หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม
แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเวียนมาบรรจบที่วินนี่ตามโต๊ะรูปวงรี วินตาควบคุมตัวเองให้ยิ้มแย้มและร่าเริงเข้าไว้ยามเมื่อได้มาเจอหน้าทุกๆ คน พวกเขาทักทายเพื่อน รุ่นน้องและรุ่นพี่ร่วมค่ายก่อนที่ทั้งสองจะเข้าร่วมการสนทนา จนกระทั่งเกิดประเด็นที่พาให้โยงใยมาถึงจาริลในที่สุด “ไม่อยากเชื่อเลยนะว่าริลจะยังไม่มีแฟน” รีเบคก้าหนึ่งในสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ปกล่าวขึ้นก่อนจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวออกมา “เหมือนว่าริลจะเฟรนด์ลี่กับผู้หญิงนะ” “จะว่าไปก็อยากมีอยู่นะครับ แฟนน่ะ” คนถูกแซวตอบกลับอย่างทีเล่นทีจริง ส่วนหญิงสาวยังคงกล่าวต่อไป “ดูเหมือนริลจะเทคแคร์ผู้หญิงเก่งจริงๆ นะ คนแบบนี้แหละมักจะถูกมองว่าเจ้าชู้” หญิงสาวเอ่ยขณะกวาดสายตาไปรอบโต๊ะ ฝ่ายจาริลถึงกับหลุดยิ้มออกมาก่อนที่หนึ่งในสมาชิกวงของเธอจะแสดงความคิดเห็นบ้าง “แต่ว่าริลคงไม่เจ้าชู้หรอกใช่ไหม” “เจ้าชู้ไม่เจ้าชู้อันนี้ต้องถามวินนี่” รีเบคก้าเริ่มโยงประเด็นไปยังหญิงสาวอีกคนในวงสนทนา ชัดเจนว่ารายต่อไปที่กำลังจะถูกพูดถึงคือวินตา ผู้หญิงคนเดียวที่อาศัยอยู่ร่วมกับชายหนุ่มทั้งสี่ “เจ้าพวกนี้ไม่มีเรื่องผู้หญิงหรอก” “เพราะมีพี่วินนี่คนเดียวก็พอแล้ว” จาริลเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยท่าทีหยอกเอิน ขณะที่วินตาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินประโยคที่มีเพียงแต่พวกเขาสองคนที่ได้ยิน “ทำไมคืนนี้พวกมึงกินเหล้าน้อยจังวะ ดูดิ ป่านนี้แล้วยังไม่หมดแก้วเลย” ประโยคนี้ดังขึ้นจาก ต้นรัก หนึ่งในศิลปินเดี่ยวของค่าย เจ้าตัวแปลกใจที่เห็นวินตากับจาริลดื่มน้อยกว่าปกติ ทั้งที่เหล้าเป็นสิ่งที่สองคนนี้ไม่เคยปฏิเสธเวลาอยู่ด้วยกัน “ก็เปล่านะพี่ ผมก็ดื่มเรื่อยๆ แหละ เนี่ย เดี๋ยวก็หมด” จาริลเอ่ยขึ้น วินาทีนั้นวินตาหลุบสายตาลงตํ่า จู่ๆ ประเด็นเรี่องดื่มก็รบกวนจิตใจของเธอและนั่นก็เป็นเพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่นานนี้ “มึงตอนอยู่กลางสเตจต่างกันมากเลยนะจาริล” “ใช่ๆ” รีเบคก้าเห็นด้วยกับต้นรัก “ยังไงเหรอครับ?” “ก็เพราะตอนแสดงริลดูมีเสน่ห์มากกว่าตอนนี้” “ต่างจากที่กูคิดไว้นะเนี่ย คิดว่ารีเบคก้าจะบอกว่าตอนมันแสดงก็ดูเหมือนมันจะเป็นคนดี แต่พอลงจากเวทีแล้วเป็นอีกคน” นาทีนี้วินตาอดคิดไม่ได้ว่าที่รีเบคก้าเอ่ยแซวก็มีส่วนถูก เธอพบว่าจาริลตัวจริงไม่ได้เหมือนกับคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย คนเหล่านั้นก็แค่เห็นหน้ากากที่จาริลสวมใส่ ส่วนตัวตนที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้น อีกฝ่ายคือจาริลจอมหลอกลวง ไม่คิดหน้าคิดหลัง มีความลับ และเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป มักจะเข้มงวดกับคนอื่นแต่กับตัวเองไม่ชอบให้ใครมาบงการ ทั้งหมดนี้คงพอจะใช้อธิบายความจริงได้หากวินตากล้าพอจะต่อบทสนทนานี้ให้ยืดยาว ทว่าเธอก็ปล่อยให้มันหยุดอยู่แค่ในความคิด “จะว่าไปวินนี่ก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกันหนิ” วินตาเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อใครคนหนึ่งเอ่ยถึงเธอ “ก่อนหน้านี้เห็นให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอยากโฟกัสกับงานมากกว่า” คราวนี้เซร่าเพื่อนร่วมวงของรีเบคก้าและเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่เอ่ยเสริม วินตาพยักหน้าช้าๆ “อื้ม ถ้าถามเราตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แล้วที่วงในเขาลือกันว่าวินนี่แอบกิ๊กกับรุ่นน้องร่วมค่ายล่ะ” “จาริล…” เป็นเธอเองที่เอ่ยพร้อมกับเผลอหันไปมองร่างสูงข้างกาย จาริลหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมอะนะ?” วินตารีบเบือนใบหน้ากลับมาแล้วเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟังในตอนนั้นอย่างเนิบช้าแต่ชัดเจน “ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนคิดว่าเรากับริลชอบกันหรือว่าแอบคบกันอยู่ ไม่รู้คนพวกนั้นเขาเห็นเคมีอะไรในตัวพวกเรา” “พี่วินนี่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างผมครับ” “เนี่ย ริลมันหยอดสาวแบบนี้ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว” เซร่าลงความเห็นพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนอีกฝ่าย “ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าหว่านเสน่ห์หรอก เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” จาริลหันไปจ้องมองคนข้างกายไม่วางตา เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงจากรุ่นพี่เช่นนั้น “ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั้งนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของรุ่น “ก็แค่แสดงความรักออกไปให้คนที่ชอบรับรู้” “ไม่คิดว่าจะเป็นสายบวกแฮะ วินนี่ดูเป็นคนขี้อายอะ” “ถ้าได้เจอคนที่ชอบจริงๆ ก็ไม่อายหรอก แต่จะรีบหาโอกาสใกล้ชิดให้ได้เลย” “ใจกล้าเหมือนกันนะพี่น่ะ” จาริลได้ทีแซววินนี่อย่างมีอารมณ์ขัน “แล้วจะให้พี่ทำยังไงเล่า อย่างน้อยถ้าไม่รีบทำความรู้จัก อาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไปให้ได้เจอกันอีกแล้วป้ะ” ยิ่งได้ฟังคนข้างกายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้เธอ “อย่างมึงน่ะไม่ต้องจีบใครก็มีผู้ชายเข้าหา ทุกครั้งที่กูไปกินเหล้ากับพวกมึงห้าคนมันต้องมีผู้ชายมาขอชนแก้วกับมึงทุกครั้ง พวกไอ้แมนเป็นพยายานให้กูได้” วินตาทำได้แค่ยิ้มเป็นคำตอบให้ กรรชิง ศิลปินชายเดี่ยวที่นับว่าได้ว่าสนิทกับเธอและอีกสี่หนุ่มมากที่สุด ก่อนที่เซร่าจะเอ่ยแซวเธออีกครั้ง “วินนี่มีสเน่ห์ก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ เอ๊ะ หรือว่าซื่อบื้อดี” ตอนนั้นเองที่จาริลต้องกลั้นขำ วินตาถลึงตาใส่รุ่นน้องข้างกายไปหนึ่งที “วินนี่เนี่ย คือสมบัติของรุ่นเราเลยนะ จะให้ใครมารังแกไม่ได้เด็ดขาด” รีเบคก้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน “พี่เคยโดนผู้ชายในค่ายเราจีบบ้างป้ะ?” น่านฟ้า ศิลปินชายเดี่ยวคนล่าสุดของค่ายเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย เขาใช้โอกาสที่วินตายังไม่ทันตอบคำถามเอ่ยต่อไปว่า “ต้องมีคนมาแย่งกันจีบพี่แน่เลย” “มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่น้องคิดก็ได้นะ” “พี่คนนี้เขาไม่ทันคนหรอก เป็นพวกไม่รู้ตัวเวลามีคนมาจีบน่ะ” อคินออกความเห็นเกี่ยวกับรุ่นพี่คนสนิท “ทำไมพวกน้องคิดว่าพี่ซื่อบื้อขนาดนั้นฮะ!" “พี่วินนี่ดูเป็นคนอินโนเซนท์น่ะค่ะ ดูไม่น่าจะจีบใครเป็นมากกว่า” วินตามองหน้ารุ่นน้องวงเกิร์ลกรุ๊ปที่เอ่ยประโยคนั้น เรื่องที่ อายตา พูดมาเธอยอมรับเพียงส่วนหนึ่ง แต่ที่บอกว่าเธออินโนเซนท์ เธอว่า... เธอก็ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย หรือถ้าเธอนั้นอินโนเซนท์จริง วินตาคนนั้นก็คงไม่มีอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อ เหตุการณ์บางอย่างมันเพิ่งจะสั่งสอนเธอไปหยกๆ นี่เอง ค่ำคืนหนึ่งในบ้านหลังใหญ่ที่ซึ่งเป็นโฮมแชร์ของห้าศิลปินแห่งค่ายเพลงชื่อดัง กลับมีหนึ่งในสมาชิกของบ้านที่ยังนอนไม่หลับ วินตาขยับตัวในความมืดพลางคลำหามือถือขึ้นมาเปิดดูเวลาที่หน้าจอทัชสกรีน ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าสู่วันใหม่ เธอเปิดอ่านข้อความที่ยังไม่ได้อ่านตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ มันมาจากพ่อและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่อวยพรวันเกิดให้กับเธอ ร่างบางพิมพ์ข้อความตอบไปเพื่อขอบคุณสำหรับคำอวยพรและขอให้คุณพ่อของเธอรักษาสุขภาพให้ดีด้วยเช่นกัน ครั้นกดออกจากกล่องข้อความแล้วเข้าไปเลื่อนดูรูปภาพที่ถูกแท๊กชื่อในอินสตาแกรม เธอก็เห็นภาพบรรดาศิลปินในงานแฟนมีตติ้งและอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่ห้องอาหารหลายคืนก่อน ในจำนวนนั้นมีภาพถ่ายขณะพวกเธอกำลังทำการแสดงในคอนเซปต์ของแต่ละกลุ่มไปจนถึงการแสดงบทเพลงของพวกเธอ ภายใต้รูปของแต่ละคนปรากฏจำนวนไลค์และคอมเมนต์ที่ไม่แน่นอน ซึ่งรูปของศิลปินเดี่ยวที่ได้รับการกดไลค์มากที่สุดเป็นอันดับแรกคือเธอ เหมือนอย่างที่มักจะเป็นมาตลอด วินตาคิดถึงช่วงเวลาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอันนับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่สุดของเธอในวันนี้เลยก็ว่าได้ มันเป็นตอนที่เธอถูกเซอร์ไพรส์วันเกิดล่วงหน้าด้วยเค้กแสนสวยขณะนั่งประชุมอยู่ในห้องมีตติ้งที่มีศิลปินรุ่นของเธออยู่ร่วมกันหลายคน ขณะที่เธอกำลังงงงันกับไฟที่ดับลงไปชั่วขณะ เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ดังขึ้นจากพวกของแม้นเมือง รุ่นน้องผู้หญิงที่สนิทกันกับเธอเดินถือเค้กปอนด์ใหญ่เข้ามาให้ เธอได้รับคำอวยพรมากมายจากแฟนคลับและชาวเน็ตมากมายก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีใจได้เท่ากับคำอวยพรของเฮคเตอร์และพวกน้องๆ เธอยังจดจำวันเกิดในปีที่ก่อนๆ ได้ดี อย่างเช่นก่อนนี้ มันเป็นเพียงการฉลองที่มีเพียงพวกเธอห้าคนเท่านั้น จู่ๆ เฮคเตอร์ จาริล อคิน และแม้นเมืองก็บุกเข้ามาในห้องนอนห้องนี้ตอนเที่ยงคืนกว่าพร้อมกับเค้กที่ทำจากวุ้นทั้งก้อนประดับด้วยเทียนวันเกิดที่จุดไฟสว่างไสว เผลอคิดถึงตรงนี้วินตาก็กลับมารู้สึกแย่อีกครั้งให้กับเรื่องที่จาริลทำผิดต่อเธอ เธอไม่รู้เลยว่าจะเลิกรู้สึกแบบนี้ได้เมื่อไร แต่เธอก็จะพยายามให้อภัยเขา หากจาริลยังพยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเองซื่อสัตย์ต่อคำพูดและอดทนทำเพื่อเธอได้มากพอ การสั่งให้จาริลถอยห่างออกไปนั้น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องทรมานใจอีกฝ่ายเพียงใด นัยหนึ่งคำสั่งนี้จึงส่งผลดีต่อเธอเมื่อมันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของอีกฝ่าย รุ่นน้องไม่อาจรู้หรอกว่าเธอนั้นอยากจะอภัยให้อีกฝ่ายเหลือเกิน วินตาก็แค่คนใจอ่อนที่เฝ้ารอและคอยดูว่าคนที่เธอห่วงใยจะอดทนต่อความเย็นชาของเธอไปได้อีกนานแค่ไหน ความเฉยชาของเธอจะสามารถสั่นคลอนความแข็งแกร่งของจาริลได้หรือไม่ วินตาอยากจะรู้คำตอบ เธออยากเป็นคนที่จะให้บทเรียนอีกฝ่าย บทเรียนที่เธอยังไม่แน่ใจว่ามันจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ของพวกเธอให้แน่นแฟ้นหรือแปรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม หญิงสาวละปลายนิ้วออกจากหน้าจอมือถือหลังสิ้นสุดการพิมพ์ข้อความตอบกลับเป็นประโยคสุดท้าย ในตอนนั้นเองเปลือกตาก็เริ่มปิดลงช้าๆ เมื่อร่างกายเริ่มเรียกร้องการพักผ่อนแต่แล้วหน้าจอมือถือที่ดับลงไปก็ปรากฏแสงสว่างจากการแจ้งเตือนครั้งล่าสุด นิ้วโป้งกดจิ้มลงไปยังหน้าต่างขนาดย่อของโปรแกรมแชทเพื่ออ่านข้อความ อย่างตัดรำคาญ ไหนๆ ก็กำลังจะหลับแล้ว เธอขออ่านมันเป็นข้อความสุดท้ายก็แล้ว กัน ถ้าเป็นข้อความจากไอดีแปลกที่ดูเหมือนมาจากพวกแฟนคลับที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวล่ะก็ เธอจะบล็อกแอคเคาท์ของคนคนนั้นแม้อีกฝ่ายจะทำเพราะชื่นชอบเธอมากก็ตาม ‘พลิกหมอนดูสิครับ’ คนอ่านนิ่งไปชั่วขณะ บังเกิดความสงสัยขึ้นทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ และเพราะความอยากรู้จึงทำให้เธอส่องโทรศัพท์ไปยังหมอนที่นอนหนุนอยู่ เธอค่อยๆ พลิกตัวแล้วยกหมอนใบใหญ่ขึ้นด้วยมือเดียวอย่างไม่ถนัดเท่าไรนัก สิ่งที่พบอยู่เหนือสุดของหมอนหนุนใบนี้คือการ์ดสะสมหายากที่เธออยากได้เมื่อนานมาแล้ว เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วพลิกตัวลงนอนพลางเพ่งมองกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่สอดอยู่ในซองใสด้านหลังของการ์ดใบนี้ หนึ่งในการ์ด SSR ที่แสนหายาก ไม่คิดว่าจาริลจะจำมันได้ด้วย ‘สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ’ และนี่ก็คงจะเป็น... ของขวัญที่เธอชอบที่สุดในปีนี้“พี่จะใจร้ายกับผมได้ลงคอจริงๆ เหรอ”จาริลเอ่ยอย่างหมดความอดทน ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนต่อรุ่นพี่อีกต่อไปไม่ไหว ด้วยบทลงโทษที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายถอยห่างอีกฝ่ายไป เขาไม่อาจทนได้ และที่เขาแสร้งทำตัวคุกคามรุ่นพี่อยู่นี้ก็เพื่อให้อีกฝ่ายคิดเปลี่ยนใจหยุดการกระทำของตนซะ เพราะนอกจากเขาจะไม่ยอมเหินห่างอีกฝ่ายแล้ว เขายังพร้อมจะครอบครองอีกฝ่ายด้วย แต่เขาจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ถ้ารุ่นพี่ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ ถึงเวลานั้นเขาจะหยุดทุกอย่างและยอมแพ้แต่ไม่ใช่ในตอนนี้วินตาดิ้นขลุกขลักอยู่ภายใต้ร่างหนอย่างยากและเหนื่อยกายแต่เธอก็ยังพยายาม เพราะหวังจะชนะอีกฝ่าย เธอไม่อยากเป็นคนที่ถูกเขาไล่ต้อน แม้เธอจะรังเกียจสัมผัสที่ได้จากร่างสูงเพียงใดแต่เธอก็จำต้องตอบรับมันและสนองกลับไปให้เหนือกว่าครู่ต่อมาจาริลก้มลงจูบบดเบียดริมฝีปากของวินตาอย่างรุนแรงมากกว่าในค่ำคืนที่ตนขาดสติ สัมผัสที่รุนแรงและเจ็บปวดนั้นได้ไปจุดชนวนความโกรธของวินตาจนเธอไม่สามารถหยุดการกระทำของตนได้เช่นเดียวกัน ยิ่งจาริลรุกล้ำและเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากของเธออย่างเนิ่นนานไม่รู้จักหยุด วินตาก็ล่งผ่านเรียวลิ้นแลกกับค
“...อืม” จาริลดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มเฝื่อนกับตัวเองพลางลุกมายืนข้างเตียงก่อนจะยกถาดวางแก้วน้ำและถ้วยข้าวต้มที่คนป่วยทานเหลือนำออกไปเก็บ แต่ไม่ทันที่ร่างสูงจะก้าวไปถึงจุดหมาย บานประตูห้องนอนก็ถูกผลักเข้ามาพร้อมด้วยสมาชิกทุกคนของบ้านหลังนี้ วินตาหันไปมองเหล่าคนคุ้นเคยที่เดินกรูเข้ามาก็เริ่มรู้สึกกังวลใจ ทั้งที่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าใครเลยทั้งนั้น แต่ด้วยอาการป่วยของเธอคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทุกคนตามเข้ามานั่งห้อมล้อมอยู่ข้างเตียงแบบนี้ หญิงสาวเบนสายตากลับไปยังรุ่นน้องที่ชะโงกกายอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้จาริลก้าวเดินออกไปก่อน วินตาก็แค่ไม่อยากให้ใครเอะใจสงสัยหรือดึงจาริลเข้ามาอยู่ในวงสนทนาตอนนี้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจความประสงค์ของเธอเลย เพราะพอเสร็จจากการนำภาชนะไปเก็บที่ห้องครัวแล้ว จาริลก็พาร่างของตัวเองกลับมาเผชิญหน้ากับเธอและทุกคนอีกครั้ง นั่นทำให้วินตายิ่งรู้สึกอึดอัดจนแทบไม่อยากเอ่ยคำพูดใดออกมาอีก แต่ก็นั่นแหละ คำโป้ปดของเธอ คงฟังดูเข้าท่ากว่าคำพูดของจาริลเป็นไหนๆ “นั่นไง ตัวการมาแล้ว รีบมาอธิบายเรื่องที่ทะเลาะกันเมื่อคืนนี้ให้พวกก
