แชร์

เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)
เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)
ผู้แต่ง: Chenaimei

บทที่ 1.1 อัยย์ อคิราห์

ผู้เขียน: Chenaimei
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-12 20:14:56

เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าการต่อสู้บนสังเวียนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนับจากนี้ ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มจ้องมองคู่ต่อสู้ด้วยสายตาอันแรงกล้า จับจุดไปยังบริเวณหน้าอกของอีกฝ่าย เพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของร่างกาย

สองแขนยกขึ้นตั้งการ์ดพร้อมรับพร้อมสู้ สองเท้าก้าวลากก้าวตามหลอกล้อคู่ต่อสู้อย่างมีชั้นเชิง

หมัดเปล่าไร้นวมมีเพียงผ้าขาวบางที่พันรอบมือจนหนา ออกแรงส่งตรงมาที่หน้าของเขา ด้วยไหวพริบที่มีทำให้สามารถหลบได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะสวนหมัดกลับไปที่หน้าท้องแกร่งของอีกฝ่าย

เสียงโหเชียร์ดังลั่น ผู้คนนับร้อยที่เข้าร่วมดูการแข่งครั้งนี้ลุ้นจนตัวโก่งว่าฝ่ายที่ตัวเองเชียร์จะชนะหรือเปล่า เพราะหากชนะเงินพนันที่จะได้มันคุ้มกว่าการแพ้พนันอย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มร่างบางที่ใครเห็นก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีทางเอาชนะอีกฝ่ายที่ร่างกายกำยำกว่าได้ อย่างนั้นการลงพนันครั้งนี้จึงมากกว่าครั้งไหน ๆ

และเป้าหมายเดียวของการแข่งขันครั้งนี้ก็เพื่อชัยชนะเท่านั้น เขาต้องห้ามแพ้เป็นอันขาด แม้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดทางกายที่จะได้รับเขาก็จะไม่แพ้

การโจมตีอย่างป่าเถื่อนของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้รู้ว่าบนสังเวียนนี้ไม่มีกฎเกณฑ์หรือกฎกติกาใด ๆ เพราะยังไงซะมวยใต้ดินก็ไม่ใช่มวยที่ถูกกฎหมายอยู่แล้ว…

.

.

"มึงนี่มันสุดยอดเลยไอ้อัยย์"

เต้เพื่อนชายคนสนิทที่อยู่ค่ายมวยเดียวกันเอ่ยปากชมทันทีที่ลงมาจากสังเวียน หลังชนะน็อกอีกฝ่ายได้

"แล้วนี่ครูไปไหน" ก่อนจะลงมาเขายังเห็นครูชัยอยู่กลาย ๆ

"ไปเอาเงินจากพวกมัน” เต้ยิ้มร่า "มึงอะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับค่ายแล้วเดี๋ยวกูทำแผลให้"

เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ออกมารอครูชัยที่รถเพื่อกลับค่าย การพูดคุยของครูชัยและอีกฝ่ายที่แพ้พนันอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มที่ยืนพิงประตูรถดูอยู่

หนุ่มวัยกลางคนร่างกายกำยำสมฉายานักมวยเก่าชื่อดังเดินกลับมาที่รถพร้อมยื่นซองสีน้ำตาลหนาให้กับอัยย์

“ครูให้อัยย์แค่ครึ่งหนึ่งก็พอจ้ะ”

เด็กหนุ่มไม่ได้หวังจะเอาเงินพนันที่ได้มาทั้งหมดเพียงคนเดียว แค่สักส่วนหนึ่งให้พอได้เอาไปใช้หนี้งวดล่าสุดนี้ก่อนก็พอ

“เอาไปเถอะ ลุงไม่เอาหรอก”

“แต่ครูอุตส่าห์ช่วยอัยย์ จะให้อัยย์เอาเงินนี่หมดคนเดียวได้ยังไง”

สีหน้าฉายชัดถึงความเกรงใจ เพราะโดยปกติแล้วครูชัยไม่เคยให้เด็กในค่ายมาต่อยมวยเถื่อนผิดกฎกติกาแบบนี้ แต่เพราะความสงสารที่อัยย์อ้อนวอนขอร้องเพราะเดือดร้อนจริง ๆ เลยใจอ่อนยอมช่วย ทั้งที่บอกว่าจะให้ยืมเงินของตัวเองแต่เด็กคนนี้ก็ไม่เอาแต่ปฏิเสธ

