Masuk“คุณเยว่ ไม่ต้องลงมือกับผมให้เปลืองแรงหรอกครับ แทนที่คุณจะมาจับผิดผม ผมว่าคุณเอาเวลาไปดูแลหัวใจของคนที่สายตาเธอมองแค่คุณคนเดียวมาตลอดจะดีกว่า”“หมายความว่ายังไง” โจวเยว่ขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเชนจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่ซูซานมีให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาสัมผัสความรู้สึกนั้นได้คนเดียวหรอกหรือ “ผมว่า ถ้าคุณเปิดใจให้กว้าง แล้วมองไปรอบๆให้ดี คุณอาจจะเห็นสายตาแห่งความหวังดีจากใครบางคนที่มองมาทางคุณอยู่ก็ได้นะครับ ผมนี่จริงๆ เลย ไม่น่าเสียเวลาพูดจาอ้อมค้อมเลยจริงๆ ทั้งที่ก็เห็นอยู่แล้วว่า คุณครูซูซานชอบคุณแท้ๆ เฮ้อ” เชนแสร้งระบายลมหายใจยาว ขณะที่โจวเยว่กลับทำหน้าไม่ถูก จากที่คิดจะเค้นเอาความจริงจากปากเชน บีบให้เขาพูดในสิ่งที่ตนสงสัยออกมา ก็กลับกลายเป็นว่าตนเองถูกต้อนให้จนมุมซะอย่างนั้น “อย่าหาว่าผมสอนเลยนะครับ ไหนๆความรู้สึกของคุณมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีว่าที่เจ้าบ่าวอย่างคุณเจ้าหมิงเทียนโผล่มา เจ้านายก็ไม่มีทางคิดกับคุณในแบบคนรักอยู่ดี มีสู้คุณเปิดใจให้ใครสักคนอย่างเช่นครูซูซานไม่ดีกว่าเหรอครับ ที่จริงครูซูซานก็น่ารักออกนะ ถ้าผมมีผู้หญิงที่น่ารักอ่อนโยน รักเด็กๆม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เชนเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง ไม่รู้อะไรทำให้เขาอยากจะรู้เรื่องราวความเป็นไปของตระกูลฉีขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ไม่เคยรู้จักฉีเหวินหลงคนนั้นด้วยซ้ำ“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก รู้แต่ว่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตระกูลฉีกจะล่มสลาย และหายไปจากวงการมาเฟียมานานทีเดียว ได้ยินป๊าเล่าว่า เขาขัดแย้งกับมาเฟียแก๊งหนึ่ง เขาถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ภรรยาของเขาถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หลังจากนั้นพ่อก็ให้คุณชาญชัยกับคุณชุลีกลับไปแต่งงานที่เมืองไทย” “ผมเพิ่งรู้นะครับ ว่าพ่อแม่ผมกลับไปแต่งงานในช่วงนั้น เอ แสดงว่าพี่ชินกับพี่ชาร์ม ก็ต้องเกิดที่นี่ก่อนที่พวกท่านจะย้ายกลับไปเมืองไทยน่ะสิครับ” “คงใช่ แต่แปลกที่ฉันกลับไม่เคยเห็นสองคนนั้นเลย ทั้งยังไม่เคยได้ยินคนเก่าแก่ในบ้านตระกูลลี พูดถึงพี่น้องของคุณเลยนะเชน เหมือนว่าพวกเขาไม่เคยมาอยู่ที่นี่ไม่เคยเกิดที่นี่มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น” “ผมไม่คิดเลยว่า ครอบครัวผมจะมีความเป็นมาที่แปลกๆแบบนี้ด้วย เป็นไปได้ไหมครับว่าพ่อกับแม่ผมอาจจะมีพี่ชินกับพี่ชาร์มก่อนหน้าที่จะย้ายไปอยู่ที่เมืองไทย และฝากตากับยายเลี้ยง
