Home / รักโบราณ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 105: ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

Share

บทที่ 105: ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-03 19:00:38

ศาลาที่ไม่มีลำดับ – เมื่อเสียงแรกไม่ต้องรอผู้อนุญาต

ศาลาไม้ที่หมู่บ้านโยโคะกาวะ

ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รวมเสียงสวดแบบดั้งเดิม

เด็กไม่สามารถพูด

หญิงต้องนั่งด้านหลัง

ชายแก่เท่านั้นที่มีสิทธิ์เปิดสมุด

แต่ในเช้าวันหนึ่ง

เด็กชายอายุสิบสองปี

ลุกขึ้นถือสมุดเล่มบาง

เขียนคำสั้น ๆ แล้ววางบนเสื่อหน้าเวที

“ชื่อแม่ข้า... ข้าไม่รู้จะสวดอย่างไร

แต่ข้าไม่อยากให้หายไป”

ไม่มีใครสวด ไม่มีใครกล่าวอาเมน

มีแต่ความเงียบ

จนชายชราผู้เคยเป็นประธานพิธี

ค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินมานั่งข้างเด็ก

แล้วพูดแค่คำเดียว

“ชื่อใคร?”

ศาลานั้นไม่มีลำดับอีกต่อไป

ไม่มีใครรอใบอนุญาตจากวัด

ไม่มีตารางสวดที่แข็งตาย

ทุกเช้า ใครมา ก็ได้เขียน

ใครอยู่ ก็ได้ฟัง

มันไม่ใช่ศาสนา

มันกลายเป็น ชุมชน

ในหมู่บ้านข้างเคียง

เด็กหญิงผู้ไม่เคยพูดในพิธี

เริ่มอ่าน “ชื่อคนที่เธอเห็นตายในสงคราม”

ไม่มีใครถามว่าเธอเป็นใคร

เพราะศาลาไม่มีเวที

มีแต่เสื่อวงกลมที่ใครก็เดินเข้าได้

ข่าวไปถึง ตระกูลอาซึกิ

ตระกูลที่เคยยึดมั่นในลำดับพิธีกรรม

บุตรชายคนรองถูกส่งมาสังเกตการณ์

แต่เขากลับมาด้วยสมุดที่ไม่มีตรา

มีเพียงประโยคเดียวบนหน้าปก

“ข้าเขียน... เพราะไม่อยากให้ใครสวดแทนอีก”

เขาปฏิเสธรับตำแหน่งนักบวชฝ่ายซ้าย

และเลือกเป็น “ผู้ฟังเงา” คนหนึ่ง

ในคืนเดือนดับ

ที่หมู่บ้านริมภูเขา

มีเด็กสิบสี่คน และคนเฒ่าอีกห้าคน

นั่งล้อมวงกลางศาลาไม้

ไม่มีพระ ไม่มีฆ้อง ไม่มีเครื่องบูชา

มีแต่เสียงชื่อ และเสียงเงียบที่ไม่กลัวอีกต่อไป

ในจดหมายลับที่ไคเซ็นเขียนไปยังพระหญิงคนสนิท

เธอเขียนว่า:

              “พวกเขาไม่ต้องการอนุญาต

                พวกเขาแค่ต้องการพื้นที่

                พื้นที่ที่ไม่มีตำรา

                แต่มีคนยอมฟัง”

“สนธิสัญญาการฟัง – เสียงที่ไม่เป็นทางการ กลายเป็นพันธะอย่างเป็นทางการ”

ในศาลาว่างของแคว้นคุเสะ — ศาลาที่เคยใช้เป็นที่เจรจาสงคราม

แต่วันนี้มีเพียงเสื่อห้าผืน น้ำชาเย็น และสมุดเปล่าหลายเล่ม

ไม่มีธงตระกูล ไม่มีขุนนางระดับสูง ไม่มีตราศาสนา

มีเพียงตัวแทนจากห้าตระกูล:

คุเสะ – เจ้าภาพ ผู้ช่ำชองกลศึกและเข้าใจการเปลี่ยนขั้วอำนาจ

โฮริ – ตระกูลชายแดนที่ลูกหลานถูกศาสนจักรจับสังเวยไปกว่าห้าสิบคน

อาโอบะ – ตระกูลนักจดบันทึกที่เริ่มบันทึกเสียงเด็กแทนบทสวด

ชินโนะ – ตระกูลที่มีวัดอยู่ในเงา แต่พระเริ่มลังเล

ฟุวะ – ตระกูลนักรบที่ลูกหลานปฏิเสธศรัทธาเก่า

ทั้งหมดรวมตัวด้วยเหตุผลเดียว—

เพื่อร่าง “สนธิสัญญาการฟัง”

เนื้อหาไม่มีอำนาจบังคับใด

ไม่มีการยอมรับจากศาสนจักร

ไม่มีคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์”

