มิอาร์และมอตก้าก็เติบโตขึ้นทุกวัน ด้านแม็กเครย์จึงกลับไปทำงานเหมือนเดิม แต่พอถึงเวลาเลิกงานปุ๊บเขาก็รีบกลับมาบ้านทันที เพราะคิดถึงลูกคิดถึงเมียแทบไม่อยากห่าง ส่วนลิตาก็กลับไปเรียนต่อโดยเธอเลือกที่จะเรียนภาคค่ำแทน จะได้ไม่กระทบเวลาเลี้ยงลูกน้อยทั้งสอง"นี่ลูกก็เริ่มเดินได้แล้วนะ เราจะจัดงานแต่งงานกันเมื่อไหร่ดีครับ" ในขณะที่สองจิ๋วกำลังฝึกยืนตั้งไข่และก้าวเดินที่สนามหญ้าข้างบ้านโดยมีบรรดามือซ้ายมือขวาและป้าเจียนตามประกบไม่ห่าง รวมไปถึงแบล็กกับบราวน์ก็คอยนั่งอารักขาอยู่ใกล้ๆ สมาชิกใหม่ทั้งสองของบ้านด้วยความชาญฉลาด"ก็ไหนเราคุยกันแล้วไงคะ ว่ารอหนูกลับไปเรียนให้จบก่อน" เมื่ออยู่กันเพียงลำพังที่อีกมุมหนึ่งของสวนหย่อมเธอจึงให้คำตอบสามี"มันนานไป พี่อยากแต่งไวๆ" เขาให้ตอบห้วนๆ ทำเอาคนฟังพอจะมองออกว่าสามีหนุ่มของเธอไม่พอใจ"ไม่พอใจอะไรอีกคะเนี่ย""ก็เมียพี่กำลังกลับไปเรียน ถ้าเกิดมีหนุ่มๆ มาตามจีบให้ทำไง""อะไรกันคะ พี่เล่นส่งลูกน้องไปเข้าเรียนด้วยขนาดนั้นใครจะกล้าเข้ามาคะ" ลิตาพึ่งกลับไปเรียนเมื่อวานได้แค่วันเดียว แต่แม็กเครย์ก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนให้ลูกน้องของเขาไปตามเฝ้าด้วยไม่ห่างเพราะกลัวจะ
เวลาต่อมา…แม็กเครย์ก็ได้เข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวอำเภอ ส่วนทุกคนที่เหลือก็บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอจึงอยากนอนเฝ้าไข้พ่อของลูกด้วยตัวเองแสงสว่างของเช้าวันใหม่ก็ทอแสงผ่านเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ ทำให้ร่างอรชรที่นอนบนโซฟารู้สึกตัว ซึ่งเป็นเวลาที่นายแพทย์หนุ่มต้องเข้ามาตรวจดูอาการของแม็กเครย์ตามหน้าที่"พี่แม็กเครย์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ หนูจะไปซื้อมาให้" เธอลุกขึ้นมาถามชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้หลังจากที่คุณหมอออกไปแล้ว โดยชายหนุ่มตอบสนองตัวยาได้ดีก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจหลังจากผ่านเรื่องราวร้ายๆ มาแล้ว"ไม่ครับ พี่ขอโทษนะที่ดูแลหนูกับลูกไม่ดี" เขาค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นหลังพิงหัวเตียง พลางจับมือหญิงสาว ถ้าเธอกับลูกเป็นอะไรไปเขาคงไม่ให้อภัยตัวเอง"ขอโทษทำไมกันคะ ตอนนี้หนูกับลูกก็ปลอดภัยดี" หลังจากผ่านการตรวจร่างกายมาแล้วก็พบว่าสองแฝดในท้องหัวใจเต้นปกติดี ส่วนลิตาก็มีแค่รอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น"แล้วพี่แม็กยังไม่เล่าให้ฟังเลยนะคะ ว่าพี่ตามมาช่วยหนูทันได้ไง" ในขณะที่ถามเธอก็ลากเก้าอี้ตัวเล็กมาไว้ข้างเตียงแล้วจึงหย่อนสะโพกนั่งลง"จริงๆ พี่ตามหนูมาแหละ นอนรีสอร์ตถัดไปนี