“เหรอคะ แล้วคุณอลิศว่ายังไงบ้างคะ” ถึงอย่างไรเรื่องนี้เธอก็ต้องรอคุยกับอลิศก่อน จะได้ไม่ถูกหลอกให้เข้าร่วมโครงการอะไรกับใคร เธอรู้หรอกว่าไม่ว่านักธุรกิจคนใดก็ต้องการที่ดินซีวิวของบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ ไม่ว่าจ้าวเค่อ หรือฉีเหวินหลงก็คงมีจุดประสงค์ไม่ต่างกันกระมัง “อ้อ ดูท่าแล้ว คุณอลิศคงจะยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับคุณ เอาเป็นว่า นี่เป็นรายละเอียดโครงการCSRของฉีเหวินกรุ๊ป คุณลองศึกษารายละเอียดก่อนได้เลยนะครับ นี่เป็นบ้านเด็กกำพร้าที่ทางฉีเหวินกรุ๊ปอุปถัมป์อยู่ ส่วนเรื่องที่พักของคุณกับเด็กๆ คุณไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะคุณฉีได้จัดการเหมาโรงแรมที่คุณอลิศได้จองไว้ให้คุณกับเด็กๆ ก่อนหน้านี้แล้ว จนกว่าจะสร้างบ้านเด็กกำพร้าหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย คุณสบายใจได้เลยนะครับ” “ขอบคุณค่ะ” แม้จะยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับอลิศ แค่มีฉีเหวินหลง แห่งฉีเหวินกรุ๊ปยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ ก็ถือว่าเด็กๆ โชคดีเหลือเกินแล้ว“ฉันฝากขอบคุณคุณฉีเหวินหลงแทนเด็กๆ ด้วยนะคะ”“ยินดีครับ ยินดี อ้อ ถ้าคุณซูซานคุยกับคุณอลิศแล้ว ติดต่อมาทางผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ นี่นามบัตรของผม” ชายวัยกลางคนผู้นั้นยื่นนามบัตรให้หญิงสาว
“ฉันขอโทษนะอลิศ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเคยทำให้เธอเสียใจเรื่องเชน เท่าที่ฟังจากครูซูซาน เธอบอกว่าตอนเกิดไฟไหม้เชนเข้าไปช่วยเธอ โดยไม่ห่วงชีวิตและความปลอดภัยของตัวเองเลย แถมตอนที่คานหล่นลงมา ทุกคนล้วนเห็นกับตาว่าเขาเป็นคนเอาร่างบังคานนั้นไม่ให้หล่นลงมาทับเธอ เชนเขาคงรักเธอมากไม่ใช่แค่ความรู้สึกของลูกน้องที่มีต่อเจ้านาย แต่มันเป็นความรู้สึกของคนที่รักเธอ ฉันขอให้เธอกับเชนสมหวัง มีความสุขในความรักนะเพื่อนรัก” “ซิ่วอิง เธอคิดว่าระหว่างฉันกับเขาจะลงเอยกันได้จริงๆเหรอ เราอายุห่างกันตั้งสิบกว่าปีเลยนะ อีกอย่างฉันไม่ต้องการให้ใครต้องมาเสียงอันตรายเพื่อฉันหรอก” อลิศเผยความในใจออกมา “ อีกอย่าง ฉันไม่ต้องการให้พวกท่านผู้เฒ่ามาสร้างแรงกดดันให้เขาเหมือนอย่างที่ทำกับฉัน ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีอย่างที่ฉันเป็นอยู่” “เธอก็ไม่เห็นต้องสนใจพวกท่านผู้เฒ่าหัวโบราณนั่นเลยนี่นา ถ้าอยากมีชีวิตแบบไหนก็ลิขิตเอง พวกเขาจะต้องมากดดันเธอทำไม ในเมื่อทุกวันนี้ภาระหนักอึ้งทุกอย่างเธอก็เป็นคนแบบอยู่คนเดียว ส่วนพวกเขาน่ะหรือแค่วางเงินถือหุ้นไว้ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ตอนนี้ก็กินเที่ยวสุขสบายใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยเงินดอกผลจากน
