-ดาริน-
นี่ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชีวิตของฉันสงบอย่างบอกไม่ถูก สงบจนน่ากลัวเลยล่ะ...แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีแล้วล่ะ…ฉันอยากจะอยู่เงียบ ๆ แบบนี้มานานมาก ๆ แต่อีกใจก็กลัวเหลือเกิน เวลาที่ทะเลนิ่ง ๆ แบบนี้ น่ากลัวจะตาย เพราะมันกำลังจะสื่อว่า สึนามิกำลังจะมายังไงล่ะ “ริน ๆ พรุ่งนี้สอบแล้ว ไปหอสมุดกัน” ฉันหันไปมองยัยนกที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาฉัน หอสมุดอีกแล้วเหรอเนี่ย… “อื้ม ไปสิ” ฉันไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะไม่รู้จะฏิเสธไปทำไมด้วย ฉันกับยัยนกกำลังจะเดินไปหอสมุดก็ตองชะงักทันทีที่เจอหมิวกำลังดักรอเราอยู่ อะไรอีกล่ะเนี่ยจะไม่ให้ฉันพักเลยรึไงนะ เรื่องนี้จบเรื่องนั้นมา จะเป็นบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย “หึ!หน้าระรื่นมาเลยนะมึง” ฉันมองหน้าหมิวนิ่ง ๆ อย่างเบื่อหน่าย จะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย แค่ผู้ชายทิ้งต้องหาที่ลงขนาดนี้เลยหรือไงกัน “มีอะไรอีกล่ะ” ฉันถามออกไปอย่างเอือมระอา คนแบบหมิวน่ะ พูดดีด้วยก็ไม่เป็นผลหรอก “หึ ถามได้โง่มาก แต่ยังหน้าด้านเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยสินะ” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับยัยนกที่ตอนนี้หน้าพร้อมบวกมาก “ไปกันเถอะนก” ฉันพูดแล้วดึงมือนกเดินเลี่งไปอีกทาง แต่หมิวก็ยังมาขวาง ไม่ยอมหยุดง่าย ๆ ฉันชักจะไม่อยากทนแล้วนะ “อะไรของมึงวะอีหมิว นี่มึงจะหาเรื่องให้ได้เลยใช่ปะ!” ยัยนกที่เหมือนจะทนไม่ไหวตะโกนขึ้นอย่างหมดความอดทนที่จะเล่นสงครามประสาทกับหมิวแล้ว “ทำไม! มึงเองก็อย่ามาเสือกให้มันมาก ไม่ใช่เรื่องของมึง! พวกมึงมาเอาอีนี่ออกไป!” หมิวพูดแล้วสั่งให้เพื่อนเธออีกสองคนเอานกออกไป เพราะตอนนี้นกยืนประจันหน้ากับหมิวบังหน้าฉันอยู่ “ปล่อยนะเว้ย! อีหมิวมึงมาตบกับกูนี่มา อีเหี้ย!” ยัยนกเริ่มตะโกนโวยวาย เพราะเพื่อนของหมิวดึงตัวเธอไปให้ห่างจากฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ปล่อยนกเดี๋ยวนี้นะหมิว ครั้งที่แล้วมันยังไม่สะใจเธออีกหรือไง ฮ่ะ!” ฉันถามอย่างหมดความอดทนเหมือนกัน เพราะฉันไม่ไหวกับหมิวแล้ว คอยหาเรื่องฉันอยู่นั่น มันทั้งน่ารำคาญและน่าเบื่อ ชีวิตฉันมีแค่พี่วินคอยรังควานก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว! “เหอะ! มึงอยากให้กูเลิกยุ่งกับมึงใช่มั้ย?” ฉันมองหน้ายัยหมิวด้วยความสงสัย เมื่อหมิวพูดจบนี่มันง่ายเกินไป ฉันว่ายัยนี่ต้องคิดอะไรแผลง ๆ แน่ “มึงก็ตบอีนกสิ กูหมั้นไส้มันมานานละ ปากดีชิบหาย” ฉันว่าแล้ว ว่ายัยนี่ต้องคิดจะทำอะไรที่มันแผลง ๆ ยัยนี่ท่าจะบ้าขั้นสุดแล้ว “มันเกินไปแล้วนะหมิว! นี่มันเรื่องระหว่างฉันกับเธอนะ ทำไมต้องลากนกมาเกี่ยวด้วย! นี่ถ้าป่วยก็ไปหาหมดเถอะ!” ฉันโพล่งออกไปอย่างหมดความอดทน คนแบบนี้พูดดีด้วยคงจะไม่ได้แล้วจริง ๆ “อีนี่! กล้าด่ากูเหรอ! หึดี! งั้น..