ในเวลานี้ท้องฟ้าก็มืดมิดพอดี บรรยากาศที่ชวนขนลุกทำเอาร่างอรชรรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ ชายฉกรรจ์พาเธอเข้าไปในเส้นทางป่าทึบที่ไร้ผู้คน พื้นดินที่มีหญ้ารกปกคลุมมีเพียงแสงของดวงจันทร์ที่ให้ความสว่างในเวลานี้ เธอคิดถึงแม็กเครย์จับใจ แล้วใครกันนะที่ต้องการตัวเธอ แล้วเขาต้องการไปเพื่ออะไร ในสมองมันตีรวนไปหมดใช้เวลาพอสมควรก็เริ่มถึงหน้าผาสูง ดวงตากลมเห็นบุคคลที่เธอคุ้นเคยดียืนเอามือไพล่หลังกำลังจ้องมองไปยังท้องทะเลในยามค่ำคืนดวงตากลมเบิกโพลงเป็นไข่ห่าน อยู่ๆ ชายคนดังกล่าวหันมามองเธอ"ได้ตัวมาแล้วครับนาย""เปิดปากมันออก"ฟึบบบ!!! แรงกระชากจากกาวของสกอตช์เทปทำเอาเธอสะบัดหน้าหนีด้วยความรู้สึกเจ็บ"ขะ…คุณลุง" ริมฝีปากแดงเถือกเรียกสรรพนามชายตรงหน้าเสียงสั่นหรือว่าแท้จริงแล้วปองพลคือคนที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในวันนี้"หึ…มาสักทีนะหนูลิตา""ลุงทำแบบนี้ทำไมคะ ต้องการอะไร""มึงจ่ายเงินให้พวกมันได้แล้ว" ปองพลหันไปบอกคนขับรถของตัวเองที่ยื่นซองสีน้ำตาลซึ่งข้างในบรรจุเงินสด ในขณะที่ตัวเองหยิบปืนออกมาจากซองปืนพกข้างบั้นเอวออกมา"มีอะไรก็เรียกใช้พวกผมได้นะครับ" เสียงในหนึ่งของชายชุดดำบอกปองพลหลังจากนับเงิ
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและสมาชิกในบ้านเริ่มสนิทกันมากขึ้น บางวันเธอก็นอนที่บ้านและบางวันก็กลับไปนอนที่บ้านของแม็กเครย์ การที่มีครอบครัวแท้ๆ มันอบอุ่นแบบนี้นี่เอง ส่วนเด็กๆ ในท้องของลิตาก็เริ่มโตขึ้นไปตามพัฒนาการคุณตาของปาลิตาหมายมั่นอยากให้หลานสาวได้เข้าไปช่วยงานในบริษัทของตระกูล เธอจึงได้เข้าไปศึกษาเนื้องานของบริษัทในบางเพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อ และหลังจากที่เธอคลอดลูกแล้ว จึงจะค่อยไปดูกิจการที่ภาคใต้ในลำดับต่อไปเวลาได้เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงวันที่ครอบครัวของปาลิตาเดินทางมาพักผ่อนที่ปราณบุรี ท้องน้อยๆ ในวันวานมาตอนนี้กลับนูนออกชัดขึ้นซึ่งในตอนแรกแม็กเครย์จะตามแฟนสาวของเขามาด้วย แต่เธอก็ห้ามไว้เพราะอยากเป็นส่วนตัวกับคนที่บ้าน และลุงของเธอได้ย้ำกับว่าอยากให้มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้น แต่เธอก็ไม่กล้าบอกแม็กเครย์ไปตามตรงโดยลิตาจะนั่งไปกับปภังกร ส่วนปัถย์วีไปคันเดียวกับปองพล ในขณะที่ทุกคนยืนเตรียมและตรวจเช็กสัมภาระภายในรถ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของปัถย์วีก็ดังขึ้น เขาจึงรีบกดรับสาย"ว่าไง"[นายครับ ไฟล์งานประมูลเพชรของไตรมาสถัดไปมันถูกลบไปครับ]"มันจะถูกลบไปได้ไงวะ หรือมีใครเข้ามาในห้องทำงา