“ผมขอโทษ” เผยจิ้นหยางจะทำอะไรได้ นอกจากเอ่ยคำๆ นั้นออกมา แล้วดึงร่างสั่นสะท้านนั้นเข้ามากอดเอาไว้ “ผมขอโทษ ที่ทำให้คุณเจ็บปวด ทำให้คุณเสียใจ ที่ผ่านมาผมมันโง่เอง ที่จริงแฟนผมไม่ได้มีคนอื่นหรอก แต่ผมเป็นคนบอกเลิกเธอเอง เพราะยิ่งคบกับคนอื่น ผมก็ยิ่งคิดถึงคุณ ใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้ๆผมกลายเป็นใบหน้าของคุณตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมคงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากกว่านี้แน่ ถ้าผมพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การแต่งงาน ทั้งที่ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ดังนั้นผมก็เลยเป็นฝ่ายบอกเลิกเธอแล้วบอกความจริงว่าที่จริงแล้วผมรู้สึกยังไงกับคุณ” เขาพร่ำกระซิบชิดริมหูเธอแข่งกับเสียงสะอื้น ประคองดวงหน้างามแหงนเงยขึ้นสบตา“ได้โปรดให้โอกาสผมได้แก้ตัวสักครั้งได้ไหม ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คนต้องเสียใจอีกเป็นอันขาด” “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่โกหกฉัน”“ให้โอกาสผม แล้วปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เถอะนะ จะกี่ปีผมก็จะรอ รอวันที่คุณยอมเป็นแฟนกับผมแล้วพัฒนาไปถึงวันที่เราแต่งงานกัน” “นี่คุณกล้าขอจีบฉันในรถเลยเหรอ”“ก็ใช่ไง ในนี้แหละเป็นส่วนตัวที่สุดแล้ว วันนี้คุณปล่อยให้เด็กๆทำงานไปเถอะ ส่วนคุณให้โอกาสผม แล้วเราค่อยไปก
ภายในศูนย์อาหารเวลาเที่ยงวัน เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ญาติคนไข้ ที่มาซื้ออาหารออกไปกินข้างนอกบ้าง นั่งกินตรงชุดโต๊ะเก้าอี้ที่จัดไว้บ้าง เนื่องจากที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งใหญ่ที่ค่อนข้างทันสมัย ภายในศูนย์อาหาร จึงมีทั้งอาหารท้องถิ่น และอาหารนานาชาติให้เลือกกิน ไม่ต่างอะไรจากสตรีทฟู้ดด้านนอกเลย อลิศวางติ่มซำกับข้าวไก่อบร้อนควันกรุ่นลงตรงหน้า เธอยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าหลี่ซิ่วอิงเดินถือถาดใส่ซีซ่าสลัดกับสเต็กปลาซัลมอนย่างมาวางลงตรงหน้าเช่นกัน “ดูเหมือนเธอมีอะไรจะคุยกับฉันนะ ซิ่วอิง” “อึม ก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ จะกินก่อนหรือว่าจะคุยก่อนดี” หลี่ซิ่วอิงมองเพื่อนสาวด้วยนัยน์ตาพราวระยับอย่างไรชอบกล “กินไปคุยไปก็ได้” “งั้นก็ตามนั้น” เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้เบาๆ“ฉันขอพูดตามตรงนะ คือ ที่จริงแล้ว ฉันว่าตัวเองคงไม่ได้ชอบเชนหรอก ที่ทำไปก็แค่หยอกเด็กเล่นเท่านั้นเอง” “แล้วเธอชอบใครอยู่ล่ะ” อลิศถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า คนๆ นั้นจะต้องไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเพื่อนที่คบกันมานาน “จริงๆ แล้ว ฉันชอบเผยจิ้นหยางอยู่ เมื่อก่อนชอบยังไง ตอนนี้ก็ยังชอบอย่างนั้น” “แล้วเธอบอกความร