“เอาไปเถอะอัยย์ เงินนี้แลกมากับที่เราต้องเจ็บตัวทั้งนั้น มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินไม่ใช่หรือไง”

ซองเงินถูกยัดใส่มืออัยย์ด้วยความเต็มใจ เด็กหนุ่มมองคนตรงหน้าที่เปรียบเสมือนพ่อของเขาอีกคน เกือบหกปีแล้วที่ครูชัยดูแลเขามา เพราะตั้งแต่วันที่พ่อเสียครูชัยก็กลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของเขา หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาอยู่ในค่ายก้องเมธี

ครูชัยเองก็ไม่เคยเห็นว่าอัยย์เป็นคนนอก เพราะช่วยเพื่อนตัวเองที่เป็นพ่อของอัยย์เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กคนนี้ตีนเท่าฝาหอย อาจจะเพราะครูชัยไม่มีเมียไม่มีลูกเขาถึงได้รักและเอ็นดูอัยย์เหมือนลูกแท้ ๆ รวมไปถึงเด็กในค่ายคนอื่น ๆ

แม้เด็กคนอื่น ๆ ในค่ายจะบอกว่าครูชัยทั้งดุ ทั้งน่าเกรงกลัว แต่สำหรับอัยย์แล้วกลับตรงกันข้ามอย่างที่ใครกล่าวหา

"ขอบคุณนะจ๊ะครู"

"อย่าซึ้งกันดิ เดี๋ยวผมก็ร้องหรอก"

คนที่ยืนเงียบฟังสองลุงหลานคุยกันก็เริ่มน้ำตาคลอขึ้นมา เต้เองก็เป็นอีกคนที่กำพร้าพ่อแม่ อยู่ค่ายมวยกับครูชัยมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับไม่เอาดีทางด้านนี้เลยช่วยดูแลความเรียบร้อย ช่วยทำความสะอาดในค่ายแทน

"ครูกับเต้กลับกันก่อนเลยนะจ๊ะ"

"จะไปทำงานที่คลับอีกเหรอมึง" เพื่อนสนิทเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย ว่าเอาแรงที่ไหนไปทำงานไหว

"อือ.. รับปากพี่เขมไว้แล้ว"

"งั้นทำแผลก่อนดีไหม" เต้ยื่นมือไปจับคางมนหันซ้ายหันขวาดูรอยช้ำที่โหนกแก้ม

"นิดเดียวเอง แค่นี้สบายมาก" ก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเงยหน้ามายิ้มร่าให้ทั้งสองคน "ต้องไปแล้ว เดี๋ยวสาย ขับรถดี ๆ นะจ๊ะครู เลิกงานแล้วเดี๋ยวอัยย์รีบกลับ"

พูดจบก็รีบวิ่งออกไป ทั้งครูชัยและเต้ได้แต่ส่ายหัวให้กับเด็กดื้อที่เก่งมากจนอดชื่นชมไม่ได้ เด็กผู้ชายตัวเล็กแค่นี้แต่กลับทำงานหาเงินเองมาตลอด ไม่เคยทำตัวเป็นภาระให้ใคร

ไม่มีเวลามาเสียใจ ไม่มีเวลามานั่งถอนหายใจทิ้งเพราะเหนื่อยกับชีวิตด้วยซ้ำ อัยย์รู้เพียงแค่หากมีชีวิตอยู่ต่อก็ควรจะประคับประคองตัวเองให้ดี แค่ดูแลตัวเองให้ได้อย่างที่พ่อเคยสอนเอาไว้ก็พอ

@Hola Club

อัยย์นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาลงที่คลับลับที่มาตั้งอยู่ในซอยในหลืบ ไร้ซึ่งบ้านผู้คนแต่กลับมีคนรู้จักมากมายเพียงเพราะการบอกต่อปากต่อปาก ที่เขาได้เข้าทำงานที่นี่ก็เป็นเพราะเขมทัศน์พี่ชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ยื่นมือเข้ามาช่วย พาเข้ามาทำงานที่ร้านที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนอยู่

ร่างบางเก็บกระเป๋าเข้าตู้ล็อกเกอร์ก่อนหยิบเสื้อผ้าที่ร้านให้ออกมาเปลี่ยน

"บอกแล้วว่าวันนี้ไม่ต้องมาก็ได้"

