ขณะนี้ภายในรถคันหรูมีแต่ความเงียบ ศิลาที่ลอบมองเด็กสาวทางกระจกมองหลังก็เอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่นั่งเหม่อมองข้างทางตลอดเวลา
"น้องเซียเป็นอะไรรึเปล่าครับ"
ซีเซียที่ได้ยินเช่นนั้นก็เบนสายตามามองคนตัวโตเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าเบาๆให้แทนคำตอบ แล้วเบนสายตากลับไปมองข้างทางต่อ
"หนูเซียอาจจะหิวมั้งคะศิ พึ่งกลับจากโรงเรียนคงยังไม่ได้กินอะไร" ขวัญตาที่นั่งฟังอยู่ตรงเบาะรถฝั่งตรงข้ามคนขับก็เอ่ยพูดกับแฟนหนุ่มก่อนจะชะโงกหน้าไปมองเด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังของเธอ แล้วยิ้มให้เด็กสาวแม้ว่าเด็กสาวจะไม่สนใจเธอเลยก็ตาม
"น้องเซียหิวไหมครับ เดี๋ยวอาแวะร้านอาหารแถวนี้ให้" เมื่อแฟนสาวพูดจบศิลาก็เอ่ยถามเด็กสาวทันทีโดยที่ดวงตาคู่คมมองเด็กสาวทางกระจกมองหลังสลับกับมองถนนเบื้องหน้าตลอดเวลา
"ไม่ค่ะ" ซีเซียตอบขณะที่ดวงตาคู่สวยยังคงมองเหม่อข้างทางอยู่อย่างนั้น
"ถ้าหิวเมื่อไหร่ก็บอกอานะครับ" ศิลาเอ่ยบอกแค่นั้นก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ เขาไม่อยากเล้าหลือเด็กสาวไปมากกว่านี้เพราะกลัวเธอจะรำคาญเอา แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกๆกับพฤติกรรมของเธอตอนนี้ก็ตาม
"ค่ะ"
สิ้นเสียงตอบรับสั้นๆของเด็กสาวศิลาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นเธอเงียบผิดปกติเขาก็เป็นห่วง แต่เพราะมีแฟนสาวอยู่ด้วยเขาจึงทำได้แค่ห่วงอยู่ห่างๆห่วงอยู่ในใจเท่านั้น...
เวลาต่อมา
19:35 น.
ณ บ้านของเตชินท์
ภายในห้องรับแขกของบ้านมีเจ้าของบ้านอย่างเตชินท์กับเพื่อนสนิทอย่างศิลาและขวัญตาแฟนสาวของศิลานั่งดื่มไวน์รสดีราคาแพงกันอยู่ โดยไร้ร่างเล็กอรชรอ้อนแอ้นของเด็กสาวอย่างซีเซียที่ไม่รู้ว่าหายไปไหนตั้งแต่กลับบ้านมาแล้ว ทั้งที่ปกติเวลาศิลามาที่บ้านของเธอ ก็มักจะเห็นเธอนั่งตัวติดกับเขาตลอด ทว่าวันนี้กลับดูผิดแปลกที่ไม่เห็นเด็กสาวเข้ามาเกาะแกะเขาเหมือนเช่นเคย ไหนจะตอนที่นั่งอยู่ในรถก่อนหน้านี้ตั้งแต่ศิลาขับรถออกจากบ้านของเขาจนมาถึงบ้านของเพื่อน เด็กสาวก็เอาแต่นั่งเหม่อมองข้างทาง พอเขาถามเธอก็ตอบแค่คำสองคำ พอมาตอนนี้เธอก็หายไปอีกจนเขาเองอดสงสัยไม่ได้จึงเอ่ยถามเพื่อนสนิทออกไป
"น้องเซียหายไปไหนวะ ตั้งแต่เข้าบ้านมาพร้อมกันกูก็ไม่เห็นน้องเซียแล้ว"
"นั่นดิ ปกติตัวติดมึงจะตลอด แต่นี่ไม่รู้ว่าหายไปไหน อ่าวนั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย" ในขณะที่เตชินท์กำลังพูดกับศิลา ทว่าสายตาก็เหลือบไปเห็นหลานสาวเดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี
"นินทาอะไรน้องเซียกันคะ" เสียงหวานเล็กๆของเด็กสาวพูดแซวพลางเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆเตชินท์แทนที่จะนั่งข้างๆศิลาเหมือนเช่นทุกครั้ง ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมองเด็กสาวด้วยความแปลกใจที่วันนี้เธอไม่ตัวติดกับศิลาเหมือนเช่นเคย แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ต่างเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
