Mag-log inท่ามกลางตึกอำนวยการในศาลากลางจังหวัดลำปาง ผู้คนมากมายต่างเดินไปมา เสียงรอบข้างดังไปตามจังหวะชีวิตประจำวันของคนทำงานราชการ วันนี้วันจันทร์ต้องใส่เครื่องแบบราชการสีกากี พอฉันสแกนนิ้วแล้ว เสียงสวัสดีกับไม่มีออกจากปากของคนในห้องงานบริหาร ฉันเงยหน้ามองทุกคนในห้องกวาดสายตาไปรอบๆ มีแต่คนหลบสายตาฉัน
“ยุ้ย เกิดเรื่องอะไร” ฉันยิงคำถามไปยังหัวหน้าฝ่ายบริหาร คนตัวเล็กกว่าฉัน ผอมบาง
ยุ้ยไม่ตอบส่งสายตาแบบสังเวทให้ฉัน ก่อนจะเดินไปไปหยิบแฟ้มที่มีเอกสารอยู่ด้านใน
“พี่เอาไปอ่านเองเถอะ”
ฉันถือแฟ้มเดินเข้าห้องงานบัญชี แผนกฉัน คนรูปร่างสันทัด อวบอิ่ม ผมยาวประบ่าคือพี่ติ้มมองแฟ้มในมือฉัน
“อะไร”
ฉันไม่ตอบแต่เปิดแฟ้มหยิบเอกสารมาอ่าน ทุกบรรทัดทุกตัวอักษรทำให้ฉันเคร่งเครียดระคนความโกรธ จนเผลอขยำกระดาษ พี่ติ๋มจับมือฉันแกะเอากระดาษออกมาอ่าน
“หนังสือคำสั่งนิ ให้นางสาวจารุวรรณ วงศ์วาน ลงในหน่อยงานเรา แล้วสุล่ะ”
ใช่หนังสือโยกย้ายไม่มีชื่อฉัน สัญญาบ้าๆ ที่ผู้ใหญ่บอกฉันให้มาช่วยราชการการ 6 เดือน แล้วจะให้ลงตำแหน่งจริง ตอนนี้คำพูดนั้นเลือนหายกลายเป็นควันไปแล้ว
“ไม่มีชื่อสุ ก็ต้องกลับนครพนมพี่ติ้ม”
“อย่างนี้ก็เท่าไม่รักษาคำพูด”
ฉันยิ้มเยาะให้ตัวเอง ลิ้นไม่มีกระดูกสัจจะก็ไม่มีในหมู่ผู้ดี ตอนไม่ได้ตำแหน่งฉันทำพิธีบอกกล่าวผู้รักษาอำนาจบารมีทั้ง 9 องค์ ได้สมใจหมายกับลืมบุญคุณเอาคนของตนลงแทน
“แล้วสุจะทำยังไงต่อไป...””
ฉันไม่ตอบแต่ในใจลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ ฉันเกลียดที่สุดคือคนไม่รักษาคำพูด
ตกดึกที่บ้านของฉัน ฉันปิดประตูห้องขังตัวเองไว้ในอกเต็มไปด้วยอาการอึดอัด โกรธเกลียด ถึงขีดสุด ฉันยกมือไหว้กล่าววาจาสิทธิ์โองการสวรรค์แช่งสาปออกมาด้วยอารมณ์โกรธว่า
“มันผู้ผิดสัญญากับข้าพเจ้าต่อหน้าองค์พญานาคา 9 องค์ ต่อหน้าเทพอารักขาอัครเทพเพ็ญประภาเพื่อให้ข้าพเจ้าได้กลับบ้านบัดนี้ตระบัดสัตย์อำนาจบารมีทั้งหลายที่พวกมันได้ขอให้มีอันเป็นไปไม่สามารถก้าวขึ้นสูงได้ ตราบเท่าวันที่ข้าพเจ้าได้ย้ายกลับบ้าน”
น้ำตานองหน้าฉัน ไม่เคยเลยที่มานั่งสาปแช่งใคร สองมือโอบกอดตัวเองแน่น จิตใจฉันเข้าสู่ความดำมืด จนเทพอารักขาเพ็ญประภาต้องออกมาเตือน
“คำสาปแช่งเป็นผล แต่นายก็ต้องรับผลกระทบด้วยเช่นกันให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมไม่ดีกว่าหรือนายเจ้าขา”
