เสียงเพลงบรรเลงยังคงก้องกังวานไปทั่วงานเปิดตัวคอลเลกชันของ ALISA Design ที่แกลเลอรี XYZ ทว่าภายในใจของอลิสา ความรู้สึกที่ผสมปนเปกันกำลังก่อตัวขึ้น ทั้งความสนุกในเกมที่กำลังดำเนินไป ความท้าทายจากคู่แข่ง และความหมั่นไส้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากท่าทีของแพรไหม
อลิสายืนอยู่กับธามและภูริช เธอยิ้มรับคำชมจากแขกเหรื่อที่เดินเข้ามาแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเธอ สายตาของอลิสาเหลือบมองไปยังคีรินทร์เป็นระยะๆ เธอเห็นแพรไหมยังคงวนเวียนอยู่ไม่ห่างจากเขา เกาะแขนบ้าง ซบไหล่บ้าง พยายามดึงความสนใจของคีรินทร์ไว้ที่ตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง และทุกครั้งที่แพรไหมแสดงท่าทีเหล่านั้น อลิสาก็รู้สึกหมั่นไส้เธอมากขึ้นไปอีก
"ดูเหมือนคุณแพรไหมจะรักและหวงคุณคีรินทร์มากเลยนะคะ" ธามเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นสายตาของอลิสาที่มองไปยังคีรินทร์และแพรไหม
อลิสาหัวเราะหึๆ "ก็ต้องอย่างนั้นสิคะธาม คุณคีรินทร์เป็นเพลย์บอยตัวพ่อนี่คะ ใครๆ ก็อยากจะครอบครองทั้งนั้นแหละค่ะ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา แต่ในใจเธอกลับคิดสวนทางกับคำพูด เธอไม่ชอบท่าทีที่ไร้รสนิยมของแพรไหม และคิดว่าแพรไหมกำลังทำตัวน่ารำคาญ
ภูริชที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เสริมขึ้น "คุณแพรไหมคงจะจริงจังกับคุณคีรินทร์มากนะครับ"
อลิสาแค่นยิ้ม "จริงจังหรือไม่จริงจัง ก็คงต้องดูกันต่อไปค่ะคุณภูริช" เธอตอบกลับอย่างคลุมเครือ
ความรู้สึกหมั่นไส้แพรไหมไม่ได้เกิดจากความหึงหวงคีรินทร์แต่อย่างใด อลิสารู้ดีว่าเกมที่เธอกับคีรินทร์กำลังเล่นอยู่นั้นเป็นเพียงเดิมพัน และเธอก็ยังไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดๆ กับเขา แต่เธอรู้สึกว่าแพรไหมกำลังทำตัวไม่เหมาะสม และพยายามแสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งที่ยังไม่เป็นของเธออย่างออกนอกหน้า ยิ่งไปกว่านั้น อลิสาไม่ชอบให้ใครมาดูถูกหรือคิดว่าเธอไม่มีปัญญาที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้
ในขณะที่อลิสากำลังสนทนากับธามและภูริชอยู่นั้น เธอก็เหลือบไปเห็นคีรินทร์ที่กำลังมองมาที่เธอ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด อลิสาแอบยิ้มมุมปาก เธอรู้ทันทีว่าคีรินทร์กำลังถูกแพรไหมก่อกวน และนั่นทำให้เขารู้สึกไม่พอใจที่เห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น
ทันใดนั้น แผนการบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจของอลิสา เธอตัดสินใจที่จะใช้ธามและภูริชเป็นเครื่องมือในการยั่วคีรินทร์ และทำให้เขาแสดงอาการหึงหวงออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เธอต้องการที่จะเห็นว่าคีรินทร์จะไปได้ไกลแค่ไหนในเกมนี้ และเขาจะแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมามากน้อยเพียงใด
อลิสาหันไปยิ้มให้ธามอย่างสดใส เธอยื่นมือไปจับแขนของธามเบาๆ "ธามคะ ลิซรู้สึกปวดหลังนิดหน่อยค่ะ สงสัยจะยืนนานเกินไป" เธอแกล้งทำเป็นบีบหลังเล็กน้อย "ธามช่วยนวดให้ลิซหน่อยได้ไหมคะ"
ธามตกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบตอบรับด้วยความเต็มใจ "ได้เลยครับลิซ มาสิครับ เดี๋ยวผมนวดให้" ธามวางมือลงบนแผ่นหลังของอลิสาเบาๆ และเริ่มนวดคลึงอย่างนุ่มนวล
อลิสาแกล้งทำเป็นส่งเสียงครางเบาๆ ด้วยความผ่อนคลาย "โอ๊ย...สบายจังเลยค่ะธาม ธามนี่เก่งไปซะทุกเรื่องเลยนะคะ" เธอพูดพลางหัวเราะคิกคักกับธามอย่างสนิทสนม
คีรินทร์ที่มองดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล ถึงกับขมวดคิ้วแน่น เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง เขารู้สึกเหมือนถูกท้าทาย และไม่ชอบที่เห็นธามแตะต้องตัวอลิสาแบบนั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงเสียงหัวเราะที่สดใสของอลิสา และคำพูดที่แสดงความชื่นชมธามอย่างชัดเจน
แพรไหมที่ยืนอยู่ข้างคีรินทร์ ก็สังเกตเห็นท่าทีของคีรินทร์ที่เปลี่ยนไป เธอแอบยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเล็กน้อย เพราะรู้ว่าแผนการของเธอที่ต้องการจะก่อกวนคีรินทร์ได้ผล
