Beranda / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

Share

ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

Penulis: mafath9
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-03 19:00:38

ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

ศาลาไม้ที่หมู่บ้านโยโคะกาวะ

ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รวมเสียงสวดแบบดั้งเดิม

เด็กไม่สามารถพูด

หญิงต้องนั่งด้านหลัง

ชายแก่เท่านั้นที่มีสิทธิ์เปิดสมุด

แต่ในเช้าวันหนึ่ง

เด็กชายอายุสิบสองปี

ลุกขึ้นถือสมุดเล่มบาง

เขียนคำสั้น ๆ แล้ววางบนเสื่อหน้าเวที

“ชื่อแม่ข้า... ข้าไม่รู้จะสวดอย่างไร

แต่ข้าไม่อยากให้หายไป”

ไม่มีใครสวด ไม่มีใครกล่าวอาเมน

มีแต่ความเงียบ

จนชายชราผู้เคยเป็นประธานพิธี

ค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินมานั่งข้างเด็ก

แล้วพูดแค่คำเดียว

“ชื่อใคร?”

ศาลานั้นไม่มีลำดับอีกต่อไป

ไม่มีใครรอใบอนุญาตจากวัด

ไม่มีตารางสวดที่แข็งตาย

ทุกเช้า ใครมา ก็ได้เขียน

ใครอยู่ ก็ได้ฟัง

มันไม่ใช่ศาสนา

มันกลายเป็น ชุมชน

ในหมู่บ้านข้างเคียง

เด็กหญิงผู้ไม่เคยพูดในพิธี

เริ่มอ่าน “ชื่อคนที่เธอเห็นตายในสงคราม”

ไม่มีใครถามว่าเธอเป็นใคร

เพราะศาลาไม่มีเวที

มีแต่เสื่อวงกลมที่ใครก็เดินเข้าได้

ข่าวไปถึง ตระกูลอาซึกิ

ตระกูลที่เคยยึดมั่นในลำดับพิธีกรรม

บุตรชายคนรองถูกส่งมาสังเกตการณ์

แต่เขากลับมาด้วยสมุดที่ไม่มีตรา

มีเพียงประโยคเดียวบนหน้าปก

“ข้าเขียน... เพราะไม่อยากให้ใครสวดแทนอีก”

เขาปฏิเสธรับตำแหน่งนักบวชฝ่ายซ้าย

และเลือกเป็น “ผู้ฟังเงา” คนหนึ่ง

ในคืนเดือนดับ

ที่หมู่บ้านริมภูเขา

มีเด็กสิบสี่คน และคนเฒ่าอีกห้าคน

นั่งล้อมวงกลางศาลาไม้

ไม่มีพระ ไม่มีฆ้อง ไม่มีเครื่องบูชา

มีแต่เสียงชื่อ และเสียงเงียบที่ไม่กลัวอีกต่อไป

ในจดหมายลับที่ไคเซ็นเขียนไปยังพระหญิงคนสนิท

เธอเขียนว่า:

              “พวกเขาไม่ต้องการอนุญาต

                พวกเขาแค่ต้องการพื้นที่

                พื้นที่ที่ไม่มีตำรา

                แต่มีคนยอมฟัง”

“สนธิสัญญาการฟัง – เสียงที่ไม่เป็นทางการ กลายเป็นพันธะอย่างเป็นทางการ”

ในศาลาว่างของแคว้นคุเสะ — ศาลาที่เคยใช้เป็นที่เจรจาสงคราม

แต่วันนี้มีเพียงเสื่อห้าผืน น้ำชาเย็น และสมุดเปล่าหลายเล่ม

ไม่มีธงตระกูล ไม่มีขุนนางระดับสูง ไม่มีตราศาสนา

มีเพียงตัวแทนจากห้าตระกูล:

คุเสะ – เจ้าภาพ ผู้ช่ำชองกลศึกและเข้าใจการเปลี่ยนขั้วอำนาจ

โฮริ – ตระกูลชายแดนที่ลูกหลานถูกศาสนจักรจับสังเวยไปกว่าห้าสิบคน

อาโอบะ – ตระกูลนักจดบันทึกที่เริ่มบันทึกเสียงเด็กแทนบทสวด

ชินโนะ – ตระกูลที่มีวัดอยู่ในเงา แต่พระเริ่มลังเล

ฟุวะ – ตระกูลนักรบที่ลูกหลานปฏิเสธศรัทธาเก่า

ทั้งหมดรวมตัวด้วยเหตุผลเดียว—

เพื่อร่าง “สนธิสัญญาการฟัง”