"น้องเซียหายไปไหนมาครับ" ศิลาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม พอมีเด็กสาวนั่งอยู่ตรงนี้ก็ทำให้บรรยากาศในการนั่งดื่มไม่น่าเบื่อขึ้นมาทันทีสำหรับเขา ทว่าคำตอบของเด็กสาวก็ทำให้รอยยิ้มของเขาหายไปในทันที
"ไปคุยโทรศัพท์กับแฟนมาค่ะ" เด็กสาวพูดประชดออกไปเพราะอยากรู้ว่าศิลาจะมีท่าทียังไงถ้ารู้ว่าเธอคุยกับผู้ชายคนอื่น ในใจก็แอบหวังลึกๆให้เขาหึงเธอ โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ใจแกร่งของศิลาสั่นระรั่วไปหมดเมื่อได้ยินเธอบอกว่าคุยกับแฟน ทว่าไม่ทันทีเขาจะได้เอ่ยถามอะไรออกไป เตชินท์ก็ถามขึ้นมาเสียก่อนซึ่งมันก็เป็นคำถามเดียวกันกับที่เขาจะถามเธอ
"น้องเซียไปมีแฟนตอนไหนทำไมอาไม่เห็นรู้เลย แล้วมันเป็นใคร ลูกเต้าเหล่าใครบอกอามาเดี๋ยวนี้เลยนะ" เตชินท์ถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างจากท่าทาง โดยจับไหล่มนทั้งสองข้างของหลานสาวให้หันมาประจันหน้ากัน คะยั้นคะยอจะเอาคำตอบจากหลานสาวให้ได้ ซึ่งไม่ต่างจากอีกคนที่รอคำตอบของเด็กสาวด้วยใจว้าวุ่นไปหมด
"หนูล้อเล่นค่ะ อาเตไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนี้เลย ทำหน้าดุแบบนี้ระวังจะแก่ไวนะคะ" เด็กสาวพูดติดเล่นด้วยรอยยิ้ม ทำเอาเตชินท์กับศิลาถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความโล่งอกที่เด็กสาวแค่ล้อกันเล่นเท่านั้น ทว่าเตชินท์ก็อดไม่ได้ที่จะเขกหน้าผากมนของหลานสาวไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยวกับความติดเล่นของเธอ
!
"โอ๊ย! อาศิดูอาเตสิคะเขกหน้าผากน้องเซียอะ น้องเซียเจ็บไปหมดเลยค่ะ" ได้ทีซีเซียจึงลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างศิลาแล้วออดอ้อนออเซาะเขา พลางลูบหน้าผากของตัวเองปอยๆ
"ฟูว~ เพี่ยง ไม่เจ็บแล้วนะครับคนเก่ง อาเป่าเพี่ยงให้แล้วเดี๋ยวก็หายครับ" ปากหนาเป่าลมอุ่นๆลงบนหน้าผากมนเบาๆแล้วพูดพลางลูบศรีษะเล็กอย่างทะนุถนอมเพื่อปลอบประโลมเธอ จนลืมไปเสียสนิทว่าข้างๆเขาอีกฝั่งมีแฟนสาวนั่งอยู่ด้วย พอนึกขึ้นได้เขาจึงได้สติรีบผละมือหนาออกจากศรีษะเล็กทันที เด็กสาวที่มองอยู่ก็รับรู้ได้ว่าเขาคงจะแคร์แฟนสาวของเขามาก เธอจึงเลือกที่จะลุกขึ้นไปนั่งข้างอาแท้ๆของเธอเช่นเดิม โดยมีสายตาคู่คมของศิลามองตามด้วยความรู้สึกโหยหา ทว่าเขาก็พยายามนิ่งและเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจ
ด้านขวัญตาที่มองอยู่ตลอดก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมากกับภาพบาดตาบาดใจที่เห็นเมื่อครู่ เธอทำได้แค่เพียงอดทน ไม่มีปากไม่มีเสียง ทว่าเมื่อทนกับความรู้สึกอึดอัดนี้ไม่ไหวเธอจึงไม่อาจอยู่ตรงนี้ได้นาน เพราะขืนอยู่นานกว่านี้ความรู้สึกเจ็บปวดข้างในหัวใจคงได้ระเบิดออกมาเป็นน้ำตาอย่างแน่นอน เธอจึงเลือกที่จะเอ่ยอ้างออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