“ฉันรู้ แต่คนพวกนั้นได้ดั่งใจกลับลืมสัจจะวาจาที่ให้ฉันไว้ ที่ลำปางไม่เหลือตำแหน่งว่างแล้ว ขอฉันได้ระบาย ฉันอยากกลับบ้านเพราะไม่มีใครอยู่กับพ่อแม่ที่แก่ชรา ฉันไม่มีญาติพี่น้องที่จะพึ่งพาได้ ส่วนคนที่มาแทนมีครอบครัว มีญาติ ฉันไม่มีใครทั้งๆ ที่รู้ยังทำกับฉันอีก”
“นายแช่งเขาทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้น เขาเหล่านั้นจะขึ้นเป็นใหญ่กว่านี้ไม่ได้ แต่การที่นายจะมาอยู่บ้าน นายอาจต้องแลกด้วยสังขารของนาย”
“ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรแล้วขอให้ได้กลับบ้าน”
“ได้...อีก 4 เดือนจะมีการโยกย้ายอีกครั้งจะมีตำแหน่งว่าง ให้นายหาหนทางยืดเวลาอยู่ที่นี้ต่ออีก 4 เดือน เพ็ญประภาจะนำพาให้สมประสงค์ นายเจ้าขางานนี้นายต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย”
“ฉันยอม”
ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรฉันก็ยอม รุ่งขึ้นฉันโทรประสานไปทางกรมเพื่อขอช่วยราชการต่ออีก 4 เดือน พอทำหนังสือยืนเสนอไปทางกรมตอบรับให้อยู่ต่อสำเร็จ ต่อมาฉันก็ล้มป่วยด้วยโรคมดลูกโต ประจำเดือนฉันไหลไม่หยุด รักษาทีแรกให้ฉีดยาคุมกำเนิด แต่เลือดก็ยังไหลไม่หยุดล่วงเลยเข้าเดือนที่ 4 เกิดเหตุอัศจรรย์อยู่ๆ พี่ที่ทำงานในส่วนงานสงเคราะห์ได้เลื่อนตำแหน่งย้ายไปเชียงราย ทำให้ตำแหน่งว่าง แต่คำสั่งโยกย้ายยังต้องรอการแทนที่ พอจะสิ้นสุดเดือนที่ 4 ในการขอช่วยราชการ อยู่ ๆ ร่างกายฉันเกิดภาวะความดันสูง เลือดไหลออกมากจำต้องเข้าแอดมิท ทางกรมอนุโลมให้ฉันอยู่รักษาตัว สุดท้ายถูกหมอสูติลงความเห็นให้ตัดมดลูกทิ้งเหลือแต่รังไข่สองข้าง
ภายในห้องสีเหลี่ยม บนเตียงนอนผู้ป่วย ฉันปล่อยผมยาวดำสลวยออกปล่อยให้ผมที่ยาวถึงสะโพกทิ้งน้ำหนักลง สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง สามลมเอื่อยๆพัดผ่านผ้าม่านสีฟ้าพลิ้วไหว ข้างๆ ฉันมีแพรวพรรณนั่งปอกเปลือกส้มให้ฉันอยู่ แพรวพรรณพอรู้ข่าวฉันต้องผ่าตัดก็ถ่อจากนครพนมมาลำปางเฝ้าฉันในห้องพิเศษ พ่อแม่ฉันมาไม่ได้เพราะแก่ชราเดินแทบไม่ไหว เพื่อนสนิทอย่างจั้กจันก็ติดครอบครัวลูกยังเล็ก ผัวยังนิสัยเด็ก จะรบกวนมาเฝ้าก็ลำบาก เจ้าแพรวถือว่ามาได้ถูกจังหวะ
“พี่สุ เข้าห้องผ่าตัดทุ่มหนึ่งนะ”
“อืม เหลือเวลาอีก 5 ชั่วดมง”
“วันนี้คืนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงด้วย พี่สุห้องเราอยู่ชั้นห้าเห็นพระจันทร์ชัดมาก”
“วันนี้วันพระเหรอ”
“ใช่”
“แพรว ไปเอาหนังสือสวนมนต์ให้พี่แล้วลงไปซื้อพวงมาลัยมะลิซ้อนให้พี่ด้วย เดี๋ยวพี่สวดมนต์รอ”