ศิลปินคนอื่นๆ ในค่ายเพลงของเธอต่างไล่ให้เธอกลับคอนโดในช่วงบ่าย จึงเหลือแค่วินตาและจาริลที่เดินทางกลับมาพักผ่อนก่อนคนอื่น วินตาคงจะยินดีหากเธอไม่ต้องเดินทางโดยมีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ใกล้ๆ นั่นเพราะเจ้าของดวงตาคู่นั้นคือรุ่นน้องร่วมค่ายอย่างจาริล เธอกลับรู้สึกต่อต้านหากก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากบอกตนเองว่าจะยอมให้รุ่นน้องได้แค่วันนี้เท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้ขึ้นอยู่กับตารางงานของค่าย ถึงจะตะขิดตะขวงใจหรือยากเย็นเพียงใด เธอก็จะไม่ทำอะไรให้เกิดปัญหากระทบต่อการทำงานเด็ดขาด ในเมื่อทุกคนเข้าใจว่าเธอกับจาริลเพียงแค่ทะเลาะกันจนเกิดอุบัติเหตุ เธอก็ต้องแกล้งทำเป็นให้อภัยและกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับจาริลให้ได้ในที่สุด เพราะไม่อย่างนั้น ทุกคนก็จะเป็นห่วงและพลอยลำบากใจไปด้วย อีกทั้งเธอเองก็ไม่ได้ต้องการจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจาริลอย่างแท้จริง เรื่องที่จะโกรธเกลียดจนไม่ให้อภัยกันไปตลอดทั้งชาตินั้นจึงเป็นไปไม่ได้ นับว่าเป็นโชคดีของจาริลนักที่ต่อให้ทำความผิดรุนแรงเอาไว้กับเธออย่างไรแต่ก็ยังได้รับการให้อภัย แต่ถึงแม้ผลลัพธ์จะเป็นเช่นนั้น คนทำผิดอย่างจาริลก็ยังต้องได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ แ
แค่อีกฝ่ายยังทนอยู่ใกล้กันก็ดีเท่าไร ขืนโลภมากไปกว่านี้เขาอาจไม่เหลือพื้นที่พอสำหรับตัวเองในโลกของพี่วินนี่เลยก็ได้ ในใจนั้นเอาแต่ภาวนาอย่างไม่เป็นผลว่า ‘อย่าทำแบบนี้กับผมเลยนะ’ แต่เทวดานางฟ้าตนใดจะมาให้พรกับคนเลวๆ อย่างเขา โดยเฉพาะกับคนเลวที่ทำร้ายนางฟ้าประจำกายของตัวเอง วินตาเปรียบเหมือนนางฟ้าแม่ทูนหัวหรือถ้าพูดให้ไม่เวอร์ไปกว่านั้น คืออีกฝ่ายเปรียบเหมือนพี่สาวที่คอยทำให้เขามีความสุขยามอยู่ด้วยกัน เขาคงทำใจได้ยากถ้าจะต้องสูญเสียใครบางคนในรูปแบบที่คุ้นเคยจากไป หากนี่คือความใกล้ชิดที่อีกฝ่ายมอบให้ มันก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาเลยสักนิด แม้อยากจะอ้อนวอนดูอีกครั้งแต่ก็คงจะไม่สำเร็จ ในเมื่อพี่สาวคนดีของเขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว “ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูดกับพี่ พยายามอยู่ให้ห่างกันอย่างน้อยสองเมตร” “…….” “แต่ถ้าอยู่ด้วยกันกับทุกคน ก็ถือซะว่าพี่ไม่เคยพูดแบบนี้แล้วกัน” กลางดึกคืนนั้นวินตาและจาริลต่างเดินทางออกจากคอนโดเพื่อซ้อมการแสดงสำหรับงานมีตติ้งเป็นคืนสุดท้าย ทั้งสองคนขับรถแยกย้ายกันไปตามทางของตนเองโดยที่รุ่นน้องวงบอยแบนด์อย่างจาริลเดินทางไปรวมตัวกับสมาชิกในวงเพื่อทำการฝึกซ้อม ส่วนรุ่
“ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั้งนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของรุ่น “ก็แค่แสดงความรักออกไปให้คนที่ชอบรับรู้” “ไม่คิดว่าจะเป็นสายบวกแฮะ วินนี่ดูเป็นคนขี้อายอะ” “ถ้าได้เจอคนที่ชอบจริงๆ ก็ไม่อายหรอก แต่จะรีบหาโอกาสใกล้ชิดให้ได้เลย” “ใจกล้าเหมือนกันนะพี่น่ะ” จาริลได้ทีแซววินนี่อย่างมีอารมณ์ขัน “แล้วจะให้พี่ทำยังไงเล่า อย่างน้อยถ้าไม่รีบทำความรู้จัก อาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไปให้ได้เจอกันอีกแล้วป้ะ” ยิ่งได้ฟังคนข้างกายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้เธอ “อย่างมึงน่ะไม่ต้องจีบใครก็มีผู้ชายเข้าหา ทุกครั้งที่กูไปกินเหล้ากับพวกมึงห้าคนมันต้องมีผู้ชายมาขอชนแก้วกับมึงทุกครั้ง พวกไอ้แมนเป็นพยายานให้กูได้” วินตาทำได้แค่ยิ้มเป็นคำตอบให้ กรรชิง ศิลปินชายเดี่ยวที่นับว่าได้ว่าสนิทกับเธอและอีกสี่หนุ่มมากที่สุด ก่อนที่เซร่าจะเอ่ยแซวเธออีกครั้ง “วินนี่มีสเน่ห์ก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ เอ๊ะ หรือว่าซื่อบื้อดี” ตอนนั้นเองที่จาริลต้องกลั้นขำ วินตาถลึงตาใส่รุ่นน้องข้างกายไปหนึ่งที “วินนี่เนี่ย คือสมบัติของร