เนื้อหาไม่มีอำนาจบังคับใด

ไม่มีการยอมรับจากศาสนจักร

ไม่มีคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์”

แต่ในหน้าที่หนึ่ง มีถ้อยคำที่ทุกคนลงนามร่วมกัน:

“เราจะไม่ส่งมอบเด็กให้พิธีใด หากเด็กผู้นั้นไม่กล่าวคำด้วยตนเอง”

“เราจะไม่เผาสมุดใด หากสมุดนั้นจดชื่อผู้คน”

“เราจะไม่ยอมให้บทสวดใด ใช้ลบเสียงความทรงจำของผู้ยังมีลมหายใจ”

ผู้เสนอสนธิสัญญานี้

มิใช่หัวหน้าตระกูลคุเสะ

แต่คือ หลานสาววัย 17 ปี ของเขา — ฮานาโนะ คุเสะ

หญิงสาวที่เคยหลบหนีพิธีศีลเมื่อสามปีก่อน

และกลับมาพร้อมเสียงบันทึกของชาวบ้านห้าร้อยคน

เธอกล่าวในศาลาว่างโดยไม่มีการยกเสียง

“ข้าพบว่าศรัทธานั้นหนัก

และข้าไม่อาจแบกมันได้

แต่ข้าพบว่า... การฟังนั้นเบา

และหากเราฟังพร้อมกัน

แผ่นดินจะเบาลง”

ไม่มีใครเถียง

ไม่มีใครสวด

แต่ทุกคนเขียนชื่อลงบนกระดาษแผ่นเดียวกัน

มันไม่ใช่สนธิสัญญาในความหมายเก่า

แต่มันคือ ข้อตกลงของผู้ที่ยอมฟัง

ข่าวแพร่ไป

สามตระกูลส่งสายลับมาตรวจสอบ

ตระกูลอาชิฮาระตอบโต้ทันทีว่า

“การฟังโดยไม่มีศาสนา คือหนทางสู่ความแตกแยก”

แต่เสียงจากหมู่บ้านที่เข้าร่วมพิธีฟังกลับโต้กลับด้วยสมุดเล่มใหม่

สมุดที่มีหัวข้อว่า:

“เราจำได้ เพราะเราไม่ถูกสั่งให้ลืม”

ในยามค่ำของวันลงนาม

พระหญิงไคเซ็นเขียนข้อความถึงฮานาโนะ:

“ข้าเคยคิดว่าพระต้องเทศน์

แต่ตอนนี้ ข้าเพียงหวังให้ผู้หญิงคนหนึ่ง

พูดต่อไป โดยไม่ต้องยกมือขออนุญาต”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   กำแพงที่เริ่มมีเสียง

    กำแพงที่เริ่มมีเสียง– พระในศาสนจักรกลางเริ่มแอบเขียนสมุดเงา**ภายในหอคำสวดแห่งเท็นเซ็นจิ ศูนย์กลางศาสนจักรของแผ่นดินกำแพงหินสูงกว่าเจ็ดเมตรที่เคยสะท้อนแต่เสียงพระ สวดแต่คำเดิมซ้ำบัดนี้เริ่มได้ยินเสียง...ที่ไม่เคยมีในบทใดมาก่อนในยามค่ำ ที่โคมธูปล้าแสงพระรูปหนึ่งยืนอยู่ลำพังหน้าแท่นบูชาว่างเปล่าเขาชื่อว่า เซียวอิน — พระลำดับที่ห้าในสายการเทศน์ผู้ไม่เคยพูดนอกตำราผู้ไม่เคยมองตาเด็กแต่คืนนั้น เขาเขียนชื่อหนึ่ง...ด้วยหมึกจาง บนกระดาษสมุดธรรมะเก่าชื่อของ “อาคิ” — เด็กหญิงที่เขาเคยพบเมื่อนานมาแล้วผู้พูดชื่อพ่อของตนแทนบทสวด“ทำไมเจ้าถึงไม่สวด?”“ข้ากลัว... ว่าถ้าข้าสวด ข้าจะลืมชื่อพ่อ”วันนั้นเขาเงียบแต่วันนี้... เขาไม่เงียบอีกต่อไปเสียงแรกในกำแพงคือเสียงขีดปากกาเล็ก ๆ ที่จดชื่อทีละคนไม่ใช่เสียงสวดไม่ใช่เสียงสั่งเป็นเพียงเสียงของการ “จำ”ไม่นานนัก สมุดเงาเล่มแรกก็เกิดขึ้นในศาสนจักรกลางถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มที่พระชั้นล่างใช้มีชื่อของหญิงชราในหมู่บ้านที่ถูกสังเวยชื่อของชายที่หายตัวหลังเทศน์ขัดคำและชื่อของเด็กชายที่พูดบทกลอนแทนคำสวดไม่มีคำว่า “ผู้สละตน”ไม่มีคำว่า “ศักดิ์สิทธิ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

    ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาตศาลาไม้ที่หมู่บ้านโยโคะกาวะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รวมเสียงสวดแบบดั้งเดิมเด็กไม่สามารถพูดหญิงต้องนั่งด้านหลังชายแก่เท่านั้นที่มีสิทธิ์เปิดสมุดแต่ในเช้าวันหนึ่งเด็กชายอายุสิบสองปีลุกขึ้นถือสมุดเล่มบางเขียนคำสั้น ๆ แล้ววางบนเสื่อหน้าเวที“ชื่อแม่ข้า... ข้าไม่รู้จะสวดอย่างไรแต่ข้าไม่อยากให้หายไป”ไม่มีใครสวด ไม่มีใครกล่าวอาเมนมีแต่ความเงียบจนชายชราผู้เคยเป็นประธานพิธีค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินมานั่งข้างเด็กแล้วพูดแค่คำเดียว“ชื่อใคร?”ศาลานั้นไม่มีลำดับอีกต่อไปไม่มีใครรอใบอนุญาตจากวัดไม่มีตารางสวดที่แข็งตายทุกเช้า ใครมา ก็ได้เขียนใครอยู่ ก็ได้ฟังมันไม่ใช่ศาสนามันกลายเป็น ชุมชนในหมู่บ้านข้างเคียงเด็กหญิงผู้ไม่เคยพูดในพิธีเริ่มอ่าน “ชื่อคนที่เธอเห็นตายในสงคราม”ไม่มีใครถามว่าเธอเป็นใครเพราะศาลาไม่มีเวทีมีแต่เสื่อวงกลมที่ใครก็เดินเข้าได้ข่าวไปถึง ตระกูลอาซึกิตระกูลที่เคยยึดมั่นในลำดับพิธีกรรมบุตรชายคนรองถูกส่งมาสังเกตการณ์แต่เขากลับมาด้วยสมุดที่ไม่มีตรามีเพียงประโยคเดียวบนหน้าปก“ข้าเขียน... เพราะไม่อยากให้ใครสวดแทนอีก”เ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ไคเซ็น — พระหญิงที่แปรพักตร์ และ “พิธีฟัง” แห่งแคว้นตะวันตก