หลังจากยื่นหนังสือสวดมนต์ให้แพรวทำตามคำสั่งฉันอย่างดี ฉันนั่งขัดสมาธเริ่มสวดมนต์ วันนี้วันพระประตูสามโลกเปิด การผ่าตัดอาจมีปัญหาได้ ฉันป่วยย่อมมีสาเหตุอันเนื่องจากการขอลงปฏิบัติงานในตำแหน่งว่างที่ลำปาง แม้ไม่มีคำตอบแต่ฉันแน่ใจว่านี้คือการแลกนับตั้งแต่ป่วยจนจะเข้าห้องผ่าตัดเทพอารักขาเพ็ญประภายังไม่ปรากฏตัวให้เห็น
ผ่านไป 1 ชั่วโมงเจ้าแพรวเปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมมาลัยกลอน ฉันรับมาไหว้พลางวางบนหัวเตียงก่อนกำชับเจ้าแพรวไปว่า
“แพรว ถ้าพี่ผ่าตัดออกมาแล้วยังนอนอยู่ให้เรียกพี่เป็นระยะๆ นะ”
“คะ พี่กลัวไปตื่นเหรอ”
“ไม่ใช่คำว่านอนคือคนที่ตื่นอาจไม่ใช่พี่ พี่กลัวจะเพ้อออกมาในสภาพที่ไม่รู้ตัว ให้เรียกชื่อพี่เขย่าให้ตื่นเข้าใจไหม”
แพรวพรรณพยักหน้า ดูเหมือนเข้าใจแต่ฉันรู้สึกไม่ว่างใจเอาเสียเลยกับเจ้าแพรว
“เกี่ยววันพระใช่ไม๊ พี่สุ”
“ใช่ พี่ร่างกายอ่อนแออาจมีอะไรแทรกได้เลยสวดมนต์กันไว้ แต่กลางคืนห้วงจิตจะเข้าสู่ภวังค์ลึกอาจแสดงออกภายนอกที่ไม่ใช่พี่ เธอเฝ้าพี่หน่อย หากไม่ไหวจริงๆ โทรหาพ่อพี่จุดธูป 16 ดอก เรียกเพ็ญประภาให้มาช่วย”
พอหนึ่งทุ่มนางพยาบาลกับบุรุษพยาบาลมารับฉันไปยังห้องผ่าตัด จนฉันถูกวางยาสลบหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางตึกอำนวยการในศาลากลางจังหวัดลำปาง ผู้คนมากมายต่างเดินไปมา เสียงรอบข้างดังไปตามจังหวะชีวิตประจำวันของคนทำงานราชการ วันนี้วันจันทร์ต้องใส่เครื่องแบบราชการสีกากี พอฉันสแกนนิ้วแล้ว เสียงสวัสดีกับไม่มีออกจากปากของคนในห้องงานบริหาร ฉันเงยหน้ามองทุกคนในห้องกวาดสายตาไปรอบๆ มีแต่คนหลบสายตาฉัน “ยุ้ย เกิดเรื่องอะไร” ฉันยิงคำถามไปยังหัวหน้าฝ่ายบริหาร คนตัวเล็กกว่าฉัน ผอมบาง ยุ้ยไม่ตอบส่งสายตาแบบสังเวทให้ฉัน ก่อนจะเดินไปไปหยิบแฟ้มที่มีเอกสารอยู่ด้านใน “พี่เอาไปอ่านเองเถอะ” ฉันถือแฟ้มเดินเข้าห้องงานบัญชี แผนกฉัน คนรูปร่างสันทัด อวบอิ่ม ผมยาวประบ่าคือพี่ติ้มมองแฟ้มในมือฉัน “อะไร” ฉันไม่ตอบแต่เปิดแฟ้มหยิบเอกสารมาอ่าน ทุกบรรทัดทุกตัวอักษรทำให้ฉันเคร่งเครียดระคนความโกรธ จนเผลอขยำกระดาษ พี่ติ๋มจับมือฉันแกะเอากระดาษออกมาอ่าน “หนังสือคำสั่งนิ ให้นางสาวจารุวรรณ วงศ์วาน ลงในหน่อยงานเรา แล้วสุล่ะ” ใช่หนังสือโยกย้ายไม่มีชื่อฉัน สัญญาบ้าๆ ที่ผู้ใหญ่บอกฉันให้มาช่วยราชการการ 6 เดือน แล้วจะให้ลงตำแหน่งจริง ตอน