"ศิ ขวัญขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"
พอเห็นว่าแฟนหนุ่มพยักหน้าให้ ขวัญตาก็ลุกขึ้นจากโซฟาหรูแล้วรีบเดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างไว โดยมีสายตาคู่คมของแฟนหนุ่มมองตามหลังของเธอนิ่งๆก่อนจะหันกลับมาให้ความสนใจกับเด็กสาวต่อ
หลายวันผ่านไปหลายวันมานี้มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้นมากมาย เรื่องแรกคือศิลาได้ให้พ่อแม่ของเขามาสู่ขอซีเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องที่สองคือได้ฤกษ์งามยามดีในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งมันเร็วมากสำหรับซีเซีย ทว่ามันกลับช้าไม่ทันใจศิลาเอาเสียเลย เพราะเขาอยากได้ฤกษ์แต่งงานที่เร็วกว่านี้ แต่งวันนี้พรุ่งนี้เลยยิ่งดี แต่ไม่ว่าจะแต่งเร็วหรือแต่งช้าก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีงามเสมอ...ขณะนี้สองขาเรียวเล็กขาวเนียนไร้ที่ติของซีเซีย กำลังเดินคุยโทรศัพท์ไปมาอยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะคนปลายสายโทรมาขอความช่วยเหลือจากเธอ ซึ่งคนปลายสายก็ไม่ใช่ใครอื่นเลย เป็นน้ำพั้นซ์ลูกพี่ลูกน้องของเธอนั่นแหละ"โดนจับขังในห้องสามวันแถมยังโดนคาดโทษอีก ว่าแต่ตาคาดโทษอะไรไว้อะ"(ตาบอกว่าถ้าคิดหนีออกจากห้องแล้วแอบไปเล่นปลากัดอีก ตาจะส่งเราไปอยู่กับแม่หรือไม่ก็จับเราแต่งงานอะ) ด้านน้ำพั้นซ์ที่พูดมาจากปลายสายน้ำเสียงคล้ายคนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ"ฮะ! จับแต่งงานเลยเหรอ นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะพั้นซ์ ทำไมครั้งนี้ตาคาดโทษหนักจังอ่ะ ปกติเวลาตาจับได้ว่าพั้นซ์แอบไปเล่นปลากัดอย่างมากก็แค่ตีเองไม่ใช่เหรอ"ซึ่งตอน
จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนการสอดใส่ มือหนาจับขาเรียวเล็กข้างหนึ่งยกขึ้นมาพาดบ่าแกร่ง แล้วจับท่อนเอ็นดันเข้าไปในรูรักของเด็กสาวช้าๆ ซึ่งการสอดใส่ในครั้งหลังๆมานี้มันง่ายกว่าครั้งแรกของเด็กสาว เพราะรูรักของเธอเริ่มขยายรับกับขนาดของเขาได้แล้ว แต่กระนั้นภายในของเธอก็ยังคงแน่นตอดท่อนเอ็นของเขาตุบๆ รัดแน่นเสมือนอยากให้มันแหลกคาร่องของเธอเอวสอบเริ่มขยับช้าๆจากเนิบนาบค่อยๆถี่ขึ้นตามกามารมณ์ จากนั้นก็โน้มกายแกร่งลงไปจูบปากบางอย่างเร่าร้อน มือหนาทั้งสองข้างก็ไม่ปล่อยให้อยู่นิ่ง บีบขย้ำเต้านมอวบอิ่มอย่างมันมือพลางบีบบี้สะกิดยอดอกเม็ดเล็กประหนึ่งยอกเย้าเจ้าของมันอย่างนึกหมั่นเขี้ยว ขณะที่เอวสอบก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีไม่มีหยุดพัก จนเสียงหวานครางออกมาไม่ขาดสายด้วยความเสียวซ่าน"โอ๊ย! อาศิขา~ หนูเสียว""อา~ ครางแบบนี้อยากเจ็บตัวเหรอครับ หื้ม""ไม่อยากเจ็บค่ะ อ๊ะ! แต่อยากเสียว"...ในเมื่อเธออยากเสียวเขาก็จัดให้ สิ้นเสียงหวาน ศิลาก็จับขาเรียวเล็กที่พาดบ่าแกร่งออกก่อนจะล้มตัวลงไปนอนตะแคงข้างซ้อนหลังเด็กสาว โดยที่จุดเชื่อมต่อกลางกายไม่ได้หลุดออกจากกัน จากนั้นก็ตะบี้ตะบันกระแทกกระทำใส่ก้นกลมมนไม่ยั้ง มื