มึงก็ตบตัวเองแทนแล้วกัน ตบตรงนี้ เดี๋ยวนี้! จนกว่าเลือดมึงจะออก! ทำได้มั้ยล่ะ!” ฉัยมองนกที่ส่ายหน้าให้ฉันเป็นเชิงบอกว่าอย่าทำ แต่ฉันก็คงม่มีวันตบนกเช่นกัน หากทางเลือกมีแค่สองทาง ฉันยอมตบตัวเองดีกว่า เพราะต่อให้สู้หมิวไปก็ไม่ต่างจากตบตัวเองหรอก “แต่ถ้ามึงไม่กล้า...” เพี๊ยะ! ไม่รอให้หมิวได้พูดต่อ ฉันก็ตบหน้าตัวเองเต็มแรง “ริน! หยุดนะ! ริน!!” เสียงนกตะโกนห้ามฉันด้วยน้ำเสียงตกใจ ฉันไม่สนใจคำพูดของนกหรอก ยอมเจ็บตัวเองแบบนี่แหละ ดีที่สุดแล้ว! เพี๊ยะ! “ริน! ฉันบอกให้หยุดไง! แกมาตบฉันเถอะ ริน!” ฉันยังคงตบตัวเองไปเรื่อย ๆ นกเองก็ตะโกนห้ามฉันอย่างไม่ลดละ เพี๊ยะ! ฝ่ามือของฉันยังคงฟาดลงมาบนใบหน้าอยู่อย่างนั้น ตอนนี้นกเองก็เริ่มเงียบไปแล้ว กลายเป็นเสียงสะอื้นแทน เพี๊ยะ! และครั้งนี้ ฉันได้กลิ่นคาวเลือดและสัมผัสได้กับรสชาติของความคาวฉันจึงหยุดแล้วมองหน้าหมิว สีหน้าของหมิวถึงจะดูพอใจแต่ก็แฝงไปด้วยความตกใจเช่นกัน คงไม่คิดว่าฉันจะเลือกตบตัวเอง “ดี ใจถึงดี ก็ตามนั้นกูจะไม่ยุ่งกับมึงอีก...” “อย่ากลืนน้ำลายตัวเองแล้วกัน ปล่อยนกเดี๋ยวนี้” ฉันพูดแล้วมองไปทางนก ที่ตอนนี้น้ำตาไหลเต็มสองแก้มแล้ว “หึ ปล่อยมัน เราไปเดินห้างกันดีกว่า วันนี้ฉันอารมณ์ดี โคตร ๆ ” ยัยหมิวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะอารมณ์ดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอยัยพวกนั้นปล่อยยัยนก ยัยนกก็รีบวิ่งมาหาฉันทันที “ริน ฮึก! แกเจ็บมากหรือเปล่าไหนขอฉันดูหน่อยนะ” ยัยนกพูดไปสะอื้นไป ก่อนจะจับฉันหันไปมาเพื่อดูรอยมือของฉันเองและริมฝีปากที่คาดว่าน่าจะมีเลือดซึมออกมา “ไม่เป็นไรหรอก แกไปห้องสมุดเถอะ เดี๋ยวฉันกลับห้องก่อนนะ สภาพนี้ไม่น่าไปเจอใครได้” ฉันพูดแล้วก้มลงเก็บสมุดเลคเชอร์ขึ้นมาจากพื้นที่ฉันทำตกก่อนหน้า หน้าฉันชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลยตอนนี้ และรู้สึกเหมือนจะเริ่มบวมแล้วด้วย “แกไปหาหมอดีมั้ยริน ฉันเป็นห่วงแกนะ” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ไปให้ยัยนก ก่อนจะพูดปฏิเสธ “ไม่ล่ะ แกไปห้องสมุดเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยมาอ่านวันหลัง ไปนะ” ฉันพูดจบก็เดินออกมาทันที ฉันไม่อยากให้ยัยนกมาเดือดร้อนเพราะฉันเลย ไม่อยากเลยจริง ๆ ฉันว่าฉันควรห่างจากยัยนกสักพักแล้วล่ะไม่งั้นสักวันยัยนกได้เจ็บตัวเพราะฉันจริง ๆ แน่ ถ้ายัยหมิวไม่ยอมหยุดจริง ๆ ฉันก็จะไม่ทนอีกต่อไปแล้วเฟมือนกัน ฉันว่ามันเริ่มเกินไปแล้ว ฉันไม่ใช่คนยอมคนหรอกนะแต่ที่ยอมเพราะไม่อยากมีปัญหากับใครเพิ่มแล้ว แถมเรื่องนี้ฉันไม่ได้ผิดสักนิดเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่ยอมแน่ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับฉันหรือยัยนกสักที! วันนี้ฉันสอบเป็นวันสุดท้ายแล้ว…ดีหน่อยที่พอมีเวลาอ่านหนังสืออยู่บ้าง ดี...ที่พี่วินเค้าหายไปเลย...แต่ทำไมฉันถึงหงอยได้ขนาดนี้กันนะ…ก็ปกติเขาจะมารังควานฉันตลอดนี่ พอเขาหายไปแบบนี้ก็อดห่วงไม่ได้ แถมวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ หรือบางทีเขาอาจจะถูกทำร้ายหรือเปล่านะ… ปริ๊น! ฉันที่กำลังเหม่อ คิดอะไรไปเรื่อย ก็ต้องสดุ้งหันกลับไปทางต้นเสียงของรถที่บีบแตรใส่ฉัน “พี่...