“ก่อนหน้านี้เห็นให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอยากโฟกัสกับงานมากกว่า” คราวนี้เซร่าเพื่อนร่วมวงของรีเบคก้าและเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่เอ่ยเสริม วินตาพยักหน้าช้าๆ “อื้ม ถ้าถามเราตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แล้วที่วงในเขาลือกันว่าวินนี่แอบกิ๊กกับรุ่นน้องร่วมค่ายล่ะ” “จาริล…” เป็นเธอเองที่เอ่ยพร้อมกับเผลอหันไปมองร่างสูงข้างกาย จาริลหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมอะนะ?” วินตารีบเบือนใบหน้ากลับมาแล้วเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟังในตอนนั้นอย่างเนิบช้าแต่ชัดเจน “ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนคิดว่าเรากับริลชอบกันหรือว่าแอบคบกันอยู่ ไม่รู้คนพวกนั้นเขาเห็นเคมีอะไรในตัวพวกเรา” “พี่วินนี่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างผมครับ” “เนี่ย ริลมันหยอดสาวแบบนี้ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว” เซร่าลงความเห็นพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนอีกฝ่าย “ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าหว่านเสน่ห์หรอก เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” จาริลหันไปจ้องมองคนข้างกายไม่วางตา เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงจากรุ่นพี่เช่นนั้น “ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเว
“นี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเป็นแฟนของรามิลแล้วแต่งเข้าบ้านน้องหรอกนะ ก็แค่อยากจะคุยกับมิลก็เท่านั้น แต่ถ้านายไม่เปิดโอกาสให้พี่คบกับมิล ก็ถือว่าเราจบกันแค่นี้” คำประกาศิตของวินตาทำให้อีกฝ่ายเหมือนถูกบังคับ จาริลต้องเลือกระหว่างความเห็นแก่ตัวของตนกับความปรารถนาของรุ่นพี่ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากแนะนำพี่ชายของตนให้ใคร แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ของตนกับคนตรงหน้าไป เขาถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไหล่ทั้งสองห่อลงและคอตกด้วยท่าทางที่หงอยลงไปถนัดตา “น้องจะยอมไหม พี่จะนับถึงห้า หนึ่ง สอง สาม” “ก็ได้ครับ! ผมยอมเปิดทางให้พี่เข้าหามิลก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าจะได้คบรึเปล่า” “แค่ให้มิลเป็นคนตัดสินใจโดยไม่มีน้องมาเกี่ยวข้องก็พอ” “แล้วผมต้องทำยังไง?” “เอาเบอร์โทรของพี่ชายน้องมาให้พี่ แล้วที่เหลือพี่จะจัดการเอง” “นี่พี่จะจีบพี่ชายผมจริงๆ หรือทำเพื่อแก้แค้นผมกันแน่ พี่ก็รู้นี่ว่าเราไม่ถูกกัน ผมไม่เคยยอมให้คนใกล้ตัวไปสนิทสนมกับเขาหรอกนะ” “ฟังนะ พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากจะแก้แค้น มันก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกใคร คือมิลกับพี่เคยเจอกันมาก่อน พี่คิดว่าเข
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แ
“แต่ผมน่ะไม่เคยคิดว่าพี่วินนี่น่าเบื่อเลยนะ” จู่ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นจากชายอีก คนที่นั่งอยู่บนเตียงด้านข้าง วินตาค่อยๆ หันไปยิ้มให้รุ่นน้อง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงพูดเพื่อเอาใจเธอหรือเปล่า แต่ได้ยินแบบนั้นมันก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้ “หึ คงจะรักพี่วินนี่สินะ บอกด้วยนี่ว่าจะเดทกับพี่วินนี่” ประโยคนี้เฮคเตอร์เป็นคนพูด เขาฉวยร่างวินตาเข้าไปไว้ในอ้อมกอดอย่างหยอกล้อ “วินนี่เป็นของฉัน” “ไม่ให้หรอก เฮคบอกว่าเราน่าเบื่อ แถมยังลังเลบอกไม่เดทกับเราในตอนแรก ด้วย ไอ้คนพูดจากลับกลอก” วินตาขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเฮคเตอร์สำเร็จแล้วก็โผเข้าไปกอดร่างสูงอีกเตียงหนึ่งแทน