อัยย์ถอดเสื้อยืนคอย้วยออกจากตัวก่อนจะสวมเสื้อโปโลสีดำแทน พลางเอี้ยวตัวกลับไปยิ้มให้คนคุ้นเคย

"ได้ไงละพี่เขม บอกไว้แล้วไงว่าจะมา"

"ทั้งที่เจ็บตัวมาขนาดนี้น่ะเหรอ"

ตอนที่อีกคนถอดเสื้ออาจจะเพราะผิวขาวเนียนของอัยย์เขาถึงเห็นรอยช้ำบนตัวได้อย่างชัดเจน เกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่าทำไมเด็กหนุ่มตัวเล็กตรงหน้าเจ็บตัวขนาดนี้แต่ยังทนทำงานต่อได้ไหว

"แค่นี้เองอัยย์สบายมาก ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้น"

"ถ้าอัยย์จำเป็นต้องใช้เงินจริง ๆ ยืมของพี่ก่อนก็ได้"

ร่างบางถอนหายใจเบา ๆ พลางยกยิ้มส่ายหัว เขาเข้าใจว่าพี่ชายคนนี้หวังดี แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเอามาอ้างในการทำให้ใครต้องใครเดือดร้อนเพราะเขาได้

"ไม่ต้องเลย อัยย์หาเงินเองได้น่า ไม่ได้เดือดร้อนขนาดนั้นหรอก ยังหมุนทันอยู่" พยักหน้าหงึกหงัก พลางทำตาใสให้อีกคนคลายความเป็นห่วง "อัยย์ต้องไปทำงานแล้ว"

"ทำแผลก่อนดีไหม"

"จริงสิ เดี๋ยวอัยย์ติดปลาสเตอร์นิดหน่อยก็พอแล้ว"

"งั้นเดี๋ยวพี่ติดให้ เอาปลาสเตอร์มาสิ"

อัยย์เปิดล็อกเกอร์หยิบปลาสเตอร์ออกจากกระเป๋าส่งให้คนอายุมากกว่า ก่อนจะยืนนิ่งให้อีกคนแปะปลาสเตอร์ลงบนแผลตรงหางคิ้ว

"ใส่ใจอัยย์ขนาดนี้ พนักงานคนอื่นรู้คงน้อยใจแย่"

เอ่ยแซวเล่นอย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก ร่างสูงก้มลงมองสบตากับเด็กหนุ่ม ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปลูบศีรษะคนตรงหน้าแผ่วเบา

"อัยย์ไม่เหมือนพนักงานคนอื่นสักหน่อย"

"พอเลย ในที่ทำงานไม่มีคำว่าพี่น้อง มีแค่เจ้านายกับพนักงานเท่านั้น.. เข้าใจไหมครับเฮียเขม"

เรียกอีกฝ่ายอย่างที่พนักงานคนอื่นเรียก ทั้งยังยิ้มขำเล็กน้อย จับฝ่ามือหนาออกจากหัวตัวเอง เอ่ยขอบคุณที่เขมทัศน์ติดปลาสเตอร์ให้ ก่อนเดินผ่านร่างสูงออกไปทำหน้าที่ของตัวเอง

เขมทัศน์ได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังเล็กที่หายเดินออกไปไกลจนลับตาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

สำหรับเขมแล้วอัยย์ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นอย่างที่บอกจริง ๆ และการที่เขาดูแล เป็นห่วงเป็นใยอัยย์มากขนาดนี้ไม่ใช่เพียงเพราะอีกคนคือลูกชายเพื่อนแม่ หรือเห็นอีกคนเป็นน้องชาย

เพราะสำหรับเขมแล้วอัยย์เป็นมากกว่านั้น...

.

.