เอต้า?” ฉันตกใจที่อยู่ ๆ พี่เอต้าก็โผล่มาที่มหาวิทยาลัย อ้อลืมบอกไปพวกพี่ ๆ เขาจบกันแล้วล่ะ ก็พวกเขาปีสี่กันแล้วนี่เนอะ ได้ยินว่าเพิ่งรับปริญญาไปเมื่อสองวันก่อน นั่นคงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาหายไป...มั้งนะ “พี่มีอะไรกับรินเหรอคะ?” ฉันถามขึ้นทันทีที่เผลอไปคิดเรื่องอื่นแทนที่จะสนใจเขา “มาขึ้นรถสิ พี่มีอะไรจะให้ดู...” พี่เอต้าพูดแล้วเดินกลับขึ้นรถไป...อะไรกัน...ถึงจะไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรมาให้ดู แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ได้แต่เดินไปขึ้นรถตามที่เขาบอก ที่ยอมทำตามเขาง่าย ๆ ก็เพราะฉันรู้ว่าเขาไม่มีทางทำร้ายฉันไปได้มากกว่าพี่วินทัพอีกแล้วล่ะ ปึก! “พี่จะให้รินดูอะไรเหรอคะ?” ฉันถามขึ้นทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถเสร็จ เพราะไม่อยากยืดเยื้อหรืออยู่กับเขานาน ๆ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องพวกเขาก็มองฉันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแถมฉันไม่รู้อีกด้วยว่าเขาคิดจะทำอะไร เพราะต่อให้มั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายฉันแต่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร “ก็จะพาไปดูสิ่งที่เธอทำไว้ไงดาริน” จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนโทนเสียงที่ตอนแรกดูน่าไว้ใจกลายเป็นน้ำเสียงเย็นชาจนน่าขนลุก คิดถูกมั้ยนะที่ขึ้นรถมากับเขาแบบนี้ ต่อให้คิดผิดฉันก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ… “ไงพร้อมไปหรือยังล่ะ..?” ฉันหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงของบุคคนที่สามดังขึ้น พอหันไปที่เบาะหลังก็เจอกับผู้ชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างกัน พวกเขาคือเพื่อนของพี่วิน… “พี่แม็ค? พี่กันต์? พวกพี่…?” ฉันเรียกชื่อพวกเขาเสียงเบาหวิว เดี๋ยวนะ จู่ ๆ พวกเขารวมตัวมาหาฉันทำไมกัน? พวกเขาเรียนจบกันไปแล้วนี่นายังจะมามหาลัยอีกทำไมกัน? ถ้าถามว่ารู้จักพวกเขาได้ยังไง ก็เพราะเมื่อก่อนเราทุกคนสนิทกันดียังไงล่ะ ฉันสนิทกับพวกเขามาก จนเกิดเหตุการณ์วันนั้น มันเลยทำให้พวกเขาทุกคน เกลียดฉัน… “พวกพี่…มาหารินทำไมคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือพี่วินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ!?” ฉันพ่นคำถามออกไปรัว ๆ เพราะการที่พวกเขารวมตัวกันมาแบบนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องปกติเลย หรือปกติแต่ฉันไม่รู้นะ? “โอ้ย เธอนี่พูดมากเหมือนเดิมจริง ๆ ไอ้วินมันไม่ได้เป็นอะไรหรอกน่า แล้วที่พวกฉันมาวันนี้เธอก็คิดดูสิว่าเธอเคยทำอะไรไว้” พี่กันต์พูดดุฉันอย่างกับฉันเป็นเด็กห้าขวบที่พูดจ้อ ก็ฉันเป็นห่วง…เขานี่ ทำไมต้องไม่พอใจกันด้วยล่ะ เล่นมาหากันเกือบครบแบบนี้ใครมันจะไม่คิดล่ะ อีกอย่างฉันไม่เคยทำอะไรไว้สักหน่อย…เว้นก็แต่เรื่องที่พวกเขา ‘คิดไปเอง’ ว่าฉันเป็นคนทำน่ะ “ที่เงียบไปนี่คือ? หรือเธอจะปฏิเสธว่า..เธอไม่ได้ทำ?” พี่แม็คถามย้ำเพราะเห็นว่าฉันเงียบไป ให้ตายสิ...