แต่ในหน้าที่หนึ่ง มีถ้อยคำที่ทุกคนลงนามร่วมกัน:

“เราจะไม่ส่งมอบเด็กให้พิธีใด หากเด็กผู้นั้นไม่กล่าวคำด้วยตนเอง”

“เราจะไม่เผาสมุดใด หากสมุดนั้นจดชื่อผู้คน”

“เราจะไม่ยอมให้บทสวดใด ใช้ลบเสียงความทรงจำของผู้ยังมีลมหายใจ”

ผู้เสนอสนธิสัญญานี้

มิใช่หัวหน้าตระกูลคุเสะ

แต่คือ หลานสาววัย 17 ปี ของเขา — ฮานาโนะ คุเสะ

หญิงสาวที่เคยหลบหนีพิธีศีลเมื่อสามปีก่อน

และกลับมาพร้อมเสียงบันทึกของชาวบ้านห้าร้อยคน

เธอกล่าวในศาลาว่างโดยไม่มีการยกเสียง

“ข้าพบว่าศรัทธานั้นหนัก

และข้าไม่อาจแบกมันได้

แต่ข้าพบว่า... การฟังนั้นเบา

และหากเราฟังพร้อมกัน

แผ่นดินจะเบาลง”

ไม่มีใครเถียง

ไม่มีใครสวด

แต่ทุกคนเขียนชื่อลงบนกระดาษแผ่นเดียวกัน

มันไม่ใช่สนธิสัญญาในความหมายเก่า

แต่มันคือ ข้อตกลงของผู้ที่ยอมฟัง

ข่าวแพร่ไป

สามตระกูลส่งสายลับมาตรวจสอบ

ตระกูลอาชิฮาระตอบโต้ทันทีว่า

“การฟังโดยไม่มีศาสนา คือหนทางสู่ความแตกแยก”

แต่เสียงจากหมู่บ้านที่เข้าร่วมพิธีฟังกลับโต้กลับด้วยสมุดเล่มใหม่

สมุดที่มีหัวข้อว่า:

“เราจำได้ เพราะเราไม่ถูกสั่งให้ลืม”

ในยามค่ำของวันลงนาม

พระหญิงไคเซ็นเขียนข้อความถึงฮานาโนะ:

“ข้าเคยคิดว่าพระต้องเทศน์

แต่ตอนนี้ ข้าเพียงหวังให้ผู้หญิงคนหนึ่ง

พูดต่อไป โดยไม่ต้องยกมือขออนุญาต”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 129: พระที่ล้มแท่น

    “พระที่ล้มแท่น” พระบางคนเผาตำราเก่า และฟังเสียงเด็กแทน “เมื่อศรัทธาถูกใช้เพื่อปิดหู บางคนจึงเลือกปิดตำรา...เพื่อเปิดใจ” วัดโฮเซ็นจิในหุบเขาตะวันตกเฉียงเหนือของโยะริมิยะ เสียงระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่ง เคยดังก้องทุกเช้าค่ำ เรียกชาวบ้านให้สวดตาม สั่นเตือนให้พระผู้ถือบาตรเดินตามระเบียบ ก้องเตือนให้คนในศาสนจักรจำได้ว่า “คำข้างในตำรา...ศักดิ์สิทธิ์กว่าเสียงใด” แต่วันหนึ่ง เสียงระฆังเงียบ ไม่มีใครตี ไม่มีเสียงสวด มีเพียงกลิ่นควันจากกระดาษที่ถูกเผา พระที่เคยเทศน์จนเลือดเปื้อนหมึก ชื่อของเขาคือ “คันริว” ในวัยหนุ่ม เขาเคยจารึกบทสวดด้วยเลือดตนเอง เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่ต้องบูชา ไม่ใช่ตั้งคำถาม เขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิด เคยตราหน้าเด็กที่ถามว่า “ทำไมบทสวดไม่พูดชื่อพ่อแม่ข้าเลย” แต่เขาก็เป็นคนเดียวในวัด ที่ทุกคืน…จะออกไปนั่งใต้ต้นสน เขียนสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา “เสียงที่แม่ร้องไห้” “ชื่อของคนที่ถูกฝังโดยไม่มีใครพูดถึง” “เสียงหัวเราะของเด็กที่ตายโดยไม่มีพิธี” เขาไม่เคยเผยสิ่งที่เขียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง...ฝนตก เด็กที่เดินฝ่าฝนเข้า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 128: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำราเมื่อพื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึง เริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนา“เมื่อบทสวดไม่อาจเข้าถึงผู้คนก็เริ่มฟังกันเองโดยไม่ต้องอ้างคำใดในตำรา”กลางทุ่งอาเคะฮะ แคว้นที่ไม่มีชื่อบนแผนที่แผ่นดินแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า "เขตต้องสาป" โดยศาสนจักร เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยสร้างศาลา ไม่เคยมีแท่นสวด และไม่มีพระรูปใดตั้งรกรากยาวนานพอจะจารึกบทบูชาให้ถาวรแต่ในปีแห่งเงาเดินกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 127: พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง

    พิธีจำที่ไม่มีผู้สั่ง— คนทั่วแผ่นดินเริ่มร่วมพิธีจำชื่อผู้ตายแบบไม่มีลำดับชั้นแผ่นดินโยะริมิยะไม่เคยมีเสียงสวดที่ไหลจากทุ่งสู่พระราชวังไม่เคยมีเสียงชื่อชาวนาถูกเอ่ยในที่ที่เจ้าเมืองเคยยืนไม่เคยมีใครกล้าจดจำ “คนที่ไม่มีชื่อ” อย่างเปิดเผย…จนกระทั่งค่ำคืนหนึ่งในต้นฤดูใบไม้ร่วงเมื่อสายลมเย็นพัดมาจากทิศเหนือ และฝุ่นจากพายุฤดูแล้งยังไม่ทันจางมีหญิงชราในหมู่บ้านอิซานะ นั่งอยู่หน้ากองฟืนที่ยังไม่จุดลูบสมุดเก่าเล่มหนึ่ง แล้วพูดขึ้นกลางวงว่า“คืนนี้...ข้าจะอ่านชื่อสามีของข้าที่ศพเขาไม่เคยมีใครเผาให้…เพราะไม่มีใครมาฟัง”ไม่มีพระ ไม่มีเจ้าเมือง ไม่มีผู้อาวุโสมีเพียงคนในหมู่บ้านนั่งเงียบ ฟังเสียงคนชราสะอื้นจากนั้น เด็กชายคนหนึ่งก็ค่อย ๆ หยิบสมุดฟังเล่มใหม่มาเขียนชื่อของ “อาคิระ” — พ่อของเขา ที่เคยหายไปกลางป่าระหว่างทางไปตลาดไม่มีใครสั่งให้ทำไม่มีตำราบอกให้พูดไม่มีเสียงระฆังเริ่มพิธีแต่เมื่อดวงจันทร์ครึ่งดวงขยับพ้นยอดไผ่เสียงชื่อผู้ตายเริ่มถูกอ่านเรียงต่อกัน โดยผู้เป็นลูก ผู้เป็นภรรยา หรือแม้แต่เพื่อนบ้านที่ไม่เคยรู้ว่าคนตายนั้นมีชื่อจริงว่าอะไรมันเริ่มที่หมู่บ้านหนึ่งแล้วต่อมา มี

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 126: ผู้เงียบที่เริ่มพูด

    ผู้เงียบที่เริ่มพูด- เมื่อคนเงียบในตระกูลใหญ่กลายเป็นผู้นำใหม่ในสายลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงต้นปีที่ 17 แห่งยุคโยะริมิยะใหม่เสียงกระดิ่งไม้ของศาลาฟังในหมู่บ้านซุยโฮดังขึ้นอย่างอ่อนโยนไม่ใช่เพื่อเรียกให้ฟังเทศน์ ไม่ใช่เพื่อเริ่มพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่เพื่อแจ้งว่ามีเด็กคนหนึ่ง…เริ่มจดประโยคแรกในสมุดฟังเวียนเล่มใหม่ศาลานั้นไม่มีแท่นบูชา ไม่มีคนควบคุม ไม่มีเสื้อผ้าศักดิ์สิทธิ์แต่มีคนมากกว่าสี่สิบคน นั่งเงียบพร้อมกัน โดยไม่มีใครบอกให้ทำเด็กผู้นั้นชื่อว่า "ริสึ"เขาไม่ใช่คนในตระกูลใหญ่ ไม่เคยถูกสอนให้นำแต่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่จำชื่อของหญิงชราที่เพิ่งตายได้ครบถ้วนแม้หญิงชรานั้นจะไม่มีหลาน ไม่มีลูกหลงเหลือและศาสนจักรไม่ยอมจัดพิธีให้ผู้ไม่มีตระกูลริสึยืนหน้าศาลามือสั่นเทาแต่พูดอย่างมั่นคง:“ข้าขอให้เราจำเธอ…แม้เธอไม่มีใครเหลือให้จำเพราะถ้าชื่อของเธอเงียบหายวันหนึ่งชื่อของพวกเราก็จะหายไปเช่นกัน”ในห้องใต้ดินของตระกูลยามาโนะขณะเดียวกัน ที่แคว้นกลางของโยะริมิยะในห้องใต้ดินลับของตระกูลยามาโนะ — หนึ่งใน 12 ตระกูลใหญ่หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าสมุดฟังที่ไม่มีชื่อผู้เขียนดวงตาของนางมืดแน

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status