    ไคเซ็น — พระหญิงที่แปรพักตร์ และ “พิธีฟัง” แห่งแคว้นตะวันตกบนยอดเขาอุเมะโนะอามะซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการสวดขอฝนบัดนี้เปลี่ยนไปโดยไม่มีประกาศจากศาสนจักรไม่มีขบวนไม่มีคัมภีร์มีเพียงเสียงเดียว —เสียงของหญิงที่เคยเป็น “พระ” แต่เลือกจะ “ฟัง”ไคเซ็น คือพระหญิงลำดับสามแห่งวัดอินโบเป็นที่รู้จักในนาม "เสียงแห่งเมฆขาว"เธอเป็นผู้เทศน์บทสวดเงียบผู้สามารถสวดได้โดยไม่มีคำพูดเพียงการเคลื่อนไหวของมือและจังหวะลมหายใจแต่หลัง “พิธีล้างเงา” เริ่มแผ่ขยายเธอเงียบ… และเมื่อเธอพูดอีกครั้งคำแรกของเธอคือ “ขอให้ข้าได้ฟังเจ้า”ณ ลานศาลาร้างแห่งหนึ่งในหมู่บ้านโคคุเระเธอประกาศสิ่งที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ศาสนจักร“ข้าไม่ได้ละทิ้งศรัทธาข้าเพียงเลิกฟังตำราที่ปิดหูคนเป็นและเปิดหูให้เสียงคนตายที่ถูกลืม”เธอเรียกสิ่งนั้นว่า “พิธีฟัง”พิธีฟังไม่ใช่การสวดไม่ใช่การเทศน์และไม่มีคัมภีร์มันคือการนั่งเงียบ ๆ เป็นวงกลมโดยมีผู้หนึ่งลุกขึ้นพูด “ชื่อ” ของผู้ที่เคยถูกเผาลืมอีกคนจะเล่า “ความทรงจำ”และทุกคนจะเงียบไม่ขัด ไม่ถาม ไม่ตีความเพียง “ฟัง”สามวันแรกมีเพียงเด็กสาวคนหนึ่งและชายชราขาพิการที่เข้าร่วมวัน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   การตอบสนองของศาสนจักรส่วนกลาง – พิธีล้างเงา

    การตอบสนองของศาสนจักรส่วนกลาง – พิธีล้างเงาภายใน โคโตคุอิน — หอพิธีศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของศาสนจักรกลางเสียงฆ้องทองสามชั้นดังก้องสะท้อนกำแพงหินพระอาวุโส 9 รูป รวมตัวในพิธีที่ไม่ได้จัดมานานกว่า 37 ปีบนแท่นสูงกลางหอ — สมุดที่ไม่มีชื่อผู้เขียนถูกวางไว้จดหมายของเด็กจากหมู่บ้านชายแดนบทสวดที่ผิดจากตำราและเศษกระดาษเปื้อนหมึกดินถูกเรียงรายพระเร็นชิน ผู้นำสายเคร่งที่สุด กล่าวนำอย่างหนักแน่น“สิ่งใดที่เติบโตจากรากผิด ย่อมกลายเป็นวัชพืชและแม้เงาจะไร้รูปร่าง — มันก็มีพิษเมื่อเกาะอยู่บนหัวใจผู้คน”เขาเสนอให้ประกาศ "พิธีล้างเงา"เป็นพิธีกรรมใหญ่ประจำฤดูใบไม้ร่วงทำในวัดทุกแห่งที่ได้รับ “ข่าวลือศรัทธานอกบท”พิธีล้างเงา คืออะไร?พระอาวุโสจะเดินทางไปยังวัดที่ต้องสงสัยจะเผา "สมุดที่ไม่มีตรา"จะให้ผู้คนกล่าว "บทสาบานสัจจะ" ต่อหน้าพระใหญ่และทุกชื่อที่ถูกจารโดยไม่ได้รับอนุญาต… จะถูกลบด้วยหมึกดำแห่งการปฏิเสธแม้ภายนอกจะดูเป็นพิธีปลอบขวัญแต่เนื้อแท้คือการลบความทรงจำอย่างเป็นทางการกลุ่มพระสายสายลมเงาถูกขึ้นบัญชีลับวัดชายแดนหลายแห่งถูกสั่งย้ายผู้อาวุโสบางคนหายตัวในคืนก่อนพิธีเสียงสะท้อนเริ่มดังจา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   การประชุมศรัทธา – เมื่อ 12 ตระกูลเริ่มเรียกศาสนจักรมาชี้แจง