พูดออกไปเลยดาริน! พูดออกไปเลยว่าคืนนั้นเธอไปทำอะไรที่นั่น! พูดออกไปเลยสิ! ว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้บงการอะไรทั้งนั้นน่ะ! แต่…แล้วยังไงล่ะ…เพราะต่อให้พูดออกไป...แล้วพวกเขาเลือกที่จะไม่เชื่อมันจะไปมีประโยชน์อะไรล่ะ มันจะไม่ยิ่งทำให้ฉันดูแย่หรือไง ที่ตอบปฏิเสธออกมาน่ะ… ฉันเลือกอะไรได้บ้างถามหน่อยเถอะ! ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดสักหน่อย พูดไปก็ไม่มีใครฟังอยู่ดี ฉันยังคงนั่งนิ่งค้างอยู่อย่างงั้นไม่ตอบหรือขยับไปไหนไม่ปฏิเสธแล้วก็ไม่ยอมรับ...เพราะฉันเองก็มีส่วนผิด ผิดที่ฉันช่วยผู้หญิงคนนั้นไม่ได้…ไม่รู้หรอกว่าผิดจริงหรือไม่ เพราะเขาเอาแต่กรอกหูฉันอยู่ทุกวัน พี่วินทัพ…น่ะ “นี่! เงียบทำไมล่ะ ทำไมเธอไม่พูดออกมาล่ะ ว่าเธอไม่ได้ทำน่ะ ฮ่ะ!” พี่กันต์ที่ยังเห็นฉันเงียบก็เลยเอื้อมมือมาจับไหล่ฉันแล้วเขย่าอย่างคาดคั้น เหมือนต้องการกดดันให้ฉันพูดออกมา พวกเขาจะมากดดันฉันทำไมตอนนี้ เธอคนนั้นก็เสียไปแล้วไม่ใช่หรอไง จะมาอะไรกับฉันอีก! หรือจริง ๆ ฉันควรจะพูดออกไปได้แล้ว! ฉันไม่ควรถูกมองแบบนี้สิ! ฉันไม่อยากกลายเป็นคนผิดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ! “ใช่! รินไม่ได้ทำ! พี่ ๆ ได้ยินมั้ย ว่ารินไม่ได้ทำ!" เมื่อถูกกดดันเข้ามาก ๆ ฉันก็อดทนต่อไปไม่ไหว ฉันเลยตะโกนออกไปใส่หน้าพวกเขาอย่างเหลืออด น้ำตาที่เริ่มรื้นขึ้นมาเพราะเจ็บปวดกับสิ่งที่พวกเขายัดเหยียดมันมาให้ฉัน มอบให้ฉันเป็นคนผิดอยู่อย่างนั้น! “เธอนี่มัน!…หน้าด้านจริง ๆ!” พี่แม็คพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและเย็นชา เห็นไหมเค้าไม่เชื่อฉันหรอก ไม่เคยเชื่อฉันเลย พวกเขาน่ะ ดีแต่พูดว่าฉัน ไม่เคยสืบหาความจริงอะไรสักอย่าง…แล้วมาบังคับฉันให้พูดทำไมกัน “สุดท้าย...” ฉันพูดขึ้นในขณะที่ทั้งรถเงียบลง ขณะเดียวกันฉันก็ก้มหน้าลงเพ็งสายตาที่เริ่มมองมือของตัวเองที่กุมกันแน่นด้วยความเบลอเพราะน้ำตาที่รื้นขึ้นมาบดบังทรรศนียภาพการมองเห็นไปแล้ว “พวกพี่...ก็ไม่เชื่ออยู่ดี...รินพูดออกไปแล้วยังไง? จะกดดันให้รินพูดทำไมถ้าพวกพี่ไม่คิดจะเชื่อตั้งแต่แรกน่ะ...เพื่อนของพวกพี่ก็ทำชีวิตรินพังไม่เป็นท่าล่ะนี่ไง...ทำไมยังไม่พอใจกันอีก พวกพี่จะมารื้อฟื้นทำไมอีก! ต้องการอะไรจากรินกันแน่…” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพื่อนของพวกเขาทำกับฉัน ฉันไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของพวกเขาตอนนี้เป็นยังไงแต่ตอนนี้ฉันมองหน้าพวกเขาไม่ได้จริง ๆ ...ไม่ได้เลยสักนิด น้ำตาที่เอ่อทะลักออกจากดวงตาของฉันก็ไหลลงอาบแก้มราวกับถูกกักเก็บมานานจนดวงตารับไว้ไม่ไหว ฉันถามพวกเขาออกไปเพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่ หรือต้องการให้ฉันทรมานจนตายไปเลยหรือไง เหมือนที่เพื่อนของพวกเขาต้องการ “หึ! ไม่เคยมีใครยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำหรอก...ยิ่งเป็นสิ่งชั่ว ๆ ยิ่งแล้วใหญ่” พี่เอต้าที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเดิม แข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ฉันนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่คิดจะตอบโต้อะไรกลับไปอีก ในเมื่อพูดไปมันไม่ได้ช่วยให้ฉันถูกเกลียดน้อยลงก็ควรจะหยุดเสียที “สักวัน...พี่ ๆ จะต้องเสียใจ...” ฉันพูดเบาราวกระซิบ…ฉันรู้ว่าถึงจะเบาขนาดไหน...แต่ในรถแบบนี้พวกเขาต้องได้ยินแน่นอน และฉันมั่นใจว่ามันจะเป็นอย่างที่ฉันพูดแน่นอน ไม่ช้าก็เร็วน่ะแหละ หากใครชอบฝาก กดใจ+คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ ส่วนใครที่อยากได้รับการแจ้งเตือนอัพสามารถกดเพิ่มเข้าหนังสือด้วยนะคะ><~พลั่ก! ตุ้บ! พลั่ก!“อั่ก! โอ้ย!”เสียงร้องโอดโอยของร่างชายฉกรรจ์ที่ถูกวินทัพฟาดด้วยท่อนไม้และเหล็ก ดังสลับกับเสียงฟาดจนคนแถวนั้นกลัวจนไม่กล้าจะเข้าห้าม จนกระทั่งเพื่อนเขาที่ตามมา“ไอ้เหี้ยวิน! พอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวมันตาย”“มึงหลบไป”วินทัพพูดบอกกันต์เสียงสั่น ตายเป็นตายเขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หากดารินเป็นอะไรไป เขาเองก็ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ไอ้คนทำมันรอดไปได้เช่นกัน“มึงฆ่ามันแล้วได้อะไรวะ ถ้ามันตายมึงจะรู้ไหม ว่าใครสั่งมันให้ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับรินอะ”กันต์ถามเรียกสติเขา ซึ่งมันได้ผล เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันต้องมีคนบงการแน่นอน แต่เขาเอาแต่โมโหจนลืมไป วินทัพเดินไปหามันแล้วกระชากคอเสื้อมันให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาปูดโปน เพราะโดนเขาอัดเละ แถมไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย“ตอบกูมา! ใครเป็นคนสั่งมึงให้ทำ พูดให้เข้าหูกูนะ ไม่งั้นกูจะตัดนิ้วมึงทีละนิ้ว”วินทัพพูดล้วจ้องหน้ามันเขม็ง กันต์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมอุปกรณ์มา หากมันไม่ยอมบอกแต่โดยดี เขาจะไม่ห้ามเพื่อนเขาสักนิด“ตอบมา!!”คนถูกกระชากคออยู่สลึมสลือราวกับจะหมดสติไป แต่วินทัพไม่ยอม เขา
@โรงพยาบาลประจำตัวเมือง“คุณส้ม!”เสียงหวานของซรานดังสะท้อนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ร้องเรียกผู้จัดการสาวที่กำลังนั่งสะอื้นไห้จนไหล่สั่นสะท้าน ความรีบร้อนในน้ำเสียงแทบทำให้หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างบางของเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามา พร้อมกับเทมที่สีหน้าซีดเผือดยิ่งไม่ต่างกัน ความตึงเครียดหนักหน่วงคลี่คลุมไปทั่วราวกับอากาศรอบกายถูกบีบอัดจนแทบหายใจไม่ออก และทันทีที่สายตาของเทมเหลือบไปเห็นกลุ่มวินทัพที่ยืนจับจ้องอยู่ ความร้อนวาบแห่งโทสะก็พุ่งขึ้นสู่ศีรษะทันที เลือดในกายพลันสูบฉีดรุนแรง ราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ มันอีกแล้ว“คุณเทมคุณซราน! ฮึก!”“รินล่ะคะ? รินเป็นยังไงบ้างคะ?”ซรานเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกลั้นสะอื้นเอาไว้ ความปวดร้าวแล่นบีบรัดในอกเพียงเพราะตั้งแต่กลับมา เธอแทบไม่ได้พบหน้าน้องสาวสุดที่รักเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ยิ่งงานที่รุมเร้าทำให้เธอไม่อาจมาหาดารินได้บ่อยดังใจต้องการ และทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอ…ดารินก็มักจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลเสมอ ภาพเหล่านั้นกัดกินใจจนยิ่งเอ่ยถามออกมา น้ำเสียงก็ยิ่งสั่นพร่าไปด้วยความกังวลและเจ็บปวด“ตอนนี้น้อง