เมื่อทั้งคู่เข้ามาในห้อง ซีเซียก็ไม่รอช้าจัดการกดล๊อคประตูห้อง แล้วเริ่มพิสูจน์ความรักของเธอให้คนตัวโตเห็นทันที เธอยื่นมือบางไปจับหัวเข็มขัดของคนตัวโตโดยที่มองสบตาคู่คมของเขาไม่ละสายตา"นะ น้องเซียจะทำอะไรครับ" เสียงทุ้มติดขัดขึ้นมาทันที ขณะที่สายตามองตามมือบางที่กำลังถอดเข็มขัดของตัวเอง ใจแกร่งสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้น"หนูก็กำลังพิสูจน์ให้อาศิเห็นไงคะ ว่าหนูรักอาศิมากแค่ไหน" ซีเซียตอบด้วยสีหน้ายั่วยวน ขณะที่ปลดเข็มขัดออกจากกางเกงของเขาเสร็จพอดี แล้วเหวี่ยงมันทิ้งลงไปบนเตียงนอน จากนั้นก็เดินต้อนคนตัวโตไปที่เตียง โดยมองสบตาคู่คมตลอดเวลา เมื่อมาถึงเตียงเธอก็ผลักคนตัวโตลงบนที่นอนเบาๆก่อนจะโน้มตัวลงไปหาเขาแล้วเลื่อนมือบางไปปลดกระดุมกางเกงของเขา ถอดมันออกพร้อมกับกางเกงตัวในอย่างใจเย็นด้วยความร่วมมือจากเจ้าตัว ทว่าตอนนี้ใจแกร่งสั่นระรัวเป็นกลองชุดด้วยความตื่นเต้นจนแทบคลั่งกับทุกการกระทำของเธอและเมื่อร่างกายท่อนล่างของคนตัวโตเปลือยเปล่า มือน้อยก็คว้าท่อนเอ็นลำใหญ่เอาไว้ก่อนจะสาวขึ้นสาวลงเบาๆเพื่อให้มันตื่นตัวเต็มที่ แม้จะรู้สึกประหม่าแต่ก็ทำใจกล้าเพียงเพราะอยากพิสูจน์ความรักของตัวเอง จากนั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายสงบลง ทั้งสามคนก็พากันมานั่งเคลียร์เรื่องราวทั้งหมดที่ห้องนั่งเล่น และเป็นเตชินท์ที่พูดเปิดประเด็นขึ้นมา"ตกลงไอศิมันทำอะไรให้น้องเซียของอาเสียใจครับ"ได้ยินเช่นนั้นซีเซียก็หันไปมองคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยแววตาน้อยใจ จนเขารับรู้ได้ก็ทำเอาใจแกร่งกระตุกวูบกับสายตาที่เธอมองมา ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยตอบคนเป็นอาที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวเยื้องกัน"เมื่อเช้ามีคนโทรมาหาอาศิค่ะ ตอนนั้นอาศิอาบน้ำอยู่หนูก็เลยรับสายแทน แล้วอาเตรู้ไหมคะว่าคนที่โทรมาเป็นใคร""ใครครับ" เตชินท์ถามทันทีด้วยสีหน้าอยากรู้เต็มประดา"อาขวัญตาค่ะ อาศิยังติดต่อกับอาขวัญตาอยู่ค่ะอาเต ฮึ่ๆ" พูดจบซีเซียก็สะอื้นออกมาคล้ายจะร้องไห้อีกครั้ง ปากบางเบะคว่ำอย่างน่าสงสาร จนคนเป็นอาต้องรีบเอ่ยปลอบอย่างไว"โอ๋ๆ อย่าร้องนะครับ ดูสิตาบวมหมดแล้วเดี๋ยวไม่สวยเอานะครับ" เตชินท์โอ๋พลางลูบศรีษะของหลานสาวไปด้วย ก่อนที่เสียงของศิลาจะดังขึ้นดึงความสนใจของเขา"น้องเซียกำลังเข้าใจอาผิดนะครับ อากับขวัญตาเลิกกันไปตั้งนานแล้ว ที่ขวัญตาโทรมาเมื่อเช้าอาเองก็ไม่รู้ว่าเธอโทรมาทำไม อาถามได้ไหมครับว่าขวัญตาพูดอะไรกับหนูบ้าง"ซีเซียที่ได
