดทุกแห่งที่ได้รับ “ข่าวลือศรัทธานอกบท”พิธีล้างเงา คืออะไร?พระอาวุโสจะเดินทางไปยังวัดที่ต้องสงสัยจะเผา "สมุดที่ไม่มีตรา"จะให้ผู้คนกล่าว "บทสาบานสัจจะ" ต่อหน้าพระใหญ่และทุกชื่อที่ถูกจารโดยไม่ได้รับอนุญาต… จะถูกลบด้วยหมึกดำแห่งการปฏิเสธแม้ภายนอกจะดูเป็นพิธีปลอบขวัญแต่เนื้อแท้คือการลบความทรงจำอย่างเป็นทางการกลุ่มพระสายสายลมเงาถูกขึ้นบัญชีลับวัดชายแดนหลายแห่งถูกสั่งย้ายผู้อาวุโสบางคนหายตัวในคืนก่อนพิธีเสียงสะท้อนเริ่มดังจา
การประชุมศรัทธา – เมื่อ 12 ตระกูลเริ่มเรียกศาสนจักรมาชี้แจงศาลาเซย์โรกุ บนยอดเนินฮานะงิคือที่ประชุมใหญ่แห่งตระกูลผู้นำทั่ว 9 แคว้นไม่มีพิธี ไม่มีการบรรเลงขลุ่ยรับแขกมีเพียงเสียงกระดิ่งทองคำเรียกผู้แทนทั้ง 12 ตระกูล ให้ปรากฏตัวในวันเดียวกันเก้าอี้ตรงกลางว่างเปล่า — นั่นคือที่ของศาสนจักรผู้แทนจากวัดหลวงใหญ่ 5 สายถูกเชิญ ไม่ใช่ในฐานะผู้สั่งแต่ในฐานะผู้ตอบไดเมียวอินาริแห่งตระกูลฮานะโมโตะเป็นผู้นั่งหัวโต๊ะแม้ปกติไม่ยุ่งกับพิธีกรรมแต่เมื่อเสียง “เด็กผู้ไม่รู้จักบทสวด” ดังไปถึงประตูปราสาทเขากล่าวเพียงว่า:“เมื่อประชาชนไม่เข้าใจศาสนา — นั่นคือปัญหาของผู้นำแต่เมื่อศาสนาไม่ฟังประชาชน — นั่นคือภัยของแผ่นดิน”ตัวแทนศาสนจักรใหญ่ พระโชอุนก้าวเข้าสู่ศาลาพร้อมคัมภีร์หนาแน่นเขาเริ่มกล่าวด้วยภาษาทางการ:“บทสวดคือรากของความสงบการเบี่ยงจากบท หมายถึงความวุ่นวาย”แต่ยังไม่ทันจบ —ท่านหญิงริวโนะ แห่งตระกูลโคมะอินุวางสมุดเปื้อนหมึกลงบนโต๊ะกลาง“แล้วชื่อของลูกข้าที่ไม่มีบทสวดท่านเรียกว่าความวุ่นวายหรือ?”เสียงฮือทั่วศาลาขุนศึกคิริโนะแห่งตระกูลคุเสะผู้ไม่เคยเข้าร่วมพิธีใดกล่าวเรียบ ๆ โดยไม
หอคอยที่เริ่มฟังลม – เมื่อศาสนจักรเริ่มเงี่ยหูฟังจากขอบแผ่นดินศูนย์กลางศาสนจักรอยู่ที่ โซเรียวเท็นหอคอยสีขาวสูง 7 ชั้น เปรียบดั่ง “หูของเทพเจ้า”สร้างขึ้นเพื่อมองลงมาเหนือแผ่นดินทั้งหมดไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้าถึงได้ เว้นแต่ผ่านกระบวนการรับรองแต่ในปีนี้...ลมเหนือจากชายแดน ยามากาตะพัดพาเสียงที่ไม่มีตราประทับเข้ามาไม่ใช่รายงานทางการไม่ใช่จดหมายทางศาสนาแต่เป็น สมุดเปื้อนหมึกเด็กที่บันทึก “ชื่อของคนที่ไม่มีบทสวด”พระอาวุโส ชูเคน ผู้ขึ้นนั่งกรรมการศรัทธาอาวุโสอ่านหน้ากระดาษอย่างช้า ๆไม่มีบทสวด ไม่มีตราแต่มีบรรทัดหนึ่งที่ทำให้เขาเงียบงัน“แม่ข้าไม่มีชื่อในวัดแต่ข้ายังพูดชื่อแม่อยู่ทุกคืนถ้านี่คือบาป… บาปนี้ข้ายินดีแบกตลอดชีวิต”ที่ประชุมกรรมการเริ่มมีการพูดถึง “ศรัทธาเงา”บางคนกล่าวว่า“นี่คือภัยร้ายของศาสนาใหม่ที่ไร้แบบแผน”แต่บางคนเงียบ—เงียบเพราะเคยได้ยินเสียงเดียวกันจากหน้าประตูวัดของตนเสียงของหญิงชราเสียงของเด็กที่ไม่ยอมลืมชื่อพ่อเสียงที่ไม่เคยเข้าพิธี แต่ไม่เคยหายไปชูเคนเสนออย่างระมัดระวัง“บางที... หอคอยอาจต้องเปิดหน้าต่างบางบานเพื่อฟังว่า ข้างล่างกำลังพูดอะไรกันแน่
กำแพงวัดที่เริ่มสะท้อนเสียงกลับ – เมื่อบทสวดกลายเป็นการตั้งคำถามภายในวัดเอย์จิน หนึ่งในวัดที่ขึ้นชื่อว่า “มั่นคงต่อศาสนจักร” พระหนุ่มชื่อ มิโดริน เริ่มสวดผิดเพียงหนึ่งคำ ในพิธีศักดิ์สิทธิ์เดือนที่แล้ว เขาอ่านว่า“ขอจงปลดปล่อยผู้จากไป ด้วยการเรียกชื่อแท้ของเขา…”แทนที่จะกล่าวว่า“ขอจงลบชื่อของผู้พลาด เพื่อไม่ให้ศรัทธาสั่นคลอน”ผิดเพียงคำเดียว แต่มันดังก้องในหูของเด็กสามคนที่กำลังฟังอยู่ และเงียบเกินไปสำหรับหูของพระอาวุโสที่ไม่เคยคิดจะตั้งคำถามหลังพิธี มิโดรินถูกเรียกเข้าห้องสอบสวน แต่เมื่อถูกถามว่า“เจ้าต้องการเปลี่ยนบทสวดหรือ?”เขาตอบเพียงว่า“เปล่า ข้าเพียงอยากรู้ว่า… ใครเขียนบทสวดนี้?”คำถามนั้น ไม่ใช่การต่อต้าน แต่สำหรับศาสนจักร… มันคือระเบิดเสียงกระซิบเริ่มก้องในวัดอีกหลายแห่ง เด็กที่เคยท่องตามพระ เริ่มถามว่า“ทำไมแม่ของข้าจึงไม่มีชื่อในคำสวด?” “ทำไมพี่ชายที่ตายสงครามจึงถูกเรียกว่า ‘ไร้ศรัทธา’?”พระบางรูปตอบไม่ได้ พระบางรูปเริ่มหลบสายตา พระบางรูป… กลับเอาบทสวดฉบับเก่าออกมาอ่านลับ ๆ ใต้แสงเทียนวัดทาโฮะ พระหญิงนามว่า เรย์ชิน ขึ้นเทศน์หน้าคนเกือบร้อย แต่แทนที่จะ