-ดาริน-หลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นฉันก็รีบกลับเข้ามาห้องพักของตัวเองทันที กะว่าจะออกไปสูดอากาศให้หายหงุดหงิดเสียหน่อย ดันไปเจอภาพบาดตาเสียได้“อ่าวน้องริน ไหนว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลคะ?”พอเข้ามาที่ห้องก็เจอกับพี่ส้มเช้งพอดี พี่ส้มเช้งน่าจะเอาของมาเก็บให้ เพราะเมื่อกี้ฉันเดินมาไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ“อากาศมันร้อน ๆ น่ะค่ะ เลยกลับมาพักในห้องดีกว่า”ฉันโกหกออกไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าหมดอารมณ์เดินเพราะเห็นคนรักจูบกับแฟนของเขาน่ะ…น่าเกลียดจะตายไป“น้องรินคะ พี่ขอพูดอะไรได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“เรื่องคุณวินทัพ…”พี่ส้มเช้งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจที่จะพูดออกมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอพูด“พี่รู้นะคะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพี่ แต่ในฐานะที่พี่เป็นผู้จัดการของน้องริน พี่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะ เขายังมีคนของเขาอยู่ น้องรินจะเสียเอานะคะ”ฉันคิดตามที่พี่ส้มเช้งพูด ในเวลาไม่กี่วันมีคนเตือนฉันเรื่องพี่วินทัพถึงสองคน ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะสถานะของฉันตอนนี้ก็คือชู้ดี ๆ นี่เอง“รินกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ พี่ส้มสบายใจได้”ความจริงเรื่องฉันกับพี่วินทัพเราไม่ได้เป็นอ
@คอนโดดารินเมื่อปล่อยคนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจแล้ว เขาก็พาเธอกลับคอนโดของเธอทันที วันนี้เขาตั้งใจจะนอนกอดเธอไม่ไปไหนทั้งนั้น จึงตัดสินใจปิดเครื่องเอาไว้“รินครับ มานี่เร็ว”เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกจากห้องน้ำก็รีบตีที่นอนเป็นเชิงชวนให้ขึ้นเตียงทันที ดารินมองอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง กลัวเขาจะจับกินน่ะสิไม่ใช่อะไร“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า มาเร็ว ง่วงแล้วเนี่ย”เขาพูดเพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาโคตรอยากทำ แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ รอทำอะไรให้ถูกต้องก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาจนคนตัวเล็กสลบไปหลาย ๆ รอบเลยทีเดียว“เชื่อได้ใช่มั้ยคะ?”ถามออกไปอย่างระแวงแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี เพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจริง ๆ“ได้สิ พี่ไม่ทำอะไรหรอกตอนนี้น่ะ”ตอนอื่นก็ไม่แน่ เขาคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ เมื่อร่างบางยอมขึ้นเตียงมาหาเขา เขาก็รีบกอดเธอไว้แทบจะทันที ทั้งคู่เอนนอนลงบนเตียงในขณะที่โอบกอดกันอยู่“รินอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทุกคืนเลย…”ถึงแม้จะโกรธที่เขาทำให้เธอต้องเป็นคนไม่ดี แต่ก็รักเขาอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้คำว่ารักนี่แหละตัวปัญหาสุด ๆ“พี่จะรีบทำทุกอย่างให้เคลียร
