ซ่า!!
“เฮือก!! แค่ก ๆ” ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างอยากลำบากก่อนจะสำลักน้ำที่เข้าปากเข้าจมูกจนแสบไปหมด...ฉันพยายามปรับโฟกัสไปที่ทางข้างหน้า...ก็พบกับ...พวกพี่วินนี่! พอหันหลังฉันก็เจอกับพวกคนที่จับฉันมา ฉันสบตากับคนที่ฉันกำลังจะไปหาเขาแต่ก็ไม่ทันดดนจับมานอนแอ้งแม้งตรงนี้เสียก่อน สายตาคบกริบคู่นั้นจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาเฉยชา...หึ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่จับฉันมาเพื่อหวังให้ผู้ชายคนนี้ยอมแพ้…ไม่มีวันซะหรอก “ตื่นสักที หึ ไงมึง! ถ้ามึงยังไม่อยากให้อีนี่ตายก็เลิกเสือกเรื่องของพวกกูสักที! แล้วก็บอกพ่อมึงด้วยเลิกมาขัดแข้งขัดขาพวกกูได้ละ!” ฉันมองเขาไม่วางตา พวกเขาห้าคนได้แต่เค่นหัวเราะอย่างนึกขำ ฉันเองก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าฉันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น “ที่พวกนายทำน่ะไม่มีประโยชน์หรอก...” ฉันพูดออกมาเสียงเบา...ซึ่งพวกพี่วินเองต่างก็เงียบแล้วฟังฉันทันที ฉันพูดไปไม่ผิดหรอก มันไร้ประโยชน์จริง ๆ “เธอหมายความว่าไง!” มันเดินเข้ามาจับแขนฉันอย่างโมโหฉันเองก็ชำเลืองมองมันอย่างสมเพชเหมือนกัน! มันกับฉันก็คงไม่ต่างกันนักหรอก โง่เหมือนกัน “โง่!” ฉันด่ามันออกไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแต่ก็เหมือนด่าตัวเองไปด้วยเมือนกัน “อีนี่! ปากดีนักนะมึง!” เพี้ยะ! ฝ่ามือหนาถูกฟาดลงมาที่ใบหน้าของฉันอย่างแรง มันตบเข้ามาที่ใบหน้าของฉันสุดแรง ตอนนี้ใบหน้าของฉันชาจนแทบไม่รู้สึกเลย เพิ่งจะเคยโดนตบแรงขนาดนี้ก็ครั้งนี้แหละ แรงมากกว่าที่หมิวตบเสียอีก คงเป็นเพราะคนตบเป็นผู้ชายด้วยล่ะมั้ง...แต่พวกเค้าทั้งห้าคนกลับมองมาด้วยความนิ่งเฉย ไม่ผิดไปจากที่ฉันคิดสักเท่าไหร่หรอก ไม่น่าแปลกใจสักนิด! ใช่สินะ...ก็ฉันมันเป็นคนผิด...ผิดทุกอย่าง… “เหอะ! พวกมึงอย่ามาปั่นหัวพวกกูหน่อยเลย!! กูให้คนไปสืบมาแล้ว วินทัพมันชอบไปหาอีนี่ออกจะบ่อยนี่” มันยังคงไม่ยอมรับความจริง และพูดต่อด้วยความมั่นใจตามเดิม พวกมันจะไปรู้อะไร พูดก็ไม่เชื่อ ด่าก็ไม่สน โง่จริง ๆ นั่นแหละ “อีกอย่าง ถ้าพวกมึงไม่ใช่คนสนิทกัน แล้วมึงจะเอาสิ่งที่มึงได้ยินไปบอกมันทำไม!? หืม แม่คนสวย” ฉันเบือนหน้าหนีมันทันที เพราะขณะที่มันพูดมันก็เอามือสกปรกมาลูบหน้าฉันเบา ๆ แลัวหันไปแสยะยิ้มกับพี่วินทัพเพื่อเย้ยหยัน ฉันหันไปมองพวกเขาที่ต่างก็พากันมองมาด้วยสายตานิ่งเฉยตามเดิม ราวกับว่าพวกเขาก็รอคำตอบเหมือนกัน...ถ้าฉันบอกความจริงออกไป เขาจะรู้สึกยังไงกันนะ แต่อยู่ ๆ คำพูดของพี่วินทัพเมื่ออาทิตย์ก่อนก็ดังเข้ามาในหัว “ขยะไง” “…” ฉันเผลอพูดคำที่นึกออกไปเบา ๆ ใช่ฉันคิดว่าตัวเองก็มีค่าแค่นั้นแหละ....