เอวังวันทา อาระหังมังสา วิทาเทมิ อุทะทามา เวระมะสิ กุฑะมะกะ สองมือกูถือง้าว สองเท้าเหยียบอาทิตย์ พิชิตทำลาย พยัคฆ์สาอาสัญจงบรรลัยสิ้นพัน ขอถอดถอนมนต์ตราสิ้นคณาฤทธิ์มนตราตลอดไปเอ๋ย พรู แรม 15 ค่ำ เดือน 12 มันคือวันพระเดือนดับ อาคมถูกเป่าออกไปโดยปูเสือขาวในร่างของฉันที่อยู่ในชุดขาวนุ่งโจงกระเบน ฉันนั่งขัดสมาธิหยดเทียนลงขันเงิน หรือสลุงเงิน ดอกเทียนที่หยดลงน้ำไม่มีแตกแสดงถึงการสัมฤทธิ์ในมนต์ตราถอดถอนอาคมสมิงพรายแดงผู้ซึ่งเคยเป็นศิษย์สำนักเดียวกับพ่อของฉัน สองมือฉันจับมีดหมอถอดออกจากด้าม ก่อนทำพิธีตัดรูปปั้นเสือดินเหนียวตากแห้งที่พี่ทอนลูกสาวผู้เป็นอาจารย์ของพ่อฉันปั้นให้ตามคำสั่งของปูเสือขาวที่ผ่านร่างฉันบอกกล่าวเขา มีดเจ็ดป่าช้าลงอาคมตัดหัวเสือ ร่ายมนต์ตราถลกหนัง พอวางมีดจับเทียนส่องจึงรับรู้ได้ว่า เสือสมิงสิ้นฤทธิ์แล้วเหลือเพียงความเป็นคนธรรมดาทีไม่มีวิธีอาคม “อีหนูมึงให้กูใช้ร่างเพื่อช่วยลูกหลานเนรคุณหน่อยเถอะ ร่างมึงสะอาด จิตใจเมตตาเป็นแรงอำนาจแห่งการไว้ชีวิตผู้ที่คิดใช้ไสยเวชทำร้ายพ่อมึง
ลานพญานาค เช้าของการเดินทางกลับบ้านฉันหยิบธูป 16 ดอก บอกกล่าวปู่ศรีสัตตนาคราช ทำไมต้อง 16 ดอก ไม่ใช่ไหว้ 16 ชั้นฟ้า แต่คนที่นี้เชื่อว่าใครที่เกิดวันพฤหัสบดีต้องจุดธูป 16 ดอกเพราะนี้คือพญานาคประจำวันเกิดวันพฤหัสบดี คือ พญาศรีสัตตนาคราช เป็นพญานาคที่มี 7 เศียร และเป็นพญานาคราชประจำลุ่มแม่น้ำโขง ความเชื่อคือผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีมีพญานาคองค์นี้คอยปกป้องคุ้มครอง และการบูชาจะช่วยเสริมดวงชะตา ตอนมาพ่อของฉันกราบไหว้ท่านฝากฝั่งฉันให้อยู่ที่นี้ ตอนนี้จะกลับก็ต้องบอกกล่าวเขาเรียกว่าไปลามาไหว้ ควันธูปลวยลิ้วปากฉันสวดบทไหว้ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ตรงหน้า ก่อนจะปักธูปลงกระถางใหญ่ ก้มกราบ พอเงยหน้าขึ้นปรากฎร่างชายชราในชุดขาว ผอม ม้วยผมอย่างกับพราหมณ์ ยิ้มให้ฉัน ก่อนหันไปทางรถพี่สันที่บรรทุกข้าวของฉันอยู่ สายตาจดจ้องไปยังเพ็ญประภาที่ไม่ยอมลงรถมาด้วยทั้งสองประสานสายตาก่อนปู่จะกล่าวออกมาด้วยถ้อยคำอันน่าฉงนว่า “นี้คือแดนดินถิ่นนาคา หากแม้นไม่ไหว้สาข้าก็ขออย่าขัดขวางผู้ผูกกรรมร่วมชาติกับสายเลือดแห่งพญานาคานาคี” “วิถีแห่งกรรมหมุนเวียน ข้ามิอาจขัดได้แต่หน้าที่คุ้มกันภัยไม่อาจวาง