@ร้านอาหารหรูดารินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่เหล่าคนรวยมักมาออกเดทกันที่นี่ เพื่อประกาศถึงความร่ำรวยและชีวิตที่หรูหราของพวกเขา แต่วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เธออยากจะเคลียร์มากที่สุดเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ ดารินที่สวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ก็มองพี่ชายต่างสายเลือดผ่านแว่นดำ และไม่คิดจะถอดมันออก“ใส่แว่นมาข่มพี่หรือไงตัวเล็ก”ใช่เสียที่ไหน เพราะเธอร้องไห้จนตาบวมมาตลอดทางต่างหาก ตั้งแต่ทราบเรื่องที่ตนแท้งก็ยังไม่มีเวลามาเอาผิดคนทราบเรื่องคนแรกแต่ไม่ยอมบอกเธอสักที“อย่ามาเปลี่ยนเฉไฉค่ะ อย่างที่พี่เทมทราบ เค้ารู้เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว”ดารินเงียบก่อนจะเอนหลังเพื่อพิงโต๊ะและกอดอกมองคนพี่อย่างเอาเรื่อง ไมทต้องถอดแว่นออกก็พอจะเดาได้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่แน่ ๆ“เค้าให้เวลาพี่เทมแก้ตัวค่ะ”คนฟังถึงกับนึกขำในใจ พอจะดุก็เอาเรื่องเหมือนกันนะน้องสาวของเขาเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษสินะ“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษเราจริง ๆ ที่พี่ไม่ได้บอก รินก็รู้ว่าถ้าพี่เล่าไปยังไงรินก็จะเสียใจ และพี่ก็ไม่อาจจะทำรินเสียใจได้ พี่เลยอยากให้รินลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นไปซะ จะโกรธพี่ก็ได้ แต
-ดาริน-ตอนนี้ฉันมาคุยงานกับเจ้าของโปรเจ็กที่ได้รับผิดชอบงานโปรโมทรีสอร์ทที่หัวหิน เห็นว่าไปตั้งสี่วันสามคืนเลยทีเดียว เพราะเป็นงานแรกด้วย จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่ไปถ่ายแบบมุมต่าง ๆ ตามรีสอร์ทเท่านั้นเอง สบายมากงานแค่นี้“เราจะเดินทางไปที่รีสอร์ทกันวันไหนนะคะพี่อาร์ท”ฉันเอ่ยถามเมื่อคุยสรุปงานกันเสร็จ พี่ส้มเองก็เตรียมจดจารางงานให้ฉันอยู่เหมือนกัน“อืม…น่าจะอีกสามวันนะ น้องรินโอเคไหมครับ?”ฉันหันไปมองหน้าพี่ส้มเช้งทันที ซึ่งพี่เขาเช็คตารางนิดหน่อยก็พยักหน้าโอเคให้“โอเคค่ะ วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ กะว่าจะแวบไปแอบดูพี่วินทัพเสียหน่อย หลัวจากวันนั้นเขาก็ไม่ค่อยได้มาหาฉันเลย เอาแต่ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ยอมมาหากันเลย คืนนั้นแันกับเขาไม่ได้ทำอะไรกันต่อนอกจากนอนกอดกันเฉย ๆ ซึ่งมันก็ดีสำหรับฉันนะ“ครับผม น้องรินกลับได้เลยครับ เดี๋ยวพี่กับทีมจะคุยกันต่ะครับ”ฉันยิ้มให้พี่อาร์ทเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือมาถือแล้วลุกขึ้นเพื่อออกจากห้องประชุม“พี่ส้มจะอยู่คุยงานส่วนอื่นต่อกับพี่อาร์ทหรือจะกลับเลยคะ?”ฉันถามพี่ส้มเช้งที่หน้ายังคงอยู่กับจอโน็ตบุ๊ค