แค่ขยะที่เขาไม่เอามาเก็บไว้เท่านั้น “ขยะอย่างฉันน่ะ...มีค่าแค่คาบข่าวไงล่ะ!?” ฉันพูดกับมันแต่สายตายังคงจับจ้องไปที่พี่วินทัพไม่วางตา ซึ่งเขาเองก็สบตาฉันอยู่…และสุดท้ายก็เป็นฉันที่เลือกจะหลบตาเขา “หึ อ๋ออย่างงี้นี่เอง งั้นแบบนี้เธอก็หมดประโยชน์แล้วสินะ" มันคนเดิมพูดพร้อมควักบางอย่างออกมาและฉันมั่นใจว่าสิ่งที่มันควักออกมาต้องเป็นสิ่งที่ฉันเคยเห็นแน่ ๆ ปืนน่ะ เป็นจริงอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ...มันควักปืนออกมาพร้อมกับจ่อมาที่หัวของฉัน ตอนนี้ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ถ้าวันนี้จะต้องตาย ฉันก็ไใ่เสียใจอะไรแล้วเพราะฉันเหนื่อยเหลือเกิน...น้ำตาที่คิดว่าจะไม่รื้นขึ้นมาแล้วกลับรื้นขึ้นมาซะอย่างงั้น และมันก็ค่อย ๆ หยดลงช้า ๆ อาบแก้มของตัวเอง ปัง! ฉันหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เมื่อได้ยินเสียงลั่นไกของปืน นี่ฉันตายแล้วใช่มั้ย? ทำไมมันถึงไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ? หรือมันไม่เจ็บอย่างที่คิด? ฉันลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อไม่รู้สึกอะไรเท่าที่ควร แต่แล้วตัวฉันกลับไม่เป็นอะไรเลย เมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้ถูกยิงจึงมองไปข้าง ๆ ตัวเอง “กรี๊ดด!!” ฉันกรี๊ดเสียงดังก่อนจะรีบดิ้นขยับหนีทันที น้ำสีแดงที่ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วเปรอะเปลื้อนเสื้อสีขาวของฉันมันย้ำว่าผู้ชายที่กำลังจะฆ่าฉัน ถูกฆ่าตายไปแล้วและเลือดของเขามันก็ติดอยู่ที่ตัวของฉัน! “มึง! ไอ้เหี้ยวินทัพ!มึงไม่ได้ตายดีแน่” เสียงผู้ชายอีกคนพูดด้วยความโมโห ฉันที่ตอนนี้สติเลือนลางลงไปทุกทีเริ่มไม่รับรู้สิ่งรอบข้างแล้ว...กลิ่นเลือดนั่น ยังคงชัดเจนจนฉันมึนหัวไปหมด อยากอ้วกจนแทบบ้า! “นี่ ริน” ฉันสดุ้งสุดตัวเมื่อพี่เอต้า สกิดตัวฉัน ฉันที่สภาพถูกแก้มัดเรียบร้อยแล้วแต่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม อะไรกัน? ฉันมองไปรอบๆ ก็ไม่เหลือใครนอกจากฉันกับพี่เอต้าแล้ว ทุกคนหายไปไหนหมดเนี่ย!แล้วหายไปตอนไหนกัน ทำไมฉันไม่รู้ตัวเลย แล้วเกิดอะไรขึ้นไปบ้างเนี่ย “พะ...พี่วินละคะ?” เมื่อฉันตั้งสติได้ ก็รีบถามถึงพี่วินทัพทันที “มันไปนานแล้ว” พี่เอต้าตอบก่อนนั่งลงมาข้างหน้าฉัน ไปนานแล้ว…งั้นเหรอ “เธอกลัวเลือดเหรอ?” ฉันมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เพราะคำถามของเขามันแปลกน่ะสิ ใครบ้างจะไม่กลัวล่ะ คนตายเลยนะ แถมเลือดนั่น… “เธอเอง...