อลิสามองไปยังคีรินทร์อีกครั้ง เธอเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของเขา และรอยยิ้มมุมปากของเธอก็ยิ่งกว้างขึ้น เธอรู้ว่าแผนการของเธอกำลังได้ผล และคีรินทร์ก็กำลังแสดงอาการหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน
อลิสาหันไปมองภูริช "คุณภูริชคะ ลิซอยากดื่มน้ำผลไม้เย็นๆ สักแก้วค่ะ คุณภูริชพอจะช่วยไปหยิบให้ลิซหน่อยได้ไหมคะ" อลิสาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
ภูริชยิ้มอย่างอ่อนโยน "ได้เลยครับลิซ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้ครับ" ภูริชรับคำอย่างเต็มใจ ก่อนจะเดินแยกออกไป
เมื่อภูริชเดินจากไป อลิสาก็หันกลับมามองธามที่ยังคงนวดหลังให้เธออยู่ "ธามคะ ลิซอยากให้ธามช่วยเล่าเรื่องโปรเจกต์ใหม่ให้ฟังหน่อยค่ะ ลิซสนใจมากเลยค่ะ"
ธามยิ้มกว้างด้วยความยินดี "ได้เลยครับลิซ โปรเจกต์ใหม่นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ..." ธามเริ่มเล่าเรื่องโปรเจกต์ใหม่ของเขาให้ฟังอย่างกระตือรือร้น
อลิสาตั้งใจฟังธามเล่าเรื่องอย่างสนอกสนใจ เธอซักถามรายละเอียดต่างๆ อย่างละเอียด ทำให้ธามรู้สึกว่าเธอให้ความสำคัญกับเขาและงานของเขาอย่างมาก
คีรินทร์ที่มองดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล รู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้งและถูกเมินเฉย เขาเห็นอลิสาสนใจธามมากขนาดนั้น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นตัวสำรอง และนั่นยิ่งทำให้ความหงุดหงิดในใจของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรุนแรง เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนที่พุ่งขึ้นมาที่ใบหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ผสมกับความหึงหวง
แพรไหมที่ยืนอยู่ข้างคีรินทร์ สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคีรินทร์ เธอรู้ว่าเขากำลังหึงหวงอลิสาอย่างรุนแรง และนั่นทำให้เธอรู้สึกสะใจ เธอแอบยิ้มมุมปาก และคิดว่าอลิสาจะต้องไม่มีทางได้คีรินทร์ไปอย่างแน่นอน
คีรินทร์ไม่สามารถทนดูภาพตรงหน้าได้อีกต่อไป เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะระเบิด เขาตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปหาอลิสา ธาม และภูริช เพื่อขัดจังหวะบทสนทนาของพวกเขา
ในขณะที่คีรินทร์กำลังเดินตรงเข้าไปหา อลิสาก็เหลือบมาเห็นเขาพอดี เธอแอบยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ เธอรู้ว่าแผนการของเธอกำลังได้ผล และคีรินทร์ก็กำลังจะเดินเข้ามาหาเธอด้วยความไม่พอใจ
"ธามคะ ลิซว่าเราไปเดินดูคอลเลกชันอื่นๆ ในงานกันดีกว่าไหมคะ" อลิสาเอ่ยขึ้น เธอตั้งใจที่จะเดินหนีคีรินทร์ และทำให้เขาหงุดหงิดมากกว่าเดิม
ธามพยักหน้า "ได้เลยครับลิซ"
อลิสาและธามกำลังจะเดินจากไป แต่คีรินทร์ก็เดินเข้ามาถึงพอดี
"คุณอลิสาครับ" คีรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวครับ"
อลิสาหันมามองคีรินทร์ด้วยรอยยิ้มเรียบๆ "มีอะไรหรือคะคุณคีรินทร์ เดี๋ยวค่อยคุยกันไม่ได้หรือคะ ลิซกำลังจะไปเดินดูคอลเลกชันอื่นๆ กับธามค่ะ"
คำพูดของอลิสาเป็นเหมือนการตอกย้ำให้คีรินทร์รู้ว่าเธอให้ความสำคัญกับธามมากกว่าเขา และนั่นยิ่งทำให้คีรินทร์รู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
"ไม่ได้ครับ! ผมต้องคุยกับคุณเดี๋ยวนี้" คีรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ผสมกับความหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด
ธามที่ยืนอยู่ข้างๆ อลิสา รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้น เขาขยับตัวเล็กน้อย ราวกับจะปกป้องอลิสาจากคีรินทร์
อลิสายิ้มมุมปาก เธอมองคีรินทร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความท้าทาย "ได้ค่ะ ถ้าคุณคีรินทร์อยากคุยอะไรนักหนา ก็เชิญเลยค่ะ"
เกมแห่งการยั่วโมโหของอลิสาได้ผลอย่างที่เธอต้องการ คีรินทร์กำลังแสดงความรู้สึกหึงหวงออกมาอย่างชัดเจน และนั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนุกกับเกมนี้มากยิ่งขึ้น เธอพร้อมแล้วที่จะรับมือกับความหงุดหงิดและอารมณ์ของคีรินทร์ที่กำลังปะทุขึ้นมา
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่