หลังจากเห็นอิงดาวไปออกเดทกับพฤกษ์ ความรู้สึกหวงและหงุดหงิดในใจของธาราก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เขาตระหนักได้แล้วว่าสิ่งที่เขารู้สึกกับอิงดาวนั้นไม่ใช่แค่ความห่วงใยแบบพี่น้อง แต่เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินกว่านั้น
เขาเริ่มยอมรับกับตัวเองว่าเขาตกหลุมรักอิงดาว แต่ความจริงนี้กลับสร้างความเจ็บปวดและสับสนให้กับเขาอย่างมาก เพราะอิงดาวคือลูกพี่ลูกน้อง และเป็นคนที่เขามองว่าเป็นน้องสาวมาตลอดชีวิต ธาราเก็บตัวอยู่คนเดียว พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในใจของเขา ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกับสิ่งที่เป็นอยู่
แสงไฟจากจอคอมพิวเตอร์สว่างวาบขึ้นลงในห้องทำงานของธารายามค่ำคืน เอกสารงานถูกวางทิ้งเกลื่อนโต๊ะราวกับไม่เคยถูกแตะต้อง สายตาของเขานั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง กระจกสะท้อนภาพของชายหนุ่มที่ดูเหนื่อยล้า ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาโรยราที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายในจิตใจ
เสียงโทรศัพท์ของอิงดาวที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น และเสียงหัวเราะสดใสของเธอที่เล็ดลอดมาตามลม ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกหงุดหงิดในอกของธารา เขาได้ยินอิงดาวพูดคุยกับพฤกษ์อย่างออกรส หัวเราะคิกคักกับเรื่องราวที่พฤกษ์เล่าให้ฟัง มันเป็นเสียงหัวเราะที่เขาไม่ค่อยได้ยินบ่อยนักในช่วงนี้ และทุกครั้งที่ได้ยิน มันเหมือนมีหนามแหลมคมทิ่มแทงเข้ามาในใจ
“จะอะไรกันนักหนา” ธาราพึมพำกับตัวเอง เสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยืนเท้าแขนกับขอบหน้าต่าง ปล่อยให้ความมืดมิดภายนอกกลืนกินความรู้สึกของเขา
ภาพของอิงดาวที่ยิ้มให้พฤกษ์ในร้านอาหาร ภาพที่พฤกษ์ยื่นแก้วกาแฟให้เธอที่ออฟฟิศ และภาพที่อิงดาวบอกเขาว่าเธอตกลงออกเดทกับพฤกษ์ทุกภาพเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่หยุดหย่อน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหมือนมีไฟสุมทรวง ความร้อนผ่าวแล่นไปทั่วทั้งร่าง
ความรู้สึกหวงที่เขาเคยคิดว่าเป็นเพียงปฏิกิริยาปกติของพี่ชายที่มีต่อน้องสาว บัดนี้มันปะทุขึ้นอย่างรุนแรงจนเขาควบคุมไม่ได้ มันไม่ใช่แค่ความหวงธรรมดา แต่มันคือ ความรู้สึกอยากครอบครอง อยากให้อิงดาวอยู่ข้างๆ เขาเท่านั้น อยากให้รอยยิ้มนั้น สายตาที่เปล่งประกายนั้น และเสียงหัวเราะสดใสเหล่านั้นเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
ธาราเดินไปที่บาร์เล็กๆ ในห้องทำงานของเขา รินวิสกี้ใส่แก้วคริสตัลแล้วยกขึ้นจิบช้าๆ ความขมปร่าของเหล้าไม่ได้ช่วยให้สมองของเขาหยุดคิดเลยแม้แต่น้อย กลับกัน มันยิ่งทำให้ความคิดของเขาวนเวียนอยู่ในอ้วงแห่งความสับสน
“ทำไมฉันต้องรู้สึกแบบนี้” เขากล่าวกับตัวเอง เสียงของเขาแหบพร่าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ทำไมต้องเป็นอิงดาว”
เขานึกถึงวันวานที่ผ่านมาทั้งหมด ตั้งแต่อิงดาวยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามเขาไปทุกที่ เขามักจะแกล้งเธอ เล่นสนุกกับเธอ ปกป้องเธอจากเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ที่มาแกล้ง และเป็นที่ปรึกษาให้เธอในทุกเรื่อง เขามักจะคิดเสมอว่าความผูกพันของพวกเขานั้นเป็น สายใยพี่น้องที่บริสุทธิ์ เป็นความรักที่ไม่มีอะไรเจือปน
แต่เมื่อพฤกษ์เข้ามาในชีวิตของอิงดาว และเขาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเธอ ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นมานานก็เริ่มเผยตัวออกมาทีละน้อยทีละน้อย จนบัดนี้มันปะทุขึ้นอย่างรุนแรงจนเขาไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป
ธาราปิดเปลือกตาลง ภาพของอิงดาวในชุดเดรสสีขาวที่เธอสวมใส่ในวันเกิดของเธอเมื่อปีที่แล้วผุดขึ้นมาในมโนภาพ เธอสวยงามราวกับนางฟ้าในวันนั้น และในวินาทีนั้นเองที่เขาเริ่มรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากความเป็นพี่น้อง แต่เขากลับเลือกที่จะปฏิเสธมัน พยายามบอกตัวเองว่านี่เป็นเพียงความชื่นชมในความงามของน้องสาวเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เขายอมรับแล้วว่ามันไม่ใช่แค่นั้น
ธาราลืมตาขึ้นช้าๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความจริงจัง เขาตกหลุมรักอิงดาว ไม่ใช่ในฐานะน้องสาว แต่ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่เขารักและปรารถนาที่จะอยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิต ความจริงนี้เหมือนมีค้อนขนาดใหญ่ทุบลงกลางหัวใจของเขาอย่างจัง
การยอมรับความจริงว่าเขารักอิงดาว กลับสร้างความเจ็บปวดและความสับสนให้กับธาราอย่างแสนสาหัส
“มันเป็นไปไม่ได้” เขากล่าวกับตัวเอง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรา เป็นน้องสาวของเรา”
กำแพงของความเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สังคมมองว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ขวางกั้นความรู้สึกของเขา ธารารู้ดีว่าความรักแบบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม มันผิดขนบธรรมเนียม ประเพณี และอาจนำมาซึ่งคำครหาจากคนรอบข้าง เขากลัวว่าความรู้สึกนี้จะทำลายความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างเขากับอิงดาว และที่สำคัญที่สุด คือเขากลัวว่ามันจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องผิดหวังและอับอาย
เขานึกถึงใบหน้าของคีรินทร์และอลิสาผู้เป็นพ่อแม่ พวกเขาจะคิดอย่างไรถ้าเขาสารภาพความรู้สึกนี้ออกมา พวกเขาจะเข้าใจและยอมรับได้หรือไม่
ความจริงที่ว่าอิงดาวคือคนที่เขาต้องปกป้องมาตลอดชีวิต บัดนี้เขากลับมีความรู้สึกที่เกินเลยกว่าคำว่า 'ปกป้อง' เขาปรารถนาที่จะเป็นคนรัก เป็นคู่ชีวิตของเธอ
เขาเดินไปที่โซฟาตัวใหญ่ ทิ้งตัวลงนอนหงาย ดวงตาจับจ้องไปที่เพดานสีขาว ความคิดของเขาเหมือนเขาวงกตที่หาทางออกไม่เจอ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน ยิ่งคิดก็ยิ่งจมดิ่งลงไปในความเจ็บปวด
ธาราเริ่มเก็บตัวอยู่คนเดียวมากขึ้น เขาปฏิเสธการนัดหมายทางสังคมที่ไม่จำเป็น ลดการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน และพยายามหลีกเลี่ยงการเจอหน้าอิงดาวให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ ความรู้สึกที่ซับซ้อนก็จะถาโถมเข้ามาในใจ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและทรมาน
เขานั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเองเกือบตลอดเวลา อ่านเอกสารงาน พยายามจดจ่ออยู่กับตัวเลขและแผนงาน เพื่อหวังว่ามันจะช่วยดึงความคิดของเขาออกจากเรื่องของอิงดาวและพฤกษ์ได้ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ทุกตัวอักษร ทุกตัวเลข กลับกลายเป็นภาพของอิงดาวที่ยิ้มแย้มสดใส ภาพของเธอที่หัวเราะ ภาพของเธอที่กำลังเดินเคียงข้างกับพฤกษ์
เหตุผล บอกเขาว่า อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นน้องสาว เขาไม่ควรมีความรู้สึกแบบนี้ มันผิด มันไม่ถูกต้อง มันเป็นไปไม่ได้ และมันจะนำมาซึ่งปัญหามากมาย
แต่ หัวใจ ของเขา กลับร่ำร้องเรียกหาแต่อิงดาว มันปรารถนาที่จะได้อยู่ใกล้เธอ ได้ดูแลเธอ ได้เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ
เขาพยายามที่จะ บังคับ ความรู้สึกของตัวเอง พยายามที่จะกลับไปคิดกับอิงดาวแค่ในฐานะน้องสาวเหมือนเดิม แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ความรู้สึกรักที่เขามีต่อเธอก็ยิ่งชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เหมือนยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ
เขานึกถึงตอนที่เขาพยายามขัดขวางไม่ให้อิงดาวไปออกเดทกับพฤกษ์ การกระทำเหล่านั้นมันมาจากความหวง ความอิจฉา และความปรารถนาที่จะครอบครองอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ความห่วงใยแบบพี่น้องอย่างที่เขาเคยบอกตัวเอง
ธาราลุกขึ้นเดินไปที่กระจกบานใหญ่ในห้องทำงาน เขามองดูเงาสะท้อนของตัวเอง ดวงตาของเขาแดงก่ำและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ก็มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ลึกๆ เขาจ้องมองใบหน้าของตัวเองเพื่อหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงต้องมาติดอยู่ในวังวนของความรู้สึกเช่นนี้
เขาเคยเป็นคนที่เด็ดขาด มีเหตุผล และสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีเยี่ยมในทุกสถานการณ์ แต่ตอนนี้ เขากลับกลายเป็นคนที่อ่อนแอและสับสนในเรื่องของหัวใจ เขายอมรับว่านี่คือความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตของเขา
คืนนั้นธาราไม่ได้นอนเลยแม้แต่นาทีเดียว เขานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม ปล่อยให้ความมืดมิดและความเงียบเข้าครอบงำ คืนนั้นเป็นคืนที่เขาต้อง เผชิญหน้ากับความจริง ในใจของตัวเองอย่างแท้จริง
เขานึกถึงเสียงหัวเราะของอิงดาวเมื่อเธออยู่กับพฤกษ์ รอยยิ้มของเธอที่ดูมีความสุขเหลือเกิน มันเหมือนมีก้อนหินหนักๆ ทับอยู่ที่หน้าอกของเขา
เขาเจ็บปวด เจ็บปวดที่เห็นคนที่เขารักกำลังจะตกเป็นของคนอื่น เจ็บปวดที่เขาไม่สามารถบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปได้ เจ็บปวดที่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ภายในใจเพียงคนเดียว
ธารากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความรู้สึกสิ้นหวังถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง
“ฉันรักเธออิงดาว” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงของเขาแหบพร่าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่เคยเก็บกักไว้มานานค่อยๆ ไหลรินลงมาอาบแก้ม มันเป็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความสับสน และน้ำตาแห่งการยอมรับความจริงอันแสนทรมาน
การยอมรับว่า ตกหลุมรักลูกพี่ลูกน้อง ของตัวเอง เป็นความจริงที่น่ากลัวและยากที่จะยอมรับ แต่ในที่สุด ธาราก็ทำได้
เขาไม่ได้ปฏิเสธความรู้สึกนั้นอีกต่อไป เขายอมให้มันไหลเวียนอยู่ภายในตัวเขา แม้จะเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม เขารู้ว่าการยอมรับความจริงนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความท้าทายที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม
ตอนนี้ธาราได้รู้แล้วว่าความรู้สึกที่เขามีต่ออิงดาวนั้นคืออะไร แต่คำถามที่ยังคงไม่มีคำตอบคือ เขาจะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ต่อไป เขาจะเลือกที่จะเก็บซ่อนมันไว้ตลอดไป หรือจะหาทางบอกความในใจออกไป แม้จะรู้ว่ามันอาจจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันก็ตาม
ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการที่ธารายอมรับความจริงอันแสนเจ็บปวดในใจของตัวเอง และเป็นจุดเริ่มต้นของบทบาทใหม่ในชีวิตของเขา บทบาทที่เต็มไปด้วยความรักที่ซับซ้อน ความหวัง และความสิ้นหวัง ที่จะมาพร้อมกับเรื่องราวที่กำลังจะดำเนินต่อไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่