ก็เคยทำแบบนี้กับคนรักของไอ้วินมันนี่ ครั้งนั้นเลือดก็เยอะเหมือนกัน” สายตาของเขามองมาที่ด้วยความโกรธ ฉันควรพูดว่าอะไรดี… ถ้าพูดความจริงออกไป เขาจะเชื่อฉันหรือเปล่า หรือคิดว่าฉันโกหกเหมือนพี่วินทัพ… “ฉัน…ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อคิดว่าเขาเองก็คงไม่ต่างไปจากพี่วินทัพก็พูดขอตัวแล้วลุกขึ้นทันที พูดไปก็ไร้ประโยชน์เขาปักใจเชื่อแบบนั้นไปแล้ว จะไปแก้อะไรได้ “รู้เหรอ ว่าจะต้องออกจากที่นี่ยังไง?” ฉันหยุดชะงักทันที เสียงของเขาตอนนี้เหมือนเสียงเมื่อสี่ปีก่อนเลย ต่างก็แค่คำถาม…และสถานที่เท่านั้นเอง “ก็คง..ทำเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนมั้งล่ะมั้งคะ” ฉันพูดแล้วเดินออกมาทันที เมื่อสี่ปีก่อน เขาก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เขาถามฉันว่ารู้ใช่มั้ยว่าจะต้องออกจากที่นี่ยังไงแล้วพวกเขาก็ออกไปจากโกดังร้างนั่นทันที คอนโดมิเดียมหรู M ฉันกลับมาคอนโดได้สักพักแล้วเพราะเดินออกมาเรียกแท็กซี่แถวนั้นเอา โชคดีที่มันไม่ได้ไกลจากตัวถนนมากนัก ฉันอยากจะไปสถานีตำรวจเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนนะ แต่...ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นหรอก ถ้าทำแบบนั้นพี่วินก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วย ฉันไม่ได้โลกสวยอะไรหรอก แต่หากได้รักใครสักคนแล้ว ก็คงไม่อยากเห็นเขาเดือดร้อนหรือเจ็บปวดหรอก…ใช่ ฉันไม่อยากให้พี่วินทัพเจ็บปวด...แต่ฉันกลับเป็นคนทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก... ติ๊ง! หืม? ฉันเหลือบมองมือถือเมื่อมีคนส่งไลน์มา นี่จะห้าทุ่มแล้วใครทักมาล่ะเนี่ย ปกติแล้วยัยนกจะม่ส่งข้อความมาหาฉันดึกขนาดนี้หรอก ส่วนมากถ้าดึกก็มักจะโทรมาเลยเสียมากกว่าเพราะรู้ว่าฉันไม่ได้จับโทรศัพท์แล้ว เมื่อหยิบสมาทโฟนขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่เทม 'ริน...ทำไมหายไปเลยล่ะ?' ฉันควรตอบดีมั้ยนะ แล้วควรตอบว่าอะไรดี เขาต้องถามฉันเรื่องพี่วินทัพด้วยแน่ ๆ เลย 'ริน อ่านแล้วตอบพี่หน่อยสิ พี่เป็นห่วงนะ' ฉันยังคงอ่านอยู่แบบนั้น แต่ไม่ได้คิดจะตอบอะไรออกไป ก็รู้ว่าเขาเป็นห่วง แต่ฉันไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรดี 'รินครับ มีอะไรหรือเปล่า ตอบพี่หน่อย พี่เป็นห่วงจริง ๆ' ฉันมองข้อความนั้นก่อนจะกดพิมพ์ตอบกลับไป ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะส่งมารัว ๆ ไม่ได้นอนกันพอดี 'พี่เทมมีอะไรหรือเปล่าคะ เค้ากำลังจะนอนแล้วเนี่ย' ฉันพิมพ์ถามพร้อมกับตัดจบไปว่าจะนอนแล้ว หวังว่าเขาจะไม่ถามอะไรเซ้าซี้ฉันตอนนี้นะ ฉันยังไม่อยากคุยจริง ๆ 'โอเค งั้นนอนเถอะ พี่ไม่กวนแล้วก็ได้' ฉันอ่านข้อความสุดท้ายนั่น ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอนตามเดิม “พี่ไปไหนกันนะพี่วิน...” ฉันนอนคิดถึงผู้ชายใจร้ายก่อนที่สติของฉันจะเริ่มเลือนลางไปด้วยความอ่อนล้า ทั้ง ๆ ที่เขาใจร้ายทิ้งฉันไว้ตรงนั้นแท้ ๆ แต่ฉันกลับเป็นห่วงเขามากเหลือเกิน… -วินทัพ- โรงพบาลแห่งหนึ่ง “หยก...