ผมยาวพลิ้วไหวตามสายลมที่พัดผ่านยามสองเท้าของฉันเหยียบอยู่ริ่มฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งไทยบริเวณที่เรียกว่าลานพญานาค ไม่ไกลจากฉันมีรูปจำลองพญาศรีสัตตนาคราช" รูปลักษณะเป็นองค์พญานาค 7 เศียร ประทับพักอิริยาบทสงบนิ่งขดลำตัว 3 ชั้น ตอนนี้ฉันอยู่สุดดินแดนไทยอย่างนครพนม สายตาฉันมองไปฝั่งลาว แม่น้ำโขงดูกว้างใหญ่เหมือนทะเล “นายเจ้าขา ขยับเท้าออกห่างมาหน่อย พลาดพลั้งตกน้ำไปเดี๋ยวได้ไปเป็นเมียนาคนาคาพอดี” เสียงหวานนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน คือแม่เทพพรายตานีที่เก็บมาได้เมื่อสองปีก่อนที่บ้านเจ้าโจ้ ฉันเหลียวหลังไปมองเธอก่อนหันสายตามองฝั่งตรงข้าม “ดื้อด้านอะไรเยี่ยงนี้ เตือนแล้วยังไม่ว่าที รีบขวนขวายถอยออกมาเร็ว” “จริงจังไปได้ ถึงเป็นเมืองพญานาคใช่ว่าจะโผล่ออกมาคว้าใครต่อใครไปเป็นเมีย เขาก็เลือกเหมือนกัน” หญิงสาวผู้สวมเครื่องทรงสีทอง สวมรัดเกล้าประดับพลอยนพเก้า ใบหน้าเต็มด้วยออร่าสว่างมองไปยังน้ำโขง เบ้ปากกล่าวอย่างมีเลศนัยออกมาว่า “ใช่เจ้าค่ะ เขาเลือกเหมือนกัน ถ้าไม่เคยเกี่ยวพันเขาไม่มาราวี หากแม้นหนีได้ก็หนีให้พ้นเทอญเจอะเจอเมื่อไหร่ไม่แคล
แสงไฟสีขาวบนเพดานเลื่อนผ่านตามทางเดินที่เตียงเข็นคนไข้ผ่าตัดอย่างฉันไปสู่ห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ความหนาวเย็นยะเยือกเข้าสู่ผิวกายแทรกซึมสู่กระดูกข้างใน ฉันได้แต่มองไปรอบๆ เมื่อเตียงเข็นมาหยุดที่ห้องผ่าตัดห้องหนึ่งในโรงพยาบาล พร้อมเสียงพยาบาลบอกว่า “หยุดรอต้องนี้ก่อน เดี๋ยวไปเตรียมเครื่องมือให้คุณหมอก่อนคะ” ใช่ ฉันกำลังจะเข้าสู่การผ่าตัดมดลูกแบบส่องกล้อง มดลูกที่ไม่เคยผ่านการใช้งานใดๆ มาก่อน ตัดทิ้งเหลือแต่รังไข่สองข้างเอาไว้ เพราะมดลูกโตและหมอสูติวินิจฉัยว่าเกินเยียวยาต้องตัดทิ้ง ทำให้ฉันเป็นสาวพรหมจรรย์ตลอดชีพ 37 ปีมานี้สูญสิ้นทุกอย่างไม่แม้แต่คำว่าแม่ ฉันก็ไม่อาจได้รับโอกาสเป็นได้ ตลกสิ้นดีรู้งี้ฉันน่าจะหัดอ่อยเหยื่อกินตับผู้ชายเล่นตั้งแต่แตกเนื้อสาว ไม่ปล่อยให้ตัวเองเฉ่ามาถึงตอนนี้ เฮ้ย...ได้แต่คิดทำไม่ได้เพราะฉันเกิดมาไม่เหมือนชาวบ้าน เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะฉันเป็นคนที่เกิดมามีดวงตาที่สามตั้งแต่เกิด ไอ้ที่ชาวบ้านมองไม่เห็นกันหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ผี นั้นแหละ ฉันสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ไม่ใช่แค่ผี พระภูมิเจ้าที่ นางไม้ นางตะเคียน นางตานี เห็น