"สวัสดีทุกคนนะคะ" เธอยกมือไหว้ทุกคนอย่างมีมารยาทหลังจากทราบชื่อของทุกคน เกิดมาไม่คิดไม่ฝันว่าจะกลายเป็นลูกเศรษฐี มีคนใช้กับเขา แต่ละคนล้วนแก่กว่าเธอทั้งนั้น การกระทำดังกล่าวทำให้เหล่าบริวารของบ้านอัศวรัศมิ์กุลต่างรู้สึกประทับใจกับเจ้านายคนใหม่ ที่ดูใจดีและไม่ถือตัว"เดี๋ยวเตรียมห้องใหม่ให้คุณลิตาด้วยนะโพน งั้นทุกคนมีอะไรก็ไปทำ" ปภังกรหันไปบอกแม่บ้านใหญ่ประจำคฤหาสน์รวมไปถึงคนอื่นๆ"โถ คุณหนูลิตาช่างดูคล้ายคุณปิ่นมากๆ โดยเฉพาะดวงตา พูดแล้วก็คิดถึงคุณปิ่นนะคะ ดีใจกับคุณท่านด้วยที่ได้เจอหลานสาวแล้ว" โพนแม่บ้านวัยป้าคนเก่าแก่ของที่นี่ เมื่อเห็นใบหน้าของปาลิตาก็อดคิดถึงมารดาของเด็กสาวไม่ได้ หลังจากที่แสดงความยินดีกับประมุขของบ้านเสร็จโพนจึงปลีกตัวออกไปทำตามคำบัญชาด้วยความเต็มใจปภังกรจึงเอามือแตะที่หลังของหลานสาวเบาๆ เป็นเชิงให้เดินไปพักผ่อนที่โซฟาเบดด้วยกัน"ถ้าโพนเตรียมห้องเสร็จแล้วหนูขึ้นไปพักได้เลยนะ อยากได้อะไรเพิ่มเติมบอกตาได้""ขอบคุณคุณตามากนะคะ""ไม่ต้องขอบคุณหรอก ต้องขอบคุณไอ้ไมค์มากกว่าที่มันเจอหนูแล้วมันพาหนูมาหาตา ไม่อย่างนั้นป่านนี้เราคงไม่ได้เจอหน้ากันหรอกหลานรักของตา" ใบหน้า
หลังจากกลับมาพักผ่อนที่บ้านในช่วงบ่ายของวัน เขาจึงนัดแนะลิตาโดยบอกเธอว่าจะพามาดินเนอร์ที่รูฟท็อปโรงแรมแอมมิวตันซึ่งอยู่บนชั้นดาดฟ้า-ช่วงเย็น-ร่างอรชรในชุดแม็กซี่เดรสแบบเปิดไหล่ ก็เดินเคียงคู่มากับมาเฟียหนุ่มในปล่องลิฟต์ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวมาถึงชั้นบนสุดของโรงแรม ทันทีที่ถึงรูฟท็อปบาร์ดาดฟ้าของแอมมิวตัน ก็มีสายลมเย็นกระทบผิวบาง บรรยากาศเป็นส่วนตัวโดยไม่มีแขกเลยสักคน จะเห็นก็มีแค่พนักงานของโรงแรมเท่านั้น ทำเอาลิตาถึงกับเผยอริมฝีปากเล็กๆ"อ้าว ไม่มีคนเลยเหรอคะ" ปกติเธอจะต้องเห็นภาพแขกเหรื่อที่มารับประทานอาหารมื้อเย็นอย่างคลาคล่ำเต็มทุกเกือบโต๊ะแต่มาวันนี้กลับปราศจากผู้คน แถมก็จัดโซนที่เห็นพระอาทิตย์ตกดินได้ชัดที่สุดให้มีซุ้มดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมให้รู้สึกสดชื่น และใกล้กันมีกลีบดอกกุหลาบซึ่งถูกโปรยไว้เป็นรูปหัวใจตกแต่งด้วยเทียนLEDช่วยเพิ่มแสงสว่าง"ก็พี่อยากมากินกับหนูแค่สองคนหนิ ก็เลยให้ปิดรูฟท็อปหนึ่งวันครับ""ขนาดนั้นเชียว" เธอมุ่ยหน้ากลบเกลื่อนความเขินอาย แต่ก็อดดีใจไม่ได้ที่เขาพยายามเอาอกเอาใจเธอตามที่พูดจริงๆ และตั้งแต่เธอมาฝึกงานที่นี่ก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้มานั่งทานอาหารที่นี่เลยสักค