เป็นยังไงบ้าง…” ผมถามผู้หญิงที่นอนหลับมานานเป็นเวลานานถึงสี่ปีแล้ว เธอไม่เคยลุกขึ้นมาตอบผมเลยสักครั้ง...ผมรอเธอกลับมาหาผมทุกวัน ทุกคนในครอบครัวเราต่างก็บอกให้ผมปล่อยเธอไป แต่ความรู้สึกของผมไม่อยากปล่อยเธอไปเลย ผมรักเธอ ผมจะรอเธอตื่นขึ้นมาแต่งงานกับผม...ถ้าไม่ใช่เพราะยัยผู้หญิงโสมมนั่น หยกก็คงไม่เป็นแบบนี้ หยกคงไม่ตายทั้งเป็นแบบนี้ ยัยนั่นคงคิดว่าหยกตายไปแล้วตั้งแต่สี่ปีก่อน เหอะ! ผมโคตรจะเกลียดเธอเลย ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเจ็บปวด! เจ็บปวดเหมือนผมกับหยก เจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น! ผมรู้ว่ายัยนั่นมีใจให้ผมมาตลอด ผมรู้มาตลอดแต่ผมไม่เคยให้ความหวังเธอเลยสักครั้ง ผมพยายามหนีห่างจากเธอ แต่สุดท้าย ยัยผู้หญิงใจทรามนั่นก็เอาความโกรธมาลงที่คนที่ผมรัก เธอล่อให้หยกของผมออกจากงานเลี้ยงเพื่อจะได้ให้ผู้ชายคนอื่นไปรุมโทรมเธอ...แล้วตัวเองก็ยืนมองด้วยความสะใจ! ภาพที่ผมเห็นในคืนวันนั้น ผมเห็นหยกนอนหมดสติอยู่บนเตียงด้วยร่างที่เปลือยเปล่าอยู่ในโกดังร้างที่นั่น ผมดูแลหยกมาอย่างดีทุกอย่างไม่เคยล่วงเกินเธอแม้แต่น้อยดูแลซะยิ่งกว่าชีวิตของผมพอไปเห็นแบบนั้นมันก็ทำใหหัวใจของผมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ผมตามเก็บไอ้พวกระยำนั่นทุกคน! ยกเว้นคนบงการอย่างยัยสารเลวนั่น! ผมจะเก็บเธอไว้ทรมาณเล่นจนกว่าหยกจะฟื้นขึ้นมา! ผมจะรอจนหยกฟื้นขึ้นมาหาผม บอกตามตรงยิ่งผมเห็นน้ำตาของยัยนั่นผมยิ่งสะใจ ยิ่งเห็นเธอเจ็บปวดผมยิ่งตื่นเต้นจนแทบบ้า! และผมสาบานเลยว่าผมจะทำให้ยัยนั่นเจ็บปวดยิ่งกว่าใครในโลกนี้เเน่! -จบ วินทัพ- ต่อไปไรท์จะอัพวันละ 2 ตอนนะคะ ตอนแรก 09:00 น. ตอนสอง 12:00 น. งับ ตรงเวลาแน่นอน ใครชอบฝาก กดใจ+คอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ ส่วนใครที่อยากได้รับการแจ้งเตือนอัพสามารถกดเพิ่มเข้าหนังสือด้วยนะคะ><~ ส่วน E-Book ตอนนี้กำลังเร่งทำอยู่นะคะ><~พลั่ก! ตุ้บ! พลั่ก!“อั่ก! โอ้ย!”