ทำให้ร่างของจาริลเสียหลักล้มลงนอนบนเตียง นัยน์ตาทั้งสองคู่จ้องประสานกันจนบังเกิดความขวยเขินเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเรียกสติตนกลับมาได้ วินตาก็พลิกตัวลงนอนตามปกติจึงคล้ายว่าเธอนอนอยู่ระหว่างเฮคเตอร์และจาริล “จาริลระวังโดนแกล้งนะ” รุ่นพี่แร็ปเปอร์เตือนด้วยความหวังดี เขาล้มตัวลงนอนเล่นมือถือต่ออีกครั้ง ฝ่ายวินตาที่รู้สึกเหมือนถูกพาดพิงก็เอ่ยขึ้นในทันที “เราไม่ใช้มุกเดิมๆ หรอก ตราบใดที่เขาไม่กวนใจเรา เราก็ไม่ทำอะไร ห
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แต่ยามนี้ม
วันนี้พวกหนุ่มๆ มีถ่ายทำรายการที่ประเทศญี่ปุ่น วินตาในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีผลงานเพลงฟีตเจอริ่งกับทั้งสี่หนุ่มในอัลบั้มล่าสุดจึงได้ถูกรับเชิญไปด้วย การสัมภาษณ์ถามตอบในรายการเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องอาศัยล่ามแปลภาษาตลอดระยะเวลาการถ่ายทำโดยในช่วงท้ายของรายการนั้นกลับเรียกรอยยิ้มจากทั้งห้าคนได้เป็นอย่างดี เมื่อพวกเธอแต่ละคนต้องผลัดกันออกมายืนด้านหน้าอีกคนที่กำลังยืนหันหลังให้ ระหว่างนั้นจะมีคำถามปรากฏขึ้นบนหน้ามอนิเตอร์ให้พวกเขาสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังร่วมกันตอบคำถามที่เกี่ยวกับสมาชิกคนนั้นคนแรกที่ถูกเลือกให้ออกมายืนด้านหน้าคือแม้นเมือง ตามด้วยอคิน และต่อมาก็คือเธอบุคลิกภาพของวินนี่?เฮคเตอร์ : น่าเบื่อเป็นคนยังไง?เฮคเตอร์ : ใจดี อ่อนไหวง่ายลักษณะนิสัยที่เจ้าตัวยังไม่รู้?จาริล : มีระยะห่างแม้นเมือง : ชอบที่มืดเฮคเตอร์ : ไม่เชื่อฟังจาริล : ทำให้คนอื่นผิดหวังเป็นคนที่คุณสามารถเดทด้วยได้?จาริล : ได้เฮคเตอร์/แม้นเมือง/อคิน : ไม่แต่แล้วเฮคเตอร์ก็เปลี่ยนใจใหม่เฮคเตอร์ : เดทได้ ผมเดทกับวินนี่ก็ได้สิ่งที่คุณหวังว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยน?แม้นเมือง : ความประมาทเฮคเตอร
“นี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเป็นแฟนของรามิลแล้วแต่งเข้าบ้านน้องหรอกนะ ก็แค่อยากจะคุยกับมิลก็เท่านั้น แต่ถ้านายไม่เปิดโอกาสให้พี่คบกับมิล ก็ถือว่าเราจบกันแค่นี้” คำประกาศิตของวินตาทำให้อีกฝ่ายเหมือนถูกบังคับ จาริลต้องเลือกระหว่างความเห็นแก่ตัวของตนกับความปรารถนาของรุ่นพี่ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากแนะนำพี่ชายของตนให้ใคร แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ของตนกับคนตรงหน้าไป เขาถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไหล่ทั้งสองห่อลงและคอตกด้วยท่าทางที่หงอยลงไปถนัดตา “น้องจะยอมไหม พี่จะนับถึงห้า หนึ่ง สอง สาม” “ก็ได้ครับ! ผมยอมเปิดทางให้พี่เข้าหามิลก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าจะได้คบรึเปล่า” “แค่ให้มิลเป็นคนตัดสินใจโดยไม่มีน้องมาเกี่ยวข้องก็พอ” “แล้วผมต้องทำยังไง?” “เอาเบอร์โทรของพี่ชายน้องมาให้พี่ แล้วที่เหลือพี่จะจัดการเอง” “นี่พี่จะจีบพี่ชายผมจริงๆ หรือทำเพื่อแก้แค้นผมกันแน่ พี่ก็รู้นี่ว่าเราไม่ถูกกัน ผมไม่เคยยอมให้คนใกล้ตัวไปสนิทสนมกับเขาหรอกนะ” “ฟังนะ พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากจะแก้แค้น มันก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกใคร คือมิลกับพี่เคยเจอกันมาก่อน พี่คิดว่าเข
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเว
“ก่อนหน้านี้เห็นให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอยากโฟกัสกับงานมากกว่า” คราวนี้เซร่าเพื่อนร่วมวงของรีเบคก้าและเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่เอ่ยเสริม วินตาพยักหน้าช้าๆ “อื้ม ถ้าถามเราตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แล้วที่วงในเขาลือกันว่าวินนี่แอบกิ๊กกับรุ่นน้องร่วมค่ายล่ะ” “จาริล…” เป็นเธอเองที่เอ่ยพร้อมกับเผลอหันไปมองร่างสูงข้างกาย จาริลหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมอะนะ?” วินตารีบเบือนใบหน้ากลับมาแล้วเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟังในตอนนั้นอย่างเนิบช้าแต่ชัดเจน “ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนคิดว่าเรากับริลชอบกันหรือว่าแอบคบกันอยู่ ไม่รู้คนพวกนั้นเขาเห็นเคมีอะไรในตัวพวกเรา” “พี่วินนี่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างผมครับ” “เนี่ย ริลมันหยอดสาวแบบนี้ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว” เซร่าลงความเห็นพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนอีกฝ่าย “ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าหว่านเสน่ห์หรอก เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” จาริลหันไปจ้องมองคนข้างกายไม่วางตา เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงจากรุ่นพี่เช่นนั้น “ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั
“ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั้งนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของรุ่น “ก็แค่แสดงความรักออกไปให้คนที่ชอบรับรู้” “ไม่คิดว่าจะเป็นสายบวกแฮะ วินนี่ดูเป็นคนขี้อายอะ” “ถ้าได้เจอคนที่ชอบจริงๆ ก็ไม่อายหรอก แต่จะรีบหาโอกาสใกล้ชิดให้ได้เลย” “ใจกล้าเหมือนกันนะพี่น่ะ” จาริลได้ทีแซววินนี่อย่างมีอารมณ์ขัน “แล้วจะให้พี่ทำยังไงเล่า อย่างน้อยถ้าไม่รีบทำความรู้จัก อาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไปให้ได้เจอกันอีกแล้วป้ะ” ยิ่งได้ฟังคนข้างกายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้เธอ “อย่างมึงน่ะไม่ต้องจีบใครก็มีผู้ชายเข้าหา ทุกครั้งที่กูไปกินเหล้ากับพวกมึงห้าคนมันต้องมีผู้ชายมาขอชนแก้วกับมึงทุกครั้ง พวกไอ้แมนเป็นพยายานให้กูได้” วินตาทำได้แค่ยิ้มเป็นคำตอบให้ กรรชิง ศิลปินชายเดี่ยวที่นับว่าได้ว่าสนิทกับเธอและอีกสี่หนุ่มมากที่สุด ก่อนที่เซร่าจะเอ่ยแซวเธออีกครั้ง “วินนี่มีสเน่ห์ก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ เอ๊ะ หรือว่าซื่อบื้อดี” ตอนนั้นเองที่จาริลต้องกลั้นขำ วินตาถลึงตาใส่รุ่นน้องข้างกายไปหนึ่งที “วินนี่เนี่ย คือสมบัติของร
แค่อีกฝ่ายยังทนอยู่ใกล้กันก็ดีเท่าไร ขืนโลภมากไปกว่านี้เขาอาจไม่เหลือพื้นที่พอสำหรับตัวเองในโลกของพี่วินนี่เลยก็ได้ ในใจนั้นเอาแต่ภาวนาอย่างไม่เป็นผลว่า ‘อย่าทำแบบนี้กับผมเลยนะ’ แต่เทวดานางฟ้าตนใดจะมาให้พรกับคนเลวๆ อย่างเขา โดยเฉพาะกับคนเลวที่ทำร้ายนางฟ้าประจำกายของตัวเอง วินตาเปรียบเหมือนนางฟ้าแม่ทูนหัวหรือถ้าพูดให้ไม่เวอร์ไปกว่านั้น คืออีกฝ่ายเปรียบเหมือนพี่สาวที่คอยทำให้เขามีความสุขยามอยู่ด้วยกัน เขาคงทำใจได้ยากถ้าจะต้องสูญเสียใครบางคนในรูปแบบที่คุ้นเคยจากไป หากนี่คือความใกล้ชิดที่อีกฝ่ายมอบให้ มันก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาเลยสักนิด แม้อยากจะอ้อนวอนดูอีกครั้งแต่ก็คงจะไม่สำเร็จ ในเมื่อพี่สาวคนดีของเขาได้ลั่นวาจาออกมาแล้ว “ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูดกับพี่ พยายามอยู่ให้ห่างกันอย่างน้อยสองเมตร” “…….” “แต่ถ้าอยู่ด้วยกันกับทุกคน ก็ถือซะว่าพี่ไม่เคยพูดแบบนี้แล้วกัน” กลางดึกคืนนั้นวินตาและจาริลต่างเดินทางออกจากคอนโดเพื่อซ้อมการแสดงสำหรับงานมีตติ้งเป็นคืนสุดท้าย ทั้งสองคนขับรถแยกย้ายกันไปตามทางของตนเองโดยที่รุ่นน้องวงบอยแบนด์อย่างจาริลเดินทางไปรวมตัวกับสมาชิกในวงเพื่อทำการฝึกซ้อม ส่วนรุ่