เวลาเกือบสามทุ่ม พนักงานคนหนึ่งในร้านเดินมาบอกให้อัยย์เอาเหล้าไปเสิร์ฟที่ห้องวีไอพีชั้นสอง ห้อง 106 นึกสงสัยอยู่นิดหน่อย เพราะปกติแล้วเขาไม่ได้มีหน้าที่ขึ้นไปเสิร์ฟชั้นนั้น ส่วนใหญ่จะคอยดูแลรับออร์เดอร์อยู่ชั้นหนึ่งเสียมากกว่า

คนตัวเล็กยกถาดขวดแอลกอฮอล์ราคาแพงที่สุดในร้านขึ้นมาตามห้องที่พนักงานคนนั้นบอก อัยย์ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูดีที่สุดสมกับหน้าที่ผู้ให้บริการ

เคาะประตูสองสามครั้งเพื่อขออนุญาตก่อนจะเปิดเข้าไป คิ้วสวยกระตุกครั้นเห็นว่าบุคคลที่อยู่ในห้องคือเขมทัศน์พี่ชายที่ยืนคุยกับเขาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มอีกหนึ่งคนหน้าตาดูดีใช้ได้ จากที่มองเผิน ๆ แล้วรูปร่างกำยำกว่าเขมเกือบเท่าตัว

ทว่านึกสงสัยได้ไม่นานก็ต้องก้มหน้าเดินเข้าไปทำหน้าที่ของตัวเอง ย่อตัวลงนั่งยองวางขวดแอลกอฮอล์และแก้วลงบนโต๊ะอย่างเบามือ เมื่อเสร็จหน้าที่ของตัวเองแล้วจึงค้อมศีรษะให้ทั้งสองคน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าเดินออกมาพ้นโต๊ะก็ถูกเรียกไว้ซะก่อน

“เดี๋ยวก่อนอัยย์” เด็กหนุ่มร่างบางหันกลับไปมองเขมทัศน์ รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกับตน “มานี่ก่อน พี่จะแนะนำเพื่อนให้รู้จัก”

ในเมื่อเป็นคำสั่งของเจ้านายอัยย์ก็ขัดไม่ได้ จำใจเดินเข้ากลับไปยืนที่เดิม ก่อนจะถูกมือหนาคว้าข้อมือให้นั่งลงข้าง ๆ หากพนักงานคนอื่นมาเห็นเข้ามีหวังได้เอาไปนินทากันสนุกปากแน่ ๆ เพราะไม่เคยมีใครรู้ว่าระหว่างเขากับเขมเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันมานานเท่าไร

“นี่ชัชวินเป็นเพื่อนพี่ตั้งแต่สมัยเรียน แล้วก็เป็นเจ้าของคลับที่นี่ด้วย”

ตอนเข้ามาทำงานช่วงแรก ๆ ก็พอได้ยินพนักงานคุยกันอยู่บ้างว่าเจ้าของคลับตัวจริงไปทำงานที่ต่างประเทศ ส่วนเขมทัศน์เป็นเพียงหุ้นส่วนเท่านั้น ทว่าหน้าที่การดูแลจัดการเขมทัศน์เองมีสิทธิ์ทั้งหมด ที่แท้ก็เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อนกันนี่เอง

“สวัสดีครับคุณชัชวิน”

เด็กหนุ่มมารยาทดียกมือไหว้คนอายุมากกว่า หากเป็นเพื่อนเขมทัศน์อายุก็คงจะราว ๆ เดียวกัน ซึ่งก็คงประมาณสามสิบห้า แก่กว่าเขาเกินรอบไปถึงสามปี

อีกฝ่ายรับไหว้ตามมารยาท แต่สีหน้าท่าทางกลับเรียบนิ่งไม่แสดงออกถึงความยินดียินร้ายใด ๆ

“ส่วนนี่อัยย์ น้องคนที่กูเคยโทรไปบอกมึงว่าจะรับเข้ามาทำงาน”

“อือ”

ขานตอบสั้น ๆ ในลำคอเท่านั้น อัยย์เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่พูดอะไรออกมา แต่สายตากลับเอาแต่จ้องมาที่เขาไม่หยุด

“อัยย์ขอตัวไปทำงานก่อนดีกว่า”

“โอเค เลิกงานเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ครับ”

ร่างเล็กลุกขึ้นค้อมศีรษะให้อีกครั้งก่อนจะออกไปจากห้อง หากอัยย์หันกลับมามองสักนิดคงจะเห็นว่ามีสายตาสองคู่ที่จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ต่างกัน

“เด็กนั่นอายุเท่าไร”

จู่ ๆ คนที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่นานสองนานก็เอ่ยถามขึ้นมาลอย ๆ

“อัยย์น่ะเหรอ ปีนี้ยี่สิบ”

“เด็กขนาดนั้นจะทำงานที่นี่ได้เหรอ”