เสียงร้องโอดโอยของร่างชายฉกรรจ์ที่ถูกวินทัพฟาดด้วยท่อนไม้และเหล็ก ดังสลับกับเสียงฟาดจนคนแถวนั้นกลัวจนไม่กล้าจะเข้าห้าม จนกระทั่งเพื่อนเขาที่ตามมา“ไอ้เหี้ยวิน! พอแล้วไอ้เหี้ยเดี๋ยวมันตาย”“มึงหลบไป”วินทัพพูดบอกกันต์เสียงสั่น ตายเป็นตายเขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า หากดารินเป็นอะไรไป เขาเองก็ไม่อยากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้ไอ้คนทำมันรอดไปได้เช่นกัน“มึงฆ่ามันแล้วได้อะไรวะ ถ้ามันตายมึงจะรู้ไหม ว่าใครสั่งมันให้ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับรินอะ”กันต์ถามเรียกสติเขา ซึ่งมันได้ผล เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันต้องมีคนบงการแน่นอน แต่เขาเอาแต่โมโหจนลืมไป วินทัพเดินไปหามันแล้วกระชากคอเสื้อมันให้ลุกขึ้นมา ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาปูดโปน เพราะโดนเขาอัดเละ แถมไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย“ตอบกูมา! ใครเป็นคนสั่งมึงให้ทำ พูดให้เข้าหูกูนะ ไม่งั้นกูจะตัดนิ้วมึงทีละนิ้ว”วินทัพพูดล้วจ้องหน้ามันเขม็ง กันต์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปสั่งลูกน้องให้ไปเตรียมอุปกรณ์มา หากมันไม่ยอมบอกแต่โดยดี เขาจะไม่ห้ามเพื่อนเขาสักนิด“ตอบมา!!”คนถูกกระชากคออยู่สลึมสลือราวกับจะหมดสติไป แต่วินทัพไม่ยอม เขา
@โรงพยาบาลประจำตัวเมือง“คุณส้ม!”เสียงหวานของซรานดังสะท้อนขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ร้องเรียกผู้จัดการสาวที่กำลังนั่งสะอื้นไห้จนไหล่สั่นสะท้าน ความรีบร้อนในน้ำเสียงแทบทำให้หัวใจคนฟังเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างบางของเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตรงเข้ามา พร้อมกับเทมที่สีหน้าซีดเผือดยิ่งไม่ต่างกัน ความตึงเครียดหนักหน่วงคลี่คลุมไปทั่วราวกับอากาศรอบกายถูกบีบอัดจนแทบหายใจไม่ออก และทันทีที่สายตาของเทมเหลือบไปเห็นกลุ่มวินทัพที่ยืนจับจ้องอยู่ ความร้อนวาบแห่งโทสะก็พุ่งขึ้นสู่ศีรษะทันที เลือดในกายพลันสูบฉีดรุนแรง ราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ มันอีกแล้ว“คุณเทมคุณซราน! ฮึก!”“รินล่ะคะ? รินเป็นยังไงบ้างคะ?”ซรานเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกลั้นสะอื้นเอาไว้ ความปวดร้าวแล่นบีบรัดในอกเพียงเพราะตั้งแต่กลับมา เธอแทบไม่ได้พบหน้าน้องสาวสุดที่รักเลย ได้เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ยิ่งงานที่รุมเร้าทำให้เธอไม่อาจมาหาดารินได้บ่อยดังใจต้องการ และทุกครั้งที่มีโอกาสได้เจอ…ดารินก็มักจะนอนอยู่ในโรงพยาบาลเสมอ ภาพเหล่านั้นกัดกินใจจนยิ่งเอ่ยถามออกมา น้ำเสียงก็ยิ่งสั่นพร่าไปด้วยความกังวลและเจ็บปวด“ตอนนี้น้อง