เช้าวันต่อมา~~~~เสียงโทรศัพท์ของศิลาดังขึ้นมา แต่เจ้าตัวดันอาบน้ำอยู่ ซีเซียที่อาบน้ำก่อนและแต่งตัวเสร็จพอดี เธอจึงเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วหยิบโทรศัพท์ของคนรักที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นมากดรับสายแทน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเบอร์ของใครโทรเข้ามาเพราะเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เม็มชื่อไว้ เมื่อกดรับสายซีเซียก็ไม่ได้พูดอะไร เธอรอให้ปลายสายพูดก่อน"ศิ ขวัญโทรมาขอบคุณหนะ ถ้าไม่ได้ศิขวัญก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว ขอบคุณนะคะศิ"ได้ยินเช่นนั้นซีเซียถึงกับมือไม้อ่อนแรง ใจดวงน้อยกระตุกวูบทันที เพราะเธอจำได้ว่าเป็นเสียงของใครแถมอีกฝ่ายยังพูดชื่อตัวเองอีก แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าเป็นใคร แต่เธอก็พยายามประคองสติเอาไว้และเลือกที่จะกดตัดสายทิ้ง วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ขณะที่เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพอดี เธอจึงกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าตาออกไป แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ต้องมารับรู้ว่าคนรักของตัวเองยังติดต่อกับแฟนเก่าของเขาอยู่ก็ตาม แต่เธอก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดด้านศิลาเมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเด็กสาวนั่งหันหลังให้อยู่บนเตียง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเดินเลยไปยังห้องแต่งตัว
อีกด้านหนึ่งหญิงสาวร่างบางหรืออดีตแฟนสาวของศิลา กำลังเดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยน้ำตาเพราะกำลังคิดไม่ตกว่าจะหาเงินเกือบครึ่งล้านมาจากไหนเพื่อเป็นค่าผ่าตัดอาการป่วยของแม่เธอ เธอไม่ใช่ลูกคนรวยอะไร ครอบครัวเหลือกันแค่สองคนแม่ลูก เธอทำงานเลี้ยงแม่มาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ตอนนี้เธอเป็นแค่พนักงานบริษัทตัวเล็กๆ เงินเดือนหลักหมื่นแค่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เงินเก็บก็พอมีบ้าง แต่ก็หมดไปกับการรักษาอาการป่วยของแม่ จนตอนนี้แม่เธอต้องเข้าผ่าตัด แต่เธอยังไม่มีเงินค่ารักษา และเมื่อไม่รู้จะหาพึ่งใคร ความหวังเล็กๆจึงแว็บเข้ามาในหัวของเธอ ไม่รอช้าเธอรีบกดโทรออกเบอร์ของคนรักเก่าทันทีและหวังว่าเขาจะยังคงใช้เบอร์เดิมอยู่ แม้จะไม่อยากรบกวนเขาแต่ตอนนี้เธอมืดแปดด้าน ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครมีเงินมากพอให้เธอยืม เพราะงั้นความหวังเดียวของเธอตอนนี้ก็คือ ...เขา ...รอสายไม่นานคนปลายสายก็กดรับ"ศิ ศิใช่ไหม นี่ขวัญเองนะ" ไม่รอให้ปลายสายพูดก่อนขวัญตารีบพูดขึ้นทันที น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลอาบแก้มตลอดเวลา(อืม มีอะไร)เสียงเรียบนิ่งของคนปล