“มึงไม่ต้องห่วง เห็นอัยย์เป็นเด็กตัวเล็กอายุน้อยแบบนั้น แต่เรื่องงานอัยย์ทำได้ดีมาก ตั้งแต่ทำงานที่ร้านมาได้สองเดือนไม่เคยทำอะไรพลาดแม้แต่อย่างเดียว”

“มึงนี่สปอยล์เด็กมันดีนะ”

“กูพูดจริง ๆ”

ชัชวินไม่ได้พูดอะไรต่อเพียงแค่ยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นดื่ม ราวกับไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่คุยเมื่อครู่นี้เท่าไรนัก ทว่าแอบเห็นเพื่อนสนิทกลอกตาถอนหายใจใส่อย่างเอือม ๆ เป็นเรื่องที่เขาเองก็ชินไปแล้ว เช่นเดียวกับเขมทัศน์ที่ชินกับท่าทีนิ่งเฉยของเพื่อนคนนี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทส่งท้าย (จบ)

    ตลอดสองเดือนชัชวินโทรหาคนรักกับลูกทุกเวลาที่ว่างอย่างที่พูดไว้จริง ๆ เขาอยากจะบินไปภูเก็ตใจแทบขาด ทว่างานรัดตัวจนไปไม่ได้ อีกทั้งไทท์ยังเอาแต่ห้าม ไหนจะโรงแรมที่จีนที่เขาต้องจัดการบัญชีทุกเดือน ยังต้องบินไปดูงานด้วยตัวเอง มีคุยงานกับนักธุรกิจหลายท่านเรื่องธุรกิจที่กำลังจะเริ่มลงทุนร่วมกันเร็ว ๆ นี้ เพราะแต่ละคนมีเวลาว่างต่างกัน ชัชวินจึงไม่สามารถไปไหนได้ ตารางงานแต่ละวันแน่นจนเขาอยากจะหนีไป แต่ก็ทำไม่ได้ทุกการเคลื่อนไหวของชัชวินไทท์ได้รายงานให้อัยย์ทราบทุกอย่าง เนื่องจากอีกฝ่ายขอร้องมา ไทท์เองก็ไม่อยากทำตัวเป็นนกสองหัว เพราะเหมือนกับกำลังทรยศเจ้านาย แต่ทว่าชัชวินไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้มีพฤติกรรมอะไรไม่ดี เขาจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไร หากบอกให้อัยย์ทราบ ดีเสียอีกที่อีกคนจะได้เห็นว่าเจ้านายของเขาปรับตัวเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อครอบครัวแล้วจริง ๆ ไม่ทำตัวเหลวไหล หรือมั่วผู้หญิงอย่างแต่ก่อนอัยย์จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพ ทำเรื่องย้ายลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ โดยไม่บอกชัชวิน กะไว้ว่าจะเซอร์ไพรส์สักหน่อย โดยมีเขมทัศน์ช่วยเหลืออีกเช่นเคย“เราจะไปไหนกันเหรอม๊า” เด็กน้อยตาใสเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 30 ขยับความสัมพันธ์ครั้งที่สอง

    เวลาเกือบสองทุ่มครึ่งอัยย์ส่งลูกเข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะลงมาหาคนที่ยังเอาแต่นั่งอ่านเอกสารหน้าเครียด ก่อนหน้านี้ฝนเริ่มซาลงบ้างแล้วอัยย์ตั้งใจจะบอกให้ชัชวินกลับไป แต่พอเห็นว่าคนพี่กำลังตั้งใจทำงานก็ไม่อยากกวนคนตัวเล็กแอบทำอะไรเงียบ ๆ อยู่คนเดียวในครัวประมาณยี่สิบนาที ออกมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ คาดว่าชัชวินน่าจะหิว เพราะเมื่อตอนเย็นทานไปแค่นิดเดียวก็กลับมานั่งทำงานต่อ คงจะมีปัญหาตรงไหนสักอย่าง“ทานข้าวก่อนสิครับค่อยทำต่อ”ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมองเด็กหนุ่ม จากที่ทำหน้าเคร่งเครียดเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันที ทว่าดวงตาคมดูล้ากว่าปกติ“ขอบคุณครับ แต่เฮียขอทำงานต่ออีกหน่อยเดี๋ยวค่อยกินครับ”“ไม่ได้ครับ” ตอบกลับเสียงแข็ง “กินก่อนเถอะครับ เมื่อตอนเย็นคุณกินไปแค่นิดเดียว กว่างานจะเสร็จหิวไส้กิ่วกันพอดี”“กินก็กินครับ ไม่เห็นต้องดุเลย”“ไม่ได้ดุสักหน่อย!”“นี่ไงหนูกำลังดุเฮียอยู่ชัด ๆ”อัยย์กรอกตามองบนพลางถอนหายใจ เบื่อจะเถียงกับคนแก่ ทว่าไม่ทันได้เดินออกไป อีกคนดันจับข้อมือรั้งเขาไว้เสียก่อน“มีอะไรครับ?”“มีเรื่องจะรบกวนครับ”“อะไรครับ?”“พอดีรู้สึกเหนื่อยมากเลยครับ อยากรบกวนขอกำลังใจเป็นกอด