    การประชุมศรัทธา – เมื่อ 12 ตระกูลเริ่มเรียกศาสนจักรมาชี้แจงศาลาเซย์โรกุ บนยอดเนินฮานะงิคือที่ประชุมใหญ่แห่งตระกูลผู้นำทั่ว 9 แคว้นไม่มีพิธี ไม่มีการบรรเลงขลุ่ยรับแขกมีเพียงเสียงกระดิ่งทองคำเรียกผู้แทนทั้ง 12 ตระกูล ให้ปรากฏตัวในวันเดียวกันเก้าอี้ตรงกลางว่างเปล่า — นั่นคือที่ของศาสนจักรผู้แทนจากวัดหลวงใหญ่ 5 สายถูกเชิญ ไม่ใช่ในฐานะผู้สั่งแต่ในฐานะผู้ตอบไดเมียวอินาริแห่งตระกูลฮานะโมโตะเป็นผู้นั่งหัวโต๊ะแม้ปกติไม่ยุ่งกับพิธีกรรมแต่เมื่อเสียง “เด็กผู้ไม่รู้จักบทสวด” ดังไปถึงประตูปราสาทเขากล่าวเพียงว่า:“เมื่อประชาชนไม่เข้าใจศาสนา — นั่นคือปัญหาของผู้นำแต่เมื่อศาสนาไม่ฟังประชาชน — นั่นคือภัยของแผ่นดิน”ตัวแทนศาสนจักรใหญ่ พระโชอุนก้าวเข้าสู่ศาลาพร้อมคัมภีร์หนาแน่นเขาเริ่มกล่าวด้วยภาษาทางการ:“บทสวดคือรากของความสงบการเบี่ยงจากบท หมายถึงความวุ่นวาย”แต่ยังไม่ทันจบ —ท่านหญิงริวโนะ แห่งตระกูลโคมะอินุวางสมุดเปื้อนหมึกลงบนโต๊ะกลาง“แล้วชื่อของลูกข้าที่ไม่มีบทสวดท่านเรียกว่าความวุ่นวายหรือ?”เสียงฮือทั่วศาลาขุนศึกคิริโนะแห่งตระกูลคุเสะผู้ไม่เคยเข้าร่วมพิธีใดกล่าวเรียบ ๆ โดยไม

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   หอคอยที่เริ่มฟังลม – เมื่อศาสนจักรเริ่มเงี่ยหูฟังจากขอบแผ่นดิน

    หอคอยที่เริ่มฟังลม – เมื่อศาสนจักรเริ่มเงี่ยหูฟังจากขอบแผ่นดินศูนย์กลางศาสนจักรอยู่ที่ โซเรียวเท็นหอคอยสีขาวสูง 7 ชั้น เปรียบดั่ง “หูของเทพเจ้า”สร้างขึ้นเพื่อมองลงมาเหนือแผ่นดินทั้งหมดไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้าถึงได้ เว้นแต่ผ่านกระบวนการรับรองแต่ในปีนี้...ลมเหนือจากชายแดน ยามากาตะพัดพาเสียงที่ไม่มีตราประทับเข้ามาไม่ใช่รายงานทางการไม่ใช่จดหมายทางศาสนาแต่เป็น สมุดเปื้อนหมึกเด็กที่บันทึก “ชื่อของคนที่ไม่มีบทสวด”พระอาวุโส ชูเคน ผู้ขึ้นนั่งกรรมการศรัทธาอาวุโสอ่านหน้ากระดาษอย่างช้า ๆไม่มีบทสวด ไม่มีตราแต่มีบรรทัดหนึ่งที่ทำให้เขาเงียบงัน“แม่ข้าไม่มีชื่อในวัดแต่ข้ายังพูดชื่อแม่อยู่ทุกคืนถ้านี่คือบาป… บาปนี้ข้ายินดีแบกตลอดชีวิต”ที่ประชุมกรรมการเริ่มมีการพูดถึง “ศรัทธาเงา”บางคนกล่าวว่า“นี่คือภัยร้ายของศาสนาใหม่ที่ไร้แบบแผน”แต่บางคนเงียบ—เงียบเพราะเคยได้ยินเสียงเดียวกันจากหน้าประตูวัดของตนเสียงของหญิงชราเสียงของเด็กที่ไม่ยอมลืมชื่อพ่อเสียงที่ไม่เคยเข้าพิธี แต่ไม่เคยหายไปชูเคนเสนออย่างระมัดระวัง“บางที... หอคอยอาจต้องเปิดหน้าต่างบางบานเพื่อฟังว่า ข้างล่างกำลังพูดอะไรกันแน่

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status