-ดาริน-หลังจากเห็นภาพบาดตาบาดใจนั่นฉันก็รีบกลับเข้ามาห้องพักของตัวเองทันที กะว่าจะออกไปสูดอากาศให้หายหงุดหงิดเสียหน่อย ดันไปเจอภาพบาดตาเสียได้“อ่าวน้องริน ไหนว่าจะออกไปเดินเล่นริมทะเลคะ?”พอเข้ามาที่ห้องก็เจอกับพี่ส้มเช้งพอดี พี่ส้มเช้งน่าจะเอาของมาเก็บให้ เพราะเมื่อกี้ฉันเดินมาไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ“อากาศมันร้อน ๆ น่ะค่ะ เลยกลับมาพักในห้องดีกว่า”ฉันโกหกออกไป จะให้บอกได้อย่างไรว่าหมดอารมณ์เดินเพราะเห็นคนรักจูบกับแฟนของเขาน่ะ…น่าเกลียดจะตายไป“น้องรินคะ พี่ขอพูดอะไรได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“เรื่องคุณวินทัพ…”พี่ส้มเช้งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจที่จะพูดออกมา ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เธอพูด“พี่รู้นะคะ ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพี่ แต่ในฐานะที่พี่เป็นผู้จัดการของน้องริน พี่ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลยค่ะ เขายังมีคนของเขาอยู่ น้องรินจะเสียเอานะคะ”ฉันคิดตามที่พี่ส้มเช้งพูด ในเวลาไม่กี่วันมีคนเตือนฉันเรื่องพี่วินทัพถึงสองคน ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะสถานะของฉันตอนนี้ก็คือชู้ดี ๆ นี่เอง“รินกับเขาเราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ พี่ส้มสบายใจได้”ความจริงเรื่องฉันกับพี่วินทัพเราไม่ได้เป็นอ
@คอนโดดารินเมื่อปล่อยคนตัวเล็กร้องไห้จนพอใจแล้ว เขาก็พาเธอกลับคอนโดของเธอทันที วันนี้เขาตั้งใจจะนอนกอดเธอไม่ไปไหนทั้งนั้น จึงตัดสินใจปิดเครื่องเอาไว้“รินครับ มานี่เร็ว”เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินออกจากห้องน้ำก็รีบตีที่นอนเป็นเชิงชวนให้ขึ้นเตียงทันที ดารินมองอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง กลัวเขาจะจับกินน่ะสิไม่ใช่อะไร“พี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า มาเร็ว ง่วงแล้วเนี่ย”เขาพูดเพราะพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำ เขาโคตรอยากทำ แต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ รอทำอะไรให้ถูกต้องก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะเอาจนคนตัวเล็กสลบไปหลาย ๆ รอบเลยทีเดียว“เชื่อได้ใช่มั้ยคะ?”ถามออกไปอย่างระแวงแต่ก็ยอมเดินไปแต่โดยดี เพราะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจริง ๆ“ได้สิ พี่ไม่ทำอะไรหรอกตอนนี้น่ะ”ตอนอื่นก็ไม่แน่ เขาคิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ เมื่อร่างบางยอมขึ้นเตียงมาหาเขา เขาก็รีบกอดเธอไว้แทบจะทันที ทั้งคู่เอนนอนลงบนเตียงในขณะที่โอบกอดกันอยู่“รินอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทุกคืนเลย…”ถึงแม้จะโกรธที่เขาทำให้เธอต้องเป็นคนไม่ดี แต่ก็รักเขาอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้คำว่ารักนี่แหละตัวปัญหาสุด ๆ“พี่จะรีบทำทุกอย่างให้เคลียร