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 29 วันของครอบครัว

    เช้าวันนี้ดูเหมือนเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสามปีของชัชวิน เสียงนกร้องดังอยู่บริเวณบ้านปลุกคนนอนหลับฝันดีให้ตื่นขึ้นมา ร่างหนาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ บ้าน กลิ่นของอาหารหอมโชยมาจากในครัวชัชวินเดินมาตามกลิ่น คนตัวเล็กกำลังง้วนอยู่กับการทำอาหารมื้อเช้าสำหรับวันนี้ เด็กน้อยที่พึ่งตื่นล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมานั่งเล่นรอมารดาตัวเองที่โต๊ะทานข้าว“อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช”ศรัณย์เอ่ยพูดประโยคที่ชัชวินเคยสอนเมื่อครั้งก่อน เพียงแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ขึ้นใจ“อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์”ชัชวินยกยิ้มให้เด็กน้อย จากตอนแรกที่ได้เจอกันรู้สึกถูกชะตามากอยู่แล้วยิ่งรู้ว่าเป็นลูกชายของตัวเองแท้ ๆ เขายิ่งหลงรักเด็กคนนี้มากขึ้นไปอีก อยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าศรัณย์รู้ว่าเขาเป็นพ่อจะดีใจบ้างหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าอัยย์จะบอกลูกตอนไหน แต่ความร้อนใจของเขาเขาอยากให้ลูกรู้เร็ว ๆ ว่าเขาเป็นพ่อ เขาอยากแสดงตัวว่าเป็นพ่อ อยากทำหน้าที่ของพ่อ อยากชดเชยเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แม้ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทดแทนได้หรือเปล่าเขาก็อยากทำมันให้เต็มที่ เพื่ออัยย์และลูก“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาครับจะได้กินข้าว”เรื่องที

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 28 ขอโอกาส

    ร่างสูงโปร่งลงจากรถแท็กซี่ ตั้งสติให้ตัวเองทรงตัวก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังหน้าบ้านของคนที่เขาคิดถึง สองมือเกาะรั้ว ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของบ้านเสียงดังลั่น"อัยย์! อัยย์ครับ ออกมาคุยกับเฮียหน่อย อัยย์!"เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นเรียกเจ้าของบ้าน เขมทัศน์ลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวมาเปิดประตู เห็นเพื่อนตัวเองยืนเกาะอยู่ที่รั้วไม้ จึงเดินเข้าไปหา“มึงมาที่นี่ได้ยังไง”อัยย์ไม่เคยเล่าให้ฟังว่าชัชวินเคยมาที่นี่เมื่อครั้งก่อน เพราะรู้ว่าความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนยังไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร กลัวว่าหากเขมทัศน์รู้เข้าจะมีปากเสียงกับชัชวินเพราะเขาอีก“อัยย์! มาคุยกับเฮียหน่อย”“ถ้าเมาก็กลับไปไอ้ชัช อย่ามาสร้างความเดือดร้อนที่นี่” เขมเอ่ยขึ้นเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากอีกฝ่าย“มึงไม่ต้องเสือก”น้อยครั้งที่ชัชวินจะพูดหยาบคายกับเขม ทว่าครั้งนี้เขามีเรื่องไม่พอใจที่อีกคนโกหกจึงไม่คิดที่จะยั้งปาก อีกทั้งยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลังจากลูกค้านัดไปคุยงานนั่งดื่มกัน ชัชวินก็ซัดเหล้าเข้าปากเพราะความเครียดที่ตัวเองพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ได้ อย่างน้อยถ้าเมาก็คงกล้าทำอะไรมากขึ้น ตอนนี้เขาถึงได้มายืนอยู