@ร้านอาหารหรูดารินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่เหล่าคนรวยมักมาออกเดทกันที่นี่ เพื่อประกาศถึงความร่ำรวยและชีวิตที่หรูหราของพวกเขา แต่วันนี้เธอมาที่นี่เพื่อเคลียร์ปัญหาที่เธออยากจะเคลียร์มากที่สุดเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ ดารินที่สวมแว่นกันแดดสีดำอยู่ก็มองพี่ชายต่างสายเลือดผ่านแว่นดำ และไม่คิดจะถอดมันออก“ใส่แว่นมาข่มพี่หรือไงตัวเล็ก”ใช่เสียที่ไหน เพราะเธอร้องไห้จนตาบวมมาตลอดทางต่างหาก ตั้งแต่ทราบเรื่องที่ตนแท้งก็ยังไม่มีเวลามาเอาผิดคนทราบเรื่องคนแรกแต่ไม่ยอมบอกเธอสักที“อย่ามาเปลี่ยนเฉไฉค่ะ อย่างที่พี่เทมทราบ เค้ารู้เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว”ดารินเงียบก่อนจะเอนหลังเพื่อพิงโต๊ะและกอดอกมองคนพี่อย่างเอาเรื่อง ไมทต้องถอดแว่นออกก็พอจะเดาได้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่แน่ ๆ“เค้าให้เวลาพี่เทมแก้ตัวค่ะ”คนฟังถึงกับนึกขำในใจ พอจะดุก็เอาเรื่องเหมือนกันนะน้องสาวของเขาเนี่ย คงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษสินะ“ก่อนอื่นพี่ต้องขอโทษเราจริง ๆ ที่พี่ไม่ได้บอก รินก็รู้ว่าถ้าพี่เล่าไปยังไงรินก็จะเสียใจ และพี่ก็ไม่อาจจะทำรินเสียใจได้ พี่เลยอยากให้รินลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้นไปซะ จะโกรธพี่ก็ได้ แต
-ดาริน-ตอนนี้ฉันมาคุยงานกับเจ้าของโปรเจ็กที่ได้รับผิดชอบงานโปรโมทรีสอร์ทที่หัวหิน เห็นว่าไปตั้งสี่วันสามคืนเลยทีเดียว เพราะเป็นงานแรกด้วย จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่ไปถ่ายแบบมุมต่าง ๆ ตามรีสอร์ทเท่านั้นเอง สบายมากงานแค่นี้“เราจะเดินทางไปที่รีสอร์ทกันวันไหนนะคะพี่อาร์ท”ฉันเอ่ยถามเมื่อคุยสรุปงานกันเสร็จ พี่ส้มเองก็เตรียมจดจารางงานให้ฉันอยู่เหมือนกัน“อืม…น่าจะอีกสามวันนะ น้องรินโอเคไหมครับ?”ฉันหันไปมองหน้าพี่ส้มเช้งทันที ซึ่งพี่เขาเช็คตารางนิดหน่อยก็พยักหน้าโอเคให้“โอเคค่ะ วันนี้มีเท่านี้ใช่ไหมคะ?”ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกนะ กะว่าจะแวบไปแอบดูพี่วินทัพเสียหน่อย หลัวจากวันนั้นเขาก็ไม่ค่อยได้มาหาฉันเลย เอาแต่ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแต่ไม่ยอมมาหากันเลย คืนนั้นแันกับเขาไม่ได้ทำอะไรกันต่อนอกจากนอนกอดกันเฉย ๆ ซึ่งมันก็ดีสำหรับฉันนะ“ครับผม น้องรินกลับได้เลยครับ เดี๋ยวพี่กับทีมจะคุยกันต่ะครับ”ฉันยิ้มให้พี่อาร์ทเล็กน้อยก่อนจะหยิบกระเป๋าถือมาถือแล้วลุกขึ้นเพื่อออกจากห้องประชุม“พี่ส้มจะอยู่คุยงานส่วนอื่นต่อกับพี่อาร์ทหรือจะกลับเลยคะ?”ฉันถามพี่ส้มเช้งที่หน้ายังคงอยู่กับจอโน็ตบุ๊ค