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 27 ความจริง

    หลังจากโดนอัยย์จับได้ว่าแอบเดินตาม ชัชวินก็ใช้เวลาอยู่สามสี่วันกับการกลั่นกรองความคิดตัวเอง เมื่อตกผลึกแล้วสิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดคือความคิดถึง ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งคิดถึง ไม่ว่าจะกินจะนอนก็อยากเจอหน้าให้ได้ ถ้าเป็นคนงมงายสักนิดคงคิดว่าตัวเองโดนของแน่ ๆร่างหนาเดินเลือกซื้อขนมที่เด็ก ๆ ชอบ ซึ่งถามความคิดเห็นจากไทท์ เพราะเลขาของเขามีลูกชายอยู่หนึ่งคน คงจะพอรู้ว่าเด็กผู้ชายชอบกินอะไร รวมถึงพวกของเล่นต่าง ๆเดินเลือกไปเลือกมาสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือตุ๊กตากระต่ายหูยาวสีขาว เพียงแค่ได้สัมผัสความนุ่มชัชวินก็ถูกใจทันที คิดว่าศรัณย์อาจจะชอบ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ขายก็ชอบตุ๊กตาได้ทั้งนั้น ทว่าลึก ๆ แล้วเขาจะใช้มันเป็นตัวแทนของเขาเอง“จะซื้อจริง ๆ เหรอครับ” คนที่โดนหิ้วให้ติดตามขับรถให้อย่างไทท์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ“อือ ผมว่าน้องรัณอาจจะชอบ” ว่าพลางยกยิ้มราวกับคนมีความสุขเต็มเปี่ยม หลายวันที่ไทท์เห็นเจ้านายตัวเองเอาแต่ขมวดคิ้วเหม่อคิดอะไรอยู่กับตัวเองคนเดียว ทว่าวันนี้ราวกับคนละคนจ่ายเงินเสร็จก็มุ่งตรงไปที่บ้านของอัยย์ทันที ไทท์ลอบมองชัชวินผ่านกระจกหลังเป็นระยะ ดูท่าแล้วจะมีความสุขมากจริง ๆ ถ

  • เด็กเลี้ยงของเฮียชัช (Mpreg)   บทที่ 26 คำขอโทษ

    แสงแดดอบอุ่นยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างพาดผ่านผิวกาย กระทบใบหน้าหล่อเหลา เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นหรี่ตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับเขยื้อนร่างกาย รู้สึกปวดเมื่อยจากการนอนขดตัวอยู่นโซฟาหลายชั่วโมงดวงตาคมหลุบลงมองผ้านวมผืนหนาที่คลุมร่างของเขาอยู่ จำได้ว่าเมื่อคืนอัยย์ไม่ได้เอามาให้ งั้นคงเอามาห่มให้เขาตอนเขาหลับไปแล้วแน่ ๆ พลันความคิดเข้าข้างตัวเองเกิดขึ้นในหัวมุมปากก็ยกยิ้มอย่างเผลอไผลทว่าต้องสะดุ้งตกใจเมื่อหันห้ามาเจอเด็กน้อยหน้าตาสดใสกำลังจ้องมองเขาไม่ละสายตา ชัชวินส่งยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง"อรุณสวัสดิ์ครับเด็กชายศรัณย์""อรุณสวัสดิ์คืออะไร" เด็กน้อยทำหน้าตาสงสัยในคำที่ตัวเองไม่เข้าใจ"อรุณสวัสดิ์ก็คือสวัสดีตอนเช้า""อืม รัณเข้าใจแล้ว อรุณสวัสดิ์ครับลุงชัช"ความสดใสจากเด็กคนนี้ทำให้เขาอดนึกถึงภาพของอัยย์ตอนยิ้มร่ามีความสุขไม่ได้ แม่กับลูกเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน"ทำไมรัณตื่นเช้าจังครับ" จริง ๆ ก็ไม่ได้เช้าอะไรมากมาย ตอนนี้ก็เกือบจะแปดโมงแล้ว"มะม๊าบอกว่าถ้าตื่นสายจะติดเป็นนิสัย ทำให้เป็นเด็กขี้เกียจ รัณไม่อยากเป็นเด็กขี้เกียจ" เด็กช่างพูดจำที่มารดาบอกได้ขึ้นใจ"แล้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status